ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 15-09-2007, 21:34



หัวข้อ: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 15-09-2007, 21:34
ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีผลงานชำระหนี้คืนไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด

1. สาเหตุของวิกฤตการณ์จนต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF
1.1 การเปิดเสรีภาคการเงินโดยขาดมาตรการรองรับและขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
1.2 การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผิดพลาด
1.3 การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ไม่เด็ดขาด
1.4 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับที่สูงมาก
1.5 การขาดเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในรัฐบาลและการเมืองไทย
http://www.mof.go.th/fpobul/FFU001.htm

ตารางการเบิกจ่ายเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศจะต้องเบิกจ่ายเป็นงวด รวม 12 งวด โดยประมาณ ดังนี้
งวดที่ วันที่ จำนวนล้าน SDR เงื่อนไข
1 สิงหาคม 2540 1,200 วันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนอนุมัติคำขอกู้
2 30 พ.ย. 2540 600 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2540 การประเมินครั้งที่ 1
3 28 ก.พ. 2541 200 ปฏิบัติการเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2540 การประเมินครั้งที่ 2
4 31 พ.ค. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2541 การประเมินครั้งที่ 3
5 31 ส.ค. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2541 การประเมินครั้งที่ 4
6 30 พ.ย. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2541 การประเมินครั้งที่ 5
7 28 ก.พ. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนธันวาคม 2541 การประเมินครั้งที่ 6
8 31 พ.ค. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมีนาคม 2542
9 31 ส.ค. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมิถุนายน 2542 การประเมินครั้งที่ 7
10 30 พ.ย. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2542 
11 28 ก.พ. 2543 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนธันวาคม 2542 การประเมินครั้งที่ 8
12 31 พ.ค. 2543 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมีนาคม 2543
รวม 2,900

ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด

ถึงแม้ว่าภาระหนี้ภายใต้โครงการของ IMF จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2540-2542 แต่ภาระหนี้ดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ปี 2543 สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องกันหลายปี ขณะที่การไหลออกสุทธิของเงินทุนต่างประเทศเริ่มชะลอตัวลง ส่งผลให้รายรับเข้าประเทศในรูปของเงินตราต่างประเทศสุทธิปรับตัวดีขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ภาระหนี้ภายใต้โครงการของ IMF ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน (สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทำไมรัฐบาลทักษิณจึงสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดได้
- แม้ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศจะมีมากในสมัยชวน แต่ก็ไม่ได้แสดงว่า มีความสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟคืนได้

สำหรับการวิเคราะห์แผนการชำระคืนหนี้ในอนาคตว่าจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใด หรือสามารถชำระคืนได้ก่อนกำหนดหรือไม่ ประการแรกคงต้องมองย้อนไปถึงความจำเป็นในการกู้เงินภายใต้โครงการ IMF ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยหากพิจารณาถึงขนาดของทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่า ในช่วงปี 2543-2545 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีการทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้ตามโครงการของ IMF แต่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้น จาก 32.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2543 เป็น 38.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2545 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศในปัจจุบันมีความมั่นคงมากขึ้น จึงทำให้มีความจำเป็นลดลงในการกู้ยืมภายใต้โครงการของ IMF

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศจะแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลบัญชีทุนและการเงินยังมิได้มีแนวโน้มที่สดใสเท่าใดนัก เนื่องจากการชะลอตัวของความต้องการสินค้าจากทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯและญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อดุลการค้าของไทย ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการเกิดสงครามก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจะทำให้ดุลบริการเกินดุลน้อยลง ในส่วนของดุลบัญชีทุนและการเงิน แม้ว่าปริมาณการไหลออกสุทธิของเงินทุนต่างประเทศได้ชะลอตัวลง แต่ยังมีฐานะของเงินทุนไหลออกสุทธิติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งส่งผลในทางลบต่อทุนสำรองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก การเร่งชำระคืนหนี้ต่างประเทศจึงเป็นประเด็นที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่มีต่อการเจริญเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต
http://www.kasikornbank.com/Publication/DeTail/1,1053,f~145-TH-1,00.html

- เพราะการวางแผนการบริหารจัดการที่ดี

เพราะหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระเบิดแนวคิดดังกล่าวออกมาเมื่อประมาณกลางปี 2545 เพื่อต้องการจุดพลุความเป็นไท โดยหวังจะเป็นไฮไลต์ที่จะมาประกาศก้องหลังเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2545 เสมือนหนึ่งจะให้เป็นของขวัญรับวันปีใหม่แก่คนไทย

แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย กลับต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะชี้แจงให้ซีกทำเนียบรัฐบาลเข้าใจว่า แม้การชำระหนี้ก่อนกำหนดจะมีผลดี แต่ก็ต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะสถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐกับอิรัก ที่ยังอึมครึม ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยอย่างไรนั้น ไทยยังจำเป็นต้องเตรียมทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไว้รับมือในกรณีที่เงินตราต่างประเทศไหลออกด้วย

เพราะแม้ว่าจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไทยจะมีทุนสำรองทางการอยู่ถึง 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐที่จะชำระคืนแล้ว ถือว่าเล็กน้อยมาก เพราะเรายังมีทุนสำรองเหลือประมาณ 3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วทุนสำรองที่มีอยู่นั้น กลับมีภาระผูกพันอยู่เกือบทั้งหมด โดยทุนสำรองหน้าตักที่มีอยู่ 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น เป็นทุนสำรองในฝ่ายออกบัตรธนาคารที่มีไว้เพื่อหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรออกใช้ 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีกฎหมายดูแลเป็นการเฉพาะอยู่ จะนำออกมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อขออนุมัติจากสภาแล้วเท่านั้น

เมื่อหักทุนสำรองในส่วนของฝ่ายออกบัตรไป ก็จะเหลือ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจาก ธปท. ยังมีภาระที่หนี้เงินตราต่างประเทศล่วงหน้าหรือที่เรียกว่าภาระสว็อปอยู่ประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหากชำระหนี้ไอเอ็มเอฟงวดเดียว 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทยก็จะมีทุนสำรองทางการจริงๆ เหลืออยู่เพียง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ในภาวการณ์ปกติ ทุนสำรอง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้นก็น่าจะเพียงพอ เพราะในแต่ละเดือนเราจะมีเงินดอลลาร์จากการเกินดุลชำระเงินไหลเข้ามาเป็นทุนสำรองทางการอยู่ ซึ่งปี 2546 นี้ ธปท. คาดการณ์ว่าเราจะเกินดุลชำระเงินประมาณ 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้ทุนสำรองทางการรวมในช่วงปลายปี 2546 ขยับมาอยู่ 3.5-3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ปัญหาคือ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ มีแนวโน้มว่าสงครามอิรัก-สหรัฐที่ระอุมานานจะปะทุขึ้น และจากบทเรียนเมื่อครั้งสงครามอ่าวเปอร์เชีย ประเทศไทยมีเงินไหลออกประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากมองในแง่อนุรักษนิยมว่า สงครามอิรัก-สหรัฐงวดนี้ จะทำให้เงินไหลออกใกล้เคียงกับสงครามอ่าวเปอร์เชีย ไทยก็ควรจะมีทุนสำรองไว้รองรังไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกัน

ซึ่งหากชำระหนี้ไอเอ็มเอฟรวดเดียวจบอย่างที่ท่านผู้นำคิดใหม่ทำใหม่ต้องการ ทุนสำรองฯ ที่เหลืออยู่ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐจะไม่พอรับมืออย่างแน่นอน

รายการเจรจาต่อรองจึงเกิดขึ้น และผลก็ออกมาอย่างที่เห็นคือ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2546 ออกมาว่าจะให้มีการชำระหนี้ก่อนกำหนด โดยการให้ ธปท. ทยอยชำระเป็นงวด อาจจะเป็น 3 งวดหรือ 6 งวดแล้วแต่สถานการณ์ และให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี 2546 ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เพราะการทยอยชำระเป็นงวดนั้น จะทำให้ ธปท. มีเวลาสะสมทุนสำรองจากการเกินดุลชำระเงิน ซึ่งประเมินว่าไตรมาสแรกปีนี้จะเกินดุลชำระเงินประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ไตรมาส 2 อีก 600 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อถึงสิ้นปีแล้ว ไทยจะมีทุนสำรองทางการรวมแล้วอย่างต่ำประมาณ 3.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ ธปท. เห็นว่าเหมาะสมกับการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน

การชำระหนี้คืนไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดจึงจบลงด้วยดี
เศรษฐกิจ มติชนรายสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2546 ปีที่ 23 ฉบับที่ 1169 หน้า22

สรุป แม้จะมีคนขี้อิจฉาพยายามบอกว่าการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดไม่ใช่ผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ถ้ามองด้วยมุกหากินซ้ำซากก็ต้องบอกว่า เป็นเพราะทุกภาคส่วนช่วยกัน แต่อย่างไรก็เหอะทุกอย่างมันต้อง
ขึ้นกับความเป็นผู้นำที่มีความสามารถเท่านั้น ถึงจะดึงทุกภาคส่วนให้ทำงานสอดคล้องกันจนสามารถ สร้าง
รายได้เข้าประเทศในภาวะที่มีสงครามจากการก่อการร้ายระดับสากลในหลายประเทศ นโยบายหลักและการ
แก้ปัญหาที่รู้จริงและทันท่วงทีจึงสามารถทำให้ตัวเลขทุนสำรองฯ เพิ่มจนอยู่ในระดับที่ชำระคืนไอเอ็มเอฟ
แล้วประเทศยังอยู่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม และปลดภาระสัญญาต่างๆ ที่ต้องทำไว้ด้วย

การอ้างตัวเลขไร้สาระที่เป็นแค่ส่วนประกอบปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละจุด มันไม่ได้เกี่ยวกับความจริงที่
ว่า สมัยชวนมีเงินไม่พอที่จะชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ แม้จะบริหารต่อก็ไม่แน่ว่าจะพอ เพราะปัจจัยภายนอกประเทศ
และภายในประเทศที่คาดไม่ถึงอีกตั้งเยอะ เช่น โรคซาร์ สงครามอัฟกานิสถาน การก่อการร้าย เนื่องด้วยเป็น
อดีตที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ก็จะมีคนจินตนาการไปเรื่อยเหมือนต่อยอดกราฟว่าต่อไปก็ชำระได้ แต่ชีวิตจริงมันดัน
ไม่เหมือนกับเส้นกราฟ ประชาชนส่วนมากเห็นแววอดอยากไม่จบไม่สิ้น ความสามารถก็แค่ไม่มีหนี้เพิ่มคงไม่
พอ เลยไม่ยอมเลือกอีก เหลือไว้เป็นแค่ฝ่ายค้านเล็กๆ ประดับสภา ปล่อยให้ทักษิณแสดงความสามารถเต็มที่
และก็ทำได้ไม่เป็นที่ผิดหวังของคนที่เลือก ด้วยผลงานดังที่กล่าวมา สำหรับ ชวน เหรอ ไม่มีปัญญาก็เรียกว่า
อิจฉาอะดิ จริงมั้ยคร้าบ พี่น้อง :slime_bigsmile:

http://www.bot.or.th/BOTHomepage/BankAtWork/AboutBOT/InternationalAffairs/InterCentralBank/IMF/8-11-2000-Th-i/imf.htm


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 15-09-2007, 22:16
 :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: northstar ที่ 16-09-2007, 02:11
 :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 02:19
ทั้งหมดนี้มีอะไรมั้ยนอกจาก คำแถลงของพรรคไทยรักไทย

และการโฆษณาที่เราเคยได้ยินมา มีอะไรใหม่มั้ย :slime_evil:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Chin Music ที่ 16-09-2007, 02:47
 :slime_sleeping: :slime_sleeping: :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 08:35
ทั้งหมดนี้มีอะไรมั้ยนอกจาก คำแถลงของพรรคไทยรักไทย
และการโฆษณาที่เราเคยได้ยินมา มีอะไรใหม่มั้ย :slime_evil:

ปัจจัยที่ทำให้ไทยฟื้นตัวจากเศรษฐกิจปี 2540 ได้ ตามที่มีคนจินตนาการไว้มีดังนี้
1. ค่าเงินบาทหลังปี 40
2. อัตราดอกเบี้ยต่ำ
3. ภาระหนี้ต่างประเทศ
4. หนี้ NPL
5. การหยุดกู้ IMF ก่อนกำหนดถึง 1 ปี

ในความเป็นจริงแล้ว 5 ข้อแค่นี้ ในสมัยนายกชวนมันไม่ได้ทำให้สามารถจ่ายหนี้คืน
ได้ เต็มที่ก็คือไม่ต้องกู้หนี้เพิ่ม ถ้าสังเกตให้ดีการที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมากหลัง
จากปี 2544 แต่มาพบปัญหาระดับโลกในช่วงสงครามอัฟกานิสถาน จนถึงปัญหาหนัก
ในประเทศเช่นโรคไข้หวัดนกจนถึงสึนามิ แม้แต่ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งคน
จินตนาการปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นไม่ค่อยอยากจะพูดถึง ปัญหาหลายอย่างเกิด
หลังจากจ่ายหนี้คืนไปแล้ว ต้องไม่ลืมว่าเราจ่ายหนี้คืนไอเอ็มเอฟ ทำให้เงินทุนสำรองฯ
ของเราลดลง ซึ่งอาจเป็นการเสี่ยงทำให้ต้องกู้อีกรอบถ้าเจอปัญหาหนักๆ ดังกล่าว แต่
ด้วยความเข้มแข็งเพราะการบริหารจัดการให้เศรษฐกิจกระจายไปยังรากหญ้าไม่กระจุก
ตัวอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจโบราณศักดินาตกยุค ทำให้สามารถผ่านวิกฤตการณ์ไปได้นิ่มๆ
ถ้าดำเนินนโยบายแบบรัฐบาลชวน คงได้ล้มบนฟูกสนุกสนานกันอีกรอบ โดยเฉพาะ
ไอ้แป๊ะลิ้ม

สำหรับช่วงที่นายกชวนบริหารนั่นโอกาสการแก้ปัญหามันมีมากเหลือเกิน เนื่องจากโลก
ยังไม่เจอปัญหาก่อการร้ายหรือสงครามหนักๆ ที่ต้องมาพะวงกับเรื่องความปลอดภัยจน
กระบวนการต่างๆ อืดไปหมด ความเป็นจริงอีกอย่างที่คนไม่พูดถึง คือ เงินที่กู้ต่างประเทศ
มามากมายมหาศาลจากช่วงก่อนฟองสบู่เน่าและไม่ได้จ่ายคืน มันหายไปไหน ถ้าไม่ได้
ออกไปนอกประเทศก็ต้องอยู่ในประเทศ ซุกอยู่กับพวกที่ล้มบนฟูกเนี่ยแหละ ถ้าโอกาส
กลับมาพวกนี้ก็เอาเงินมาลงในธุรกิจอีก แต่ระบบเศรษฐกิจคงไม่แข็งแรง ตราบใดที่ไม่ได้
กระจายโอกาสทางธุรกิจลงไปยัง เอสเอ็มอี ที่ไม่มีนิสัยล้มบนฟูก

ส่วนเงินที่กู้มาส่วนหนึ่งก็แปลงสภาพเป็นสินทรัพย์และหนี้เน่า เช่น ตึก รวมถึงที่ดิน การที่
จะเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในประเทศขึ้นมาได้ มันมาจากความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ ซึ่งตรงนี้
นายกชวน คิดไม่ถึงและไม่มีวันคิดถึง เมื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ได้เท่ากับมีทุนเพิ่มขึ้นมา
สำหรับธุรกิจหรือบุคคลมหาศาล และความเชื่อมั่นระหว่างประเทศนั้นต้องมาจากการจัด
อันดับต่างๆ ของสถาบันระดับอินเตอร์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเค้ายึดเรื่องอัตราการเจริญเติบโต
ของจีดีพีและตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกหลายๆ อย่างร่วมกัน ซึ่งเราก็ต้องทำตรงนั้นไม่ใช่
ดัชนีแฮปปี้มีความสุขบ้าบออะไรนั่น สุดท้ายก็เน่าเห็นๆ อีกอย่างที่ต้องทำคู่ควบ คือ การ
ส่งผู้แทนการค้าซึ่งต้องใช้คนที่มีความสามารถระดับรัฐมนตรีมาปิดทองหลังพระ สร้างเครดิต
ประเทศเราให้คู่ค้าต่างประเทศ งานนี้เห็นผลชัดเจนมาก เพราะหลังจากยกเลิกผู้แทนการค้า
ไปแล้วในรัฐบาลนี้ ต่างชาติระแวงคลางแคลงสงสัยประเทศไทยไปหมด การติดต่อก็ขาด
ความจริงใจ ตัวอย่างคือ การกู้เจบิค ความเป็นจริงญี่ปุ่นก็ให้กู้แต่ต้นแต่ว่าขึ้นดอกเบี้ย เรา
เลยไม่กล้าตกลง 

กลายเป็นว่า ห้าข้อที่มีคนจินตนาการว่าใครทำก็ได้ไม่จำเป็นต้องทักษิณ เป็นแค่เรื่องที่
จินตนาการเล่นๆ และไม่เคยเกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ทักษิณ ทำได้และทำมาแล้ว สิ่งที่
แตกต่างเพิ่มเติมที่ห้าข้อนั้นจินตนาการไม่ถึงคือ
1. การเพิ่มทุนจากมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมหาศาลเพื่อใช้ในธุรกิจ นั่นมาจากความเชื่อมั่น
   ที่ต่างประเทศมีต่อเรา ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินรัชดาที่ทุกวันนี้มองว่ามันราคาถูกเกินไป แต่
   ถ้าย้อนเวลากลับไปสมัยชวนได้ จะรู้ว่าที่ผืนนั้น มันราคาแพงเกินไป ที่ว่ามันถูกเกินไป
   เพราะดันเอามาเปรียบเทียบกับราคาทุกวันนี้
2. การกระจายโอกาสไปสู่รากหญ้า การทำเอสเอ็มอี เป็นความเข้มแข้ง ภูมิคุ้มกัน หรือจะ
   บอกว่ามาจากเศรษฐกิจพอเพียงก็ไม่ผิด พิสูจน์จากการที่จ่ายหนี้แล้วเจอหลายปัญหา
   ระดับโลกที่หนักมากๆ แต่ประเทศก็ไม่เน่า ต้องล้มบนฟูกอีก เพราะกระจายกลุ่มทำธุรกิจ
   ให้กว้างมากนั่นเอง
3. การใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มความเชื่อถือ เชื่อมั่นระหว่างประเทศใน
   หลายๆ มิติ ไม่แค่เพียงเรื่องตัวเลขจีดีพี มันรวมถึง ความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาล และ
   การกล้าตัดสินใจ การสร้างมูลค่าให้ชื่อเสียงประเทศที่แปลว่าเครดิตประเทศ สิ่งนี้ที่เห็น
   ชัดมากทำให้มีคนอิจฉาเต็มไปหมดก็คือ การสร้างสนามบินขนาดยักษ์เสร็จในสมัยทักษิณ
   นั่นเอง ถ้าไม่โดนยึดอำนาจไปเสียก่อนป่านนี้คงได้เป็นศูนย์กลางระดับทวีปไปแล้ว

อย่ามากำหนดกรอบง่ายๆ ไม่กี่อย่าง แล้วบอกว่า นั่นไม่ใช่ฝีมือทักษิณเลย มันไม่ใช่ของจริง
กรอบนั่นก็แคบจนตัดปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อการฟื้นของเศรษฐกิจประเทศ การเอาตัวเลขบาง
อย่างมาวิเคราะห์ โดยไม่ได้ดูว่านโยบายอะไรทำให้เกิดตัวเลขแบบนั้น สภาพแวดล้อมในขณะ
นั้นเป็นยังไง และนโยบายนั่นสามารถทำตัวเลขให้ดีกว่านั้นได้หรือเปล่า การสรุปเอาดื้อๆ โดย
จินตนาการว่าไม่ใช่ทักษิณแล้วใครๆ ก็ทำได้ ดูเหมือนจะเป็นแค่การแก้ตัวของมนุษย์ขี้อิจฉา
เท่านั้นเอง จริงมั้ยคับ พี่น้อง :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 08:48
ไม่รู้จะขี้คุยกันไปถึงไหน......ไหน คุณแก๊ส ลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ ว่า ยอดสุดท้าย ที่บอกว่า ปลดหนี้ มั้นเป็นเงินเท่าไหร่

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 09:10
ไม่รู้จะขี้คุยกันไปถึงไหน......ไหน คุณแก๊ส ลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ ว่า ยอดสุดท้าย ที่บอกว่า ปลดหนี้ มั้นเป็นเงินเท่าไหร่

 :slime_smile:

(สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  

ที่มา: กระทู้นี้ อันบนสุด :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 09:13
(สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  

ที่มา: กระทู้นี้ อันบนสุด :slime_bigsmile:


แล้วทักษิณ จ่ายทั้งหมดหกพันล้านเลย ใช่มั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 09:22
แล้วทักษิณ จ่ายทั้งหมดหกพันล้านเลย ใช่มั๊ยครับ

3 มกราคม 2546 กองบรรณาธิการ

มีเงินเหลือเฟือกลัวปลวกแทะ คณะรัฐมนตรีลงมติใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐให้หมดภายใน 6 เดือน เริ่มจ่ายงวดแรก 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ม.ค.นี้
...
สำหรับวงเงินกู้ในโครงการไอเอ็มเอฟมีทั้งหมด  1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีการชำระคืนหนี้ไปแล้ว 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คงเหลือ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นหนี้ที่ต้องชำระไอเอ็มเอฟจำนวน  400  ล้านเหรียญสหรัฐ  ธนาคารเจเอ็กซิมของญี่ปุ่น  3.4  พันล้านเหรียญสหรัฐ  และธนาคารกลางชาติต่างๆ 7 แห่ง  1.0  พันล้านเหรียญสหรัฐ  ทั้งนี้ตามกำหนดเดิมจะมีการชำระงวดสุดท้ายในเดือนมิถุนายนย  2547, กรกฎาคม 2547 และพฤษภาคม 2548 ตามลำดับ

พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวความคิดของรัฐบาลที่จะใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนครบกำหนดอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเงินทุนสำรองประเทศว่า  ไม่ใช่ คนละเรื่องกัน  เขาไม่เข้าใจ อยากถามกลับไปว่า แล้วเงิน 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหายไปไหน

เมื่อผู้สื่อข่าวตอบนายกฯ ว่า  เงิน  3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐกันไว้ออกพันธบัตร 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ   นายกฯ โต้กลับว่า  พันธบัตรใช้เพียงนิดเดียว แค่ 5 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งแค่  2 แสนกว่าล้านบาท หรือ 4 พันล้านเหรียญฯ เหลือเฟือ และจะมีการพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระจร โดยไม่ต้องรอการตัดสินใจจาก ธปท.  เพราะคุยกันเรียบร้อยแล้ว   โดย ธปท.ได้หารือกับคณะกรรมการนโยบายการเงินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครคัดค้าน เพราะตัวเลขชัดเจน

"เมื่อไปยืมเขามาแล้ว  คุณมีเงินชำระแล้วไม่ชำระ แล้วต้องมานั่งจ่ายดอกเบี้ย  อย่างนี้เรียกว่าฉลาดน้อยหรือฉลาดมาก   ไปยืมเงินเขามา พอถึงเวลาเจ้าหนี้บอกว่าคุณจะทำอะไรต้องมานั่งรายงานตัวด้วย  เสร็จแล้วเสียดอกเบี้ยด้วย แล้วคุณก็เก็บเงินตัวเองเอาไว้  มีเหลือไม่ใช้เพื่ออะไร   เอาเงินชาวบ้านมาโก้ทำไม โก้ด้วยเงินตัวเองดีกว่า" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า    หากใช้เงินไอเอ็มเอฟแล้วเกิดภาวะสงครามขึ้นจะเกิดปัญหาหรือไม่  นายกฯ ตอบว่า  เหลือเฟือ วันนี้เงินมีเยอะ  หลังชำระหนี้ในเดือนกรกฎาคมแล้ว  เงินยังเหลือ  3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  ในกรณีที่ไม่มีเงินไหลเข้าไหลออก  แต่วันนี้เราค้าขาย  เรามีเหลือทุกเดือน เราส่งออกมากกว่านำเข้า  เรามีคนมาเที่ยวเมืองไทยมากกว่าคนไทยไปเที่ยวเมืองนอก  เรามีดุลบริการดุลชำระเงินเป็นบวกอยู่  เป็นบวกอยู่ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นวันนี้มีแต่จะเพิ่ม ไม่มีลด เรามองหมดแล้วว่า จากวันนี้ไปเงินเราจะเพิ่มเดือนละเท่าไร  เมื่อเราใช้หนี้ไปแล้วหากไม่เพิ่มไม่ลดเงินจะเหลือเท่าไร  และหากเพิ่มอีกจะเพิ่มอีกเท่าไร เอาน่ารับรอง มั่นใจ

เมื่อถามต่อว่า   สุดท้ายแล้วเรามีทุนสำรองเหลืออยู่เท่าไรในเดือนกรกฎาคม 46 นายกฯ ตอบว่า ตนบอกได้ว่าจ่ายวันนี้เรายังเหลือ  3.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มีหนี้ทั้งประเทศหลังการชำระครั้งนี้อยู่   5.4  หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  ถือว่าน้อยมาก สมัยที่เราบอกว่าเรารวย เรามีเงินอยู่ 3.99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  แต่เป็นหนี้  1.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มันคนละเรื่องเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราฟันธงได้เลยว่าต้องจ่าย  บางที่อย่างธนาคารเพื่อการส่งออกนำเข้าแห่งประเทศญี่ปุ่นบอกว่า  ถ้าเกิดจ่ายเงินคืน  บอกล่วงหน้าหน่อย เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร วันนี้เงินมันเหลือ

ต่อข้อถามที่ว่า   หากชำระคืน 3 งวด จะจ่ายงวดละเท่าไร พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คงไม่ถึงกับใช้  3  หารแล้วพอดี เพราะเจ้าหนี้มีหลายราย ต้องทยอยจ่ายเป็นสัดส่วน และต้องบอกเขาล่วงหน้า  30  วัน  ซึ่งจะลดดอกเบี้ยแน่นอนปีละ 120 กว่าล้านเหรียญสหรัฐหรือ 5 พันกว่าล้านบาท เอามาทำอะไรได้ตั้งเยอะ
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=3/Jan/2546&news_id=64553&cat_id=501

ไม่ต้องมาถามว่าทำไมยอดเงินไม่เท่ากัน เพราะมันคนละเวลากัน



หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-09-2007, 09:26
คนอะไรน๊า โง่ฉิบหายเลย
ทยอยชำระหนี้ ดอกเบี้ยก็ถูก ประหยัดส่วนต่างจากค่าเงินบาทตั้งหลายพันล้าน
และยิ่งมาชำระเอาตอนนี้ หักดอกเบี้ยไปแล้ว ประหยัดได้เป็นหมื่นล้าน
ไม่รู้ใครมันโคตรโง่ อยากได้หน้า ทำประเทศชาติเสียหายเป็นหมื่นล้าน


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 09:36
คนอะไรน๊า โง่ฉิบหายเลย
ทยอยชำระหนี้ ดอกเบี้ยก็ถูก ประหยัดส่วนต่างจากค่าเงินบาทตั้งหลายพันล้าน
และยิ่งมาชำระเอาตอนนี้ หักดอกเบี้ยไปแล้ว ประหยัดได้เป็นหมื่นล้าน
ไม่รู้ใครมันโคตรโง่ อยากได้หน้า ทำประเทศชาติเสียหายเป็นหมื่นล้าน

งวดสุดท้ายตามกำหนดเดิมคือ พฤษภาคม 2548 ทักษิณจ่ายคืน 31 กรกฎาคม 2546
ดันบอกว่า มาชำระเอาตอนนี้ ประหยัดได้เป็นหมืนล้าน เอาอะไรคิดนะ คนเรา โง่ชี้หายเยย :slime_bigsmile:
นี่มันปี 50 แล้วนะจ๊ะ ตื่น ตื่น ตื่น ไอ้โง่


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 09:41
ที่บอก เนี่ย จะบอกว่า ช่วงทักษิณเรื่องอำนาจ มีเงินทุนไหลเข้าเยอะ กว่ารัฐบาลชวนใช่มั๊ยครับ...ใช่มั๊ยครับ........ผมว่าไม่ใช่นา...ลองค้น ๆ ดู

ถ้ามีเวลา ก็รบกวน เอาข้อมูลที่เชื่อถือได้หน่อย ว่าจ่ายจริงไปเท่าไหร่....ทักษิณ สัมภาษณ์ ไม่เอา มันขี้โม้



 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-09-2007, 09:59
งวดสุดท้ายตามกำหนดเดิมคือ พฤษภาคม 2548 ทักษิณจ่ายคืน 31 กรกฎาคม 2546
ดันบอกว่า มาชำระเอาตอนนี้ ประหยัดได้เป็นหมืนล้าน เอาอะไรคิดนะ คนเรา โง่ชี้หายเยย :slime_bigsmile:
นี่มันปี 50 แล้วนะจ๊ะ ตื่น ตื่น ตื่น ไอ้โง่

แถไปดูนะว่าตอนชำระเงิน ค่าเงินบาทอยู่ที่เท่าไหร่
แล้วตอนปี 48 ค่าเงินบาทอยู๋ที่เท่าไหร่
เสียเงินฟรีไปตั้งหลายพันล้านยังไม่รู้ตัวอีก โคตรโง่จริงๆ
โง่ทั้งคนเชียร์ทั้งคนหน้าด้านชำระก่อนกำหนดจริงๆ
ข้อตกลงพวกนั้นมันยืดหยุ่นได้อยู่แล้ว ถ้าเห็นกับประเทศชาติจริงๆ
แค่เจรจาเตะถ่วงไปอีกแค่ปีนึงก็ประหยัดเพิ่มได้อีกหลายพันล้าน
(คิดแต่ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าแหล่งอื่นก็ยังคุ้ม)
ไอ้โง่อยากได้หน้ามันไม่คิดถึงประเทศ อยากได้หน้ามาก
ถึงกับเอาเงินหลายพันล้านไปซื้อหน้ามาอ้างเป็นผลงานตัวเอง
ทั้งโง่ทั้งเลว


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 10:51
แถไปดูนะว่าตอนชำระเงิน ค่าเงินบาทอยู่ที่เท่าไหร่
แล้วตอนปี 48 ค่าเงินบาทอยู๋ที่เท่าไหร่
เสียเงินฟรีไปตั้งหลายพันล้านยังไม่รู้ตัวอีก โคตรโง่จริงๆ
โง่ทั้งคนเชียร์ทั้งคนหน้าด้านชำระก่อนกำหนดจริงๆ
ข้อตกลงพวกนั้นมันยืดหยุ่นได้อยู่แล้ว ถ้าเห็นกับประเทศชาติจริงๆ
แค่เจรจาเตะถ่วงไปอีกแค่ปีนึงก็ประหยัดเพิ่มได้อีกหลายพันล้าน
(คิดแต่ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าแหล่งอื่นก็ยังคุ้ม)
ไอ้โง่อยากได้หน้ามันไม่คิดถึงประเทศ อยากได้หน้ามาก
ถึงกับเอาเงินหลายพันล้านไปซื้อหน้ามาอ้างเป็นผลงานตัวเอง
ทั้งโง่ทั้งเลว

ปี 2546 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.3375 บาทต่อดอลลาร์
ปี 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.0761 บาทต่อดอลลาร์
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ผิดกันอย่างมากก็เท่ากับดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เสียเงินฟรีซะที่ไหน ทีดอกเบี้ยที่ลด
ดันไม่พูด ใครเค้าจะถือหนี้ไว้นานๆ บ้าแล้ว รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า อยู่ได้
ด้วยตัวเองไม่ใช่เงินคนอื่น คิดว่าจะดึงหนี้มาจ่ายตอนนี้เหรอ ไม่รู้หรือว่าหนี้มันมี
กำหนดชำระอยู่ไม่ใช่จะจ่ายช้าขนาดไหนก็ได้ ชำระหนี้คืนนะคร้าบไม่ใช่เก็งกำไร
ค่าเงินบาท เข้าใจอะไรให้มันถูกหน่อย กู้ไอเอ็มเอฟ มันมีเงื่อนไขที่ผูกมัดประเทศ
ตั้งเยอะ กะอีแค่เซ็นต์เอ็มโอยูกะอียูนิดหน่อยมันยังไม่ยอมกันเลย ดันทะลึ่งอยาก
ผูกกับไอเอ็มเอฟยาวๆ ใช้มั่งสิ สมองหนะ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 12:34
ที่บอก เนี่ย จะบอกว่า ช่วงทักษิณเรื่องอำนาจ มีเงินทุนไหลเข้าเยอะ กว่ารัฐบาลชวนใช่มั๊ยครับ...ใช่มั๊ยครับ........ผมว่าไม่ใช่นา...ลองค้น ๆ ดู

ถ้ามีเวลา ก็รบกวน เอาข้อมูลที่เชื่อถือได้หน่อย ว่าจ่ายจริงไปเท่าไหร่....ทักษิณ สัมภาษณ์ ไม่เอา มันขี้โม้



 :slime_smile:


แล้วตกลง...ทักษิณ จ่ายรวดเดียว หกพันกว่าล้าน หรือ จ่าย แค่ 1.014 พันล้าน แล้วมาคุยว่า จ่ายทั้งโครงการ...ไหนลองเอาข้อมูลมาอวดหน่อยดิ.....สงสัยหาไม่ได้แหง๋ ๆ

ไอ้กระทู้ข้างบน ไม่เห็นบอกเลย ว่า สาเหตุใหญ่ ที่เข้า IMF ทนง พิทยะ กับ บิ๋กจิ๋ว มันดันสั่งให้เริงชัย สู้ตาย ถวายหัว จน เงินทุนสำรองติดลบ....อยากรู้ป่าว ว่าติดลบไปเท่าไหร่ แล้ว ชวน ไปตามจ่ายเท่าไหร่......

อ้อ ต่ออีกนิด ...หลังจาก รัฐบาลชวน หยุดกู้เงินโครงการ IMF  เค้า ก็เลิกเดินตามตูด IMF แล้วจ้า.....ตอนนั้นเราไม่ได้มีความจำเป็นต้องจ่ายหนี้ก่อนกำหนดแล้ว.เพราะมีทุนสำรองเพียงพอ ไม่ต้องไปกราบเท้า เหมือนตอนทนง คลาน เข้ามาหา IMF แล้ว......ไม่รู้ทักษิณ มันโง่ หรือ ฉลาด ที่ดัน ออกพันธบัตรจ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ร้อยละ 7 ไปใช้ในโครงการประชานิยม แทนที่จะเอาเงินที่จ่าย IMF ก่อนเวลาไปใช้ ขณะที่ดอกเบี้ยจากโครงการ IMF ร้อยละ 2 หรือ ต่ำกว่า ...จำไม่ได้แล้ว..แต่ต่ำกว่าเยอะ....บวกกับค่าเงินบาท ที่แข็งขึ้น ไม่รู้เสียหายไปเท่าไหร่แล้วจ้า.....มีแต่พวกมีความรู้ แต่ แกล้งโง่ เท่านั้นแหละที่ไม่เข้าจาย..........................เอ้ย..ไม่ใช่ ไม่เข้าใจ แต่ ทักษิณ อยากเป็นฮีโร่ ...ข้านี่แหละกู้ชาติ.....555   แต่ข้าไม่บอกใคร ข้าขายเอาเงินเข้าเป๋าก่อน แล้ว เอาเงินหลวง มากู้ชาติ..เอาหน้า.....โห ฉลาดว่ะ


ลืมไป....ทนง พิทยะ เป็น รัฐมนตรีคลัง ที่ทักษิณ ส่งเข้าประกวด ตอนรัฐบาลจิ๋วจ๊ะ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 13:00

??????


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 15:27
- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

สอดมาเองแท้ๆ มั่วนิ่ม ไม่รู้ว่า ชินคอร์ป เค้าปรับโครงสร้างแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2542 แม้จะเป็นกลุ่มเจ้าของเดียวกัน
แล้วยังไงเหรอ ทั่วประเทศบริษัทเจ้าของกลุ่มเดียวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก็บอกแล้วว่าเป็น กลุ่ม ชินคอร์ป ยังจะแถไปไหน
อีกล่ะ ตอนที่เค้าจะเอา ชินวัตรคอมพิวเตอร์เข้าไปตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนั้นบุญคลียังอยู่การสื่อสารอยู่เล้ย
วันก่อนยังบอก ป่าไม้ ไม่ใช่ forest อยู่เลย วันนี้ดันบอกว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-09-2007, 15:52
- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

เวรกรรมจริงๆ .. รักจะเป็นกองเชียร์เหลี่ยม แต่ไม่รู้ข้อมูลถึงขนาดนี้เลยหรือนี่  :slime_doubt:

ก่อนจะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย คุณทนงแกทำงานอยู่ีที่ไหนครับ
ทำอยู่กับใคร หน้าตากลมๆ หรือเหลี่ยมๆ ไปเช็คข้อมูลมาก่อนจะว่าคนอื่นมั่วนะครับ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-09-2007, 15:59
- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก

โครงการโคตรโกง ไข้หวัดนกที่ปิดข่าวจนลุกลามปิดไม่มิดเลยต้องฆ่าไก่นับล้านเอื้อประโยชน์ให้ซีพี
น้ำท่วมใหญ่ท่วมจนเขาด่าเช็ดยังไม่ไปดู พอน้ำเริ่มลดถึงทำท่าเข้าไปแก้ปัญหา
สึนามิที่ไม่เคยเหยียบเท้าเข้าไปในพื้นที่ เงินบริจาคไม่ถึงมือชาวบ้าน อมอยู่ในปากใครก็ไม่รู้

นอกจากโง่ ยังเลวด้วย
แม้วของแถช่างเป็นคนที่น่าภูมิใจจริงๆเลยครับ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 16-09-2007, 16:16
ผมเข้ามาดูคุณ jerasak สั่งสอนน้องหนูครับ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 18:18
เวรกรรมจริงๆ .. รักจะเป็นกองเชียร์เหลี่ยม แต่ไม่รู้ข้อมูลถึงขนาดนี้เลยหรือนี่  :slime_doubt:

ก่อนจะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย คุณทนงแกทำงานอยู่ีที่ไหนครับ
ทำอยู่กับใคร หน้าตากลมๆ หรือเหลี่ยมๆ ไปเช็คข้อมูลมาก่อนจะว่าคนอื่นมั่วนะครับ  :slime_bigsmile:
Name : ทนง พิทยะ (เปลี่ยนนามสกุลจาก “ลำใย”)
Born : 28 กรกฎาคม 2490 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
Education :
2513 ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮามา ญี่ปุ่น (หลายคนจึงเรียกเขาว่า ”ทนง ซัง” หมายถึง ”คุณทนง”)
2514 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
2521 ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
ภาคเอกชน
-รับราชการเป็นอาจารย์ คณะบริหารธุรกิจ
-ดูแลงานด้านวางแผน และการค้าต่างประเทศ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล
-ทำงานกับสำนักงานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์
-ธนาคารทหารไทย (ช่วงที่ 1 ปี 2528) มีโอกาสได้ประสานงาน ติดต่อพ่อค้านักธุรกิจรุ่นใหม่
-เป็นที่ปรึกษาและวางแผนทางการเงินให้แก่กลุ่มชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
-ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งสูงสุด “กรรมการผู้จัดการใหญ่”
-ผู้แทนการค้าไทย
ภาคการเมือง
2540 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2545-2548 ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
2544-2548 รองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
2544-2548 ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
Status : สมรส –ภรรยา นางมธุรส พิทยะ บุตร นางสาววิชชุญา ,นายธราธร และเด็กหญิง ศรัญญา

ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 16-09-2007, 18:31
สุดท้ายก็แถ....

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-09-2007, 18:34
Name : ทนง พิทยะ (เปลี่ยนนามสกุลจาก “ลำใย”)
Born : 28 กรกฎาคม 2490 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
Education :
2513 ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮามา ญี่ปุ่น (หลายคนจึงเรียกเขาว่า ”ทนง ซัง” หมายถึง ”คุณทนง”)
2514 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
2521 ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
ภาคเอกชน
-รับราชการเป็นอาจารย์ คณะบริหารธุรกิจ
-ดูแลงานด้านวางแผน และการค้าต่างประเทศ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล
-ทำงานกับสำนักงานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์
-ธนาคารทหารไทย (ช่วงที่ 1 ปี 2528) มีโอกาสได้ประสานงาน ติดต่อพ่อค้านักธุรกิจรุ่นใหม่
-เป็นที่ปรึกษาและวางแผนทางการเงินให้แก่กลุ่มชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
-ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งสูงสุด “กรรมการผู้จัดการใหญ่”
-ผู้แทนการค้าไทย
ภาคการเมือง
2540 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2545-2548 ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
2544-2548 รองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
2544-2548 ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
Status : สมรส –ภรรยา นางมธุรส พิทยะ บุตร นางสาววิชชุญา ,นายธราธร และเด็กหญิง ศรัญญา

ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า

ชอบแถเอามาจากที่นี่ครับ โปรดตามเข้าไปอ่าน 5555
http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=50172

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%87_%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B0

ทนง พิทยะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

นายทนง พิทยะ (ชื่อเดิม ทนง ลำใย) (เกิด 28 กรกฎาคม พ.ศ.2490) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาลพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และ รัฐบาลพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

[แก้] การศึกษา

    * ปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮาม่า ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
    * ปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น
    * ปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น

[แก้] เคยดำรงตำแหน่ง

    * รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    * รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
    * ผู้แทนทางการค้าของไทย
    * กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย จํากัด (มหาชน)
    * กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
    * กรรมการ บริษัท ไทยเอเซีย แปซิฟก บริวเวอรี่ จำกัด
    * ประธานกรรมการ บริษัท อวีว่า ประกันภัย (ไทย) จํากัด
    * ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
    * รองประธานกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจสํานักนายกรัฐมนตรี
    * คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

กร๊ากกกกก วิกิเชื่อไม่ได้ 5555


ปล.แก้ไขที่มาและเน้นตัวอักษร


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 16-09-2007, 18:39
สุดท้ายก็แถ....

 :slime_bigsmile:

พลังหมัดสีข้างงงงงง  ก๊ากกกกก :slime_bigsmile: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 16-09-2007, 18:42
ดูๆ ไอ้แถ มันรีทัช ข้อมูล

ทำท่าเอาข้อมูลมาไม่หมด
ทนงไปอยู่ ธนาคารทหารไทย ไปเอื้อธุรกิจไอ้โอ๊ค ซะเต็มรัก
ทีงี้ไอ้แถ ไม่เคยเอามาพูดเลย  :slime_smile2


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 16-09-2007, 18:58
อืม.....เรื่องรีทัชข้อมูลตาแถกับเท่าจ๊ะมันถนัดอยู่แล้วนิเราก็เอาเรื่องจริงมาพูดก็พอเท่าจ๊ะเค้าเคยบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเค้าที่ต้องเอาข้อมูลมาลงให้ครบว่าแต่เท่าจ๊ะหายไปไหนเอ่ย :slime_bigsmile:

อืม....อันนั้นคงไม่ได้เรียกว่าข้อมูลหรอก  เค้าเรียกว่าใบบอกหนะคูณ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-09-2007, 19:02
ดูๆ ไอ้แถ มันรีทัช ข้อมูล

ทำท่าเอาข้อมูลมาไม่หมด
ทนงไปอยู่ ธนาคารทหารไทย ไปเอื้อธุรกิจไอ้โอ๊ค ซะเต็มรัก
ทีงี้ไอ้แถ ไม่เคยเอามาพูดเลย  :slime_smile2

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=22/Jan/2547&news_id=82543&cat_id=500
http://www.thaitelecom.com/pub2004/news.php?ID=00000588&Keyword=
http://www.pantown.com/board.php?id=14337&name=board3&topic=108&action=view
http://www.seree.net/index.php?option=com_content&task=view&id=673&Itemid=34

เขาฮั้วกันมานาน มีแผลอยู่เต็มหลัง แต่แถไม่รู้เลยครับ
 :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 16-09-2007, 19:24
แถหายไปเลยอ่ะ  :slime_o:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 19:31
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=22/Jan/2547&news_id=82543&cat_id=500
http://www.thaitelecom.com/pub2004/news.php?ID=00000588&Keyword=
http://www.pantown.com/board.php?id=14337&name=board3&topic=108&action=view
http://www.seree.net/index.php?option=com_content&task=view&id=673&Itemid=34

เขาฮั้วกันมานาน มีแผลอยู่เต็มหลัง แต่แถไม่รู้เลยครับ
 :slime_smile2: :slime_smile2:

บอกแล้วว่า ทนง ไม่เคยไปอยู่ ชิน คอร์ป ก่อนที่จะรับตำแหน่ง รัฐมนตรีคลัง สมัยชวลิต
แล้วมันผิดตรงไหน เถียงข้างๆ คูๆ อยู่ได้ ทักษิณ สมัยนั้นก็ไม่ได้อยู่พรรคความหวังใหม่
แล้วจะส่งเข้าประกวดในฐานะอะไรไม่ทราบ อย่ามั่วมากนักเลยน่า :slime_bigsmile:

ส่วนเรื่องที่ว่า กรรมการ หรือ ผู้บริหารธนาคารนี้ จะปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่มีอนาคต แม้ว่า
โดยส่วนตัวจะมีความสนิทสนมกับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับธุรกิจนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าทำ
แล้วธนาคารก้าวหน้า ตัวอย่างที่ชัดเจนกว่ากรณี ดร.ทนง คือ นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์
บุตร นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ อนุมัติสินเชื่อให้แก่ คิงเพาเวอร์ เพื่อจะทำคอมเพล็กซ์ ใน
ซอยรางน้ำซึ่งเป็นที่เช่าขนาดใหญ่ โดย คิงเพาเวอร์ ไปเช่ากับหน่วยงานที่พ่อของนาย
ไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ เคยทำงานอยู่ วงเงินไม่รู้กี่พันล้าน มากมายกว่า พานทองแท้ เยอะ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 19:38
- จ่ายงวดเดียวหรือสามงวดสุดท้ายก็จบที่ กรกฎาคม 2546 เร็วกว่ากำหนดเดิมสองปี
ก็อยากรู้เฉย ๆ ว่า ที่ ทักษิณ โม้ ว่า จ่ายเงิน IMF จ่ายหมด ที่เดียว หกพันกว่าล้านหรือ ปล่าว.....หรือ จ่ายเฉพาะส่วนที่เป็นหนี้ IMF แค่พันกว่าล้าน.....แล้วมาประกาศว่าปลดนี้
- ตราบใดที่ยังไม่ได้ใช้เงินคือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ก็ต้องทำตามเงื่อนไขเค้า เพราะเราเป็นสมาชิก
การที่เราไม่กู้ต่อ ทำให้เรา ไม่ต้องถูกกดดัน ให้ ใช้นโยบายดอกเบี้ยสูง ๆ นโยบายเข้มงวดทางการคลัง ไม่ต้องเดินหน้าแปรรูป รัฐวิสาหกิจ ....จะเห็นว่าในช่วงจากนี่ นายชวน ประกาศหยุดรับความช่วยเหลือ ...ดอกเบี้ย ก็ค่อย ๆ ลดลง จนต่ำเป็นประวัติการณ์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ...นโยบายการเงินการคลังก็เริ่มผ่อนคลาย...รัฐบาล ก็เริ่มไม่พูดเรื่องแปรรูปการไฟฟ้าอีก...
- เปรียบเทียบดอกเบี้ยเงินกู้ ในประเทศ กับ ต่างประเทศ มันเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ เพราะมีความต่างของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละเวลาด้วย
ถูกแล้วครับ...แต่ ดอกเบี้ยที่กู้ในโครงการ IMF มันถูกว่า พันธบัตรที่ออกไปขาย ให้พวกทักษิณเอง....แหะ ๆ เพราะผมไม่ซื้อไม่ได้ เลยโมโห

- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว
ทนง พิทยะ เป็นเพื่อนแป๊ะ ลิ้มฯ จ๊ะ ไม่ได้มั่ว..แป๊ะลิ้มซี้ปึ๊กทักษิณ มานานแล้วคร๊าบบ  ฟ้ามีตา ไปรับปากเค้าไว้ แล้วไม่ให้....แป๊ะ ลิ้มแว้งกัด ถึงตายเลยเชียว.....โทษครับ ลืมไป แป๊ะ ลิ้มฯ ฝากทักษิณ เข้าประกวด

- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก
อันนี้ไม่เถียงแล้ว....


 :slime_smile:





หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 19:45
- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก
มั่วจริงๆๆๆๆ สึนามิ นะ ทักษิณกินไปเท่าไหร่ เงินบริจาคนะ  ที่ผ่านมาได้เพราะความสามัคคี ของคนในชาติ ไม่เกี่ยวกับประชานิยมหลอกเด็ก
 ตอนสึนามิ ผมลงไปผมรู้ดี

อีกอย่างตอนหลังมันบอกจะให้เรือเท่าที่เสียหาย สุดท้ายได้หมู่บ้านละลำ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 19:48
มั่งจริงๆๆๆๆ สึนามิ นะ ทักษิณกินไปเท่าไหร่ เงินบริจาคนะ  ที่ผ่านมาได้เพราะความสามัคคี ของคนในชาติ ไม่เกี่ยวกับประชานิยมหรอกเด็ก
 ตอนสึนามิ ผมลงไปผมรู้ดี

อีกอย่างตอนหลังมันบอกจะให้เรือเท่าที่เสียหาย สุดท้ายได้หมู่บ้านละลำ

เหอ เหอ ผมลงไปอยู่ในรู...ของทักษิณเหรอ ถึงรู้ดีว่าทักษิณกิน ไม่เอาน่ามุกโม้ๆ แบบนี้เค้าเลิกใช้กันแล้ว
อะไรจริงไม่จริงก็หา link มาประกอบ โม้ส่งเดชแบบนี้ใครก็โม้ได้ คนลงไปเป็นพันเป็นหมื่น ไม่เห็นแปลก


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 19:53
เหอ เหอ ผมลงไปอยู่ในรู...ของทักษิณเหรอ ถึงรู้ดีว่าทักษิณกิน ไม่เอาน่ามุกโม้ๆ แบบนี้เค้าเลิกใช้กันแล้ว
อะไรจริงไม่จริงก็หา link มาประกอบ โม้ส่งเดชแบบนี้ใครก็โม้ได้ คนลงไปเป็นพันเป็นหมื่น ไม่เห็นแปลก

http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077 (http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077)

หลานสาวผม ผมลงไปตามครอบครัวเขา

และลงไปอีกครั้งพร้อมหลวงปู่พุทธอิสระ เพื่อไปสร้างเรือให้ชาวมอร์แกน


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 19:56
รูปศพ พ่อแม่เขา ผมไม่ได้เอาลงไว้ เพราะมันน่ากลัวเกินไป

แต่ช่วงนั้นผมก็เลิกกลัวศพไปแล้วละ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 20:09
ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด


อันนี้ ยิ่งงงใหญ่ ทำไมชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ได้......ถามจริง ๆ  ไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ....หรือเขียนมั่ว จั่วหัวอย่างแล้วยัดไส้อีกอย่าง

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 20:19
http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077 (http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077)

หลานสาวผม ผมลงไปตามครอบครัวเขา

และลงไปอีกครั้งพร้อมหลวงปู่พุทธอิสระ เพื่อไปสร้างเรือให้ชาวมอร์แกน

แล้วเห็นทักษิณกินเงินบริจาคกับตาเลยเหรอ ตื่นเต้นแท้ ท่าจะฝืดคอน่าดู  :slime_bigsmile:

ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด

อันนี้ ยิ่งงงใหญ่ ทำไมชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ได้......ถามจริง ๆ  ไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ....หรือเขียนมั่ว จั่วหัวอย่างแล้วยัดไส้อีกอย่าง

มันน่างงตรงไหน เพิ่งกู้เงินมายังไม่ไปถึงไหน จะบอกว่าสามารถชำระหนี้ได้
สมัยต่อมามันสมัยทักษิณ สมัยที่ชำระคืนมันสมัยทักษิณ ชวนทำได้ซะที่ไหน :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 20:25
กลับไปอ่านของผมใหม่นะ เรื่องเรือ ที่เสียหายนะ



หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 16-09-2007, 20:27
เอาดีใส่ทักษิณ เอาขี้ไปเขวี้ยงใส่คนอื่น - ไม่เบื่อพฤติกรรมตัวเองบ้างเหรอครับ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 16-09-2007, 20:31
อมเงินบริจาคไม่พอ

เงินบริจาคที่เหลือไปสร้างหอเตือนภัย ยังหน้าด้านใส่ตรา ทุยรักทุย เข้าไปอีก


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-09-2007, 20:32
  :slime_bigsmile:

มันน่างงตรงไหน เพิ่งกู้เงินมายังไม่ไปถึงไหน จะบอกว่าสามารถชำระหนี้ได้
สมัยต่อมามันสมัยทักษิณ สมัยที่ชำระคืนมันสมัยทักษิณ ชวนทำได้ซะที่ไหน :slime_doubt:

สงสัยไม่รู้เรื่องจริง ๆ......เค้ากู้มาทั้งหมด 11,200 ล้าน ตอนทักษิณ มามีหนี้อยู่เท่าไหร่......จะบอกให้ เป็นความรู้  ทักษิณ ไม่ได้มีปัญญา หาเงินตราต่างประเทศ เท่ากับ รัฐบาลชวนน๊ะ ซิบอกให่เด้อ....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 20:39
ถ้ามาบอกว่า วิกฤติ ตอนสึนามิ เรารอดเพราะทักษิณ

กรุณาเอา ตรีนยัดปากตัวเองครับ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 20:47
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคมปีนี้ ผมคอยฟังสุนทรพจน์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวกับประชาชน เนื่องจากเป็นวันที่เราชำระหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 2 งวดหมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ที่จริงจะใช้ให้หมดเสียแต่ต้นปีก็ได้ แต่บังเอิญขณะนั้นกำลังจะมีสงครามในตะวันออกกลาง น้ำมันกำลังขึ้นราคา แล้วต่อมาก็ตามมาด้วยโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลัน ก็เลยชะลอไว้ก่อนจ่ายเป็นงวดๆ

ขณะที่ฟังสุนทรพจน์ของท่านออกทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมกับท่านนายกฯเป็นอย่างมาก ฟังจบแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ยินดีปรีดาไปกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยด้วย ยินดีว่าเราจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินการคลังของเราเองได้

ดีใจที่เราชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด แล้วก็ก่อนเวลาด้วย โดยไม่ต้องรวมบัญชี "ทุนสำรองเงินตรา" กับทุน "สำรองทั่วไป" อย่างที่เคยคิดจะทำกัน โดยจะเอามรดกเก่ามาใช้เขา เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมดโดยไม่ต้องขายรัฐ วิสาหกิจเอามาใช้หนี้ ซึ่งทั้งสองรายการนี้เราเคยคิดจะทำกันอยู่เมื่อ 4-5 ปีก่อน

แต่เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้โดยการทำมาหาเงินตราต่างประเทศได้เองจากนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายดอกเบี้ยที่ถูกต้อง ใช้ระยะสองปีครึ่งที่ผ่านมา

ดีใจที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้วและทุนสำรองของเราไม่ได้ลดลงเลย แต่ตรงกันข้ามทุนสำรองของเรากลับมีมากขึ้น เพียงพอที่จะใช้รักษาเสถียรภาพของเงินบาทของเราได้หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ตื่นเช้าวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดครบ 5 รอบของผม จึงรู้สึกเบิกบานใจเหมือนกับได้ของขวัญวันเกิดที่วิเศษสุดในชีวิต เพราะผมเองรู้สึกขมขื่นกับไอเอ็มเอฟมานานถึง 5-6 ปี แล้วก็นำธงชาติขึ้นปักที่ประตูหน้าบ้าน ตามคำชักชวนของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ออกจากบ้านไปทำงาน

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟ ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟในปี 2524 ปี 2525 และปี 2528 ในสมัยรัฐบาลป๋า ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยของเราก็ประสบกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจการเงินเหมือนกัน แต่สืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งที่ 2

สมัยนั้นผมได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะจะต้องเป็นคนไปอธิบายชี้แจงป๋าเพื่อจะต้องลงนามใน "จดหมายแสดงเจตนา" หรือ "Letter of Intent" ครั้งนั้น เราต้องเบิกเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศถึง 5 งวด

แต่ความรู้สึกของผมกับไอเอ็มเอฟยุคนั้นกับไอเอ็มเอฟยุคนี้ต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน

หัวหน้าคณะของไอเอ็มเอฟยุคนั้นชื่อสก็อตต์ ชื่อต้นว่ายังไงก็ลืมเสียแล้ว เป็นชาวอังกฤษ การทำงานเป็นการทำร่วมกัน ระหว่างทีมไอเอ็มเอฟกับทีมคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นความเห็นของคนไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ คุณสก็อตต์จะเป็นผู้ไปเสนอ กรรมการบริหารไอเอฟเอฟ ส่วนผมจะแอบไปชี้แจงป๋ากับท่าน รมต.ศุรี มหาสันทนะ

อาการของโรคในยุคนั้นกับยุคนี้นั้นไม่เหมือนกัน กล่าวคือในยุคนั้นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของเรา เกิดจากน้ำมันขึ้นราคา อย่างรวดเร็ว และอย่างมาก ทำให้เราต้องจ่ายเงินตราต่างประเทศซื้อน้ำมันเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงประมาณหนึ่งในสาม ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด เป็นการนำเข้าน้ำมันและพลังงานอื่นๆ ขณะเดียวกันการส่งออกซบเซา เพราะทั้งภูมิภาคเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น รวมทั้งอเมริกาและยุโรปพากันแย่ตามกันไปหมด ราคาสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของเราก็แย่ไปด้วย การท่องเที่ยวก็ซบเซาไปพร้อมกัน ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของเราจึงขาดดุลเป็นจำนวนมากและยืดเยื้อติดต่อกันเป็นเวลานาน

น้ำมันแพงทำให้เกิดเงินเฟ้อในอัตรา 19-20% ต่อปี เงินเฟ้อในอัตราที่สูงทำให้อัตราดอกเบี้ยถีบตัวสูงขึ้นไปด้วย จำได้ว่าป๋าต้องแก้กฎหมายยอมให้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืม จากสถาบันการเงินสูงกว่า 15% ได้ เกิดภาวะเงินตึงตัวเป็นระยะๆ อยู่เสมอ

พวกเราคนไทยต้องอธิบายให้คุณสก็อตต์เสมอว่า ระบบเศรษฐกิจของเราเป็นอย่างไร มาตรการมีจากเบาไปทางหนัก ถ้าอันไหนทำแล้วเสียหายก็ถอย

ขณะนั้นมีบริษัทเงินทุนกว่า 30 แห่งธนาคาร 5 แห่งมีปัญหา ตามธรรมเนียมไอเอ็มเอฟก็จะให้ปิดท่าเดียว แล้วก็ไม่ให้ประกันเงินฝาก จะให้ตั้งสถาบันประกันเงินฝากแทน ท่านรัฐมนตรีสมหมายลองปิดไป 8 แห่งเกิดเรื่องใหญ่ ทำท่าจะลุกลามล้มหมดทั้งระบบ ท่านจึงเลิกแล้วทำโครงการ 4 เมษา หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Life Boat Program" มาใช้แทนการปิด แล้วประมูลขายสินทรัพย์แบบที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้ทำในยุคนี้ จึงไม่ทำให้การเงินถูกตัดขาดตอนแบบที่เราทำในคราวหลังนี้ ทำให้บริษัทดีๆ ก็เลยย่ำแย่ไปด้วย

เมื่อเรานำมาหารือกันแล้วไอเอ็มเอฟก็ยอม เมื่อคราวขึ้นราคารถเมล์เกิดเรื่องใหญ่ มีการประท้วงใหญ่โต ผู้นำกองทัพไม่เห็นด้วย การเมืองจะไปไม่รอด เมื่อปรึกษากันแล้วไอเอ็มเอฟก็ยอมให้ถอย

การทำงานกับไอเอ็มเอฟยุคป๋าจึงไม่ค่อยผิดพลาด เพราะความเห็นมาจากทีมคนไทยเสียเป็นส่วนใหญ่

หนังสือแสดงเจตนาแต่ละฉบับป๋าไม่ได้อนุมัติง่ายๆ ไม่ได้ปล่อยให้รัฐมนตรีกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยว่ากันไปง่ายๆ เพราะท่านต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง

มีอยู่หลายครั้งป๋าไม่ยอมอนุมัติหนังสือแสดงเจตนารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉบับที่ 5 ท่านรัฐมนตรีสมหมายกับท่านผู้ว่าการกำจร จึงขอให้ผมไปชี้แจงป๋าที่บ้านสี่เสา เพราะพวกเขาได้เห็นกันมาก่อนแล้ว

ป๋าซักรายละเอียดอยู่นานตั้งแต่ 6 โมงเย็น ไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งไม่ได้ทานข้าวเย็นทั้งคู่

มาคราวนี้ในการเจรจากับไอเอ็มเอฟ เมื่อผมเข้าไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี บรรยากาศเป็นคนละเรื่องกับคราวก่อน ดร.สแตนลี ฟิชเชอร์ รองผู้อำนวยการใหญ่คนที่หนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ขอนัดพบรองนายกฯ โดยให้มารับประทานข้าวเช้าด้วย ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ไม่ได้ขอมาพบที่ทำงาน โดยอ้างว่าไม่มีเวลา ผมต้องยอมลดเกียรติของตำแหน่งไปพบ เพราะคิดว่าต้องพึ่งเงินกู้จากเขา ผมนึกในใจว่า ดร.ฟิชเชอร์ลงทุนบินมาเมืองไทยทั้งที ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะพบกับรองนายกฯ แล้วมาทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แค่มากินข้าวเช้าด้วยกันมื้อเดียว จะได้เรื่องอะไร

ผมบอกเขาว่าเราควรจะปรึกษาหารือกันว่าที่เจ้าหน้าที่ทำข้อเสนอเรื่องนโยบายมานั้นถูกต้องหรือไม่ เขาบอกว่าทางไอเอ็มเอฟมีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายฮูแบรต ไนส์ กับทีมงานของเขา ผมไม่ต้องทำอะไรหรอก เขาจะเตรียมหนังสือแสดงเจตนามาให้เอง เพราะมีแบบมาตรฐานอยู่แล้ว

ตัวเขาเองต้องดูแลประเทศต่างๆ ที่มีปัญหาทางการเงินอยู่ทั่วโลก ไม่มีเวลาจะมาดูแลประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ ผมนึกในใจว่าถ้านายคนนี้มีความคิดแบบนี้ บ้านเราคงแย่แน่

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ไอเอ็มเอฟเที่ยวนี้มองประเทศไทยเหมือนกับประเทศ เอนพีแอล จุดมุ่งหมายมีอย่างเดียวทำอย่างไรปล่อยเงินกู้ไปแล้วเขาจะได้เงินคืน

นโยบายที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้เราทำในเวลาต่อมาจึงไม่ใช่มุ่งประเด็นประคับประคองสถานการณ์ซึ่งอย่างไรก็ต้องแย่อยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่บีบให้ทุกอย่างหดตัวลงทุกทาง ทั้งในด้านการเงินการคลัง ทั้งสถาบันการเงินให้ปิดสถาบันการเงิน ประฌามประเทศไทยว่ามีแต่ผู้บริหารที่คดโกงทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน ไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาลในบริษัท (bad governance) ทั้งๆ ที่เจ้าหนี้ฝรั่งทั้งหลายเวลาปล่อยเงินกู้ก็ปล่อย เพราะผู้บริหารที่เขาประฌามนั่นเอง

การที่ผู้บริหารบริษัทไทย สถาบันการเงินของไทยไปออกพันธบัตรหุ้นกู้ และกู้ยืมก็เพราะการแนะนำ ของบริษัทวาณิชธนกิจทั้งหลายเหล่านั้น และยิ่งกว่าการแนะนำ ยังเป็นผู้ค้ำประกันการขายพันธบัตรหุ้นกู้เหล่านั้นด้วย

แต่พอเกิดเรื่องผู้บริหารทั้งในภาคเอกชน และภาครัฐบาลทั้งหลายที่นายธนาคารสถาบันการเงินฝรั่งยกย่องให้เป็นผู้กู้เงิน ประกันการขายตราสารหนี้ทั้งหลายให้ก็เลยเป็นผู้ร้ายไปหมด ไม่โปร่งใสไปหมด ไม่มีธรรมาภิบาลไปหมด ต้องออกกฎหมายใหม่มาแก้กฎหมายเล่นงานให้ได้

ตอนที่จะแห่กันมาหาธุรกิจ มาหากำไรในเมืองไทยก็บอกว่าเราเป็นพระเอก เป็นเสือตัวที่ห้า

ปกติหน้าที่ของรัฐบาลก็คือเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดูแลเศรษฐกิจและพ่อค้าประชาชนมากขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของเอกชนในยามเศรษฐกิจรุ่งเรือง และคอยดูอย่าให้ร้อนแรงเกินไป

ไอเอ็มเอฟมาใหม่บอกว่า ไม่ได้ต้องเป็นไปตาม "กลไกตลาด" รัฐบาลห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว ใครจะล้มจะมีผลกระทบอย่างไร อย่าเข้าไปยุ่ง รัฐบาลมีหน้าที่ปัดกวาดสถาบันการเงินให้สะอาด มีหน้าที่บีบบังคับให้สถาบันการเงินมีการสำรองให้พอกับหนี้เสีย ซึ่งได้เปลี่ยนคำจำกัดความให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แล้วต้องเพิ่มทุนให้พอ ถ้าเพิ่มทุนไม่ได้ก็ให้ขายออกไปให้ต่างชาติเสีย

ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ก็ต้องลดขนาดของตนลง (down sizing) โดยการเรียกหนี้คืน ตัดสินเชื่อ ฯลฯ อย่างที่เราเห็นกัน

คำจำกัดความของหนี้เสียแทนที่จะเข้มงวดตอนเศรษฐกิจร้อนแรงแล้วก็ผ่อนคลายตอนเศรษฐกิจมีวิกฤต แต่ให้ทำกลับกัน

ทุกอย่างถ้ารัฐบาลเข้าไปช่วยหรือผ่อนคลาย หรือให้ลูกหนี้เข้ามาซื้อหนี้เสียของตนคืนหรือเจรจาประนอมหนี้ไม่ได้เพราะจะเป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้" แต่ถ้าฝรั่งประมูลถูกๆ แล้วไปเจรจาประนอมหนี้กับลูกหนี้ได้ไม่เป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือไม่ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้"

ที่น่าช้ำใจที่สุดก็คือ รัฐบาลในยุคนั้นกลับไปเห็นดีเห็นงามกับเขาไปเสียหมด สุนทรพจน์ของผู้นำไทย ในการประชุมระหว่างประเทศฟังแล้วเหมือนสุนทรพจน์ของไอเอ็มเอฟ มากกว่าเป็นสุนทรพจน์ของผู้นำของเรา

เมื่อมาเลเซียประกาศนโยบายที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมาเลเซีย ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของไอเอ็มเอฟ กองทุนการเงินระหว่างประเทศรวมทั้งพวกเราในยุคนั้นด้วยก็รุมประฌามมาเลเซียกันใหญ่ และทำนายว่ามาเลเซียจะต้องแย่จะต้องล้มละลาย ภายหลังจึงยอมรับว่ามาเลเซียทำถูก

ในที่สุดไอเอ็มเอฟเองก็ต้องยอมรับว่า ยาที่ตัวปรุงให้ประเทศไทยนั้นผิด นายกองเดส์ซูส์ นายสแตนลี ฟิชเชอร์ นายฮูแบรต ไนส์ ก่อนครบวาระต้องลาออกกันหมด แต่ผู้ที่ต้องรับกรรมเพราะความผิดพลาดของไอเอ็มเอฟคือประชาชนคนไทย เกียรติภูมิของไอเอ็มเอฟตั้งแต่นั้นมาก็ตกต่ำลงเป็นอันมาก

บทเรียนที่เจ็บปวดครั้งนี้ควรจะต้องเขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศอื่นๆ ที่ต้องพึ่งไอเอ็มเอฟในยามมีวิกฤตและเป็นบทเรียนกับเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟชุดใหม่ด้วย

สำหรับบ้านเราหวังว่าจะไม่ต้องไปยุ่งกับไอเอ็มเอฟอีก

คอลัมน์ คนเดินตรอก  โดย วีรพงษ์ รามางกูร  ประชาชาติธุรกิจ หน้า 2  วันที่ 11 สิงหาคม 2546  ปีที่ 27 ฉบับที่ 3504 (2704)


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 20:49
ถ้ามาบอกว่า วิกฤติ ตอนสึนามิ เรารอดเพราะทักษิณ

กรุณาเอา ตรีนยัดปากตัวเองครับ

บ่นอะไรลอยไปลอยมาอยู่ได้ ข้อมูลก็ไม่มี นั่งเอาตรีนตัวเองยัดปากอยู่เหรอ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 20:51
บ่นอะไรลอยไปลอยมาอยู่ได้ ข้อมูลก็ไม่มี นั่งเอาตรีนตัวเองยัดปากอยู่เหรอ :slime_bigsmile:
บ่นมรึงไง ที่มรึงบอกประชานิยมหลอกเด็ก พาแก้วิกฤตินะ ถุย!!

เอาข้อมูลประชานิยมแก้วิกฤติมามั่งดิ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 16-09-2007, 20:58
บ่นมรึงไง ที่มรึงบอกประชานิยมหลอกเด็ก พาแก้วิกฤตินะ ถุย!!

เอาข้อมูลประชานิยมแก้วิกฤติมามั่งดิ
วันที่ 17 กันยายน 2547
รมช.คลังยืนยันนโยบายรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน

            นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เรื่องการปรับปรุงการคำนวณเส้นความยากจน จากเดิมที่ระดับ 922 บาท/คน/เดือน เป็น 1,163 บาท/คน/เดือน ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่ามีจำนวนคนจนที่มีระดับรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนมากขึ้นว่า หลักการของเส้นความยากจนก็คือการดูว่าประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมีจำนวนเท่าไร การปรับวิธีคิดเส้นความยากจนทำให้ระดับรายได้ขั้นต่ำดังกล่าวสูงขึ้นย่อมทำให้มีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนสูงขึ้น
            อย่างไรก็ดี  เมื่อพิจารณาข้อมูลความยากจนโดยใช้เส้นความยากจนแบบวิธีเดิมพบว่า จำนวนคนจน และสัดส่วนของคนยากจนต่อประชากร ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2543-2545 (จำนวนคนจนปี 2543 = 9.9 ล้านคน  ปี 44 =  8.2 ล้านคน  ปี 45 = 6.2 ล้านคน สัดส่วนคนจนปี 43 = 14.2%   ปี 44 = 13.1%  ปี 45 = 9.8%)
            ดังนั้นหากนำวิธีคิดเส้นความยากจนตามวิธีใหม่มาใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2543 เชื่อว่าจำนวนคนจน และสัดส่วนคนจนคงไม่สูงอย่างที่เป็นข่าว นอกจากนี้ ควรมีการวิเคราะห์เครื่องชี้วัดอื่นๆ  ด้วย เช่นการกระจายรายได้ โดยดูที่ดัชนี Gini (เครื่องชี้วัดการกระจายรายได้)  ซึ่งเท่าที่ดูผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว  ดัชนี Gini มีแน้วโน้มดีขึ้น 
            นายวราเทพยังกล่าวอีกว่านโยบายรัฐบาลที่ ดร. อัมมาร สยามวาลากล่าวถึงนั้น ได้สร้างประโยชน์และเป็นผลดีต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนหมู่บ้าน หรือการพักนี้เกษตรกร ที่ว่าการพักหนี้เป็นการช่วยเหลือคนมีรายได้สูง เป็นการมองเพียงบางราย  แต่ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกรยากจน
           “โดยสรุปแล้วยังยืนยันว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน รัฐบาลจะทำให้เป็นจริงอย่างแน่นอนในอนาคต” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด

ต้องไปดูที่ ดัชนี GINI ประกอบกับ ค่า GDP per Capita ถึงจะรู้ว่ามันดีขึ้น เยอะ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-09-2007, 21:03
แล้วมันจะแก้วิกฤติที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไร?

วิกฤติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง บางคนที่ได้รับประชานิยมไม่รับรู้ด้วยซ้ำ

แต่ที่แน่ๆคือ วิกฤติสึนามิ ประชานิยม งี่เง่าหลอกเด็กมิได้เป็นการช่วยเลือกอะไรทั้งสิ้น

เพราะเรื่องนี้เกิดที่ภาคใต้!!


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 16-09-2007, 21:48
วันที่ 17 กันยายน 2547
รมช.คลังยืนยันนโยบายรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน

            นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เรื่องการปรับปรุงการคำนวณเส้นความยากจน จากเดิมที่ระดับ 922 บาท/คน/เดือน เป็น 1,163 บาท/คน/เดือน ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่ามีจำนวนคนจนที่มีระดับรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนมากขึ้นว่า หลักการของเส้นความยากจนก็คือการดูว่าประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมีจำนวนเท่าไร การปรับวิธีคิดเส้นความยากจนทำให้ระดับรายได้ขั้นต่ำดังกล่าวสูงขึ้นย่อมทำให้มีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนสูงขึ้น
            อย่างไรก็ดี  เมื่อพิจารณาข้อมูลความยากจนโดยใช้เส้นความยากจนแบบวิธีเดิมพบว่า จำนวนคนจน และสัดส่วนของคนยากจนต่อประชากร ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2543-2545 (จำนวนคนจนปี 2543 = 9.9 ล้านคน  ปี 44 =  8.2 ล้านคน  ปี 45 = 6.2 ล้านคน สัดส่วนคนจนปี 43 = 14.2%   ปี 44 = 13.1%  ปี 45 = 9.8%)
            ดังนั้นหากนำวิธีคิดเส้นความยากจนตามวิธีใหม่มาใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2543 เชื่อว่าจำนวนคนจน และสัดส่วนคนจนคงไม่สูงอย่างที่เป็นข่าว นอกจากนี้ ควรมีการวิเคราะห์เครื่องชี้วัดอื่นๆ  ด้วย เช่นการกระจายรายได้ โดยดูที่ดัชนี Gini (เครื่องชี้วัดการกระจายรายได้)  ซึ่งเท่าที่ดูผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว  ดัชนี Gini มีแน้วโน้มดีขึ้น 
            นายวราเทพยังกล่าวอีกว่านโยบายรัฐบาลที่ ดร. อัมมาร สยามวาลากล่าวถึงนั้น ได้สร้างประโยชน์และเป็นผลดีต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนหมู่บ้าน หรือการพักนี้เกษตรกร ที่ว่าการพักหนี้เป็นการช่วยเหลือคนมีรายได้สูง เป็นการมองเพียงบางราย  แต่ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกรยากจน
           “โดยสรุปแล้วยังยืนยันว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน รัฐบาลจะทำให้เป็นจริงอย่างแน่นอนในอนาคต” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด

ต้องไปดูที่ ดัชนี GINI ประกอบกับ ค่า GDP per Capita ถึงจะรู้ว่ามันดีขึ้น เยอะ

เอ็งคงเชื่อ รมต สินะ

เอาข้อมูลปัจจุบันที่เขาวิเคราะห์เรื่องนี้มาให้ดูทีสิแถ
ปี 47 มันเก่าไป

พิษประชานิยมยังไม่ลามมาก
ปี 49 นี่ลามสุดๆ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-09-2007, 22:07


ใช้เส้นความยากจนที่มีการปรับแก้ด้วย ดูข้อมูลที่สภาพัฒน์ฯ

นอกนั้นสถิติเปรียบเทียบระหว่างก่อนหน้าทักษิณ

จนมาถึงหลังทักษิณ รายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มไม่ต่างกันมากนัก เทียบกับค่าเงินเฟ้อเฉลี่ย

ทีมีปัญหาคือหนี้สินภาคครัวเรือน

และการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าครัวเรือนโดยตรง


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 17-09-2007, 00:13
ซึนามิเหลี่มบริจาก10ล้านถ้าเทียบกับเงินที่มีเท่ากับบริจากแค่ไม่กี่เปอร์เซ็น

แต่ปู่เย็นมีเงินอยู่800บาทแถมยังโดนโจรขโมยเงินไปอีกแต่ปู่เย็นก็บริจากเงินให้กับเด็ก100บาทถ้าเทียบกันแล้วปู่เย็นทำบุญมากกว่าเลี่ยมตั้งเยอะ :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 17-09-2007, 01:16
ไม่รู้ mod จะเลี้ยง สมาชิก ชั่วๆ แบบนี้ไว้ทำซากอะไร


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-09-2007, 08:21
Name : ทนง พิทยะ (เปลี่ยนนามสกุลจาก “ลำใย”)
Born : 28 กรกฎาคม 2490 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
Education :
2513 ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮามา ญี่ปุ่น (หลายคนจึงเรียกเขาว่า ”ทนง ซัง” หมายถึง ”คุณทนง”)
2514 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
2521 ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
ภาคเอกชน
-รับราชการเป็นอาจารย์ คณะบริหารธุรกิจ
-ดูแลงานด้านวางแผน และการค้าต่างประเทศ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล
-ทำงานกับสำนักงานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์
-ธนาคารทหารไทย (ช่วงที่ 1 ปี 2528) มีโอกาสได้ประสานงาน ติดต่อพ่อค้านักธุรกิจรุ่นใหม่
-เป็นที่ปรึกษาและวางแผนทางการเงินให้แก่กลุ่มชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
-ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งสูงสุด “กรรมการผู้จัดการใหญ่”
-ผู้แทนการค้าไทย
ภาคการเมือง
2540 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2545-2548 ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
2544-2548 รองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
2544-2548 ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
Status : สมรส –ภรรยา นางมธุรส พิทยะ บุตร นางสาววิชชุญา ,นายธราธร และเด็กหญิง ศรัญญา

ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า

เอาคำพูดตัวเองกลับไปแล้วกันนะคุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile2:

"ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นี่แสดงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพิ่งไปค้นข้อมูลมาได้แค่นี้ใช่ไหม จะบอกอะไรให้นะครับข้อมูลที่ค้นมาน่ะ
ในส่วนประวัติการทำงาน "ภาคเอกชน" มันไม่มีช่วงเวลากำกับ ลองไปหาช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งดู
แล้วค่อยมาขี้โม้ต่อนะครับ ว่านายทนงไม่เคยทำงานให้ใครก่อนมาเป็น รมต.คลัง ปี 40

จะแนะให้สักหน่อยว่านายทนงตอนอกหักจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
เคยลาออกมารอบนึงประมาณ 2 ปี ก่อนกลับไปรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ทหารไทย
หลังจาก ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ พ้นจากตำแหน่ง ลองไปเช็คดูนะครับว่าปีไหน

และช่วงนั้นนายทนงลาออกไปทำมาหากินอยู่ที่ไหนกับเจ้านายชื่ออะไร เจ้านายที่ว่าเคยเป็นลูกค้า
ธ.ทหารไทย สมัยที่นายทนงยังเป็น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อยู่หรือเปล่า  :mrgreen:

นายทนงเคยทำงานที่ไหนเกี่ยวอะไรกับชินคอร์ปเปลี่ยนชื่อ.. เปลี่ยนชื่อแล้วเปลี่ยนเจ้าของหรือไง?
และถ้าเคยมาทำงานอยู่ด้วย "ก่อนเปลี่ยนชื่อ" จะบอกว่าไม่เคยทำงานด้วยกับ "ชื่อใหม่" หรือครับ
มันก็ทำงานกับเจ้าของคนเดียวกันนั่นแหละ รู้ว่าตัวเองมั่วแล้วก็เงียบๆ ไปสิครับจะมาตอบทำไม
หรือจะรับสารภาพว่าตัวเองมั่วก็ได้ แต่แบบนั้นคงไม่ใช่คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 17-09-2007, 08:31
คุณ jerasak สั่งสอนหนักๆเลยครับ ผมอยากเห็นน้องหนูทำหน้าแบบนี้ :slime_shy:

 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 08:43
- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

เอาคำพูดตัวเองกลับไปแล้วกันนะคุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile2:

"ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นี่แสดงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพิ่งไปค้นข้อมูลมาได้แค่นี้ใช่ไหม จะบอกอะไรให้นะครับข้อมูลที่ค้นมาน่ะ
ในส่วนประวัติการทำงาน "ภาคเอกชน" มันไม่มีช่วงเวลากำกับ ลองไปหาช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งดู
แล้วค่อยมาขี้โม้ต่อนะครับ ว่านายทนงไม่เคยทำงานให้ใครก่อนมาเป็น รมต.คลัง ปี 40

จะแนะให้สักหน่อยว่านายทนงตอนอกหักจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
เคยลาออกมารอบนึงประมาณ 2 ปี ก่อนกลับไปรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ทหารไทย
หลังจาก ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ พ้นจากตำแหน่ง ลองไปเช็คดูนะครับว่าปีไหน

และช่วงนั้นนายทนงลาออกไปทำมาหากินอยู่ที่ไหนกับเจ้านายชื่ออะไร เจ้านายที่ว่าเคยเป็นลูกค้า
ธ.ทหารไทย สมัยที่นายทนงยังเป็น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อยู่หรือเปล่า  :mrgreen:

นายทนงเคยทำงานที่ไหนเกี่ยวอะไรกับชินคอร์ปเปลี่ยนชื่อ.. เปลี่ยนชื่อแล้วเปลี่ยนเจ้าของหรือไง?
และถ้าเคยมาทำงานอยู่ด้วย "ก่อนเปลี่ยนชื่อ" จะบอกว่าไม่เคยทำงานด้วยกับ "ชื่อใหม่" หรือครับ
มันก็ทำงานกับเจ้าของคนเดียวกันนั่นแหละ รู้ว่าตัวเองมั่วแล้วก็เงียบๆ ไปสิครับจะมาตอบทำไม
หรือจะรับสารภาพว่าตัวเองมั่วก็ได้ แต่แบบนั้นคงไม่ใช่คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:

สอดมาเองแท้ๆ มั่วนิ่ม ไม่รู้ว่า ชินคอร์ป เค้าปรับโครงสร้างแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2542 แม้จะเป็นกลุ่มเจ้าของเดียวกัน
แล้วยังไงเหรอ ทั่วประเทศบริษัทเจ้าของกลุ่มเดียวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก็บอกแล้วว่าเป็น กลุ่ม ชินคอร์ป ยังจะแถไปไหน
อีกล่ะ ตอนที่เค้าจะเอา ชินวัตรคอมพิวเตอร์เข้าไปตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนั้นบุญคลียังอยู่การสื่อสารอยู่เลย
วันก่อนยังตะแบงบอก ป่า ไม่ใช่ forest อยู่แท้ๆ วันนี้ดันบอกว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป

ชินวัตรคอมพิวเตอร์เป็นตัวแทนจำหน่ายไอบีเอ็มนาคับ ชินคอร์ปเค้าเป็นโฮลดิ้ง คงไม่ต้องอธิบายอะไรละเอียดนะ แล้ว
การไปเป็นที่ปรึกษามันเป็นงาน freelance ไม่ใช่พนักงานประจำ ก็พยายามโยงให้เป็นลูกจ้างประจำให้ได้ โถ ไม่มีประเด็น
อื่นจะเอาชนะแล้วเหรอ เรื่องแค่นี้ ยากว่ะ ขอบอก :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Eakle ที่ 17-09-2007, 08:48
สอดมาเองแท้ๆ มั่วนิ่ม ไม่รู้ว่า ชินคอร์ป เค้าปรับโครงสร้างแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2542 แม้จะเป็นกลุ่มเจ้าของเดียวกัน
แล้วยังไงเหรอ ทั่วประเทศบริษัทเจ้าของกลุ่มเดียวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก็บอกแล้วว่าเป็น กลุ่ม ชินคอร์ป ยังจะแถไปไหน
อีกล่ะ ตอนที่เค้าจะเอา ชินวัตรคอมพิวเตอร์เข้าไปตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนั้นบุญคลียังอยู่การสื่อสารอยู่เลย
วันก่อนยังตะแบงบอก ป่า ไม่ใช่ forest อยู่แท้ๆ วันนี้ดันบอกว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป

ชินวัตรคอมพิวเตอร์เป็นตัวแทนจำหน่ายไอบีเอ็มนาคับ ชินคอร์ปเค้าเป็นโฮลดิ้ง คงไม่ต้องอธิบายอะไรละเอียดนะ แล้ว
การไปเป็นที่ปรึกษามันเป็นงาน freelance ไม่ใช่พนักงานประจำ ก็พยายามโยงให้เป็นลูกจ้างประจำให้ได้ โถ ไม่มีประเด็น
อื่นจะเอาชนะแล้วเหรอ เรื่องแค่นี้ ยากว่ะ ขอบอก :slime_bigsmile:

แล้วที่คุณจีบอกว่ามันก็เจ้าของคนเดียวกันมันผิดตรงไหนครับ

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำงานให้ใคร ใครให้เงินแดรกกกกก แล้ว freelance นี่มันทำงานให้ฟรีๆรึไงฟร้าาาา ครับ

ไม่อยากจะพูดไม่สุภาพ แต่เห็นการแถ มั่วๆ ของคนๆนี้แล้ว มัน.....


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 17-09-2007, 08:50
เอ๋ คำว่า " แล้วยังไงเหรอ" นี่มันเป็นคำกวนส้นteen แบบที่คนแถแพ้ชอบใช้นี่นา เวลาหมดอะไรจะแถแล้วก็จะดึงคำนี้มาใช้อยู่ตลอดเลยนี่ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 17-09-2007, 08:53
 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 08:58
เอาคำพูดตัวเองกลับไปแล้วกันนะคุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile2:

"ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นี่แสดงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพิ่งไปค้นข้อมูลมาได้แค่นี้ใช่ไหม จะบอกอะไรให้นะครับข้อมูลที่ค้นมาน่ะ
ในส่วนประวัติการทำงาน "ภาคเอกชน" มันไม่มีช่วงเวลากำกับ ลองไปหาช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งดู
แล้วค่อยมาขี้โม้ต่อนะครับ ว่านายทนงไม่เคยทำงานให้ใครก่อนมาเป็น รมต.คลัง ปี 40

จะแนะให้สักหน่อยว่านายทนงตอนอกหักจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
เคยลาออกมารอบนึงประมาณ 2 ปี ก่อนกลับไปรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ทหารไทย
หลังจาก ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ พ้นจากตำแหน่ง ลองไปเช็คดูนะครับว่าปีไหน

และช่วงนั้นนายทนงลาออกไปทำมาหากินอยู่ที่ไหนกับเจ้านายชื่ออะไร เจ้านายที่ว่าเคยเป็นลูกค้า
ธ.ทหารไทย สมัยที่นายทนงยังเป็น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อยู่หรือเปล่า  :mrgreen:

นายทนงเคยทำงานที่ไหนเกี่ยวอะไรกับชินคอร์ปเปลี่ยนชื่อ.. เปลี่ยนชื่อแล้วเปลี่ยนเจ้าของหรือไง?
และถ้าเคยมาทำงานอยู่ด้วย "ก่อนเปลี่ยนชื่อ" จะบอกว่าไม่เคยทำงานด้วยกับ "ชื่อใหม่" หรือครับ
มันก็ทำงานกับเจ้าของคนเดียวกันนั่นแหละ รู้ว่าตัวเองมั่วแล้วก็เงียบๆ ไปสิครับจะมาตอบทำไม
หรือจะรับสารภาพว่าตัวเองมั่วก็ได้ แต่แบบนั้นคงไม่ใช่คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:

กล้ายืนยันมั้ยล่ะว่า ดร.ทนง เป็นพนักงานกินเงินเดือนบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ หรือ กรรมการ ก็ได้ ก่อนปี 2540


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-09-2007, 09:03



       เอิ๊กๆๆๆ  คุณอยากฯ จะเชลียร์หน้าเหลี่ยมต่ออีกไหม

         ผมอ่านแล้วทั้งรำคาญ  ทั้งขำครับ




             :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 09:13
แล้วที่คุณจีบอกว่ามันก็เจ้าของคนเดียวกันมันผิดตรงไหนครับ

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำงานให้ใคร ใครให้เงินแดรกกกกก แล้ว freelance นี่มันทำงานให้ฟรีๆรึไงฟร้าาาา ครับ

ไม่อยากจะพูดไม่สุภาพ แต่เห็นการแถ มั่วๆ ของคนๆนี้แล้ว มัน.....


ถ้าเป็น freelance ก็เหมาว่าเป็น ลิ่วล้อ ตรูก็คงเป็นเบ๊ไอ้แป๊ะสนธิไปแล้ว  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-09-2007, 09:15
สอดมาเองแท้ๆ มั่วนิ่ม ไม่รู้ว่า ชินคอร์ป เค้าปรับโครงสร้างแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2542 แม้จะเป็นกลุ่มเจ้าของเดียวกัน
แล้วยังไงเหรอ ทั่วประเทศบริษัทเจ้าของกลุ่มเดียวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก็บอกแล้วว่าเป็น กลุ่ม ชินคอร์ป ยังจะแถไปไหน
อีกล่ะ ตอนที่เค้าจะเอา ชินวัตรคอมพิวเตอร์เข้าไปตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนั้นบุญคลียังอยู่การสื่อสารอยู่เลย
วันก่อนยังตะแบงบอก ป่า ไม่ใช่ forest อยู่แท้ๆ วันนี้ดันบอกว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป

ชินวัตรคอมพิวเตอร์เป็นตัวแทนจำหน่ายไอบีเอ็มนาคับ ชินคอร์ปเค้าเป็นโฮลดิ้ง คงไม่ต้องอธิบายอะไรละเอียดนะ แล้ว
การไปเป็นที่ปรึกษามันเป็นงาน freelance ไม่ใช่พนักงานประจำ ก็พยายามโยงให้เป็นลูกจ้างประจำให้ได้ โถ ไม่มีประเด็น
อื่นจะเอาชนะแล้วเหรอ เรื่องแค่นี้ ยากว่ะ ขอบอก :slime_bigsmile:

เราจะคุยกันประเด็นไหนล่ะครับ .. ถ้าคุยประเด็นความสัมพันธ์ของทนงกับทักษิณ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าทนงเคยทำงาน
ให้กับทักษิณมาก่อนที่จะเข้าร่วมรัฐบาลชวลิตเมื่อปี 2540
 
แล้วผมบอกตรงไหนว่าชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป ผมบอกแต่ว่ามันก็เจ้าของเดียวกัน .. ชักจะมั่วใหญ่แล้วครับ  :slime_smile:

เรื่องลูกจ้างประจำใครพูดล่ะครับ .. แล้วถ้าเป็นงาน freelance มันทำฟรีไม่รับเงินหรือไง .. มั่วมากๆ นะคุณนี่ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 17-09-2007, 09:20
คุณจีระศักดิ์ไปแหย่เล่นแบบนี้มันก็ยิ่งมั่วมากกว่าเดิมอีกสิครับ แหม่ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 09:24
เราจะคุยกันประเด็นไหนล่ะครับ .. ถ้าคุยประเด็นความสัมพันธ์ของทนงกับทักษิณ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าทนงเคยทำงาน
ให้กับทักษิณมาก่อนที่จะเข้าร่วมรัฐบาลชวลิตเมื่อปี 2540
 
แล้วผมบอกตรงไหนว่าชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป ผมบอกแต่ว่ามันก็เจ้าของเดียวกัน .. ชักจะมั่วใหญ่แล้วครับ  :slime_smile:

เรื่องลูกจ้างประจำใครพูดล่ะครับ .. แล้วถ้าเป็นงาน freelance มันทำฟรีไม่รับเงินหรือไง .. มั่วมากๆ นะคุณนี่ :slime_smile2:

รู้สึกว่า เรา จะไม่ได้คุยกันนะ แค่ติดแก๊สบอกคุณ 55555 ว่า
- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

ก็มีคนมารยาทดีมาสอดแล้วบอกว่าไม่รู้จริงอย่างโง้นอย่างงี้ ถามจริงเหอะ ประโยคนี้ผิดที่เดียว คือ สมัยจิ๋ว ไม่ใช่ สมัยทักษิณ
แต่ว่า ทนง ไม่เคยไปอยู่เครือ ชินคอร์ป มันผิดตรงไหน แล้วที่ว่าทักษิณส่งเข้าประกวดมันก็แค่จินตนาการโคมลอยไร้สาระ

แหม แต่ก็มีความพยายามเอาชนะอย่างสูงมาก ทั้งที่ไม่เกี่ยวประเด็นกับกระทู้เล้ย ต้องมาบอกว่า ชินคอร์ป คือ ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ
เจ้าของเดียวกัน แล้วต้องพยายามให้ freelance มีความหมายเป็นลิ่วล้อที่มีความสัมพันธ์อย่างสูงให้ได้ ทั้งที่หลายกระทู้เก่าๆ ที่ผ่าน
มา ขนาดคำว่า forest ยังจะไม่ให้แปลตรงความหมายว่า ป่า เล้ย ไม่รู้จะหลายมาตรฐานเพื่อเอาชนะในจุดเล็กๆ ไปทำไม มันไม่เบื๊อก
ไปหน่อยเหรอจ๊ะ ถามจริง  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-09-2007, 09:24
ถ้าเป็น freelance ก็เหมาว่าเป็น ลิ่วล้อ ตรูก็คงเป็นเบ๊ไอ้แป๊ะสนธิไปแล้ว  :slime_bigsmile:

อ้าวพูดแบบนี้เคยทำงานให้สนธิด้วยหรือครับ ไม่ทราบได้มากี่ล้านครับ หรือว่าแค่ไม่กี่ตังค์  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-09-2007, 09:31
รู้สึกว่า เรา จะไม่ได้คุยกันนะ แค่ติดแก๊สบอกคุณ 55555 ว่า
- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

ก็มีคนมารยาทดีมาสอดแล้วบอกว่าไม่รู้จริงอย่างโง้นอย่างงี้ ถามจริงเหอะ ประโยคนี้ผิดที่เดียว คือ สมัยจิ๋ว ไม่ใช่ สมัยทักษิณ
แต่ว่า ทนง ไม่เคยไปอยู่เครือ ชินคอร์ป มันผิดตรงไหน แล้วที่ว่าทักษิณส่งเข้าประกวดมันก็แค่จินตนาการโคมลอยไร้สาระ

แหม แต่ก็มีความพยายามเอาชนะอย่างสูงมาก ทั้งที่ไม่เกี่ยวประเด็นกับกระทู้เล้ย ต้องมาบอกว่า ชินคอร์ป คือ ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ
เจ้าของเดียวกัน แล้วต้องพยายามให้ freelance มีความหมายเป็นลิ่วล้อที่มีความสัมพันธ์อย่างสูงให้ได้ ทั้งที่หลายกระทู้เก่าๆ ที่ผ่าน
มา ขนาดคำว่า forest ยังจะไม่ให้แปลตรงความหมายว่า ป่า เล้ย ไม่รู้จะหลายมาตรฐานเพื่อเอาชนะในจุดเล็กๆ ไปทำไม มันไม่เบื๊อก
ไปหน่อยเหรอจ๊ะ ถามจริง  :slime_bigsmile:

อ้าว .. ทำไมไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ..

ผมก็พูดถึงเรื่องที่ว่าทักษิณส่งทนงประกวดได้อย่างไรไงล่ะครับ
ซึ่งก็มีหลักฐานว่าทนงเคยทำงานระดับสำคัญให้กับทักษิณมาก่อน
อย่าบอกนะว่าการวางระบบการเงินไม่ใช่งานสำคัญ

อีกอย่างคุณอยากประหยัดฯ ช่วยตอบหน่อยสิว่า ทนงเข้าไปเป็น
รมต.คลัง ในรัฐบาลชวลิต ได้ยังไง เป็นคนของใครหรือครับ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 17-09-2007, 09:33
อื้ม...ตุ๊ดจ๊ะกลับตัวกลับใจแล้วนะแล้วแถไม่คิดจะกลับตัวกลับใจหน่อยเหรอ :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 09:34
อ้าวพูดแบบนี้เคยทำงานให้สนธิด้วยหรือครับ ไม่ทราบได้มากี่ล้านครับ หรือว่าแค่ไม่กี่ตังค์  :slime_bigsmile:
A freelancer or freelance worker is a person who pursues a profession without a long-term commitment to any one employer. The term was first coined by Sir Walter Scott (1771-1832) in his well-known historical romance Ivanhoe to describe a "medieval mercenary warrior." The phrase later transitioned to a figurative noun around the 1860s and was then officially recognized as a verb in 1903 by various authorities in etymology such as the Oxford English Dictionary. Only in modern times has the term morphed from a noun (a freelance or a freelancer) into various verb forms (a journalist who freelances), and an adverb (she worked freelance).

The author and poet Ernest William Hornung (1866 - 1921) also used the term in "The Gift of the Emperor" to describe something of poor quality: "I warmed to my woes. It was no easy matter to keep your end up as a raw freelance of letters; for my part, I was afraid I wrote neither well enough nor ill enough for success."

Fields where freelancing is especially common include journalism and other forms of writing, copywriting, computer programming and graphic design, consulting, and many other professional and creative services. The military sector also still makes considerable use of freelance mercenaries[citation needed].

The Internet has opened up many freelance opportunities, expanding markets and helping to build it into one of the largest economic segments for many economies. Development for freelancing has been especially high for software development, website design, information technology, and business documentation.

Freelance practice varies greatly. Some require clients to sign written contracts, while others may perform work based on verbal agreements, perhaps enforceable through the very nature of the work. Some freelancers may provide written estimates of work and request deposits from clients.

Payment for freelance work also varies greatly. Freelancers may charge by the day or hour, or on a per-project basis. Instead of a flat rate or fee, some consultants have adopted a value-based pricing method based on the perceived value of the results to the client. By custom, payment arrangements may be upfront, percentage upfront, or upon completion. For more complex projects, a contract may set a payment schedule based on milestones or outcomes.

เอาความหมายคำว่า Freelance ไปอ่านซะหน่อยนะ เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 17-09-2007, 09:35
แก๊ส...ส่งผลต่อสมองจริงๆ... :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 17-09-2007, 09:36
อีกอย่างคุณอยากประหยัดฯ ช่วยตอบหน่อยสิว่า ทนงเข้าไปเป็น
รมต.คลัง ในรัฐบาลชวลิต ได้ยังไง เป็นคนของใครหรือครับ

ผมมาย้ำคำถามให้แก๊สตอบทีครับ ตอบให้ละเอียดเลยนะ อย่าตัดแปะ ตอบตามความรู้ความเข้าใจของตัวเอง :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 17-09-2007, 09:38
ตอบจิไอแก๊สเค้ารอฟังกันอยู่กุเป็นกรรมการให้ :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 09:38
อ้าว .. ทำไมไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ..

ผมก็พูดถึงเรื่องที่ว่าทักษิณส่งทนงประกวดได้อย่างไรไงล่ะครับ
ซึ่งก็มีหลักฐานว่าทนงเคยทำงานระดับสำคัญให้กับทักษิณมาก่อน
อย่าบอกนะว่าการวางระบบการเงินไม่ใช่งานสำคัญ

อีกอย่างคุณอยากประหยัดฯ ช่วยตอบหน่อยสิว่า ทนงเข้าไปเป็น
รมต.คลัง ในรัฐบาลชวลิต ได้ยังไง เป็นคนของใครหรือครับ

ดร.ทนง ก็เป็นคนของธนาคารทหารไทยไง ไปดูผู้ถือหุ้นตอนนั้นแล้วกันนะ
ไม่ใช่ว่า รับงานกับใครอะไรที่ไหน ก็จะต้องเป็นคนที่เคยว่าจ้างส่งเข้าประกวด
ไม่จินตนาการเพ้อฝันเลอะเทอะไปหน่อยเรอะ ไม่เอาน่าที่นอนเปียกหมดแย้ว :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-09-2007, 09:45
ดร.ทนง ก็เป็นคนของธนาคารทหารไทยไง ไปดูผู้ถือหุ้นตอนนั้นแล้วกันนะ
ไม่ใช่ว่า รับงานกับใครอะไรที่ไหน ก็จะต้องเป็นคนที่เคยว่าจ้างส่งเข้าประกวด
ไม่จินตนาการเพ้อฝันเลอะเทอะไปหน่อยเรอะ ไม่เอาน่าที่นอนเปียกหมดแย้ว :slime_bigsmile:

แล้วธนาคารทหารไทยไปเกี่ยวอะไรกับพรรคความหวังใหม่ที่เป็นรัฐบาลตอนนั้นครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 10:03
แล้วธนาคารทหารไทยไปเกี่ยวอะไรกับพรรคความหวังใหม่ที่เป็นรัฐบาลตอนนั้นครับ  :slime_smile:

ตัวเลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในสมัยย่อยยับเนี่ยมันคงไม่เยอะนักหรอก
พวกเก๋าๆ ใครอยากจะเอาชื่อเสียงมาทิ้ง ก็ต้องเลือกคนที่ตั้งใจจะทำงานเพื่อชาติ
โดยไม่หวังชื่อเสียงจากบรรดานายแบ๊งค์ทั้งหลาย ตอนนั้นที่ดังๆ  ก็มี ดร.โอฬาร
อ.โฆษิต แต่ที่เป็น ดร.ทนง ก็คงเป็นเพราะความมีวิสัยทัศน์นั่นเอง ในปีนั้นเรื่องข่าว
ว่าจำเป็นต้องลดค่าเงินบาทมีมาแต่ต้นปีแล้ว ถ้าจำกันได้แต่แบ๊งค์ชาติสมัยนั้นแทบ
จะเป็นองค์กรอิสระที่ควบคุมไม่ได้ เลยมีการต่อสู้ค่าเงินบาทดังที่ทราบกัน ดร.ทนง
มาตอนปลายเหตุแล้ว ไม่ลดก็ไม่ได้ การไปกล่าวหาทักษิณเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม
อย่างแรง เพราะปี 39 สัญญาณความหายนะก็มาแต่กลางปีแล้ว คนที่วิสัยทัศน์ดีก็
ต้องซื้อประกันความเสี่ยงไว้เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนขับรถในฤดูที่ทัศนวิสัยไม่ดีฝน
ตกมากก็ควรซื้อประกันชั้นหนึ่งไว้ พวกบริษัทที่งกๆ กันก็เน่าอย่างที่รู้อยู่ แต่ดันไป
ว่าบริษัทที่ฉลาด ทั้งที่สถานการณ์ก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเลยรู้ๆ กันอยู่

ดร.ทนงเป็นคนสุพรรณรู้จักกับคุณหญิงแจ่มใส ทำไมไม่คิดว่าเกี่ยวกับพรรคชาติไทยล่ะ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: phutorn connection ที่ 17-09-2007, 11:57
ทำไมไม่เลือกวีรพงษ์ ช่วงนั้นเค้าก็ดังไม่ใช่เหยอ  :slime_doubt:

แล้วนายธนาคารคนไหนที่ทักกี้ปลื้มมาตั้งนานแล้ว เพราะว่าช่วยเหลือกันตั้งแต่สมัยแลกเช็ค

แต่งง แฮะ ที่ปลื้มคนจ่ายพันกว่าล้าน ไอ้พวกที่จ่ายมากกว่านั้นไม่เห็นปลื้ม


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 17-09-2007, 20:05
ตัวเลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในสมัยย่อยยับเนี่ยมันคงไม่เยอะนักหรอก
พวกเก๋าๆ ใครอยากจะเอาชื่อเสียงมาทิ้ง ก็ต้องเลือกคนที่ตั้งใจจะทำงานเพื่อชาติ
โดยไม่หวังชื่อเสียงจากบรรดานายแบ๊งค์ทั้งหลาย ตอนนั้นที่ดังๆ  ก็มี ดร.โอฬาร
อ.โฆษิต แต่ที่เป็น ดร.ทนง ก็คงเป็นเพราะความมีวิสัยทัศน์นั่นเอง ในปีนั้นเรื่องข่าว
ว่าจำเป็นต้องลดค่าเงินบาทมีมาแต่ต้นปีแล้ว ถ้าจำกันได้แต่แบ๊งค์ชาติสมัยนั้นแทบ
จะเป็นองค์กรอิสระที่ควบคุมไม่ได้ เลยมีการต่อสู้ค่าเงินบาทดังที่ทราบกัน ดร.ทนง
มาตอนปลายเหตุแล้ว ไม่ลดก็ไม่ได้ การไปกล่าวหาทักษิณเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม
อย่างแรง เพราะปี 39 สัญญาณความหายนะก็มาแต่กลางปีแล้ว คนที่วิสัยทัศน์ดีก็
ต้องซื้อประกันความเสี่ยงไว้เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนขับรถในฤดูที่ทัศนวิสัยไม่ดีฝน
ตกมากก็ควรซื้อประกันชั้นหนึ่งไว้ พวกบริษัทที่งกๆ กันก็เน่าอย่างที่รู้อยู่ แต่ดันไป
ว่าบริษัทที่ฉลาด ทั้งที่สถานการณ์ก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเลยรู้ๆ กันอยู่

ดร.ทนงเป็นคนสุพรรณรู้จักกับคุณหญิงแจ่มใส ทำไมไม่คิดว่าเกี่ยวกับพรรคชาติไทยล่ะ

ผมบอกไปแล้วครับ.....ทนง ซี้แหง ธิ ลิ้ม....ธิลิ้ม ฝาก ทักษิณ.....ทักษิณ ส่งต่อ..บิ๊กจิ๋ว  แล้ว เรื่องที่บอกว่าแบ็งค์ชาติ เป็น องค์กรณ์อิสสระ ที่ควบคุมไม่ได้ กรุณาคิดใหม่เถอะครับ....ยุคนั้น แบ็งค์ ชาติ อยู่ใต้อุ้งเท้า นักการเมืองทีเดียวล่ะ....แบ้งค์ชาติ ยุคปลอดการเมือง เริ่มตังแต่ ยุคหม่อมเต่า...ที่ ปชป. ออกกฏหมายคุ้มครองไว้จ๊ะ......รื้อข้อมูลเก่ง ลองไปค้น ๆ ดูละกัน....เรื่อง ทนง มีวิสัยทัศน์ ก็คงต้องคิดใหม่ เพราะ ถ้ามีวิสัยทัศน์ จริง ก็ ไม่ควร Float เงินบาท เรื่องนี้ ผมเคยพูดหลายครั้งแล้ว


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 21:24
ผมบอกไปแล้วครับ.....ทนง ซี้แหง ธิ ลิ้ม....ธิลิ้ม ฝาก ทักษิณ.....ทักษิณ ส่งต่อ..บิ๊กจิ๋ว  แล้ว เรื่องที่บอกว่าแบ็งค์ชาติ เป็น องค์กรณ์อิสสระ ที่ควบคุมไม่ได้ กรุณาคิดใหม่เถอะครับ....ยุคนั้น แบ็งค์ ชาติ อยู่ใต้อุ้งเท้า นักการเมืองทีเดียวล่ะ....แบ้งค์ชาติ ยุคปลอดการเมือง เริ่มตังแต่ ยุคหม่อมเต่า...ที่ ปชป. ออกกฏหมายคุ้มครองไว้จ๊ะ......รื้อข้อมูลเก่ง ลองไปค้น ๆ ดูละกัน....เรื่อง ทนง มีวิสัยทัศน์ ก็คงต้องคิดใหม่ เพราะ ถ้ามีวิสัยทัศน์ จริง ก็ ไม่ควร Float เงินบาท เรื่องนี้ ผมเคยพูดหลายครั้งแล้ว

จินตนาการน้ำแตกได้สุดขอบเขตความมั่วจริงๆ สนธิกับทนงยังพอถูไถไปมั่ง
เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน สนธิกับทักษิณมาก็คนละทาง รู้จักกันในแวดวงธุรกิจ
ผลประโยชน์ร่วมกันนิดๆ หน่อยๆ เล่นบอกว่าซี้จนฝากทนงไปเป็นรัฐมนตรีคลัง
สมัยนั้นทักษิณใหญ่แค่ไหนกันเชียว จะว่าทักษิณสั่งชวลิตในปี 2540 ได้ด้วย
เหรอ เอาเหอะขอให้ตอนจบได้บอกว่า ทนงซิกแนลทักษิณเรื่องลดค่าเงินบาท
ก็ผูกมันได้หมด ใครเดินผ่านหน้ากันก็บอกซี้กันได้แล้ว ตรรกะซังกะบ๊วยแบบนี้
นี่เอง มิน่าถึงเชื่ออะไรเป็นตุเป็นตะไร้สาระได้อย่างงี้

ทีเรื่องหม่อมเต่านั่นแหละประชาธิปัตย์ตัวจริงเสียงจริง ยังส่งลูกไปไต่เต้าเผื่อ
ได้เป็นพ่อนายกในอนาคตอยู่โน่น ดันบอกว่าอิสระปลอดนักการเมืองไม่มีการ
แทรกแซง เอาเหตุผลอะไรคิดวะเนี่ยเห็นอยู่โด่เด่ว่าเป็นศักดินาประชาธิปัตย์
ทั้งแท่ง ตรรกะซังกะบ๊วยอีกตามเคย เห้อ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 17-09-2007, 21:40
จินตนาการน้ำแตกได้สุดขอบเขตความมั่วจริงๆ สนธิกับทนงยังพอถูไถไปมั่ง
เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน สนธิกับทักษิณมาก็คนละทาง รู้จักกันในแวดวงธุรกิจ
ผลประโยชน์ร่วมกันนิดๆ หน่อยๆ เล่นบอกว่าซี้จนฝากทนงไปเป็นรัฐมนตรีคลัง
สมัยนั้นทักษิณใหญ่แค่ไหนกันเชียว จะว่าทักษิณสั่งชวลิตในปี 2540 ได้ด้วย
เหรอ เอาเหอะขอให้ตอนจบได้บอกว่า ทนงซิกแนลทักษิณเรื่องลดค่าเงินบาท
ก็ผูกมันได้หมด ใครเดินผ่านหน้ากันก็บอกซี้กันได้แล้ว ตรรกะซังกะบ๊วยแบบนี้
นี่เอง มิน่าถึงเชื่ออะไรเป็นตุเป็นตะไร้สาระได้อย่างงี้

ทีเรื่องหม่อมเต่านั่นแหละประชาธิปัตย์ตัวจริงเสียงจริง ยังส่งลูกไปไต่เต้าเผื่อ
ได้เป็นพ่อนายกในอนาคตอยู่โน่น ดันบอกว่าอิสระปลอดนักการเมืองไม่มีการ
แทรกแซง เอาเหตุผลอะไรคิดวะเนี่ยเห็นอยู่โด่เด่ว่าเป็นศักดินาประชาธิปัตย์
ทั้งแท่ง ตรรกะซังกะบ๊วยอีกตามเคย เห้อ :slime_bigsmile:

ทักษิน กับสนธิ นะแทบจูบปากกันเลยเมื่อก่อน
ลองไปหาตอนเขาแฉทักษิณอ่านดิ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 17-09-2007, 21:48
“ทนง พิทยะ” ลดค่าเงินบาท ชื่อนี้ไม่มีพลาด


--------------------------------------------------------------------------------
สุกรี แมนชัยนิมิต
 Positioning Magazine   กรกฎาคม 2549

ซูเปอร์ ”ทนง” ฮีโร่ ”ของทักษิณ”

“หมดเวลาฮันนีมูน ถึงเวลามาช่วยกันทำงานได้แล้วนะ”

ประโยคจากปากของ ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระหว่างการสนทนาครั้งหนึ่งกับ ”ทนง พิทยะ” ขณะที่ ”ทักษิณ” กำลังเตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดทักษิณ 2 ต่อจากทักษิณ 1 หลังดำรงตำแหน่งมาครบวาระ 4 ปี จนเป็นที่มาทำให้ ”ทนง” กลับมาในตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง

การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นไปตามคาดที่พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณจึงจัดตั้งรัฐบาล โดยดึง ”ทนง พิทยะ” ที่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ อย่างประธานคณะกรรมการการบินไทย ด้วยความสุข เป็นประธานสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทอุตสาหกรรมเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลทักษิณ 2/1 ซึ่งจัดตั้งแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2548

แต่ปีแรกที่ควรเป็นเวลาของ “4 ปีสร้าง” หลังผ่าน “4 ปีซ่อม” ช่วงทักษิณ 1 มาแล้ว ตามสโลแกนหาเสียงของพรรคไทยรักไทย กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น เพราะภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วทั้งในจีน และอินเดีย ขณะที่น้ำมันเป็นทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ยังไม่นับปัจจัยเรื่องการคาดการณ์กันว่าส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรราคาน้ำมัน ส่งผลให้ตัวเลขดุลการค้าที่มูลค่านำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก จึงขาดดุลอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายเดือน

ดุลการค้าที่ขาดดุลทุกเดือนนับตั้งแต่รับตำแหน่งเดือนมีนาคม 2548 บวกผสมดุลการค้าในรอบ 6 เดือนสิ้นสุดมิถุนายน 2548 ทำให้ขาดดุลอยู่เกือบ 9,000 ล้านบาท ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจ ที่ตัวเลขดุลการค้าเป็นดัชนีชี้วัดตัวหนึ่งของวิกฤตเศรษฐกิจ

สัญญาณนี้ทำให้เห็นว่าไม่ควรให้ ”ทนง” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ต่อ แม้ภารกิจเรื่องการดึง ”เงินจากกองทุนประกันภัย” มาหมุนต่อยอดการลงทุนของประเทศตามนโยบายของรัฐบาลยังไม่บรรลุผลก็ตาม ซึ่งไม่ใช่ความสามารถไม่ถึงในการแก้ปัญหา หรือเป็นเพราะว่ายังมีภารกิจอื่นที่สำคัญกว่าสำหรับ ”ทนง”

แล้วความกังวลของหลายคนก็เป็นจริง เมื่อ”ทนง” ถูกโยกไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แลกเก้าอี้กับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เริ่มมีกระแสข่าวว่าเริ่มเบื่อหน่ายกับตำแหน่งที่กระทรวงการคลัง จนร่ำลือผ่านคนรอบข้างว่า ”สมคิด” อยากเป็นแค่รองนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว

ต้องมีความกังวลต่อ ”ทนง” เพราะทุกคนยังจำได้ดีกับเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ฝันร้ายของใครหลายคนในช่วงรุ่งสางวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ที่รัฐบาลขณะนั้นประกาศใช้นโยบายลอยตัวค่าเงินบาท เพราะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในกระเป๋าของแบงก์ชาติหดหายไปจากการปกป้องค่าเงินบาท จนเหลือจริงๆ ไม่กี่พันล้านเหรียญสหรัฐ

การประกาศลอยตัวค่าเงินบาทครั้งนั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่ ”ทนง” เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 หรือ 11 วัน แทนอำนวย วีรวรรณ ที่ลาออก ซึ่งนอกจากลอยตัวค่าเงินบาทแล้ว ยังสั่งปิดสถาบันการเงิน 56 แห่งอีกด้วย นอกจากส่งผลให้ความน่าเชื่อของสถาบันการเงินในระบบหมดไปแล้ว ที่สำคัญยังทำให้ธุรกิจที่ต้องกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุน มีหนี้พุ่งพรวดเป็นเท่าตัว จำนวนมากต้องปลดพนักงาน และหลายแห่งต้องปิดกิจการในที่สุด

นั่นอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในเวลานั้น แต่ก็เกิดขึ้นท่ามกลางความเคลือบแคลงว่ามีใครร่ำรวยจากค่าเงินในเวลานั้นหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เป็นบริษัทสื่อสารแห่งเดียวที่ไม่เจ๊งเพราะค่าเงิน แม้หลายคนจะพยายามโยงใยว่า ”ทนง” คือคนคุ้นเคย และเป็นคนหนึ่งที่ ”ทักษิณ” ไว้เนื้อเชื่อใจ

”ทนง” เคยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย ธนาคารเดียวที่เคยให้ความช่วยเหลือธุรกิจของ ”ทักษิณ” และ ”ทักษิณ” ก็ตอบแทนด้วยการให้นั่งเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อธนาคารทหารไทยขายหุ้นเพื่อระดมทุน ”ทักษิณ” ก็ใช้ชื่อบุตรชาย ”พานทองแท้” เข้าไปซื้อ

นั่นคือเหตุการณ์ก่อนวิกฤตค่าเงินบาท และไม่กี่วันก่อนการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทของทางการ “ทนง” ก็รู้ล่วงหน้า

ข้อครหานี้ติดตามตัวของ ”ทนง” อยู่ตลอด จนอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งที่ดูสุขม นิ่มนวล ตามสไตล์แบบชาวญี่ปุ่นอย่าง ”ทนง ซัง” เกิดอาการสะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ หากถูกสื่อมวลชนซักถามหนัก สะกิดถูกต่อมอารมณ์โกรธ ก็สวนกลับทันที

วิธีการป้องกันอย่างหนึ่งของ ”ทนง ซัง” คือมักจะเดินไปให้สัมภาษณ์ไป เพื่อพาตัวเองให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ”ทนง” ได้ชี้แจงผ่านหนังสือพิมพ์รายวัน ”มติชน” เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 เรื่อง “คำให้การ”ทนง พิทยะ ”กับการลอยตัวค่าเงินบาทปี 40” ช่วงหนึ่งว่า ”ผมหยุดความคิดใครไม่ได้ เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้” และ ”ใครบอกว่าเขาไม่ขาดทุน”

สำหรับ ”ทนง” ที่ถูกมองเห็นภาพชัดแล้วว่าเป็น ”ซูเปอร์ทนง” เพราะหลังจากนั้นก็เริ่มเป็นชื่อที่ถูกเรียกหาบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะมีตำแหน่งไหนว่างลง จนดูเหมือนว่าเขาจะทำหน้าที่ได้หลายอย่าง

ในที่สุดรัฐบาลทักษิณ 2/2 ก็ปรากฏชื่อ ”ทนง พิทยะ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548

หลังเริ่มดำรงตำแหน่ง ก็โชว์ฟอร์มเต็มที่ เริ่มตั้งแต่งานเพื่อรากหญ้า อย่างการเรียกสถาบันการเงินมาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้คนจน การสั่งแบงก์กรุงไทยเร่งปล่อยสินเชื่อ การสั่งเบรกไม่ให้ ”เบียร์ช้าง” เข้าตลาดหุ้นเป็นการชั่วคราว ที่ลดกระแสความร้อนแรงไปได้อย่างมาก

ทั้งหมดคือการเร่งปั๊มความเชื่อมั่นของพรรคไทยรักไทยให้กลับฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตามแผนการสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาล แต่ยิ่งปั๊มดูเหมือนจะยิ่งไปกันใหญ่ เมื่อปรากฏข่าวเงินคงคลังเริ่มลดลง ความเชื่อมั่นจึงยิ่งถดถอย

อาการหนักมากยิ่งขึ้นสำหรับรัฐบาลไทยรักไทย เมื่อปรากฏข่าวคนในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีขายหุ้นในบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้กองทุนเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ด้วยรายรับมูลค่าประมาณ 73,000 ล้านบาท

“ทะนง” ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยตำแหน่ง ดูแลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ที่คุมการบริหารงานกรมสรรพากร ไม่อาจหากระบวนการให้ 73,000 ล้านบาทก้อนนี้ เจียดส่วนหนึ่งเป็นภาษีให้รัฐบาลได้ ไม่อาจเอาผิดกับการซิกแซกแจ้งข้อมูล และการตั้งกองทุนแอมเพิล ริชในต่างประเทศเพื่อสลับโอนหุ้นกันไปมา เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยเอาผิดด้วยค่าปรับได้เพียงเล็กน้อยสำหรับการแจ้งข้อมูลผิดพลาดในการขายหุ้นเท่านั้น

”ซูเปอร์ทนง” ณ ปัจจุบัน ยังต้องรอโอกาสพิสูจน์ให้ได้ว่าความตั้งใจและสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้น ”เพื่อประเทศชาติ” แต่บทสรุปที่ได้ ณ เวลานี้ เขาเป็น ”ฮีโร่” ของ ”ทักษิณ” อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้

http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=50172 (http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=50172)


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-09-2007, 22:00
จะเคยรู้มั้ยเนี่ยว่า ดร.ทนง รับจ๊อบเป็นอาจารย์สอนที่มหาลัยกรุงเทพด้วย
แบบนี้จะแปลว่าเป็น ลิ่วล้อ สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้มั้ยเนี่ย  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 08:59
จินตนาการน้ำแตกได้สุดขอบเขตความมั่วจริงๆ สนธิกับทนงยังพอถูไถไปมั่ง
เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน สนธิกับทักษิณมาก็คนละทาง รู้จักกันในแวดวงธุรกิจ
ผลประโยชน์ร่วมกันนิดๆ หน่อยๆ เล่นบอกว่าซี้จนฝากทนงไปเป็นรัฐมนตรีคลัง
สมัยนั้นทักษิณใหญ่แค่ไหนกันเชียว จะว่าทักษิณสั่งชวลิตในปี 2540 ได้ด้วย
เหรอ เอาเหอะขอให้ตอนจบได้บอกว่า ทนงซิกแนลทักษิณเรื่องลดค่าเงินบาท
ก็ผูกมันได้หมด ใครเดินผ่านหน้ากันก็บอกซี้กันได้แล้ว ตรรกะซังกะบ๊วยแบบนี้
นี่เอง มิน่าถึงเชื่ออะไรเป็นตุเป็นตะไร้สาระได้อย่างงี้

ทีเรื่องหม่อมเต่านั่นแหละประชาธิปัตย์ตัวจริงเสียงจริง ยังส่งลูกไปไต่เต้าเผื่อ
ได้เป็นพ่อนายกในอนาคตอยู่โน่น ดันบอกว่าอิสระปลอดนักการเมืองไม่มีการ
แทรกแซง เอาเหตุผลอะไรคิดวะเนี่ยเห็นอยู่โด่เด่ว่าเป็นศักดินาประชาธิปัตย์
ทั้งแท่ง ตรรกะซังกะบ๊วยอีกตามเคย เห้อ :slime_bigsmile:

พูดจาหยาบคายจริง ๆ เลยน๊ะ เวลา ฟิวส์ขาดเนี่ย....จินตนาการน้ำแตก เนี่ย เค้าใช้ กับเด็กวัยรุ่น ...หรือ คุณแก๊ส ยังเป็นวัยรุ่น น้า.......

อ่าน ๆ เรื่อง ทนงค์ ที่เค้าเขียนกันมา ยังไม่ซึมซับ เข้ากระโหลกบ้างเลยหรือนี่....มันหนาจริง ๆ เน๊อะ ซึมยาก...เหลือเกิน.......

แกล้งโง่ ไม่รู้เรื่อง เรื่องทักษิณ จ้างสนธิ ถล่ม ปชป. หลังจากบิ๊กจิ๋วลาออก......เรื่องอื่น งี้ เก่งจริง ๆ ....

ความจริง...เรื่อง กระซิบ ทักษิณ ไม่มีใครบอก ทนง ไปกระซิบหรอกจ๊ะ ...เค้ารู้กันทั่วเมือง..ว่า โภคิน ที่ดันเสือกเข้าไปอยู่ในห้องประชุม ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหน้าทีเกี่ยวข้อง....ส่วนเรื่อง ลอยตัวเงิน บาท เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ โง่ ๆ หรือ แกล้งโง่ ของทนง พิทยะ ที่ดันไปประกาศลอยตัวค่าเงินบาทตอนนั้น.....ต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ลอยตัวค่าเงินบาท กับการปิดไฟแนนซ์ แล้ว ประเทศฉิบหาย กว่าที่ควรเป็นยังไง....แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ .....แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ในยุค 6 ปี ของทักษิณ มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาน้อยกว่า 3 ปี กว่า ของประชาธิปั้ตย์ ซะอีก...แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ทักษิณ มันขี้คุยขนาดไหน...ต้องให้อธิบายอีกม่ะ.........ว่า.....ทำไม.....


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-09-2007, 09:31
พูดจาหยาบคายจริง ๆ เลยน๊ะ เวลา ฟิวส์ขาดเนี่ย....จินตนาการน้ำแตก เนี่ย เค้าใช้ กับเด็กวัยรุ่น ...หรือ คุณแก๊ส ยังเป็นวัยรุ่น น้า.......

อ่าน ๆ เรื่อง ทนงค์ ที่เค้าเขียนกันมา ยังไม่ซึมซับ เข้ากระโหลกบ้างเลยหรือนี่....มันหนาจริง ๆ เน๊อะ ซึมยาก...เหลือเกิน.......

แกล้งโง่ ไม่รู้เรื่อง เรื่องทักษิณ จ้างสนธิ ถล่ม ปชป. หลังจากบิ๊กจิ๋วลาออก......เรื่องอื่น งี้ เก่งจริง ๆ ....

ความจริง...เรื่อง กระซิบ ทักษิณ ไม่มีใครบอก ทนง ไปกระซิบหรอกจ๊ะ ...เค้ารู้กันทั่วเมือง..ว่า โภคิน ที่ดันเสือกเข้าไปอยู่ในห้องประชุม ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหน้าทีเกี่ยวข้อง....ส่วนเรื่อง ลอยตัวเงิน บาท เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ โง่ ๆ หรือ แกล้งโง่ ของทนง พิทยะ ที่ดันไปประกาศลอยตัวค่าเงินบาทตอนนั้น.....ต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ลอยตัวค่าเงินบาท กับการปิดไฟแนนซ์ แล้ว ประเทศฉิบหาย กว่าที่ควรเป็นยังไง....แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ .....แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ในยุค 6 ปี ของทักษิณ มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาน้อยกว่า 3 ปี กว่า ของประชาธิปั้ตย์ ซะอีก...แล้วต้องให้อธิบายอีกม่ะ ว่า ทักษิณ มันขี้คุยขนาดไหน...ต้องให้อธิบายอีกม่ะ.........ว่า.....ทำไม.....


ทนงอยู่ไม่กี่วันเนี่ยนะจะมีความสามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้เองได้ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ
เดี๋ยวจะเอาความคิดผิดๆ ติดตัวไปจนตายลงนรกไปด้วย ต้องไปเหนื่อยเถียงกับยมบาลอีก
ส่วนเรื่องที่ว่าทักษิณจ้างสนธิถล่มปชป.นั่น ก็แป๊ะยามนรกมันเป็นคนมีคุณธรรมสูงรักชาติเป็น
เยี่ยมไม่ใช่เรอะ จะมารับจ้างแบบนี้ได้ไง คิดผิดอีกแล้ว สนธิกับทนงก็ตัดความเป็นเพื่อนกัน
แล้วด้วยหลังจาก รู้ว่าทนงมาบอกทักษิณ โดยตัดความเป็นเพื่อนเอาวันที่ 16 ธันวา 48 หลัง
จากลอยค่าเงินบาทตั้งแปดปีแน่ะ ความรู้สึกช้าจริงๆ วุ้ย สำหรับนายโภคิน เป็นมือกฎหมาย
จะไปเข้าประชุมด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าตอนนั้นโภคินอยู่พรรคไหน ก็อย่าสับสนแล้วกัน
นะ เดี๋ยวจำผิดอีกว่าอยู่ไทยรักไทยเป็นลูกน้องทักษิณตั้งกะปี 40 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 09:46
โห...ตัดความเป็นเพื่อน ตอนปี 48 เนี่ยน๊ะ.......เอามาอธิบายความ...โห...ท่านแก๊ส น่าจะใช้ชื่อเก่าจริง ๆ
ฮ่า ๆ บ้งเอิญ ผมเป็นคนติดตามเรื่องนี้ แบบวันต่อวันเลย คร๊าบบบบ...เลยจำแม่นหน่อย.....ทนงค์ ให้สัมภาษณ์ ทีวี หลังจาก ลอยตัวค่าเงินบาท.. พูดชัดครับว่า..ตั้งใจลอยตัวค่าเงินบาท......คิดไม่ผิดหรอกจ๊ะ.....เคยไปนรกมาแล้ววววว  หลังจาก ทนงค์ มันไปลอยตัว นั่นแหละ ฮ่า ๆ ๆ....อย่าสงสัย ว่าทำไมจำแม่น...แถมให้อีกหน่อย..ก่อนหน้า IMF ทนงค์ ไปอ้อนวอนญี่ปุ่นมาแล้วจ๊ะ...แต่อด....

อ้อ...เคยได้ยินเรื่อง บิ๊กจิ๋ว เปิดแชมเปญ ฉลอง กับเริงชัย ม่ะ.....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 10:00
ว้า...ลืมไป ทนงค์ ลอยตัวค่าเงินบาท หลังจากตกลง กู้เงิน  IMF จ๊ะ.........ไม่มีทางเลือก...ตังหมดเก๊ะ

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-09-2007, 10:10
โห...ตัดความเป็นเพื่อน ตอนปี 48 เนี่ยน๊ะ.......เอามาอธิบายความ...โห...ท่านแก๊ส น่าจะใช้ชื่อเก่าจริง ๆ
ฮ่า ๆ บ้งเอิญ ผมเป็นคนติดตามเรื่องนี้ แบบวันต่อวันเลย คร๊าบบบบ...เลยจำแม่นหน่อย.....ทนงค์ ให้สัมภาษณ์ ทีวี หลังจาก ลอยตัวค่าเงินบาท.. พูดชัดครับว่า..ตั้งใจลอยตัวค่าเงินบาท......คิดไม่ผิดหรอกจ๊ะ.....เคยไปนรกมาแล้ววววว  หลังจาก ทนงค์ มันไปลอยตัว นั่นแหละ ฮ่า ๆ ๆ....อย่าสงสัย ว่าทำไมจำแม่น...แถมให้อีกหน่อย..ก่อนหน้า IMF ทนงค์ ไปอ้อนวอนญี่ปุ่นมาแล้วจ๊ะ...แต่อด....

อ้อ...เคยได้ยินเรื่อง บิ๊กจิ๋ว เปิดแชมเปญ ฉลอง กับเริงชัย ม่ะ.....

เป็นเด็กเสริฟในนั้นเหรอ ถึงไปได้ยินมาได้  :slime_bigsmile:

ว้า...ลืมไป ทนงค์ ลอยตัวค่าเงินบาท หลังจากตกลง กู้เงิน  IMF จ๊ะ.........ไม่มีทางเลือก...ตังหมดเก๊ะ

ลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เข้าโครงการขอความช่วยเหลือกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 10:22
เป็นเด็กเสริฟในนั้นเหรอ ถึงไปได้ยินมาได้  :slime_bigsmile:


ฮ่า....สงสัย สมัยก่อน อ่าน แต่หนังสือโป๊ ไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์ ....เค้าเขียน กันอยู่หลายวันจ๊ะ........ว้า งี้ เถียงไม่มันเลย


ลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เข้าโครงการขอความช่วยเหลือกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540

.......โครงการกู้เงิน IMF เค้าคุยกันแป๊บเดียวเหรือจ๊ะ....2 กค ถึง 14 สค. มันแค่เดือนเศษ......โห..ไม่น่า เชื่อ.....ไม่ใช่ ไปโรงจำนำน๊ะ แปะโป้ง เขียนเอกสาร แป๊บเดียวเสร็จ.....ว่า คิดได้แค่เนี้ย...เถียงไม่หนุกเด้

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 18-09-2007, 10:53
.......โครงการกู้เงิน IMF เค้าคุยกันแป๊บเดียวเหรือจ๊ะ....2 กค ถึง 14 สค. มันแค่เดือนเศษ......โห..ไม่น่า เชื่อ.....ไม่ใช่ ไปโรงจำนำน๊ะ แปะโป้ง เขียนเอกสาร แป๊บเดียวเสร็จ.....ว่า คิดได้แค่เนี้ย...เถียงไม่หนุกเด้

 :slime_smile:

โอ้โห555555ต่อยอัปเปอร์คัท ดอกนี้นายประหยัดถึงกับลงไปนอน ให้กรรมการนับ นายประหยัดเตรียมตัวลุกขึ้นมาเอาคืนด้วยหมัดพลังสีข้าง55555จะรับมืออย่างไรโปรดชมตามต่อไอเด้อ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 18-09-2007, 12:10
โอ้โห นายประหยัดนักมวยฝ่ายแม้ว เจอ555555นักมวยฝ่ายไทยต่อยซะปล่อยพลังหมัดสีข้างไม่ได้โดนกรรมการนับ10น๊อกไปแล้วครับผม :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-09-2007, 14:50
.......โครงการกู้เงิน IMF เค้าคุยกันแป๊บเดียวเหรือจ๊ะ....2 กค ถึง 14 สค. มันแค่เดือนเศษ......โห..ไม่น่า เชื่อ.....ไม่ใช่ ไปโรงจำนำน๊ะ แปะโป้ง เขียนเอกสาร แป๊บเดียวเสร็จ.....ว่า คิดได้แค่เนี้ย...เถียงไม่หนุกเด้

 :slime_smile:

21 มิถุนายน 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้นายทนง พิทยะ
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แทนนายอำนวย วีรวรรณ ที่ลาออกไป โดยครั้งนั้น นายทนง
ได้ดำเนินการเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือการลดค่าเงินบาท เมื่อวันที่
2 กรกฎาคม 2540 หรือหลังจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ 11 วัน และการปิดสถาบัน
การเงิน 56 แห่งเป็นการชั่วคราว

อ้างจาก: 55555
เรื่อง ทนง มีวิสัยทัศน์ ก็คงต้องคิดใหม่ เพราะ ถ้ามีวิสัยทัศน์ จริง ก็ ไม่ควร Float เงินบาท เรื่องนี้ ผมเคยพูดหลายครั้งแล้ว

อ้าวติดตรรกะตัวเองซะแระ ทนง ทำงานแค่ 11 วัน ยังตัดสินใจเรื่องใหญ่ Float เงินบาทได้
กะ ....2 กค ถึง 14 สค. มันแค่เดือนเศษ ทำไมซุปเปอร์ทนงจะทำไม่ได้หละจ๊ะ เวลามาก
กว่ากันตั้งเยอะ ป๊อก น็อคปลายคางเยย กิ๊ก กิ๊ก :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 18:56
5555.....ไม่น่าเชื่อ ว่า จะคิดได้เพียงเท่านี้ ....ถ้ามีความสามารถ รื้อข่าว เก่า ๆ ดู ก็ ไป ดูบาทสัมภาษ์.....ทนงค์ พิทยะ...ยืนยัน ภูมิอก ภูมิใจ เรื่องลอยตัวค่าเงินบาท....เป็นรัฐมนตรีคลังในยุคนั้น ไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ เรื่องลดค่าเงินบาท แล้วให้ใครตัดสินใจจ๊ะ....บิ๊กจิ๋ว เหรอ...55555....อย่าบอกน๊ะ ว่าเริงชัย เด๋ว ผมขำตกเก้าอี้.....ถ้าบอกบิ๊กจิ๋ว...หัวใจวายเลย  :slime_bigsmile:

วันที่ 14 สิงหาคม เป็นวันที่ เซ็น LOI ฉบับที่ 1 จ้า...ไม่ใช่วันที่เจรจาเสร็จ........อย่าบอกน๊ะ ว่า ตกลงปุ๊บ เซ็นต์ปั๊บ.... ก็บอกแล้ว ว่า ทักษิณ ส่งเข้าประกวด.....ไม่ลอยค่าเงินบาทได้ไง....ไหนขอดูหมัดน๊อคอีกทีซิเมื่อกี้ วืดคาง

เหอ ๆ เก่งด้วยน๊ะ ลอยตัวค่าเงินบาท เสร็จ ปุ๊บ ปิด ไฟแนนซ์ อีกต่างหาก


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 18-09-2007, 19:01
โอ้โหมะกี้ไปสู้รบกับตุ๊ดจ๊ะอยู่สนามมวยทางนี้ช่างดุเดือดเหลือเกิน 

นักมวยฝ่ายแม้วตื่นขึ้นมายิงหมัดใส่555555
แต่โชคดีบล๊อกใว้ได้ทันแล้วเกมส์จะเป็นอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 18-09-2007, 19:06
งานอดิเรกดชอบแถ เกิดมาเพื่อแถ ภวสันดานเพื้อแถ

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 18-09-2007, 19:09
* มาเชียร์พี่ 55555  คร๊าบบบผม

   อยากเห็น  ชอบแถ  ....  น็อค   คา กระทู้  เป็นที่สุด   :slime_v: :slime_v: :slime_v:




หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-09-2007, 19:15
ไหนลองบอกหน่อยซิ วิสัยทัศน์ แบบไหนหว่า ที่ ปิดไฟแนนซ์ ...ต่างชาติเชื่อถือแบบไหนว่า เงินไหลออกเอา ไหลออกเอา...ไหนลองบอกหน่อยดิ...ทักษิณ มันเก่งตรงไหนหว่า ไม่เห็นมีเงินทุนไหลเข้ามากกว่า ชวน 2 เลย.........หลงโดนพาออกนอกประเด็นไปซะตั้งนาน...5555  ...เข้าเรื่องซะทีเดะ คุณแก๊ส....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 18-09-2007, 19:38
* มาเชียร์พี่ 55555  คร๊าบบบผม

   อยากเห็น  ชอบแถ  ....  น็อค   คา กระทู้  เป็นที่สุด   :slime_v: :slime_v: :slime_v:
มันก็ไหลไปเรื่อยนั่นแหละพี่เอ้

หมออโล ฟันธง ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ จบเห่


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 18-09-2007, 19:47
มันก็ไหลไปเรื่อยนั่นแหละพี่เอ้

หมออโล ฟันธง ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ จบเห่

ถูกต้องเลยครับมะกี้ต่อยกะตุ๊ดจ๊ะมามันเปลี่ยนประเดนบ่อยเหลือเกินแถมยิงพลังหมัดสีข้างใส่ค่อยอีกมึนหละคับพี่น้อง
ต้องดูต่อไปว่าแก๊สเน่าจะแถได้หรือไม่ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: เหยี่ยวพิฆาต ที่ 18-09-2007, 22:51
เป็นหนี้เพราะอะไร
การลดค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งใช่ไหม ใครได้ประโยชน์

การใช้หนี้เอาเงินใครไปใช้วะ  เงินของประเทศ ของกรูด้วยนี่หว่า
กรูใช้หนี้เฟ้ย ไอ้เบื้อก


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 18-09-2007, 23:40
เป็นหนี้เพราะอะไร
การลดค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งใช่ไหม ใครได้ประโยชน์

การใช้หนี้เอาเงินใครไปใช้วะ  เงินของประเทศ ของกรูด้วยนี่หว่า
กรูใช้หนี้เฟ้ย ไอ้เบื้อก



      :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-09-2007, 06:52
ไหนลองบอกหน่อยซิ วิสัยทัศน์ แบบไหนหว่า ที่ ปิดไฟแนนซ์ ...ต่างชาติเชื่อถือแบบไหนว่า เงินไหลออกเอา ไหลออกเอา...ไหนลองบอกหน่อยดิ...ทักษิณ มันเก่งตรงไหนหว่า ไม่เห็นมีเงินทุนไหลเข้ามากกว่า ชวน 2 เลย.........หลงโดนพาออกนอกประเด็นไปซะตั้งนาน...5555  ...เข้าเรื่องซะทีเดะ คุณแก๊ส....

 :slime_smile:

"มติชน" ได้มีโอกาสพบนายทนง พิทยะ และสนทนาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการตัดสินใจลดค่าเงินบาท การปิดสถาบันการเงิน รวมไปถึงกรณีที่มีข่าวว่าธุรกิจสื่อสารบางแห่งได้รับผลประโยชน์จากการเก็งกำไรค่าเงินบาท และนี่คือรายละเอียดจากปากคำของผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น

- อยากให้เล่าเหตุการณ์ในการตัดสินใจลดค่าเงินบาท เมื่อปี 2540 ว่าเป็นอย่างไร

คือหลังจากที่ผมได้รับโปรดเกล้าฯ ก็ได้ไปพูดคุยกับคุณอำนวย วีรวรรณ (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) ท่านบอกว่ามีเรื่องที่ฝากให้ทำต่อ คือเรื่องการลดค่าเงินบาท เพราะในระหว่างที่ท่านเป็นรัฐมนตรีนั้น ในที่ประชุมเรื่องนี้มีความเห็นขัดแย้งกัน 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าต้องมีการลดค่าเงินบาท แต่อีกฝ่ายหนึ่งยืนยันว่ายังไม่ต้อง

อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 หลังจากประชุมสภาเสร็จ ผมก็ได้รับแจ้งจากผู้ว่าการ ธปท.(นายเริงชัย มะระกานนท์) ให้เดินทางไปประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สถานที่ประชุมคือวังมัจฉา ครั้งนั้น ธปท.ได้แสดงฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ ว่าเหลืออยู่เพียง 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นทุนสำรองของฝ่ายออกบัตรที่ต้องใช้หนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรประมาณ 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับเราเหลือทุนสำรองที่ไร้ภาระเพียง 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่พอรับมือหากเกิดเหตุอะไรขึ้น

ผมรับฟังแล้วก็บอกแบงก์ชาติว่า ให้ไปคิดมาว่าจะทำอย่างไร ระหว่างการขยายแบนด์หรือลอยตัวค่าเงินบาท

พอวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2540 ผู้ว่าการ ธปท. ก็โทรศัพท์มาบอกผมว่า ธปท.ได้หารือกันแล้วตกลงใจที่จะลอยตัวค่าเงินบาท แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะทำเมื่อไหร่ ผมก็บอกว่าให้ไปทำเรื่องมา

พอวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 บิ๊กจิ๋ว(พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) จะต้องออกทีวีเพื่อแถลงผลงานของรัฐบาล ท่านก็มาถามผมว่า จะให้พูดยังไงดี เพราะเรื่องนี้แม้นายกฯจะรู้ว่าจะต้องลอยตัวค่าเงินบาทแน่ๆ แต่ก็พูดไม่ได้ ต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด จนกว่าจะประกาศจริง

ผมก็บอกท่านว่า ให้พูดว่าจะยังไม่มีการลดค่าเงินในขณะนี้ เราพูดว่ายังไม่ลด ไม่ได้บอกว่าจะไม่ลดนี่ ก็ให้พูดอย่างนี้ไป ตอนนั้นก็ถือว่าท่านรู้แล้วว่าจะต้องทำ แต่ไม่รู้ว่าวันไหนแค่นั้นเอง

ส่วนผมเองก็คิดหนักเหมือนกันว่าจะประกาศลอยตัววันไหน ตอนนั้นคิดถึงขั้นว่าจะให้ธนาคารพาณิชย์ปิดทำการวันที่ 30 มิถุนายน แล้วประกาศ แต่เผอิญวันนั้นแบงก์ต้องปิดบัญชีงวดครึ่งปี จะยุ่งมากปิดแบงก์ไม่ได้ ก็พอดีว่าวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันหยุดครึ่งปีของแบงก์ ไม่มีใครทำงานอยู่แล้ว ซึ่งวันนั้นมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พอประชุมเสร็จ คุณเริงชัย กับ ดร.ศิริ(นายศิริ การเจริญดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.ขณะนั้น) ก็มาขอพบบิ๊กจิ๋ว เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่าจะประกาศลอยตัวค่าเงินบาท วันที่ 2 กรกฎาคม

- พล.อ.ชวลิตว่าอย่างไร

บิ๊กจิ๋ว ถามว่า จริงหรือน้อง?

ผมก็บอกว่า เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

พอวันที่ 2 กรกฎาคม แบงก์ชาติก็โทร.หานายแบงก์ตั้งแต่เช้ามืด ตี 4 ได้มั้ง เรียกนายแบงก์ทุกคนมาที่แบงก์ชาติ แล้วประกาศลอยตัวค่าเงินบาท

ส่วนเรื่องการปิด 56 ไฟแนนซ์นั้น ความตั้งใจของผมคือปิดชั่วคราว เพื่อหยุดการถอนเงินออกจากแบงก์ เพราะตอนนั้นเงินไหลออกจากแบงก์วันละ 2 หมื่นล้านบาท ถ้าไม่ทำอะไรแย่แน่ ตอนนั้นเราตั้งใจว่าจะแยกสินทรัพย์ดี สินทรัพย์เสียออกจากกัน ออกเป็น Good Bank กับ Bad Bank แล้วเอา Good Bank มารวมกัน อาจจะตั้งเป็นธนาคารขึ้นก็ได้ ก็ให้คุณบันเทิง(นายบันเทิง ตันติวิทย์) เป็นคนไปศึกษา

- แสดงว่า พล.อ.ชวลิตทราบมาตลอดว่าจะต้องมีการลดค่าเงินบาท

ท่านรู้ตลอดแหละ เพราะมันมีบทศึกษามากมาย เอกสารของไอเอ็มเอฟ(กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) ก็ระบุไว้ แต่ท่านพูดไม่ได้

นี่ไงบทสัมภาษณ์ มันเป็นทางอยู่แล้วที่ต้องลดมาตั้งแต่สมัยดร.อำนวยโน่น เพราะทุนสำรอง
มันหมด เพียงแต่ว่ารอพระเอกทนงมาฟันธง(พร้อมกับรับผิดชอบ)เท่านั้นเอง จะมีทางเลือกอื่น
ได้ไง ไม่รู้ว่าอ่านบทสัมภาษณ์แล้วไม่เก็ทหรือป่าวเนี่ย ถึงคิดว่า 11 วันทนงตัดสินใจเองได้หมด

เน้นย้ำแบบไร้หลักฐานเหลือเกินว่าทักษิณส่งเข้าประกวด ไม่รู้จะจินตนาการน้ำแตกไปถึงไหน
หลักฐาน หรือเหตุการณ์ประกอบเป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่มีซักอย่าง แค่ว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ
วิสัยทัศน์ดีประกันความเสี่ยงไว้ ไม่เสียหายมากแต่ก็ยังเสียหายอยู่ดี แล้วทนงเคยสนิทกับ
ทักษิณแค่นี้ ก็เหมาส่งเดชแบบว่าสาวๆ ผ่านหน้าทักษิณแล้วทักทายหน่อยก็ต้องเป็นเมียน้อย
อะไรทำนองนั้น หาหลักฐานมาสิถ้าแน่จริง เอามาดูหน่อยซิ เหอ เหอ  :slime_bigsmile:

ว่าแล้วก็ป๊อกอีกหมัดตรงปลายคางหงายท้องร้องเอ๋ง ครางว่า ผมไม่มีหลักฐานคร้าบ โม้เอามันส์เจ๋ยๆ  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 19-09-2007, 09:53


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 19-09-2007, 10:08


มันต้องได้อย่างนี้ซิ ถึงค่อยเรียกว่าคุณแก๊ส ตัวจริง.....อุตส่าห์หาบทสัมภาษณ์ ตามเรียกร้อง....โอย มันเป็นหมัดน๊อคจริง ๆ ด้วย........ฮ่า ๆ ที่นี้ จะได้ดูวิสัยทัศน์ ของพระเอก ทนงค์ ของ คุณแก๊ส ฯ ก่อน     :slime_v:


ผมรับฟังแล้วก็บอกแบงก์ชาติว่า ให้ไปคิดมาว่าจะทำอย่างไร ระหว่างการขยายแบนด์หรือลอยตัวค่าเงินบาท

บทสัมภาษณ์ ของทนงค์ ข้างบน บอกได้อย่างดี ว่า แบ็งค์ชาติเป็นคนให้ความเห็น แต่ทนงค์ เป็นคนตัดสินใจ........"ผมก็บอกว่า เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"....ทนงค์ ตอบ บิ๊กจิ๋ว......ที่นี้ คงไม่ต้องสงสัยแล้วน๊ะ ว่า แบ็งค์ชาติตอนนั้นยังอยู่ใต้อุ้งตีน นักการเมือง......[/b]


ทีนี้คงรู้แล้วนะ ว่าใครเป็นคนตัดสินใจ ลอยตัวค่าเงินบาท.......ไม่ต้องเถียงกันอีก....ไม่รู้ว่า คุณแก๊ส ฯ รู้จัก คำว่า ลอยตัว ค่า เงินบาท กับ ลดค่าเงินบาท แค่ไหน...ถ้าไม่รู้ ก็ไปหมั่นศึกษาหาความรู้ไว้เยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องออกหมัดวืดบ่อย ๆ........

ในเวลานั้น ก่อน การลอยตัวค่าเงินบาท เรา ก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่า มีการเข้ามาถล่มกันอย่างหนัก แล้วมีการสู้จนถึงขนาด ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศแทบไม่เหลือ......แล้วก็ยังมีการไหลออกของเงินต่างประเทศ ไม่หยุดอยู่จนแบ็งค์ชาติรับไม่ไหว........ต้องตัดสินใจทำอย่างหนึ่งอย่างใด.....ทนงค็ ตัดสินใจ เลือกใช้วิธี ลอยตัวค่าเงินบาท


ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........

หลังจาก ประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท.....เงินบาท ลอยตัวไม่หยุด กำลัง ทะยานขึ้นสู่ดาวอังคาร....บรรดาเจ้าหนี้ ต่างประเทศ ซึ่ง ไม่รู้ว่าเงินบาท จะไปหยุดตรงไหน...ลูกหนี้จะมีปัญญาจ่ายหรือปล่าว ก็เร่งเรียกหนี้คืน ...ยิ่ง เป็นปฏิกริยาเร่งให้ บรรดา แบ็งค์ ไฟแนนซ์ ขาดทุน ระเนระนาด.....ที่นี้ ละ พ่อคุณเอ๋ย..........

บรรดา สถาบันการเงิน ต้องเอาตัวรอด แบบ ตัวใคร ตัวมัน....เร่งลดสินเชื่อ เร่งลดวงเงิน...เร่งทวงหนี้ที่ยังไม่ถึงเวลาชำระ ขึ้นดอกเบี้ย เก็บค่าปรับจ่ายช้า ......แล้วไงต่อ......เช็คที่จ่ายออกไป ก็เริ่ม เด้ง จาก การค้าใหญ่ อย่างพวกวัสดุก่อสร้าง.....เมื่อเก็บเงินจากบริษัทฯ ก่อสร้างไม่ได้......บริษัท ฯ ค้าวัสดุก่อสร้าง ก็เริ่มเด้งต่อ ไปที่ ผู้ผลิต ..ผู้ผลิต ก็ไปเด้งต่อ ผู้ขายวัตถุดิบ......ไม่พอ ยังมีพวก ไม่เบี้ยว ไม่หนี่ ไม่จ่าย ลอยหน้า ลอยตาในสังคม.อีก...นีเป็นตัวอย่างเดียวน๊ะ เนี่ย.....คงไม่ต้องหาหลักฐานหรอก...อยากรู้เดินเข้าไปถามร้านค้าใกล้บ้านได้เลยจ๊ะ

หนักว่านั้น...ทนงค์ บอกปิดไฟแนนซ์ เพื่อหยุดการไหลออกของเงิน......อันนี้ ดาบสอง....ฟันคอขาดเลยจ๊ะ......ไม่ว่า จะปิด ชั่วคราวเพียงแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เครดิตไลน์ในตลาด ก็เละแล้วจ๊ะ....เคยเขียนเช็คล่วงหน้าป่ะ

ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555


 :slime_smile:

ปล. ไหน ๆ อุตส่าห์ หาบทสัมภาษณ์ มาให้ ชาวเสรีไทยได้อ่าน กันแล้ว....รบกวนอีกหน่อยดิ...ลองหาดูอีกที ว่าผมเขียน คำว่า "ลดค่าเงินบาท" ไว้ตรงไหนมั่ง....55555

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-09-2007, 10:42
เอาหละคร้าบ เล่นคำแล้วคร้าบพี่น้อง ลอย กะ ลด จะลอยหรือลดมันก็
เจ๊งทั้งคู่ ไปพ้นยี่สิบห้าบาททั้งนั้น เวลาพูดกันสั้นๆ เค้าก็ใช้คำว่าลดเพื่อ
ไม่ให้สับสน เนื่องจากลอยเป็นวิธีหนึ่งของการลด คือ ลดแบบไม่ผูกติด
ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าจะมาโม้ว่า ลอย ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง มันก็เหมือนกับ
การเห่าข้างสนามหลังบอลแพ้ ถ้าอยู่ในเกมส์จริงๆ จะบอกว่าให้ลดค่า
เงินไปไว้ที่เท่าไหร่ คงบอกไม่ได้หรอก เพราะว่าพวกหากินกะค่าเงินมัน
คงยังเล่นไม่เลิก ถ้าผูกไว้แข็งเกินไปมันก็มาโจมตีอีกเรื่อยๆ ถ้าโดนโจม
ตีแล้วลดมันเรื่อยๆ มันก็คงไม่ต่างกะลอยทิ้งไปตามยถากรรมแต่ต้น

ตัดสินใจแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว หรือว่า 55555 คิดว่าเก่งกว่าทนง ไม่เอา
น่า อยู่ในบอร์ดยังโดนติดแก๊สสอยซะล้มลุกคลุกคลาน อย่าเพ้อเลยนะ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 19-09-2007, 10:48
เอาหละคร้าบ เล่นคำแล้วคร้าบพี่น้อง ลอย กะ ลด จะลอยหรือลดมันก็
เจ๊งทั้งคู่ ไปพ้นยี่สิบห้าบาททั้งนั้น เวลาพูดกันสั้นๆ เค้าก็ใช้คำว่าลดเพื่อ
ไม่ให้สับสน เนื่องจากลอยเป็นวิธีหนึ่งของการลด คือ ลดแบบไม่ผูกติด
ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าจะมาโม้ว่า ลอย ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง มันก็เหมือนกับ
การเห่าข้างสนามหลังบอลแพ้ ถ้าอยู่ในเกมส์จริงๆ จะบอกว่าให้ลดค่า
เงินไปไว้ที่เท่าไหร่ คงบอกไม่ได้หรอก เพราะว่าพวกหากินกะค่าเงินมัน
คงยังเล่นไม่เลิก ถ้าผูกไว้แข็งเกินไปมันก็มาโจมตีอีกเรื่อยๆ ถ้าโดนโจม
ตีแล้วลดมันเรื่อยๆ มันก็คงไม่ต่างกะลอยทิ้งไปตามยถากรรมแต่ต้น

ตัดสินใจแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว หรือว่า 55555 คิดว่าเก่งกว่าทนง ไม่เอา
น่า อยู่ในบอร์ดยังโดนติดแก๊สสอยซะล้มลุกคลุกคลาน อย่าเพ้อเลยนะ :slime_bigsmile:

55555......โห โดนติดแก๊ส สอยร่วงมาหลายทู้แล้ว  :slime_bigsmile:...

ไม่ใช่ เก่งกว่า ทนงค์ แต่ ทนงค์ มันตัดสินใจผิด แล้วดันมาคุยว่าเก่งนีเดะ....แล้วยังมีคนก้มหัวงุ๊ด พยักหน้าหงึก ๆ บอกเก่งอีก...โห....เหลือเชื่อจริง ๆ ว่า มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์มาเล่น......ทนงค์ พูดออกทีวี จ๊ะ ว่าอยากเห็น 29 บาท ต่อดอลล่าห์......

เงินบาท 29  ต่อ 1 ดอลล่า กับ 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์ มันมีผลต่างกันจ๊ะ ไม่รู้จริง อ่ะ สงสัยไม่รู้แหง ๆ


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-09-2007, 11:30
55555......โห โดนติดแก๊ส สอยร่วงมาหลายทู้แล้ว  :slime_bigsmile:...

ไม่ใช่ เก่งกว่า ทนงค์ แต่ ทนงค์ มันตัดสินใจผิด แล้วดันมาคุยว่าเก่งนีเดะ....แล้วยังมีคนก้มหัวงุ๊ด พยักหน้าหงึก ๆ บอกเก่งอีก...โห....เหลือเชื่อจริง ๆ ว่า มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์มาเล่น......ทนงค์ พูดออกทีวี จ๊ะ ว่าอยากเห็น 29 บาท ต่อดอลล่าห์......

เงินบาท 29  ต่อ 1 ดอลล่า กับ 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์ มันมีผลต่างกันจ๊ะ ไม่รู้จริง อ่ะ สงสัยไม่รู้แหง ๆ

 :slime_smile:

โธ่ ก็แค่ว่า อยากเห็น จะเอาอะไรนักหนา จับผิดเล็กน้อยนี่หว่า คนเรามันก็ต้องมีความหวังเหมือนอย่างที่ว่า
ความหวังคือเข็มทิศ แต่ความเน่าของประเทศเพราะประชาธิปัตย์วางรากฐานไว้มันไม่อำนวย ก็ต้องปล่อยไป
ตามความเป็นจริง

I have a dream. His desire for a future where people and elites would coexist harmoniously as equals.


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-09-2007, 11:32
โธ่ ก็แค่ว่า อยากเห็น จะเอาอะไรนักหนา จับผิดเล็กน้อยนี่หว่า คนเรามันก็ต้องมีความหวังเหมือนอย่างที่ว่า
ความหวังคือเข็มทิศ แต่ความเน่าของประเทศเพราะประชาธิปัตย์วางรากฐานไว้มันไม่อำนวย ก็ต้องปล่อยไป
ตามความเป็นจริง

I have a dream. His desire for a future where people and elites would coexist harmoniously as equals.

เล่นง่าย ตอบง่าย แต่.......


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 19-09-2007, 11:59
โธ่ ก็แค่ว่า อยากเห็น จะเอาอะไรนักหนา จับผิดเล็กน้อยนี่หว่า คนเรามันก็ต้องมีความหวังเหมือนอย่างที่ว่า
ความหวังคือเข็มทิศ แต่ความเน่าของประเทศเพราะประชาธิปัตย์วางรากฐานไว้มันไม่อำนวย ก็ต้องปล่อยไป
ตามความเป็นจริง

I have a dream. His desire for a future where people and elites would coexist harmoniously as equals.

เอ้า...จบกัน...
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-09-2007, 15:45
เท่าที่เคยติดตามข่าวสารบ้านเมืองมา ไม่เคยเห็นบทวิเคราะห์วิจารณ์ของใครยกย่องชมเชยทนง
ในรอบสิบกว่าปีมานี้เพิ่งมีคุณอยากประหยัดฯ เป็นคนแรก .. แต่สำหรับคุณก็ไม่เหลือเชื่อหรอก   :slime_smile:

อ่านบทสัมภาษณ์อะไรที่เอามาลง ก็เห็นได้ชัดว่าทนงไม่ได้ทำอะไรที่แสดงฝีมือเลยในช่วงนั้น
และความจริงก็ไม่เคยเห็นผลงานดีเด่นอะไรที่ไหนทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ที่เข้าไปรับตำแหน่ง
รัฐมนตรีคลังต่อจาก ดร.อำนวย ก็เหมือนกับมารับงานเฉพาะกิจที่รู้อยู่แล้วคือเซ็นลอยค่าเงินบาท
จะเรียกว่าเป็นฟรีแลนซ์มารับจ็อบได้ไหมนี่
ผลงานทั้งหมดตั้งแต่ลอยค่าเงิน จนถึงปิดไฟแนนซ์ กู้เงิน IMF แสดงความมี วิสัยทักษณ์จริงๆ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 19-09-2007, 19:18
กลับมาอ่านอีกที ยื่นคางเข้ามาก่อนเลยครับ กะว่า จะเจอหมัดน๊อค....ไม่ยักมีแฮะ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 19-09-2007, 20:49
ถ้าไม่มี ทนง ป่านนี้ไม่มีแซนวิชอร่อยๆของ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 19-09-2007, 20:58
โอ้โหกลับมาอีกทีที่เวทีมวยฝั่งนี้  นักมวยประหยัดยิงปืนใส่ตัวเองซะงั้น แหมทำไปได้ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 21-09-2007, 07:08
*  อ่ะ ....  มาดันกระทู้ให้  รอ  ชอบแถ .... มาตอบ
    แต่ ไม่ยักกะมาแฮะ ....   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 21-09-2007, 08:49
มาปูเสื่อ นั่งชันเข่า เกาคางรอ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-09-2007, 09:10
เอ้า...จบกัน...
 :slime_smile:

มารออะไรไม่ทราบ อ่านไม่ออกเรอะ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 21-09-2007, 09:27
^
^
^
^
^
ยังไม่รู้ตัวอีกพูดไรออกไป :slime_bigsmile:  บอกได้คำเดียวว่าควายล้วนๆเลยหละ


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 21-09-2007, 12:12
*  ตายแล้ว ...  แถกสุด ๆ เลยนะเนี่ยข้อความนี้

มารออะไรไม่ทราบ อ่านไม่ออกเรอะ  :slime_bigsmile:

* ก็พี่เค๊าบอกแล้วไงว่า .........

กลับมาอ่านอีกที ยื่นคางเข้ามาก่อนเลยครับ กะว่า จะเจอหมัดน๊อค....ไม่ยักมีแฮะ

 :slime_bigsmile:

*  ม่ายมีปัญญา แถก  ในเรื่องที่พี่เค๊าถามละสิเนี่ยยย...  5555    :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-09-2007, 13:03
*  ตายแล้ว ...  แถกสุด ๆ เลยนะเนี่ยข้อความนี้

* ก็พี่เค๊าบอกแล้วไงว่า .........

*  ม่ายมีปัญญา แถก  ในเรื่องที่พี่เค๊าถามละสิเนี่ยยย...  5555    :slime_smile2:

เรื่องอะไร 29 บาทนั่นเหรอ รู้ได้ไงว่าล็อคไว้ที่ 29 บาท ไม่โดนถล่มต่อจนต้องลดแล้วลดอีกไปถึงห้าสิบกว่าบาท
ลอยตัวก็ดีแล้วไง ที่ถามมาเนี่ย ลอยไม่ไหวเหรอเจ๊  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 21-09-2007, 19:41
บอกแล้ว จะแก้ต่างให้ ก๊วนทักษิณ ต้องหมั่นหาความรู้ให้มากเข้าไว้......ลด กับ ลอย ตัว เงิน บาท.....มันให้ผลต่างกันครับ ลองไปอ่านบทความวีรพงษ์ ที่เอามาแปะ ช่วงต้น ๆ ตอนแถ ไม่ออก...อย่าเอาแต่แปะ ลองดูเนื้อหา แล้ว ทำความเข้าใจซะหน่อย....ไม่ใช่ เห็นชื่อ เห็นหัวเรื่อง ก็โดด ก๊อป เลย...

เ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 22-09-2007, 10:02
คราวนี้ย้อนกลับไปดูเรื่องเงินกู้ IMF กันบ้างทั้ง package จะเป็นเงินรวมกัน 17,000 กว่าล้าน USD
โดยมาจากหลายๆ แหล่ง มีวงเงินต่างๆ กันคือ

1. IMF                                วงเงิน 4,000 ล้าน USD
2. JEXIM                            วงเงิน 4,000 ล้าน USD
3. Regional Central Banks   วงเงิน 6,500 ล้าน USD
4. World Bank                     วงเงิน 1,200 ล้าน USD
5. ADB                                วงเงิน 1,500 ล้าน USD

โดยรายการที่ 1 , 2 และ 3 มีกำหนดเบิกจ่ายให้เป็น 12 งวด และประเทศไทยเบิกจริงเพียง 8 งวด

ที่สำคัญคือ .. ใน 2 งวดแรกที่มีจำนวนเงินมากที่สุดนั้น ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ชวลิต
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าเงินงวดที่ 2 จะมาเบิกจ่ายในเดือนแรกๆ
ของรัฐบาลชวน 2 ก็ตาม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
งวดที่ 1   1,618(IMF) + 1,664(JEXIM) + RegionalCentralBanks(2,200) = 5,482 ล้าน USD
งวดที่ 2      809(IMF) +    744(JEXIM) + RegionalCentralBanks(1,000) = 2,553 ล้าน USD

รวมกู้จากสมัยชวลิต+ทักษิณ+ทนง+สมคิด = 5,482+2,553 = 8,035 ล้าน USD


งวดที่ 3 ถึง งวดที่ 8 สมัยชวน 2

IMF                           = 270+133+137+141+135+134            =     950.0 ล้าน USD
JEXIM                       = 253+117+122+146+136+138             =     912.0 ล้าน USD
RegionalCentralBanks   = 740+582+226+209.8+187.25+192.25 =  2,137.3 ล้าน USD

รวมกู้จากสมัยชวน2      = 950+912+2137.3 = 3999.3 ล้าน USD
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.bot.or.th/BOTHomepage/BankAtWork/AboutBOT/InternationalAffairs/InterCentralBank/IMF/8-11-2000-Th-i/imf.htm


ผมเอา ข้อมูลของคุณจี ฯ มาพ่วงอีก จะได้รู้ และ เข้าใจ บทความบิดเบือน หลอกล่อ  ของนายวีระพงษ์ รามางกูร   ...ครับ.....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 22-09-2007, 14:30
ไม่มีอะไร มาดันให้มันอยู่สูงๆเฉยๆ

แบบว่ากลัวมันตกลงไปอ่ะ  :slime_smile2:


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-09-2007, 14:46
ผมเอา ข้อมูลของคุณจี ฯ มาพ่วงอีก จะได้รู้ และ เข้าใจ บทความบิดเบือน หลอกล่อ  ของนายวีระพงษ์ รามางกูร   ...ครับ.....

สับสนอะไรในชีวิตหรือเปล่า อ่านหัวข้อกระทู้ใหม่อีกทีก็ดีนะ

ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส

ไม่ได้พูดถึงเรื่องการสร้างหนี้ ซักหน่อย  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 22-09-2007, 15:00
 :slime_bigsmile: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 22-09-2007, 16:34
ตกลงก็สรุปได้ว่าคุณอยากประหยัดไม่เถียงเรื่องใครสร้างหนี้  :slime_smile:

ในเมื่อเป็นคนสร้างหนี้เอง พอก่อหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ยอมอยู่หาเงินใช้หนี้
ให้คนอื่นเข้ามาทำงานรับหน้าในสภาพวิกฤติ พอสถานการณ์คลี่คลายพอมีเงินเก็บ
คนก่อหนี้ค่อยกลับมาทำงานสบายๆ แล้วเสนอหน้าเอาผลงานว่าเป็นคนปลดหนี้..
แบบนี้จะถือว่าการปลดหนี้เป็นผลงานได้ยังไง.. ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ?  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 22-09-2007, 17:18
อ้าว ตกลงทักษิณควักเงินจ่าย IMF เองเลยหรือนี่ ผมเข้าใจผิดเสียตั้งนานว่าประชาชนตาดำๆ อย่างพวกผมต้องประหยัด หาเงินเข้ารัฐเพื่อปลดหนี้
แล้วไอ้ที่ทำงานหลังขดหลังแข็งหาเงินให้ประเทศมาหลายปีนี่ เจือกเองใช่ไหมเนี่ย

อย่างงั้นเรียกทักษิณกลับมาอีกรอบดีกว่า  :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-09-2007, 19:19
ตกลงก็สรุปได้ว่าคุณอยากประหยัดไม่เถียงเรื่องใครสร้างหนี้  :slime_smile:

ในเมื่อเป็นคนสร้างหนี้เอง พอก่อหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ยอมอยู่หาเงินใช้หนี้
ให้คนอื่นเข้ามาทำงานรับหน้าในสภาพวิกฤติ พอสถานการณ์คลี่คลายพอมีเงินเก็บ
คนก่อหนี้ค่อยกลับมาทำงานสบายๆ แล้วเสนอหน้าเอาผลงานว่าเป็นคนปลดหนี้..
แบบนี้จะถือว่าการปลดหนี้เป็นผลงานได้ยังไง.. ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ?  :slime_bigsmile:


ก๊าก ก๊าก ก๊าก บ้าหน้าโง่ไม่รู้ว่าใครทำให้ต้องเป็นหนี้ ก็เอานี่ไปอ่านแล้วกัน  :slime_bigsmile:
http://www.info.tdri.or.th/reports/published/soporo/foreword.htm


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-09-2007, 19:22
ข้อบกพร่องของโครงสร้างระบบการบริหารการเงินอันนำไปสู่วิกฤตการณ์และความไม่มีประสิทธิภาพ
ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีจุดเริ่มมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชน แต่การดำเนินนโบายการเงินของรัฐก็มีส่วนทำให้ปัญหาการก่อหนี้บานปลาย
อย่างแทบจะไม่มีขีดจำกัด

ขั้นตอนของความเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินนโยบายการเงิน ลำดับได้ดังต่อไปนี้

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเลือกที่จะไม่ให้เปิดตลาดเงินทุนเสรีตั้งแต่ พ.ศ. 2533 แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะให้เปิด
การตัดสินใจให้เปิดครั้งนั้น นับว่าเป็นผลพวงของแนวนโยบายที่เป็นมาโดยต่อเนื่องเป็นระยะยาวนาน และสะท้อนความต้องการ
ของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่ เมื่อนายวิจิตรเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ก็สานต่อนโยบายนั้นอย่างขะมักเขม้น ถึงขั้นเปิดวิเทศธนกิจ
ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย
2. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะเปิดตลาดเงินทุนให้เสรีแล้ว ธปท. ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะ รักษาช่วง
(band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้ จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากนั้น อีกไม่กี่เดือน
ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็รุนแรงจนทำให้ ธปท. กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิด ให้กับตลาด
3. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวมจะต้อง มีความระมัดระวัง
(conservative) เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ ธปท.
ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงิน ที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล
เพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จาก ต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
4. เมื่อ ธปท. ไม่สามารถใช้นโยบายการคลังหรือการเงินได้ ก็ควรจะใช้มาตรการไม่ให้เงินกู้ไหลเข้าประเทศอย่างมากมายเสียตั้งแต่ต้น
แต่มาตรการที่ประกาศเป็นมาตรการที่อ่อน และนำมาใช้เมื่อสายไปแล้ว คือหลังจากไทยมีหนี้สินระยะสั้นในระดับสูงมากเกินไปเสียแล้ว  

หายโง่กันยังจ๊ะ เหอ เหอ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 22-09-2007, 19:36
เอาบทความนี้มาจากไหนอ่ะ หรือ เขียนเอง....อยากรู้ก่อน แล้ว ค่อยคุยต่อ.....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-09-2007, 20:07
เอาบทความนี้มาจากไหนอ่ะ หรือ เขียนเอง....อยากรู้ก่อน แล้ว ค่อยคุยต่อ.....

 :slime_smile:

link ศปร นั่นไง แหมต้องให้ป้อนถึงปากเลยเรอะ ไม่เอาน่าหัดตะบันน้ำกินเองมั่ง :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 22-09-2007, 20:16
อ๋อ ที่แท้ ก็ ศปร. นี่เอง ....ดูเหมือนบักจีด มันจะนั่งอยู่ในนั้นด้วยใช่ป่ะ.....

ฮ่องกง มันก็เปิดเสรี ...สิงคโปร์ มันก็เปิดเสรี ....ใช่ป่ะ.....ไม่เห็นมันมีปัญหาอะไรเลย......เค้าลอยตัวเงินสกุลของเค้าป่าว

อุตส่าห์บอกแล้ว ว่า ต้องไปศึกษาให้ดี เรื่องการลอยตัว ค่าเงินบาท กับ ลดค่าเงินบาท.....เตือนแล้วไม่ฟัง.....เอาเรื่อง  BIBF ที่ ไอ้พวกไทยรักไทย มันใช้เป็นใบบอก มาแก้ตัว ความฉิบหายที่มันสร้างไว้......แล้วรู้ป่าว ถ้าลอยตัวเงินบาท ตอนนั้น เงินบาทมันจะเป็นไง...ติ๊กตอก ติ๊กตอก......บอกแล้ว จะเอาอะไรมาแปะ ต้องเข้าใจด้วยว่า อะไร


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 22-09-2007, 20:28
สับสนอะไรในชีวิตหรือเปล่า อ่านหัวข้อกระทู้ใหม่อีกทีก็ดีนะ

ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส

ไม่ได้พูดถึงเรื่องการสร้างหนี้ ซักหน่อย  :slime_bigsmile:

ไม่ได้สับสนอะไรหรอก.....แต่เห็นทักษิณ คุยไว้ว่า เป็นคนกู้ชาติ......เพราะ สามารถ จ่ายหนี้ IMF.....งวดสุดท้าย.....ก็เลยต้องอธิบายกันก่อน ว่า มันไปกู้ชาติ ที่ใครเป็นคนละเลงไว้....หูยยย...เอาความดี ใส่ตัว...แล้วเอาความชั่วไปไปใส่ ปชป. ว่า เป็นคนขายชาติ.....มันยอดจริง ๆ ไอ้การตลาดชั่ว ๆ เนี่ย...แล้วที่ยก ข้อมูลของคุณ จี มาเนี่ย จะ เปิดหัวคุณแก๊สไง...ว่า ที่ วีระพงศ์ รำพีง รำพัน งึมงำในบทความน๊ะ มัน ก็แค่ รู้สึกผิด แล้วพยายามแก้ตัว.....รู้ก็ทั้งรู้ว่า IMFมันเอาเปรียบ มัน ก็แค่กำหนดนโยบาย...เพื่อรับประกันว่า จะได้เงินที่ให้กู้คืน....แล้ว ทนงค์ มันก็ยังไปเซ็นต์ ....ดูเหมือน ดร.โกร่ง จะนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยน๊ะ ...555  ไม่ได้เป็นเด็ดเสริฟน้ำน๊ะ..แต่ ดร.โกร่ง บอกเอง ในบทความ.....บอกแล้วววว....เอามาแปะ ต้องอ่านให้เข้าใจก่อน....5555

คุณแก๊ส...เห็น ที่ ดร.โกร่ง พูด ถึง มาเลเซีย ป่ะ......ว่า เค้าแก้ถูก.....จะบอกให้ .....มาเลเซีย เค้าแก้ปัญหาค่าเงินด้วยการลดค่าเงินริงกิตครับ..ไม่ใช่ลอยตัวโง่ ๆ แบบทนงค์ ครับ.....

 :slime_smile:




หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-09-2007, 22:04
อ๋อ ที่แท้ ก็ ศปร. นี่เอง ....ดูเหมือนบักจีด มันจะนั่งอยู่ในนั้นด้วยใช่ป่ะ.....

ฮ่องกง มันก็เปิดเสรี ...สิงคโปร์ มันก็เปิดเสรี ....ใช่ป่ะ.....ไม่เห็นมันมีปัญหาอะไรเลย......เค้าลอยตัวเงินสกุลของเค้าป่าว

อุตส่าห์บอกแล้ว ว่า ต้องไปศึกษาให้ดี เรื่องการลอยตัว ค่าเงินบาท กับ ลดค่าเงินบาท.....เตือนแล้วไม่ฟัง.....เอาเรื่อง  BIBF ที่ ไอ้พวกไทยรักไทย มันใช้เป็นใบบอก มาแก้ตัว ความฉิบหายที่มันสร้างไว้......แล้วรู้ป่าว ถ้าลอยตัวเงินบาท ตอนนั้น เงินบาทมันจะเป็นไง...ติ๊กตอก ติ๊กตอก......บอกแล้ว จะเอาอะไรมาแปะ ต้องเข้าใจด้วยว่า อะไร


 :slime_smile:

ถ้าใครในนี้มันจะเก่งกว่าคนที่สรุป ศปร ก็คงไม่อยู่ในบอร์ดกะโหลกกะลาหรอกนะ ตรรกะง่ายๆ
ประเภทที่ว่าเอาข้อมูลมาไม่ครบแล้วก็จินตนาการน้ำแตกถึงเรื่องในอดีต ทั้งที่มีระดับมันสมอง
ของประเทศเค้าสรุปไว้อย่างดีแล้ว ก็ดันไม่คิดจะเชื่อ คงต้องปล่อยให้งมงายอยู่ในโลกกะลาใบ
นี้ต่อไป เอาเราไปเทียบกับ ฮ่องกง สิงคโปร์ง่ายๆ ก็ผิดแล้ว เรื่องพวกนี้รายละเอียดเยอะมาก
นี่ยกตัวอย่างไม่ใช่ความจริงครึ่งเดียวแล้ว แค่เศษเสี้ยวฝุ่นขี้ตรีนเดียวของความจริงเอง

สำหรับมาเลเซียก็ไม่บอกล่ะว่าเค้าปิดประเทศด้วย นอกจากลดค่าเงินแล้ว จะบอกให้รู้ไว้ว่า
มาเลเซียเป็นประเทศอิสลาม ถ้าตกอับยากจนไม่มีที่ไป ก็ยังมีกองทุนมุสลิมจากประเทศอื่นๆ ช่วยเหลือ
วิเคราะห์อะไรให้ทั่วถึงหน่อยนะจ๊ะ แค่เศษเสี้ยวฝุ่นขี้ตรีนของข้อมูล อย่ายกขึ้นมาเลย มันมั่วอ่ะ

จะยกชั้นนายจีนั่นเทียบ ดร.โกร่ง เลยเหรอ แหมโจ๊กยามดึก ทำไปด้าย :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 22-09-2007, 22:10
ฮ่า ๆ  ตกลงจะเชื่อโกร่ง หรือ ไม่เชื่อแน่....โกร่งมันบอกเองว่า มาเลมันแก้ถูก นั่นเป็นตัวอย่างเล็ก......สงสัย คุณแก๊ส ยิ่งเล่นบอร์ด ยิ่งโง่ ลงทุกวัน อ่านอะไร ก็เชื่อหมด คิดไม่เป็นซะแระ......แล้วไม่สงสัย มั่งเหรอ ทำไม สิงคโปร์ กับ ฮ่องกง มันไม่ลอยตัว.....

โกร่ง มันฉลาดหรือโง่ ไม่รู้ ออกมาบอกหมด....ไม่ต้องเจรจา..IMF มันบอกว่า ว่า มี LOI สำเร็จรูปมาแล้ว....แล้ว ไปเซ้นต์ กับมันทำไม 2 ฉบับ.....

ตกลง คิดเอง เป็นยัง ว่า ตอนทีเค้าเปิดการเงินเสรี แล้ว ...ค่าเงินมันจะเป็นไง ถ้าลอยตัว หรือ ขยายแบนด์ตอนนั้น....มีสติปัญญาพอป่าวน๊อ...สมองทึบแบบนี้......สงสัย เห็นรูปคนหน้าเหลี่ยมปุ๊บ ยกมือไหว้ก่อนเลย ....ไม่รู้ใช่ทักษิณ ป่าว....55555.....


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 23-09-2007, 09:23
ทีนี่ข้า ฯ น้อย 55555 ผู้เป็น เศษฝุ่น ขอ วิพากษ์บทความ ของท่าน ปรมาจารย์ โกร่ง หน่อยครับ ท่าน

เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคมปีนี้ ผมคอยฟังสุนทรพจน์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวกับประชาชน เนื่องจากเป็นวันที่เราชำระหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 2 งวดหมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ที่จริงจะใช้ให้หมดเสียแต่ต้นปีก็ได้ แต่บังเอิญขณะนั้นกำลังจะมีสงครามในตะวันออกกลาง น้ำมันกำลังขึ้นราคา แล้วต่อมาก็ตามมาด้วยโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลัน ก็เลยชะลอไว้ก่อนจ่ายเป็นงวดๆ

ขณะที่ฟังสุนทรพจน์ของท่านออกทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมกับท่านนายกฯเป็นอย่างมาก ฟังจบแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ยินดีปรีดาไปกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยด้วย ยินดีว่าเราจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินการคลังของเราเองได้

ดีใจที่เราชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด แล้วก็ก่อนเวลาด้วย โดยไม่ต้องรวมบัญชี "ทุนสำรองเงินตรา" กับทุน "สำรองทั่วไป" อย่างที่เคยคิดจะทำกัน โดยจะเอามรดกเก่ามาใช้เขา เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมดโดยไม่ต้องขายรัฐ วิสาหกิจเอามาใช้หนี้ ซึ่งทั้งสองรายการนี้เราเคยคิดจะทำกันอยู่เมื่อ 4-5 ปีก่อนแต่เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้โดยการทำมาหาเงินตราต่างประเทศได้เองจากนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายดอกเบี้ยที่ถูกต้อง ใช้ระยะสองปีครึ่งที่ผ่านมา
ดีใจที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้วและทุนสำรองของเราไม่ได้ลดลงเลย แต่ตรงกันข้ามทุนสำรองของเรากลับมีมากขึ้น เพียงพอที่จะใช้รักษาเสถียรภาพของเงินบาทของเราได้หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ไม่เห็นท่าน ฯ เล่าให้ฟังเลย ว่า ที่ทักษิณ บอกจ่ายก่อนเวลา น๊ะ จ่ายหมดทั้งก้อน...หรือ จ่าย เฉพาะส่วนที่ เป็นหนี้ IMF พันกว่าล้าน...แล้วมาโม้ว่าปลดหนี้หมดแล้ว.......แล้วเรื่องขายรัฐวิสาหกิจ ท่านทำไมไม่บอกล่ะ ว่า ท่านกับ ทนงค์ ไปตกปากรับคำไว้ ใน LOI  ฉบับที่ 1  ที่ท่าน กับ ทนงค์ ช่วยกัน ดูแลในสมัย บิ๊กจิ๋ว ...ส่วนเรื่องนโยบาย ดอกเบี้ย มันลดมาตั้งแต่ ยุครัฐบาลก่อนหน้า ทักษิณ แล้วครับ....อ๋อ ต่อมาภายหลัง ทักษิณ มันก็ยังจะขาย อยู่น๊ะ ท่าน ฯ แต่ โชคดี ที่ กฏหมายไม่ผ่าน...ไม่งั้นเสร็จมันอีก......


ตื่นเช้าวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดครบ 5 รอบของผม จึงรู้สึกเบิกบานใจเหมือนกับได้ของขวัญวันเกิดที่วิเศษสุดในชีวิต เพราะผมเองรู้สึกขมขื่นกับไอเอ็มเอฟมานานถึง 5-6 ปี แล้วก็นำธงชาติขึ้นปักที่ประตูหน้าบ้าน ตามคำชักชวนของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ออกจากบ้านไปทำงาน

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟ ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟในปี 2524 ปี 2525 และปี 2528 ในสมัยรัฐบาลป๋า ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยของเราก็ประสบกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจการเงินเหมือนกัน แต่สืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งที่ 2

สมัยนั้นผมได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะจะต้องเป็นคนไปอธิบายชี้แจงป๋าเพื่อจะต้องลงนามใน "จดหมายแสดงเจตนา" หรือ "Letter of Intent" ครั้งนั้น เราต้องเบิกเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศถึง 5 งวด
แต่ความรู้สึกของผมกับไอเอ็มเอฟยุคนั้นกับไอเอ็มเอฟยุคนี้ต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน
หัวหน้าคณะของไอเอ็มเอฟยุคนั้นชื่อสก็อตต์ ชื่อต้นว่ายังไงก็ลืมเสียแล้ว เป็นชาวอังกฤษ การทำงานเป็นการทำร่วมกัน ระหว่างทีมไอเอ็มเอฟกับทีมคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นความเห็นของคนไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ คุณสก็อตต์จะเป็นผู้ไปเสนอ กรรมการบริหารไอเอฟเอฟ ส่วนผมจะแอบไปชี้แจงป๋ากับท่าน รมต.ศุรี มหาสันทนะ


ตอนยุคป๋า ความรู้สึก ท่านฯ ก็คงเหมือน จาตุรนต์ ฉายแสง.....เพราะ เป็นแค่รัฐมนตรีช่วย...ท่านฯ โชคดีหน่อย ตรงที่ คุณสมหมาย ฮุนตระกูล..กับ ป๋า แก้แล้วจบ เลยออกมาโม้ได้บ่อย ๆ ......แต่ ตอนยุค ปี 40 ที่ ท่าน ฯ กับ ทนงค์ กำกับ...แก้แล้ว ชิบหาย....จาตุรนต์ มันเลยไม่เคยออกมาโม้ไง ว่า มันเข้าไปเป็นเด็กส่งสารในยุคนั้น 55555......ก็ท่าน ฯ ไม่ได้เจรจาเลย...เค้าว่าไง ก็ว่างั้น.....เดินตามตูด อย่างเดียว.....เอ๊ะ ทักษิณ มันส่งลิ่วล้อ มาป้ายสี ใครหว่า...ชอบเดินตามตูด  IMF

......................................


มาคราวนี้ในการเจรจากับไอเอ็มเอฟ เมื่อผมเข้าไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี บรรยากาศเป็นคนละเรื่องกับคราวก่อน ดร.สแตนลี ฟิชเชอร์ รองผู้อำนวยการใหญ่คนที่หนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ขอนัดพบรองนายกฯ โดยให้มารับประทานข้าวเช้าด้วย ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ไม่ได้ขอมาพบที่ทำงาน โดยอ้างว่าไม่มีเวลา ผมต้องยอมลดเกียรติของตำแหน่งไปพบ เพราะคิดว่าต้องพึ่งเงินกู้จากเขา ผมนึกในใจว่า ดร.ฟิชเชอร์ลงทุนบินมาเมืองไทยทั้งที ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะพบกับรองนายกฯ แล้วมาทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แค่มากินข้าวเช้าด้วยกันมื้อเดียว จะได้เรื่องอะไร
ผมบอกเขาว่าเราควรจะปรึกษาหารือกันว่าที่เจ้าหน้าที่ทำข้อเสนอเรื่องนโยบายมานั้นถูกต้องหรือไม่ เขาบอกว่าทางไอเอ็มเอฟมีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายฮูแบรต ไนส์ กับทีมงานของเขา ผมไม่ต้องทำอะไรหรอก เขาจะเตรียมหนังสือแสดงเจตนามาให้เอง เพราะมีแบบมาตรฐานอยู่แล้ว

ตัวเขาเองต้องดูแลประเทศต่างๆ ที่มีปัญหาทางการเงินอยู่ทั่วโลก ไม่มีเวลาจะมาดูแลประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ ผมนึกในใจว่าถ้านายคนนี้มีความคิดแบบนี้ บ้านเราคงแย่แน่

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ไอเอ็มเอฟเที่ยวนี้มองประเทศไทยเหมือนกับประเทศ เอนพีแอล จุดมุ่งหมายมีอย่างเดียวทำอย่างไรปล่อยเงินกู้ไปแล้วเขาจะได้เงินคืน

นโยบายที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้เราทำในเวลาต่อมาจึงไม่ใช่มุ่งประเด็นประคับประคองสถานการณ์ซึ่งอย่างไรก็ต้องแย่อยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่บีบให้ทุกอย่างหดตัวลงทุกทาง ทั้งในด้านการเงินการคลัง ทั้งสถาบันการเงินให้ปิดสถาบันการเงิน ประฌามประเทศไทยว่ามีแต่ผู้บริหารที่คดโกงทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน ไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาลในบริษัท (bad governance) ทั้งๆ ที่เจ้าหนี้ฝรั่งทั้งหลายเวลาปล่อยเงินกู้ก็ปล่อย เพราะผู้บริหารที่เขาประฌามนั่นเอง

แล้วท่าน กับ ทนงค์ ไปเซ็นต์ กับมัน ทำไม ครับ บ้าป่าว......ฮ่า ๆ


.......................................................................................................................................................................


ไอเอ็มเอฟมาใหม่บอกว่า ไม่ได้ต้องเป็นไปตาม "กลไกตลาด" รัฐบาลห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว ใครจะล้มจะมีผลกระทบอย่างไร อย่าเข้าไปยุ่ง รัฐบาลมีหน้าที่ปัดกวาดสถาบันการเงินให้สะอาด มีหน้าที่บีบบังคับให้สถาบันการเงินมีการสำรองให้พอกับหนี้เสีย ซึ่งได้เปลี่ยนคำจำกัดความให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แล้วต้องเพิ่มทุนให้พอ ถ้าเพิ่มทุนไม่ได้ก็ให้ขายออกไปให้ต่างชาติเสีย

ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ก็ต้องลดขนาดของตนลง (down sizing) โดยการเรียกหนี้คืน ตัดสินเชื่อ ฯลฯ อย่างที่เราเห็นกัน

คำจำกัดความของหนี้เสียแทนที่จะเข้มงวดตอนเศรษฐกิจร้อนแรงแล้วก็ผ่อนคลายตอนเศรษฐกิจมีวิกฤต แต่ให้ทำกลับกัน

แล้วท่าน ฯ ไปทำตามมันทำไม....แล้ว ทำไมทักษิณ มันเสือกไปป้ายสี คนอื่นครับ....ทำไมมันไม่บอกว่า ท่าน ฯ กับ ทนงค์ เป็นคนทำล่ะคร๊าบบ...ผมงง

ทุกอย่างถ้ารัฐบาลเข้าไปช่วยหรือผ่อนคลาย หรือให้ลูกหนี้เข้ามาซื้อหนี้เสียของตนคืนหรือเจรจาประนอมหนี้ไม่ได้เพราะจะเป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้" แต่ถ้าฝรั่งประมูลถูกๆ แล้วไปเจรจาประนอมหนี้กับลูกหนี้ได้ไม่เป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือไม่ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้"

ที่น่าช้ำใจที่สุดก็คือ รัฐบาลในยุคนั้นกลับไปเห็นดีเห็นงามกับเขาไปเสียหมด สุนทรพจน์ของผู้นำไทย ในการประชุมระหว่างประเทศฟังแล้วเหมือนสุนทรพจน์ของไอเอ็มเอฟ มากกว่าเป็นสุนทรพจน์ของผู้นำของเรา

ไอ้ที่บอกมาเนี่ย ท่านทำทั้งหมด...เพราะดันไปรับปากเค้าไว้.....ไปเซ็นต์ ข้อตกลงไว้....แล้ว ทำไมไม่เขียนบอกมาให้หมดล่ะคร๊าบบบบบ....หลังจากเปลี่ยนรัฐบาล..เป็นชวน 2 .....เค้าทำไปได้ ระยะหนึ่ง....พอเริ่มนิ่ง....เค้า ก็ผ่อนคลายแล้วครับ.....ไม่ใช่มาเริ่มในยุคทักษิณ....ทำไมไม่บอกให้หมด...ปล่อยให้ ศิษย์ ผู้ภักดี..อย่าง คุณแก๊ส ฯ โง่ตายเล๊ยยยย

เมื่อมาเลเซียประกาศนโยบายที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมาเลเซีย ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของไอเอ็มเอฟ กองทุนการเงินระหว่างประเทศรวมทั้งพวกเราในยุคนั้นด้วยก็รุมประฌามมาเลเซียกันใหญ่ และทำนายว่ามาเลเซียจะต้องแย่จะต้องล้มละลาย ภายหลังจึงยอมรับว่ามาเลเซียทำถูก

ทีนี้ ท่าน ฯ ก็รู้แล้วดิ ว่า ที่ท่านทำไป มันผิดจากที่ควรจะเป็น โคตรเดียว.....ท่านฯ อธิบายคุณแก๊ส หน่อยดิ....ยังโงหัวไม่ขึ้นเลย
ในที่สุดไอเอ็มเอฟเองก็ต้องยอมรับว่า ยาที่ตัวปรุงให้ประเทศไทยนั้นผิด นายกองเดส์ซูส์ นายสแตนลี ฟิชเชอร์ นายฮูแบรต ไนส์ ก่อนครบวาระต้องลาออกกันหมด แต่ผู้ที่ต้องรับกรรมเพราะความผิดพลาดของไอเอ็มเอฟคือประชาชนคนไทย เกียรติภูมิของไอเอ็มเอฟตั้งแต่นั้นมาก็ตกต่ำลงเป็นอันมาก

บทเรียนที่เจ็บปวดครั้งนี้ควรจะต้องเขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศอื่นๆ ที่ต้องพึ่งไอเอ็มเอฟในยามมีวิกฤตและเป็นบทเรียนกับเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟชุดใหม่ด้วย

สำหรับบ้านเราหวังว่าจะไม่ต้องไปยุ่งกับไอเอ็มเอฟอีก

ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า ท่าน ฯ คุณทนงค์ รวมทั้งคุณทักษิณ จะไม่มามีหน้าที่ กำกับนโยบาย บริหารเศรษฐกิจ ของประเทศอีก ต่อไป ..เราจะได้ไม่ต้องไปกราบอ้อนวอน IMF โดยที่ไม่ได้ต่อรองอะไรเลย เหมือนที่ ท่าน ทำตอนปี 40 ครับ..........

คอลัมน์ คนเดินตรอก  โดย วีรพงษ์ รามางกูร  ประชาชาติธุรกิจ หน้า 2  วันที่ 11 สิงหาคม 2546  ปีที่ 27 ฉบับที่ 3504 (2704)

คุณจี อุตส่าห์ เสาะแสวงหา ข้อมูล..มาเปิดกระโหลกให้ ยัง ไปด่าเค้าาอีก......ไม่น่าเชื่อ มีเงินซื้อข้าวกินได้ไงเนี่ย....5555  "จินตนาการนำแตก " :slime_bigsmile:

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 10:21
^
^
วนเวียน งมงาย ไม่เลิกแฮะ ศปร เค้าสรุปไปหมดแล้ว ส่วนการตัดสินใจลดหรือลอย
เมื่อตอนเกิดวิกฤตการณ์ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ถ้าลดจะให้ลดแบบมาเลย์ แล้วปิด
ประเทศ ใช้นโยบายแข็งกร้าว เกิดไม่มีใครคบขึ้นมาปล่อยให้เน่า แล้วจะเอาเงินที่
ไหน ลำบากกันทั้งประเทศแบบยาวไม่เห็นฝั่ง เราก็เป็นสมาชิกไอเอ็มเอฟอยู่แล้ว
ไม่ได้มีกองทุนประเทศอิสลามให้กู้ คิดซะมั่ง สงสัยเวลาดูบอลชอบวิจารณ์ตอนจบ
เกมส์อะดิ โธ่ ง่ายๆ แบบนี้ใครก็ทำเป็น :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 23-09-2007, 15:19
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคมปีนี้ ผมคอยฟังสุนทรพจน์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวกับประชาชน เนื่องจากเป็นวันที่เราชำระหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 2 งวดหมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ที่จริงจะใช้ให้หมดเสียแต่ต้นปีก็ได้ แต่บังเอิญขณะนั้นกำลังจะมีสงครามในตะวันออกกลาง น้ำมันกำลังขึ้นราคา แล้วต่อมาก็ตามมาด้วยโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลัน ก็เลยชะลอไว้ก่อนจ่ายเป็นงวดๆ

ขณะที่ฟังสุนทรพจน์ของท่านออกทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมกับท่านนายกฯเป็นอย่างมาก ฟังจบแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ยินดีปรีดาไปกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยด้วย ยินดีว่าเราจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินการคลังของเราเองได้

ดีใจที่เราชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด แล้วก็ก่อนเวลาด้วย โดยไม่ต้องรวมบัญชี "ทุนสำรองเงินตรา" กับทุน "สำรองทั่วไป" อย่างที่เคยคิดจะทำกัน โดยจะเอามรดกเก่ามาใช้เขา เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมดโดยไม่ต้องขายรัฐวิสาหกิจเอามาใช้หนี้ ซึ่งทั้งสองรายการนี้เราเคยคิดจะทำกันอยู่เมื่อ 4-5 ปีก่อน

...

คอลัมน์ คนเดินตรอก  โดย วีรพงษ์ รามางกูร  ประชาชาติธุรกิจ หน้า 2  วันที่ 11 สิงหาคม 2546  ปีที่ 27 ฉบับที่ 3504 (2704)

เนื้อหาใน LOI ฉบับที่ 1 ที่ลงนามในรัฐบาลชวลิต ระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ
รวมถึงเสนอ กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ (Corporatization Law)

ทำให้ในเวลาต่อมามีการตั้ง คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.)
หน้าที่สำคัญคือจัดทำ ร่าง พ.ร.บ. ทุนของรัฐวิสาหกิจ (เรียกง่ายๆ คือจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ)
ซึ่งในที่สุก กนร. นี้ก็ได้รับหลักการร่าง พ.ร.บ. ทุนของรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2540
ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ชุดนั้นชื่อ ทักษิณ ชินวัตร  :slime_smile:

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดเราไม่ต้องขายรัฐวิสาหกิจใช้หนี้ IMF แต่ขายให้เป็นสมบัติของคนบางคนในยุครัฐบาลทักษิณ
ซึ่งเคยจัดทำ ร่าง พรบ.แปรรูปฯ มากับมือนี่เอง .. ถ้าศาลไม่คุ้มครองป่านนี้ กฟผ. คงเรียบร้อยไปอีกราย


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 16:37
ในที่สุดเราไม่ต้องขายรัฐวิสาหกิจใช้หนี้ IMF แต่ขายให้เป็นสมบัติของคนบางคนในยุครัฐบาลทักษิณ
ซึ่งเคยจัดทำ ร่าง พรบ.แปรรูปฯ มากับมือนี่เอง .. ถ้าศาลไม่คุ้มครองป่านนี้ กฟผ. คงเรียบร้อยไปอีกราย


ผลของการออกกฎหมายแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั่นเหรอ

ในช่วงภาวะวิกฤตสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน สำนักงานทรัพย์สินฯ ในปี 2544 ได้ใช้ที่ดินของทรัพย์สินฯ บริเวณสวนมิสกวัน และบริเวณคุรุสภา จำนวน 14,100 ตารางวา ซึ่งมีมูลค่า 1,198.5 ล้านบาท ไปแลกกับหุ้นของกระทรวงการคลังเพื่อไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ซึ่งกระทรวงการคลังได้จัดสรรหุ้นให้แก่สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน34,242,857 หุ้น (ราคาหุ้นละ 35 บาท) โดยต้นปี 2547 ราคาหุ้นของ ปตท. มีราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 5
เท่าตัว โดยมายืนอยู่ ณ ระดับ 140 – 170 บาท ส่งผลให้สำนักงานทรัพย์สินฯ มีกำไรจากการเพิ่มมูลค่าหุ้น ปตท. ไปเป็นจำนวนถึงกว่า 35,000 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2547 สำนักงานทรัพย์สินฯ ถือหุ้นใน ปตท. เท่ากับ 16.4 ล้านหุ้น
http://www.bangkokbiznews.com/2006/special/bizNes/Porphant/

ดีหรือไม่ดีหละครับพี่น้อง ไม่งั้นบางองค์กรที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศอาจเหลือแต่ชื่อนาคับ เหอ เหอ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 23-09-2007, 16:53
ดีหรือไม่ดีหละครับพี่น้อง ไม่งั้นบางองค์กรที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศอาจเหลือแต่ชื่อนาคับ เหอ เหอ :slime_bigsmile:

ฉลาดมากเลยครับ
ขายสมบัติเก่ากิน ได้ตัวเลขในบัญชี 3หมื่นล้าน
แต่ขาดทุนส่วนต่างที่มาจากกำไรของบ.ปีละหมื่นล้าน


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 23-09-2007, 17:19
^
^
วนเวียน งมงาย ไม่เลิกแฮะ ศปร เค้าสรุปไปหมดแล้ว ส่วนการตัดสินใจลดหรือลอย
เมื่อตอนเกิดวิกฤตการณ์ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ถ้าลดจะให้ลดแบบมาเลย์ แล้วปิด
ประเทศ ใช้นโยบายแข็งกร้าว เกิดไม่มีใครคบขึ้นมาปล่อยให้เน่า แล้วจะเอาเงินที่
ไหน ลำบากกันทั้งประเทศแบบยาวไม่เห็นฝั่ง เราก็เป็นสมาชิกไอเอ็มเอฟอยู่แล้ว
ไม่ได้มีกองทุนประเทศอิสลามให้กู้ คิดซะมั่ง สงสัยเวลาดูบอลชอบวิจารณ์ตอนจบ
เกมส์อะดิ โธ่ ง่ายๆ แบบนี้ใครก็ทำเป็น :slime_bigsmile:

ยังไม่เลิกโง่อีกแฮะ.....สงสังอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
 :slime_bigsmile:
เมื่อมาเลเซียประกาศนโยบายที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมาเลเซีย ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของไอเอ็มเอฟ กองทุนการเงินระหว่างประเทศรวมทั้งพวกเราในยุคนั้นด้วยก็รุมประฌามมาเลเซียกันใหญ่ และทำนายว่ามาเลเซียจะต้องแย่จะต้องล้มละลาย ภายหลังจึงยอมรับว่ามาเลเซียทำถูก
....... ดร.โกร่งพูด ผม เห็นด้วย.....นี่ คุณแก๊ส กล้าเถียงปรมาจารย์ หรือนี่....55555

ไหน ลองบอกหน่อยดิ ว่า ที่ ข้าน้อย วิพากษ์ ท่านปรมาจารย์.โกร่ง ตรงไหน ไม่จริง มั่ง.......


"ส่วนการตัดสินใจลดหรือลอย
เมื่อตอนเกิดวิกฤตการณ์".........บอกแล้ว ว่า ไปศึกษาดูให้ดีก่อน แล้ว ค่อยเถียง.......เคยเข้าตลาดหุ้นป่ะ..... :slime_doubt:

ไหนลองอธิบายหน่อยดิ ตอนเปิดเสรี ทางการเงิน หากรัฐบาลในตอนนั้น ตัดสินใจ ขยายแบนด์...หรือ ลอยค่าเงินบาท ...มันดีกว่า ไม่ทำอะไรเลยยังไง....555 อ่านแล้วเชื่อเลย ไม่มีสมองคิดเหรอ....บักจืด นี่มันน่าเชื่อถือจริง จริ๊ง  เอาซีรอกซ์ ปรส.กับ ศปร. มาหลอกพวกหน้าโง่ ได้หลายตังเหมือนกันวุ้ย


555  มีอะไรจะแปะอีกม่ะ.....
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 23-09-2007, 17:39
5555  ตอบแล้ว อย่าเพิ่งหนีไปไหน......คุยกันก่อนก็ได้....

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 17:42
ยังไม่เลิกโง่อีกแฮะ.....สงสังอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
 :slime_bigsmile:
เมื่อมาเลเซียประกาศนโยบายที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมาเลเซีย ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของไอเอ็มเอฟ กองทุนการเงินระหว่างประเทศรวมทั้งพวกเราในยุคนั้นด้วยก็รุมประฌามมาเลเซียกันใหญ่ และทำนายว่ามาเลเซียจะต้องแย่จะต้องล้มละลาย ภายหลังจึงยอมรับว่ามาเลเซียทำถูก
....... ดร.โกร่งพูด ผม เห็นด้วย.....นี่ คุณแก๊ส กล้าเถียงปรมาจารย์ หรือนี่....55555
ไหน ลองบอกหน่อยดิ ว่า ที่ ข้าน้อย วิพากษ์ ท่านปรมาจารย์.โกร่ง ตรงไหน ไม่จริง มั่ง.......

"ส่วนการตัดสินใจลดหรือลอย
เมื่อตอนเกิดวิกฤตการณ์".........บอกแล้ว ว่า ไปศึกษาดูให้ดีก่อน แล้ว ค่อยเถียง.......เคยเข้าตลาดหุ้นป่ะ..... :slime_doubt:

ไหนลองอธิบายหน่อยดิ ตอนเปิดเสรี ทางการเงิน หากรัฐบาลในตอนนั้น ตัดสินใจ ขยายแบนด์...หรือ ลอยค่าเงินบาท ...มันดีกว่า ไม่ทำอะไรเลยยังไง....555 อ่านแล้วเชื่อเลย ไม่มีสมองคิดเหรอ....บักจืด นี่มันน่าเชื่อถือจริง จริ๊ง  เอาซีรอกซ์ ปรส.กับ ศปร. มาหลอกพวกหน้าโง่ ได้หลายตังเหมือนกันวุ้ย

555  มีอะไรจะแปะอีกม่ะ.....

อยากงมงายก็เป็นสิทธิห้ามกันไม่ได้ มาเลเซียกับไทยไม่ใช่ประเทศแบบเดียวกัน นโยบายที่ใช้ได้กับมาเลเซีย
ไม่จำเป็นที่มาใช้กับไทยแล้วจะได้ผล ดร.โกร่งวิจารณ์มาเลเซีย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าถ้าไทยทำตามมาเลเซียแล้ว
ไทยจะรอด ข้อเท็จจริงคือว่า ไทยทำตามไอเอ็มเอฟ บวกกับ รัฐบาลทักษิณ ไทยรอด และจ่ายไอเอ็มเอฟครบ

สอนภาษาอังกฤษให้หน่อย เรื่อง if clause
การสมมติไปสู่อนาคต (Future)
If it rains, I will wear my raincoat.
เราอาจใช้ can หรือ ought to แทน will ได้

การสมมติในปัจจุบัน (Present)
If I had some money, I would pay for this drink.
เราอาจใช้ could หรือ ought to แทน would ได้

การสมมติย้อนสู่อดีต (Past)
If I had gone, I would have met him.
เราอาจใช้ could have หรือ ought to have แทน would have ได้  

คำเตือน การสมมติเหตุการณ์ย้อนสู่อดีตเกินวันละสองความเห็น อาจทำให้บ้าได้ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 23-09-2007, 17:53

มันต้องได้อย่างนี้ซิ ถึงค่อยเรียกว่าคุณแก๊ส ตัวจริง.....อุตส่าห์หาบทสัมภาษณ์ ตามเรียกร้อง....โอย มันเป็นหมัดน๊อคจริง ๆ ด้วย........ฮ่า ๆ ที่นี้ จะได้ดูวิสัยทัศน์ ของพระเอก ทนงค์ ของ คุณแก๊ส ฯ ก่อน     :slime_v:


ผมรับฟังแล้วก็บอกแบงก์ชาติว่า ให้ไปคิดมาว่าจะทำอย่างไร ระหว่างการขยายแบนด์หรือลอยตัวค่าเงินบาท

บทสัมภาษณ์ ของทนงค์ ข้างบน บอกได้อย่างดี ว่า แบ็งค์ชาติเป็นคนให้ความเห็น แต่ทนงค์ เป็นคนตัดสินใจ........"ผมก็บอกว่า เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"....ทนงค์ ตอบ บิ๊กจิ๋ว......ที่นี้ คงไม่ต้องสงสัยแล้วน๊ะ ว่า แบ็งค์ชาติตอนนั้นยังอยู่ใต้อุ้งตีน นักการเมือง......[/b]


ทีนี้คงรู้แล้วนะ ว่าใครเป็นคนตัดสินใจ ลอยตัวค่าเงินบาท.......ไม่ต้องเถียงกันอีก....ไม่รู้ว่า คุณแก๊ส ฯ รู้จัก คำว่า ลอยตัว ค่า เงินบาท กับ ลดค่าเงินบาท แค่ไหน...ถ้าไม่รู้ ก็ไปหมั่นศึกษาหาความรู้ไว้เยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องออกหมัดวืดบ่อย ๆ........

ในเวลานั้น ก่อน การลอยตัวค่าเงินบาท เรา ก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่า มีการเข้ามาถล่มกันอย่างหนัก แล้วมีการสู้จนถึงขนาด ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศแทบไม่เหลือ......แล้วก็ยังมีการไหลออกของเงินต่างประเทศ ไม่หยุดอยู่จนแบ็งค์ชาติรับไม่ไหว........ต้องตัดสินใจทำอย่างหนึ่งอย่างใด.....ทนงค็ ตัดสินใจ เลือกใช้วิธี ลอยตัวค่าเงินบาท


ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........

หลังจาก ประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท.....เงินบาท ลอยตัวไม่หยุด กำลัง ทะยานขึ้นสู่ดาวอังคาร....บรรดาเจ้าหนี้ ต่างประเทศ ซึ่ง ไม่รู้ว่าเงินบาท จะไปหยุดตรงไหน...ลูกหนี้จะมีปัญญาจ่ายหรือปล่าว ก็เร่งเรียกหนี้คืน ...ยิ่ง เป็นปฏิกริยาเร่งให้ บรรดา แบ็งค์ ไฟแนนซ์ ขาดทุน ระเนระนาด.....ที่นี้ ละ พ่อคุณเอ๋ย..........

บรรดา สถาบันการเงิน ต้องเอาตัวรอด แบบ ตัวใคร ตัวมัน....เร่งลดสินเชื่อ เร่งลดวงเงิน...เร่งทวงหนี้ที่ยังไม่ถึงเวลาชำระ ขึ้นดอกเบี้ย เก็บค่าปรับจ่ายช้า ......แล้วไงต่อ......เช็คที่จ่ายออกไป ก็เริ่ม เด้ง จาก การค้าใหญ่ อย่างพวกวัสดุก่อสร้าง.....เมื่อเก็บเงินจากบริษัทฯ ก่อสร้างไม่ได้......บริษัท ฯ ค้าวัสดุก่อสร้าง ก็เริ่มเด้งต่อ ไปที่ ผู้ผลิต ..ผู้ผลิต ก็ไปเด้งต่อ ผู้ขายวัตถุดิบ......ไม่พอ ยังมีพวก ไม่เบี้ยว ไม่หนี่ ไม่จ่าย ลอยหน้า ลอยตาในสังคม.อีก...นีเป็นตัวอย่างเดียวน๊ะ เนี่ย.....คงไม่ต้องหาหลักฐานหรอก...อยากรู้เดินเข้าไปถามร้านค้าใกล้บ้านได้เลยจ๊ะ

หนักว่านั้น...ทนงค์ บอกปิดไฟแนนซ์ เพื่อหยุดการไหลออกของเงิน......อันนี้ ดาบสอง....ฟันคอขาดเลยจ๊ะ......ไม่ว่า จะปิด ชั่วคราวเพียงแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เครดิตไลน์ในตลาด ก็เละแล้วจ๊ะ....เคยเขียนเช็คล่วงหน้าป่ะ

ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555


 :slime_smile:

ปล. ไหน ๆ อุตส่าห์ หาบทสัมภาษณ์ มาให้ ชาวเสรีไทยได้อ่าน กันแล้ว....รบกวนอีกหน่อยดิ...ลองหาดูอีกที ว่าผมเขียน คำว่า "ลดค่าเงินบาท" ไว้ตรงไหนมั่ง....55555

 :slime_smile:

ไหนลองบอกซิ ที่เขียนไปข้างบน....กับความเห็น ที่ 135  ตรงไหน...กับความเห็น เป็น If clause มั่ง..........

แล้วไอ้ บทวิเคราะห์ ศปร.ที่เอามาแปะ มันคงเป็น แฟ็ค ใช่ป่ะ....มันเกิดแล้ว ใช่ป่ะ.....5555  " จินตนาการน้ำแตก "


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 18:13
เรื่องที่ไม่ได้เกิดในอดีตและพิสูจน์ไม่ได้ว่าถ้าเกิดในอดีตจะมีผลดีกว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์หรือเปล่า
1. การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริงๆ
2. หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว)
    เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ

อันนี้เป็นของความเห็น 135
3. หากรัฐบาลในตอนนั้น ตัดสินใจ ขยายแบนด์...หรือ ลอยค่าเงินบาท ...มันดีกว่า ไม่ทำอะไรเลยยังไง

เมื่อเราแพ้เรื่องการโจมตีค่าเงินบาทแล้ว การตัดสินใจลอยค่าเงินบาทย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าโดน
โจมตีต่อไม่เลิก เราไม่มีทุนสำรองเพียงพอแล้ว เรื่องแค่นี้เองทำไมคิดไม่ออก สงสัยเจ๊งหุ้นหรือเจ๊งเงินฝาก
ไฟแนนซ์ตอนนั้นอะดิ เลยแค้นไม่หาย คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น แต่ภายหลังก็ฟื้นขึ้นมาได้ซะเยอะ เพราะ
โครงสร้างการบริหารจัดการประเทศมันเปลี่ยนแบบพลิกในปี 2544 สมัยรัฐบาลอะไรหว่า เก่งจัง :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 23-09-2007, 19:03

เรื่องที่ไม่ได้เกิดในอดีตและพิสูจน์ไม่ได้ว่าถ้าเกิดในอดีตจะมีผลดีกว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์หรือเปล่า
1. การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริงๆ
2. หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว)
    เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ[/color]

ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........

อ่านให้หมด.......เออจริงว่ะ...มันคล้าย If clause.........แต่ที่เหลือ มันเรื่องจริง ทั้งหมดเลยใช่ ป่ะ......
อันนี้เป็นของความเห็น 135
3. หากรัฐบาลในตอนนั้น ตัดสินใจ ขยายแบนด์...หรือ ลอยค่าเงินบาท ...มันดีกว่า ไม่ทำอะไรเลยยังไง[/color]

เมื่อเราแพ้เรื่องการโจมตีค่าเงินบาทแล้ว การตัดสินใจลอยค่าเงินบาทย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าโดน
โจมตีต่อไม่เลิก เราไม่มีทุนสำรองเพียงพอแล้ว เรื่องแค่นี้เองทำไมคิดไม่ออก สงสัยเจ๊งหุ้นหรือเจ๊งเงินฝาก
ไฟแนนซ์ตอนนั้นอะดิ เลยแค้นไม่หาย คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น แต่ภายหลังก็ฟื้นขึ้นมาได้ซะเยอะ เพราะ
โครงสร้างการบริหารจัดการประเทศมันเปลี่ยนแบบพลิกในปี 2544 สมัยรัฐบาลอะไรหว่า เก่งจัง :slime_bigsmile:


อันนี้ สงสัยอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง.....มิน่าถีงได้หัวปักหัวปำ......ผมหมายถึงไอ้บทความ"จินตนาการน้แตก"..ข้างล่างตรงตัวแดง ๆ

ข้อบกพร่องของโครงสร้างระบบการบริหารการเงินอันนำไปสู่วิกฤตการณ์และความไม่มีประสิทธิภาพ
ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีจุดเริ่มมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชน แต่การดำเนินนโบายการเงินของรัฐก็มีส่วนทำให้ปัญหาการก่อหนี้บานปลาย
อย่างแทบจะไม่มีขีดจำกัด

ขั้นตอนของความเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินนโยบายการเงิน ลำดับได้ดังต่อไปนี้

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเลือกที่จะไม่ให้เปิดตลาดเงินทุนเสรีตั้งแต่ พ.ศ. 2533 แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะให้เปิด
การตัดสินใจให้เปิดครั้งนั้น นับว่าเป็นผลพวงของแนวนโยบายที่เป็นมาโดยต่อเนื่องเป็นระยะยาวนาน และสะท้อนความต้องการ
ของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่ เมื่อนายวิจิตรเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ก็สานต่อนโยบายนั้นอย่างขะมักเขม้น ถึงขั้นเปิดวิเทศธนกิจ
ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย
2. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะเปิดตลาดเงินทุนให้เสรีแล้ว ธปท. ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะ รักษาช่วง
(band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้ จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากนั้น อีกไม่กี่เดือน
ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็รุนแรงจนทำให้ ธปท. กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิด ให้กับตลาด
3. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวมจะต้อง มีความระมัดระวัง
(conservative) เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ ธปท.
ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงิน ที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล
เพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จาก ต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  
4. เมื่อ ธปท. ไม่สามารถใช้นโยบายการคลังหรือการเงินได้ ก็ควรจะใช้มาตรการไม่ให้เงินกู้ไหลเข้าประเทศอย่างมากมายเสียตั้งแต่ต้น
แต่มาตรการที่ประกาศเป็นมาตรการที่อ่อน และนำมาใช้เมื่อสายไปแล้ว คือหลังจากไทยมีหนี้สินระยะสั้นในระดับสูงมากเกินไปเสียแล้ว  

หายโง่กันยังจ๊ะ เหอ เหอ  :slime_bigsmile:

หายโง่ยังจ๊ะ เหอ ๆ ......ตกลงผมเขียน ตั้งสิบยี่สิบบรรทัด มี อันที่ เป็น if clause มีแค่นั้นใช่ม่ะ.....ที่เหลือ อีก สิบกว่า บรรทัด คุณแก๊ส ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงหมดเลยเหรอ....เอ๊ย !!!! ทำไมยอมรับกันง่าย ๆ งั้นอ่ะ..... :slime_bigsmile:

"คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น ".......อ้นนี้ fact .....ต้องเห็นแก่ส่วนรวมมั่ง..ไม่ใช่เห็นแก่นักโกงชาติ......ส่วนที่เหลือในประโยคเดียวกัน...ขี้คุยท้างน้าน....เด๋ว คุยไปเรื่อย จะเปิดกระโหลกให้หายโง่ ว่า ทักษิณ มันคุยข่ม เรื่อง ใช้หนี้ IMF ......ตัวเลขกระจอก ๆ ไม่กี่ล้าน เหรียญ

 :slime_smile:




หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 23-09-2007, 19:38
หากชอบแถจะยกให้เป็นผลงานทักษิณจริง ต้องพิสูจน์ให้ได้ตามนี้ คือ
1. คำว่า ผลงาน คืออะไรที่ต้องใช้ความสามารถ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ ลำพังการพยายามผลักดันให้มีการใช้หนี้นั้นผมไม่ถือเป็นผลงาน แต่เป็นการพยายามเอาหน้า เพราะเงินก็คือเงินภาษี ไม่ใช่เงินทักษิณ ดังนั้น ในฐานะที่ชอบแถเป็นผู้เสนอว่าเป็นผลงานทักษิณ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ทักษิณใช้ความสามารถอย่างไรบ้างเพื่อให้สามารถใช้หนี้ได้และการใช้หนี้นั้นเป็นประโยชน์กับประเทศไทยจริงๆ ในแง่ใด
2. จากข้อ 1. หากการปลดหนี้นั้นมีประโยชน์จริง ชอบแถต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า ประโยชน์นั้นคุ้มค่ากับผลเสีย เช่น การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหากเทียบกับ ณ ปัจจุบัน มิเช่นนั้นจะไม่ใช่ผลงาน แต่เป็นความไม่ฉลาดของทักษิณมากกว่า
3. ชอบแถต้องเลิกอ้างว่าเกิดในสมัยทักษิณ ดังนั้นเป็นผลงานของทักษิณ เพราะไม่สมเหตุสมผล ถามกลับว่าอะไรร้ายๆ ที่เกิดในสมัยทักษิณ ก็ถือเป็นผลงานทักษิณด้วยหรือไม่


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 23-09-2007, 20:10
ต่อให้สมัยชวนมีเงินพอเขาก็ไม่รีบจ่ายคืนให้โง่หรอกครับคุณอยากประหยัดฯ
ถามจริงๆ เคยไปดูเงื่อนไขการจ่ายคืนบ้างหรือเปล่า ว่าเขากำหนดจ่ายยังไง

แล้วรู้บ้างไหมว่าเงินที่กู้มานั้นเขาเอาไปทำอะไร อยู่ที่ไหน ได้ดอกผลยังไง
เขาไม่ได้เอาไปใส่ตุ่มฝังดินไว้นะครับ   :D

พวก PT ก็คิดอยู่แค่ 2 เรื่องตามทักษิณ ว่าต้องรีบจ่ายคืนเพราะ ..

1. ประกาศอิสรภาพ     <-- ความจริง IMF คุมเราไม่ได้ตั้งแต่รัฐบาลชวนไม่เบิกเงินงวดที่ 9
2. ประหยัดดอกเบี้ย    <-- กู้เงินได้ดอกเบี้ยถูกๆ  แล้วรีบจ่าย .. เรียกว่าโง่หรือฉลาดดี

ทั้งที่มันไม่จริงทั้ง 2 ข้อ มีคนอธิบายตั้งแต่มีข่าวจะรีบจ่ายหนี้เมื่อปลายปี 45 แล้ว
จนป่านนี้ก็ยังมีคนคิดว่าทักษิณมีผลงานปลดหนี้ IMF เมื่อไหร่จะเข้าใจให้ถูกเสียที


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขุดกระทู้ขึ้นมาทวงคำตอบจากคุณอยากประหยัดฯ เพราะถามแล้วเงียบไปเฉยๆ

1. รู้ไหมครับว่าเงื่อนไขการจ่ายคืนเงินกู้ IMF เขากำหนดจ่ายคืนยังไง ถึงมาบอกว่ารัฐบาลชวนไม่ยอมจ่าย?
2. รู้ไหมว่าเงินที่กู้มานั้นเขาเอาไปทำอะไร อยู่ที่ไหน ได้ดอกผลยังไง มากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้หรือเปล่า?
ผมยังรอคำตอบจากคุณอยู่นะครับ .. คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 21:16
หากชอบแถจะยกให้เป็นผลงานทักษิณจริง ต้องพิสูจน์ให้ได้ตามนี้ คือ
1. คำว่า ผลงาน คืออะไรที่ต้องใช้ความสามารถ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ ลำพังการพยายามผลักดันให้มีการใช้หนี้นั้นผมไม่ถือเป็นผลงาน แต่เป็นการพยายามเอาหน้า เพราะเงินก็คือเงินภาษี ไม่ใช่เงินทักษิณ ดังนั้น ในฐานะที่ชอบแถเป็นผู้เสนอว่าเป็นผลงานทักษิณ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ทักษิณใช้ความสามารถอย่างไรบ้างเพื่อให้สามารถใช้หนี้ได้และการใช้หนี้นั้นเป็นประโยชน์กับประเทศไทยจริงๆ ในแง่ใด
2. จากข้อ 1. หากการปลดหนี้นั้นมีประโยชน์จริง ชอบแถต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า ประโยชน์นั้นคุ้มค่ากับผลเสีย เช่น การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหากเทียบกับ ณ ปัจจุบัน มิเช่นนั้นจะไม่ใช่ผลงาน แต่เป็นความไม่ฉลาดของทักษิณมากกว่า

- บางทีเพราะว่ามันไม่เกิดเรื่องเพิ่มขึ้นมา ก็เลยทำให้ไม่คิดว่าเป็นผลงาน เทียบกับเครื่องบินวันทูโกที่ร่อนลงที่ภูเก็ต ถ้าเครื่องลง
  ได้ ก็ไม่เป็นข่าวอะไรคงไม่มีใครชมเชยนักบินว่าเก่งที่สามารถนำเครื่องลงในสภาวะอากาศแปรปรวนมีวินเชียร์แบบนั้น ในกรณีนี้
  ก็เช่นกัน คงจะรู้รสชาติของเงื่อนไขกองทุนการเงินระหว่างประเทศแล้ว ว่าต้องออกกฎหมายโหดๆ มาไม่รู้กี่ฉบับ ถ้าไม่จำเป็นคง
  ไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือ แต่ว่าอย่างไรเสียก็เป็นทางไม่ต้องเลือกที่เหลืออยู่ทางเดียว ยังไงก็ต้องรักษาไว้ ถ้าประเทศพลาด
  ไปก็ยังมีที่พึ่งแม้จะโหด การที่บอกว่าไม่ขอเงินเพิ่มแต่ยังจ่ายคืนไม่ครบ คือ ไม่อยู่ในคำสั่งของไอเอ็มเอฟแล้ว เป็นเรื่องที่เราพูด
  เองได้ แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลคงไม่กล้าเลิกกฎหมายนั่นในช่วงที่ยังต้องพึ่งเงินเค้าอยู่ ด้วยเหตุว่าถ้าพลาดไปอีกคราวนี้คงจะ
  เจอเงื่อนไขที่โหดขึ้นกว่าเดิม เหมือนไปหาหมอรักษาโรคเน่า หมอสั่งให้ทำตัวตามหมอสั่ง แต่ไม่ทันโรคเน่าจะหายก็ไม่คิดจะทำ
  ตามคำหมอแล้ว การคืนเงินก่อนกำหนดเป็นการแสดงว่า เราหายจากโรคเน่าแล้ว ไม่ต้องทำตัวตามหมอสั่งก็ได้

  สรุปได้ว่า ทำให้ประเทศรอดได้ในสภาวะที่ประสบปัญหาที่คาดไม่ถึงทั้งในและนอกประเทศ โดยไม่ต้องพะวงว่า ถ้าเอาเงินคงคลัง
  มาใช้แล้วจะไม่มีจ่ายหนี้ไอเอ็มเอฟได้ตามกำหนด เพราะว่าจ่ายหนี้ไปก่อนแล้ว ถ้าบังเอิญเน่าอีก ยังสามารถแบกหน้าไปกู้ไอเอ็ม
  เอฟได้อีกรอบ เพราะงวดก่อนประพฤติตัวเป็นลูกหนี้ที่ดีนั่นเอง

3. ชอบแถต้องเลิกอ้างว่าเกิดในสมัยทักษิณ ดังนั้นเป็นผลงานของทักษิณ เพราะไม่สมเหตุสมผล ถามกลับว่าอะไรร้ายๆ ที่เกิดในสมัยทักษิณ ก็ถือเป็นผลงานทักษิณด้วยหรือไม่

- ทำไงได้ผลงานดีๆ มันดันเกิดในสมัยทักษิณ จะให้บอกว่าเป็นผลงานการวางนโยบายของพระยามโนปกรณ์นิติธาดาคงไม่ไหว

1. รู้ไหมครับว่าเงื่อนไขการจ่ายคืนเงินกู้ IMF เขากำหนดจ่ายคืนยังไง ถึงมาบอกว่ารัฐบาลชวนไม่ยอมจ่าย?
2. รู้ไหมว่าเงินที่กู้มานั้นเขาเอาไปทำอะไร อยู่ที่ไหน ได้ดอกผลยังไง มากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้หรือเปล่า?

โทษทีที่ไม่ได้เข้าไปตอบกระทู้นั่น เพราะไม่ได้กดดู นึกว่าเป็น if clause ประเภทในอดีต จัดทำเพื่อบำบัดความเซ็งเป็ดส่วนตัวเท่านั้น
1. ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศภายใต้ความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
   และมิตรประเทศไปแล้วจำนวน 12,054 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะไม่มีการเบิกจ่ายเพิ่มเติมอีก โดยมีเงื่อนไขและ
   ตารางการชำระคืนต้นเงินกู้ ดังนี้
   - เงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น 3 ปี จะถึงกำหนดชำระคืนครั้งแรก
     ในเดือนตุลาคม 2543 จำนวนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสำหรับรัฐบาลของมิตรประเทศได้กำหนด
     ให้เริ่มชำระคืนในไตรมาสแรก ของปี 2544 จำนวนประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ การกู้เงินจากทั้งสอง
     แหล่งจะสิ้นสุดการชำระหนี้ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2547 ตามลำดับ
2. ไม่รู้


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-09-2007, 21:40
ข้อ 2. ใช้ในการรักษาระดับทุนสำรองระหว่างประเทศเท่านั้น  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 08:51
เรื่องที่ไม่ได้เกิดในอดีตและพิสูจน์ไม่ได้ว่าถ้าเกิดในอดีตจะมีผลดีกว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์หรือเปล่า
1. การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริงๆ
2. หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว)
    เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ[/color]

ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........

อ่านให้หมด.......เออจริงว่ะ...มันคล้าย If clause.........แต่ที่เหลือ มันเรื่องจริง ทั้งหมดเลยใช่ ป่ะ......
อันนี้เป็นของความเห็น 135
3. หากรัฐบาลในตอนนั้น ตัดสินใจ ขยายแบนด์...หรือ ลอยค่าเงินบาท ...มันดีกว่า ไม่ทำอะไรเลยยังไง[/color]

เมื่อเราแพ้เรื่องการโจมตีค่าเงินบาทแล้ว การตัดสินใจลอยค่าเงินบาทย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าโดน
โจมตีต่อไม่เลิก เราไม่มีทุนสำรองเพียงพอแล้ว เรื่องแค่นี้เองทำไมคิดไม่ออก สงสัยเจ๊งหุ้นหรือเจ๊งเงินฝาก
ไฟแนนซ์ตอนนั้นอะดิ เลยแค้นไม่หาย คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น แต่ภายหลังก็ฟื้นขึ้นมาได้ซะเยอะ เพราะ
โครงสร้างการบริหารจัดการประเทศมันเปลี่ยนแบบพลิกในปี 2544 สมัยรัฐบาลอะไรหว่า เก่งจัง :slime_bigsmile:


อันนี้ สงสัยอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง.....มิน่าถีงได้หัวปักหัวปำ......ผมหมายถึงไอ้บทความ"จินตนาการน้ำแตก"..ข้างล่างตรงตัวแดง ๆ

ข้อบกพร่องของโครงสร้างระบบการบริหารการเงินอันนำไปสู่วิกฤตการณ์และความไม่มีประสิทธิภาพ
ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีจุดเริ่มมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชน แต่การดำเนินนโบายการเงินของรัฐก็มีส่วนทำให้ปัญหาการก่อหนี้บานปลาย
อย่างแทบจะไม่มีขีดจำกัด

ขั้นตอนของความเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินนโยบายการเงิน ลำดับได้ดังต่อไปนี้

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเลือกที่จะไม่ให้เปิดตลาดเงินทุนเสรีตั้งแต่ พ.ศ. 2533 แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะให้เปิด
การตัดสินใจให้เปิดครั้งนั้น นับว่าเป็นผลพวงของแนวนโยบายที่เป็นมาโดยต่อเนื่องเป็นระยะยาวนาน และสะท้อนความต้องการ
ของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่ เมื่อนายวิจิตรเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ก็สานต่อนโยบายนั้นอย่างขะมักเขม้น ถึงขั้นเปิดวิเทศธนกิจ
ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย
2. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะเปิดตลาดเงินทุนให้เสรีแล้ว ธปท. ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะ รักษาช่วง
(band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้ จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากนั้น อีกไม่กี่เดือน
ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็รุนแรงจนทำให้ ธปท. กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิด ให้กับตลาด
3. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวมจะต้อง มีความระมัดระวัง
(conservative) เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ ธปท.
ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงิน ที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล
เพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จาก ต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  
4. เมื่อ ธปท. ไม่สามารถใช้นโยบายการคลังหรือการเงินได้ ก็ควรจะใช้มาตรการไม่ให้เงินกู้ไหลเข้าประเทศอย่างมากมายเสียตั้งแต่ต้น
แต่มาตรการที่ประกาศเป็นมาตรการที่อ่อน และนำมาใช้เมื่อสายไปแล้ว คือหลังจากไทยมีหนี้สินระยะสั้นในระดับสูงมากเกินไปเสียแล้ว  

หายโง่กันยังจ๊ะ เหอ เหอ  :slime_bigsmile:

หายโง่ยังจ๊ะ เหอ ๆ ......ตกลงผมเขียน ตั้งสิบยี่สิบบรรทัด มี อันที่ เป็น if clause มีแค่นั้นใช่ม่ะ.....ที่เหลือ อีก สิบกว่า บรรทัด คุณแก๊ส ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงหมดเลยเหรอ....เอ๊ย !!!! ทำไมยอมรับกันง่าย ๆ งั้นอ่ะ..... :slime_bigsmile:

"คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น ".......อ้นนี้ fact .....ต้องเห็นแก่ส่วนรวมมั่ง..ไม่ใช่เห็นแก่นักโกงชาติ......ส่วนที่เหลือในประโยคเดียวกัน...ขี้คุยท้างน้าน....เด๋ว คุยไปเรื่อย จะเปิดกระโหลกให้หายโง่ ว่า ทักษิณ มันคุยข่ม เรื่อง ใช้หนี้ IMF ......ตัวเลขกระจอก ๆ ไม่กี่ล้าน เหรียญ

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 09:00
ตกลงผมเขียน ตั้งสิบยี่สิบบรรทัด มี อันที่ เป็น if clause มีแค่นั้นใช่ม่ะ.....ที่เหลือ อีก สิบกว่า บรรทัด คุณแก๊ส ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงหมดเลยเหรอ....เอ๊ย !!!! ทำไมยอมรับกันง่าย ๆ งั้นอ่ะ.....[/b] :slime_bigsmile:

หาได้สามบรรทัดเองที่เป็น if clause ที่เหลือมันเป็น nonsense clause ต่างหาก พ่นไรมาไม่รู้ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 09:11
ฮ่า  ๆ แถไม่ออกดิ...
 :slime_bigsmile:

3. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวมจะต้อง มีความระมัดระวัง
(conservative) เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ ธปท.
ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงิน ที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล
เพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จาก ต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ไหนคนมีคนฉลาด ลองบอก ไอ้ บทข้างงบนวิเคราะห์นี่ หน่อยดิ...มั้นจริงยังไง  5555

อันนี้ใช่จินตนาการน้ำแตก..ป่าว.....


อ้างถึง
เมื่อเราแพ้เรื่องการโจมตีค่าเงินบาทแล้ว การตัดสินใจลอยค่าเงินบาทย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าโดน
โจมตีต่อไม่เลิก เราไม่มีทุนสำรองเพียงพอแล้ว เรื่องแค่นี้เองทำไมคิดไม่ออก สงสัยเจ๊งหุ้นหรือเจ๊งเงินฝาก
ไฟแนนซ์ตอนนั้นอะดิ เลยแค้นไม่หาย คิดถึงส่วนรวมมั่งดิ คนเจ๊งก็เป็นพวก speculator เสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
กันทั้งนั้น ส่วนพวกที่ซวยไปด้วยก็เป็นพนักงานในบริษัทเหล่านั้น แต่ภายหลังก็ฟื้นขึ้นมาได้ซะเยอะ เพราะ
โครงสร้างการบริหารจัดการประเทศมันเปลี่ยนแบบพลิกในปี 2544 สมัยรัฐบาลอะไรหว่า เก่งจัง


ตอนนั้นยังไม่เคยเข้าตลาดหุ้นครับ :slime_smile:

อันนี้ ดิ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง...หลังจากลอยตัวค่าเงินบาท....สงสัยตอนนั้นยังเป็นวุ้นอยู่มั๊ง ถีงไม่รู้เรื่อง 55555


อ้างถึง
ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........

หลังจาก ประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท.....เงินบาท ลอยตัวไม่หยุด กำลัง ทะยานขึ้นสู่ดาวอังคาร....บรรดาเจ้าหนี้ ต่างประเทศ ซึ่ง ไม่รู้ว่าเงินบาท จะไปหยุดตรงไหน...ลูกหนี้จะมีปัญญาจ่ายหรือปล่าว ก็เร่งเรียกหนี้คืน ...ยิ่ง เป็นปฏิกริยาเร่งให้ บรรดา แบ็งค์ ไฟแนนซ์ ขาดทุน ระเนระนาด.....ที่นี้ ละ พ่อคุณเอ๋ย..........

บรรดา สถาบันการเงิน ต้องเอาตัวรอด แบบ ตัวใคร ตัวมัน....เร่งลดสินเชื่อ เร่งลดวงเงิน...เร่งทวงหนี้ที่ยังไม่ถึงเวลาชำระ ขึ้นดอกเบี้ย เก็บค่าปรับจ่ายช้า ......แล้วไงต่อ......เช็คที่จ่ายออกไป ก็เริ่ม เด้ง จาก การค้าใหญ่ อย่างพวกวัสดุก่อสร้าง.....เมื่อเก็บเงินจากบริษัทฯ ก่อสร้างไม่ได้......บริษัท ฯ ค้าวัสดุก่อสร้าง ก็เริ่มเด้งต่อ ไปที่ ผู้ผลิต ..ผู้ผลิต ก็ไปเด้งต่อ ผู้ขายวัตถุดิบ......ไม่พอ ยังมีพวก ไม่เบี้ยว ไม่หนี่ ไม่จ่าย ลอยหน้า ลอยตาในสังคม.อีก...นีเป็นตัวอย่างเดียวน๊ะ เนี่ย.....คงไม่ต้องหาหลักฐานหรอก...อยากรู้เดินเข้าไปถามร้านค้าใกล้บ้านได้เลยจ๊ะ

หนักว่านั้น...ทนงค์ บอกปิดไฟแนนซ์ เพื่อหยุดการไหลออกของเงิน......อันนี้ ดาบสอง....ฟันคอขาดเลยจ๊ะ......ไม่ว่า จะปิด ชั่วคราวเพียงแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เครดิตไลน์ในตลาด ก็เละแล้วจ๊ะ....เคยเขียนเช็คล่วงหน้าป่ะ

ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555





หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 09:33
ทำไมวนเวียนหลายรอบจัง อ่านที่ตอบไม่เข้าใจเหรอ

3. เมื่อ ธปท. เลือกที่จะรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวมจะต้อง
มีความระมัดระวัง (conservative) เป็นพิเศษ

ข้อเท็จจริงในอดีตและแนวทางปฏิบัติเมื่อเลือกทางนั้น

โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ ธปท. ก็มิได้
ผลักดันอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น

ข้อเท็จจริงอีกแล้ว วิเคราะห์ไว้ว่าไม่ทำตามแนวทางปฏิบัติ คือ ให้รัฐบาลมีนโยบายเกินดุล

ส่วนนโยบายการเงิน ที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล เพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จาก ต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นี่ก็ข้อเท็จจริงอีก จินตนาการน้ำแตกอยู่ตรงไหนหว่า อ๋ออยู่ตรงข้างล่างนี่เอง


ผมพูดเรื่องนี้ หลายครั้ง....การลอยตัว ค่าเงินบาท แทนที่จะลดค่าเงินบาทในสมัยนั้น ถือ เป็นวิสัยทัศน์ ที่โง่เง่าจริง ๆ....ทนงค์ นี่มันหมู หรือ แกล้งโง่ ให้ต่างชาติ หรือใคร ก็ไม่รู้ เข้ามายำเมืองไทยเล่น จนตาย แบบสำเพ็งไฟใหม้......การลอยตัวค่าเงินบาท ในขณะ ที่ มีความตื่นตระหนก เรื่อง เงินทุนสำรองลดลงอย่างรวดเร็ว.....เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ดีว่า จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด....เราไม่สามารถประเมินได้เลยว่า เงินบาทจะไปหยุดอยู่ตรงที่เท่าไร...30 หรือ 100 บาท.....ต่อ 1 ดอลล่าห์.....ประเทศไทย ตอนนั้น มีหนี้ต่างประเทศ ประมาณ เก้าหมื่นกว่าล้านเหรียญ.....ลองคิดดูว่า ไอ้หนี้ พวกนั้นมันจะเป็นเท่าไหร่...เมื่อ เงินบาท เปลี่ยนจาก 26 บาท เป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์....แล้ว พวกเฮดฟันด์ หรือใคร ก็ไม่รู้ ที่มันเก็บเงิน ดอลล่าห์ ไว้ก่อนหน้านี้ มันจะรวยไปเท่าไหร่....คนที่เคยเล่นหุ้น จะเข้าใจ เวลาที่คนไล่ซื้อหุ้น หรือ มีข่าวร้าย หรือ ดีมาก ๆ ก็ตามแต่ จะมีการซื้อขายแบบไม่ลืม หู ลืมตา ....จน ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกกฏ ไฟแดงขึ้น เพื่อหยุด ตลาด...แต่ ของทนงค์ มันไม่มีไฟแดง อ่ะ ไปได้เรื่อย ๆ .แล้วแต่พวกพี่ เฮดฟันด์ เค้าจะพอใจ .......เคยเข้าตลาดหุ่นป่ะ.......อีกอย่าง การประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท โดยไม่มีแผนรองรับ..เช่น การสนับสนุนจาก IMF มันเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว .....หากรัฐบาลในขณะนั้น...อดทน แล้วไปประกาศเอา ณ วันที่ลงนาม กับ IMF (อีกเดือนเดียว).....เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า เราจะมีทุนสำรองเพียงพอ สำหรับ ใช้หนี้ต่างประเทศ...ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่า เย๊อะเลยจ๊ะ ....เนี่ย น๊ะ วิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์.........


ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555


บอกไม่ได้หรอกนะว่าถ้าไม่รีบปิด 58 ไฟแนนซ์นั่น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ เพราะไม่ใช่เจ้าตำรับจินตนาการน้ำแตก
ชอบ if clause เกินวันละสองครั้ง ข้อมูลไม่มีใครบันทึกว่า หนี้ที่ดี หนี้ที่เน่า ที่แท้จริงในขณะนั้นเป็นอย่างไร พวกที่มีเงิน
จ่ายหนี้แต่ไม่จ่ายกะให้ล้มแล้วมาประมูลซื้อถูกๆ ก็มี ทางตรงไม่ได้ก็ผ่านตัวกลางที่ซื้อก้อนใหญ่มากระจายก็มี เรื่องพวก
นี้ไม่สามารถเดาผลลัพธ์แบบวิเคราะห์ผลบอลหลังเกมส์หรอก มันซับซ้อนกว่ากันมาก แต่โดยข้อเท็จจริงที่ได้ปิดไฟแนนซ์
นั้นแล้ว และขายสินทรัพย์เหมาล็อตแบบถูกแสนถูก ประเทศไทยก็ค่อยๆ โงหัวขึ้นได้ และเจริญพุ่งเห็นๆ ในสมัยรัฐบาล
ทักษิณก่อนจะผ่อนลงในช่วงที่ประสบปัญหา ความแข็งแกร่งในระบบเศรษฐกิจเกิดจากการกระจายรายได้และโอกาสไป
สู่ท้องถิ่น นี่พูดเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง เพราะว่านักธุรกิจกลุ่มเดิมจำนวนและความสามารถมันจำกัด ถ้าไม่ได้ทักษิณกระจาย
ออกไปยังกลุ่มเอสเอ็มอีใหม่ๆ แล้ว คงต้องกลับไปอ้อนไอเอ็มเอฟอีกรอบสมัยโรคซาร์ หวัดนก สึนามิ โอ๊ยน้ำแตกเรยยย :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 09:45
"
2.เมื่อ ธปท. เลือกที่จะเปิดตลาดเงินทุนให้เสรีแล้ว ธปท. ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่ ธปท. ก็เลือกที่จะ รักษาช่วง
(band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้ จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากนั้น อีกไม่กี่เดือน
ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็รุนแรงจนทำให้ ธปท. กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิด ให้กับตลาด "

แล้วถ้าขยายแบนด์หรือ ยือหยุ่นมันจะมีผลยังไง




"บอกไม่ได้หรอกนะว่าถ้าไม่รีบปิด 58 ไฟแนนซ์นั่น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ เพราะไม่ใช่เจ้าตำรับจินตนาการน้ำแตก
ชอบ if clause เกินวันละสองครั้ง ข้อมูลไม่มีใครบันทึกว่า หนี้ที่ดี หนี้ที่เน่า ที่แท้จริงในขณะนั้นเป็นอย่างไร พวกที่มีเงิน
จ่ายหนี้แต่ไม่จ่ายกะให้ล้มแล้วมาประมูลซื้อถูกๆ ก็มี ทางตรงไม่ได้ก็ผ่านตัวกลางที่ซื้อก้อนใหญ่มากระจายก็มี เรื่องพวก
นี้ไม่สามารถเดาผลลัพธ์แบบวิเคราะห์ผลบอลหลังเกมส์หรอก มันซับซ้อนกว่ากันมาก แต่โดยข้อเท็จจริงที่ได้ปิดไฟแนนซ์
นั้นแล้ว และขายสินทรัพย์เหมาล็อตแบบถูกแสนถูก ประเทศไทยก็ค่อยๆ โงหัวขึ้นได้ และเจริญพุ่งเห็นๆ ในสมัยรัฐบาล
ทักษิณก่อนจะผ่อนลงในช่วงที่ประสบปัญหา ความแข็งแกร่งในระบบเศรษฐกิจเกิดจากการกระจายรายได้และโอกาสไป
สู่ท้องถิ่น นี่พูดเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง เพราะว่านักธุรกิจกลุ่มเดิมจำนวนและความสามารถมันจำกัด ถ้าไม่ได้ทักษิณกระจาย
ออกไปยังกลุ่มเอสเอ็มอีใหม่ๆ แล้ว คงต้องกลับไปอ้อนไอเอ็มเอฟอีกรอบสมัยโรคซาร์ หวัดนก สึนามิ โอ๊ยน้ำแตกเรยยย "

ฮ่า.........ถ้าไม่รับปิด เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ดิ....แต่ปิดไปแล้ว....มัน ก็เกิด อย่างที่ คุณแก๊ส เป็นวุ้นอยู่แหละ.....ก็จะคุยเรื่องที่ มันเป็น fact ไง....อุตสาห์ถอยให้ก้าวนึ่งแล้วน๊ะเนี่ย....จะได้มัน ๆ หน่อย
อ้างถึง
หลังจาก ประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท.....เงินบาท ลอยตัวไม่หยุด กำลัง ทะยานขึ้นสู่ดาวอังคาร....บรรดาเจ้าหนี้ ต่างประเทศ ซึ่ง ไม่รู้ว่าเงินบาท จะไปหยุดตรงไหน...ลูกหนี้จะมีปัญญาจ่ายหรือปล่าว ก็เร่งเรียกหนี้คืน ...ยิ่ง เป็นปฏิกริยาเร่งให้ บรรดา แบ็งค์ ไฟแนนซ์ ขาดทุน ระเนระนาด.....ที่นี้ ละ พ่อคุณเอ๋ย..........

บรรดา สถาบันการเงิน ต้องเอาตัวรอด แบบ ตัวใคร ตัวมัน....เร่งลดสินเชื่อ เร่งลดวงเงิน...เร่งทวงหนี้ที่ยังไม่ถึงเวลาชำระ ขึ้นดอกเบี้ย เก็บค่าปรับจ่ายช้า ......แล้วไงต่อ......เช็คที่จ่ายออกไป ก็เริ่ม เด้ง จาก การค้าใหญ่ อย่างพวกวัสดุก่อสร้าง.....เมื่อเก็บเงินจากบริษัทฯ ก่อสร้างไม่ได้......บริษัท ฯ ค้าวัสดุก่อสร้าง ก็เริ่มเด้งต่อ ไปที่ ผู้ผลิต ..ผู้ผลิต ก็ไปเด้งต่อ ผู้ขายวัตถุดิบ......ไม่พอ ยังมีพวก ไม่เบี้ยว ไม่หนี่ ไม่จ่าย ลอยหน้า ลอยตาในสังคม.อีก...นีเป็นตัวอย่างเดียวน๊ะ เนี่ย.....คงไม่ต้องหาหลักฐานหรอก...อยากรู้เดินเข้าไปถามร้านค้าใกล้บ้านได้เลยจ๊ะ

หนักว่านั้น...ทนงค์ บอกปิดไฟแนนซ์ เพื่อหยุดการไหลออกของเงิน......อันนี้ ดาบสอง....ฟันคอขาดเลยจ๊ะ......ไม่ว่า จะปิด ชั่วคราวเพียงแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เครดิตไลน์ในตลาด ก็เละแล้วจ๊ะ....เคยเขียนเช็คล่วงหน้าป่ะ

ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555

555  หมดปัญญาเถียง ไปจับผิดคำเล็กคำน้อย.....


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 09:48
 :slime_dizzy:

มันจะเอาอะไรกะเราวะเนี่ย บอกแล้วไม่ชอบจินตนาการน้ำแตก :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 09:50
ฮ่า ๆ ๆ แถ ไม่ไป ก็บอกแล้ว จะคุยเรื่องจริง ไม่ ใช่ จินตนาการไง......5555


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 24-09-2007, 09:52
เอาอีกและมะเคยเปลี่ยน :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 10:05
เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์"
วัชรา จรูญสันติกุล  กรุงเทพธุรกิจ  วันจันทร์ที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีคลังในยุคแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทยปี 2540 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง จากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ และนักธุรกิจไทยตลอดเวลาที่รับตำแหน่งสามปี ว่า "ล้มเหลว" ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจขณะนั้น เพราะเดินหลงทางตามก้นไอเอ็มเอฟจนให้ "ยาแรง" เกินขนาด ซึ่งถือว่าเป็นการให้ยาผิด ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งทำให้ขาดความเป็น "อิสระ" ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นของประเทศไทยเอง ท่ามกลางภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น

วันเวลาได้ผ่านมาสิบปี แต่บนเวทีวิพากษ์ยังคงพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินการคลัง ในยุคของธารินทร์ทั้งแง่มุมบวกมุมลบ

หลังจากเหตุการณ์เงินบาทถูกโจมตีเป็นระลอกใหญ่จากภายนอกประเทศ ในช่วงวันวาเลนไทน์ 14-15 กุมภาพันธ์ 2540 ห่างจากระลอกแรกที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2539 ราวคลื่นมรสุมสงบนิ่ง แต่เมฆฝนก็ตั้งเค้าอีกนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม

โดยในเช้าวันหนึ่ง นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในขณะนั้น หอบแฟ้มเอกสาร เพื่อรายงานรัฐมนตรีคลัง ดร.อำนวย วีรวรรณ เกี่ยวกับความอ่อนแอของสถาบันการเงิน 18 แห่ง กับอีก 3 ธนาคารพาณิชย์ จำเป็นที่ทางการเองงัดเอาแผนควบกิจการมาใช้กัน โดยให้รัฐเข้าถือหุ้นใหญ่คล้ายกับจะจัดตั้งเป็นธนาคารกรุงไทยแห่งที่สอง

ในที่สุดมีคำสั่งปิดแค่ 16 สถาบันการเงิน ในเดือนมีนาคม 2540 นั้นเอง โดยมีรัฐค้ำประกันเงินฝาก แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของสองบริษัทเงินทุนใหญ่ เช่น เอกธนกิจของนายปิ่น จักกะพาก และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ ทั้งที่เป็นความข้องใจของนักลงทุนในตลาด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เส้นแบ่งความเชื่อมั่นได้ขาดสะบั้นลง เกิดปรากฏการณ์ข่าวลือเป็นระลอกหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการถอนเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ จนขาดสภาพคล่อง และลุกลามสู่การแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ ในระบบสถาบันการเงิน จนกระทั่งคลอนแคลน และนำไปสู่การต้องปิดสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอีก 42 แห่ง รวมเป็น 58 แห่ง ในเดือนสิงหาคมต่อมา ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ เพื่อตัดทิ้งเนื้อร้ายและเพื่อหยุดการแห่ถอนเงิน Deposit Run ในระบบสถาบันการเงินไทย

โดยที่รัฐบาลไทยต้องรับประกันเงินฝาก และกองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินให้ความคุ้มครอง กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างชาติทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

ในเวลานั้น อาณาจักรของ "เอกธนกิจ" ขยายตัวใหญ่จนเกือบจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น "Mega Finance Company" กลับต้องล่มสลายลงไป กับสินทรัพย์ที่เสียหายกว่าแสนล้านบาท รวมทั้งความล้มเหลวของแผนการควบกิจการ กับธนาคารไทยทนุ ต่อมาได้ส่งผลเป็นโดมิโน ให้การหาผู้ร่วมทุนจากธนาคารต่างชาติของธนาคารไทยอีก 4 แห่ง ถึงกับล้มเหลวตามไปด้วย

เกือบจะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในสภาพนักวิ่งผลัดที่ส่งไม้ต่อจากวิกฤติสถาบันการเงินในระลอกแรกนั้น มาถึงการโจมตีค่าเงินบาทจากเฮดจ์ฟันด์ ที่เป็นกองทุนเก็งกำไรภายนอกประเทศได้เกิดขึ้นระลอกใหม่เป็นครั้งที่สาม ซึ่งนับเป็นระลอกที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทย เฮดจ์ฟันด์มีอำนาจเงินนับหลายแสนล้านดอลลาร์ ทุ่มโจมตีเงินบาทสุดตัวเพื่อเอาชนะ ธปท.ในขณะนั้น จนทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่สะสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ได้ไหลทะลักออกจาก ธปท.วันละหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง นับจากวันที่ 12-16 พฤษภาคม โดยหนักหน่วงที่สุดในช่วงวันที่ 13-14 พฤษภาคม ทุนสำรองเงินตราได้ไหลออกจำนวนมหาศาลไม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จนกระทั่งทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่มีอยู่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2539 ลดลงแทบไม่เหลือหลอ ทำให้วิกฤตการณ์เงินบาทที่ถูกซ่อนเร้นไว้ กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ถล่มภาวะเศรษฐกิจไทย และฐานะการเงินของประเทศจนซวนเซแทบล้มทั้งยืน ประกอบกับคนไทยเริ่มขาดความเชื่อมั่นในประเทศกันเอง มีการนำเงินออกนอกประเทศในเดือนมิถุนายน จนทุนสำรองเกือบกลายเป็นเลขศูนย์

ในที่สุด ธปท.ก็หมดทางเลือกต้องลดค่าเงินบาท และประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน จากการบริหารในระบบตะกร้าเงิน มาเป็นระบบลอยตัวแบบจัดการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้เงินบาท มีค่าลดฮวบฮาบลงจากอัตรา 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 27-28 บาท และไถลลงหนักที่สุดในปลายเดือนมกราคม 2541 ที่ 56 บาท

ย้อนเวลากลับไปในวันที่ 21 สิงหาคม 2540 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทย ก่อนที่จะลุกลามไปสู่วิกฤติระดับภูมิภาคในเอเชีย ประเทศไทยต้องเข้าโปรแกรมการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยได้รับเงินกู้เป็นจำนวน 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นเงิน Stand By Credit ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจะสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ต่างชาติที่รุมขอคืนเงินกู้จากภาคธุรกิจของไทย ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องยืนยันพันธกรณี (Letter Of Intent) ถึง 7 ฉบับ ที่ทำให้รัฐบาลไทย ต้องปฏิบัติตามในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง รักษาวินัยการคลังเคร่งครัด โดยเข้มงวดการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐทุกบาททุกสตางค์ และดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มข้น กำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เพื่อบีบรัดการใช้จ่ายของภาคเอกชน โดยหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจเกิดเสถียรภาพ และเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

เดือนพฤศจิกายนในปีนั้น รัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออก รัฐบาลใหม่โดยการนำของนายชวน หลีกภัย ในสมัยที่สอง เข้ารับงานบริหารประเทศ โดยมีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีคลัง ร่วมกอบกู้วิกฤติ ซึ่งเขาได้กล่าวล่าสุดว่า เศรษฐกิจไทยขณะนั้นถูกบีบรัดอย่างรุนแรง แต่ต่อมาไอเอ็มเอฟยอมรับว่า ใช้โปรแกรมที่ไม่ตรงกับประเทศไทย จึงยอมผ่อนคลายนโยบายการคลังลงภายหลัง จากรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ ได้พยายามต่อรองในเรื่องการกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ผ่อนปรนมากขึ้น เพราะฐานะการคลังของไทยไม่ได้มีปัญหาใดๆ โดยที่ตัว "G" คือ Government Spending เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่มีเงินพอที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติเท่านั้น แต่ ไอเอ็มเอฟยืนยันที่จะไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินหากมีผลกระทบต่อการตกรูดของเงินบาท และการพุ่งกระฉูดของเงินเฟ้อ ซึ่งในตอนนั้นเป็นปัญหาจากทางด้านต้นทุนสูง โดยที่ปัญหาเงินเฟ้อจากความต้องการในประเทศได้ตายไปหมดแล้ว จากผลพวงของภาวะวิกฤติ

ธารินทร์ เล่าให้ฟังว่า ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นกับระบบสถาบันการเงินไทย ยังไม่ได้จบลงไปพร้อมกับการสั่งปิด 58 สถาบันการเงิน (ต่อมาเหลือ 56 ไฟแนนซ์ โดยคืนใบอนุญาตให้กับเกียรตินาคิน และบางกอกอินเวสต์เมนท์) โดยไอเอ็มเอฟดึงธนาคารโลก เข้ามาช่วยฟื้นฟูสินทรัพย์ที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด เพราะเห็นว่าจะต้องใช้ผู้ชำนาญการ มาดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากเพิ่มขึ้น โดยจะจัดตั้งเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่ให้กระทรวงการคลังและ ธปท.เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่โปร่งใส หรือมีการเตะถ่วงการทำงาน ถึงแม้ว่าทั้งสองหน่วยงานจะเป็นเจ้าของก็ตาม

องค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. ถูกจัดตั้งขึ้นมาให้มีหน้าที่ทำการฟื้นฟูสถาบันการเงิน ไม่ใช่ฟื้นฟูสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน

ในเดือนพฤศจิกายน 2540 ธารินทร์ขอให้สมาคมธนาคารไทย ละธนาคารออมสินเข้ามาช่วยกันฟื้นฟูสถาบันการเงิน มีบรรษัทเงินทุนสากล หรือ ไอเอฟซี (International Finance Corporation) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก และเคยเป็นเจ้าหนี้ใหญ่ของกลุ่มเอกธนกิจ เสนอแผนฟื้นฟูพร้อมใส่เงินเข้ามา โดยร่วมมือกับธนาคารดอยช์แบงก์ของเยอรมนี "แต่ไอเอฟซีมักจะบ่นว่า ไม่ได้รับความสะดวกจาก ปรส." ซึ่งในเวลานั้น กองทุนฟื้นฟูประกาศให้เอกธนกิจ ควบกิจการกับธนาคารไทยทนุโดยใช้เงินราว 8 พันล้านบาท

"ผมบอกให้ไอเอฟซีวิ่งไปหา ปรส.เพื่อเสนอแผนฟื้นฟูเอกธนกิจ แต่ ปรส.กลับบอกว่าปิดเวลารับการพิจารณา ทั้งที่ยังมีเวลาเหลืออีกสองวัน" ธารินทร์กล่าวในที่สุด ทางการก็สั่งปิดเอกธนกิจเป็นการถาวรในวันที่ 8 ธันวาคม 2540

ปรส.ได้ตกปากรับคำกับ "5 เสือ" ซึ่งบริษัทผู้สอบบัญชีระดับโลก อาทิเช่น อาเธอร์แอนเดอร์สัน เอิร์นสแอนด์ยัง คูเปอร์ส & ไลแบรนด์ ดีลอยด์ & โทมัสซึ และเคพีเอ็มจี ว่าจะให้เข้ามาร่วมทำงาน แต่ทั้ง "5 เสือ" ได้เสนอแผนร่วมงานกันมาเป็น joint package โดยต้องการค่าตอบแทน 1.6 พันล้านบาทในการเข้ามาบริหารสินทรัพย์ นอกจากเงินค่าบริหารที่แพงมากแล้ว "เขายังเสนอสิ่งที่ผมรับไม่ได้ คือ ถ้าทำงานไปแล้ว เกิดภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นในอนาคต (Future Liabilities) รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ เมื่อขอให้ตัดเงื่อนไขนี้ออก เขาบอกว่าไม่ได้ ผมก็เลยให้เลิก" แต่ต่อมา ได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์จากสถาบันการเงินเข้ามาดูแลแทน โดยมีการว่าจ้างด้วยผลตอบแทน 200 ล้านบาท

ธารินทร์กล่าวว่า นี่เป็นวิกฤติสถาบันการเงินไทยในภาคพิสดาร มีปัญหาหนี้สินที่อาจเสียหายสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท เป็นหนี้สินรวมทั้งภาระดอกเบี้ยในอนาคตที่นำไปฝากไว้กับธนาคารกรุงไทย และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ รวม 1 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าต่อมาจะมีการดำเนินคดีทางศาล โดยชนะคดีก็ตาม แต่ได้เงินคืนมาเพียงกว่าพันล้านบาท ส่วนหนี้สินที่โผล่มาอยู่กับ ปรส.ยังมีอีก 6 แสนล้านบาทนั้น ซึ่งหนี้ทั้งหมดมีตัวเลขโผล่มาทาง ธปท.ว่า เป็นหนี้เอ็นพีแอลที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึง 46.7% ของสินเชื่อทั้งระบบ

การหารือกอบกู้วิกฤติการเงินไทยในปี 2540 ที่ฝรั่งเรียกว่า "หมิ่นเหม่ต่อการเจ๊ง แต่ผมได้คุยกับชัยวัฒน์ (ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ว่าการ ธปท.ต่อจากนายเริงชัย) ว่า กองทุนฟื้นฟูพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเป็นรายแบงก์ ซึ่งตอนนั้นเกิดปัญหากับอีก 5 แบงก์"

"เราตั้งแบงก์รัตนสิน เพื่อให้เป็น Bridge Bank ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นกับแบงก์ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งไอเอ็มเอฟก็เห็นด้วย โดยให้ถ่ายโอนสินทรัพย์ที่ไม่ต้องมีการประมูล จากนั้นก็ให้ประเมินหนี้ของกองทุนฟื้นฟูใน ปรส.ว่ามีเท่าไร ปรากฏว่า มีหนี้เป็นเอ็นพีแอล 99%" ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงรับภาระความเสียหายออกพันธบัตรรัฐบาล 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นภาระภาษีของประชาชนในอนาคต

ธารินทร์ ยอมรับว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่แท้จริงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังมาเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในภูมิภาค จากไทยสู่เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งอยู่ๆ ก็มาถึงรัสเซีย ตุรกี รวมถึงอาร์เจนตินาในรอบที่สอง "ปัญหาไทยแก้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นอินโดนีเชีย โดยไอเอ็มเอฟให้ตัดเงินอุดหนุนในการซื้อน้ำมัน และอาหารของประชาชน ซึ่งถ้าเราไม่มีภาคเกษตรช่วยไว้ อาจแย่กว่านี้ก็ได้"

"นับแต่วันแรก ผมเห็นปัญหาขาดสถาพคล่องทางการเงิน ท่อน้ำเลี้ยงที่จะไปภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ถูกปิดหมด แต่ทำอะไรไม่ได้ และที่แย่ก็คือ ธนาคารไทยถูกตัดเครดิตไลน์จากธนาคารต่างชาติหมด จน ธปท.ต้องเข้ามาประกันให้ แต่ทำได้แค่วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น ที่ยอมรับไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เพียงแบงก์เล็กแบงก์กลาง แม้แต่แบงก์ใหญ่ก็เปิดแอลซีไม่ได้ ทำให้ต้องออกแผนแม่บทแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินไทย 14 สิงหาคม 2541 และต้องปรับโครงสร้างให้ได้ ก็เพราะฐานะตอนนั้นความเสี่ยงของไทย ตกไปอยู่ที่อันดับสามจากท้ายตารางของ 160 ประเทศ"

ตั้งแต่ ธารินทร์ เข้ากุมบังเหียนเศรษฐกิจไทย มีการติดลบไปถึง 12% โดยในปีแรก 2540 ติดลบ 1.8% และปีที่สอง 2541 ติดลบอีก 10.8% แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็ค่อยกระเตื้องขึ้น จนรัฐบาลทักษิณเข้ามารับผลบวกมีอัตราเติบโตถึง 4.5% ต่อปี "ช่วงวิกฤติ คนจนช่วยคนรวย จากนี้ไปเศรษฐกิจต้องปรับโครงสร้างแล้วค่อยๆ ตั้งหลักต่อไป การปล่อยให้มหาเศรษฐีรวยแล้วรวยอีก หรือปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตบิดเบือน มันจะมั่นคงได้อย่างไร ประเทศไทยยังต้องเดินในแนวทางสมัยใหม่ ผมถูกต่อต้านในตอนนั้น เพราะไม่เน้นชาตินิยม แต่ตอนที่ผมส่งมอบงานนั้น ทุนสำรองประเทศมีฐานะสุทธิ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แล้ว ที่สำคัญเศรษฐกิจไทยต้องเดินไปอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่ต้องใช้นโยบายประชานิยม"

"ผมยอมรับว่า ทำได้แค่กู้วิกฤติ เพื่อเศรษฐกิจลุกขึ้นมาตั้งหลัก ไม่สามารถทำให้ลุกขึ้นวิ่งอย่างที่หลายคนต้องการ" ธารินทร์ กล่าวในที่สุด

เอากะเค้าหน่อยวะ ไหนๆ ลากเรื่องไปไกล 58 ไฟแนนซ์ คงถึง ปรส. จนได้


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 10:10
ฮ่า ๆ มาแปะ อีกแล้ว.....เหมือนตอนแปะ....บทความวีระพงษ์

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 10:19
สถานการณ์ตอนนั้นมันไม่ปิดไม่ได้หรอก อ่านดูก็รู้แล้ว ยังต้องให้วิเคราะห์ให้ฟังอีกเหรอ
ถ้าไฟแนนซ์นั่นเจ๋งจริง เค้าก็คืนใบอนุญาตให้หรอก กระบวนการมันก็ไปได้ตามที่วางไว้
ถ้าไม่ติดเรื่อง ปรส. ที่มีงุบงิบจนทำให้ ขายหนี้เน่าได้เงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ฝรั่งที่มี
เงิน(หรือมาตัวเปล่าหว่า) สามารถทำกำไรจากความหายนะของประเทศไทยได้เป็น
หมื่นๆ ล้าน แต่บางทีก็ช่วยไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของความอยู่รอด ถ้าไม่ให้
เค้ากระซวกมั่ง เราอาจจะไม่รอดเลย คิดซะว่าลุกขึ้นมาได้พร้อมกับเห็นฝรั่งกินอิ่มนั่งยิ้ม
เผล่อยู่ ก็ดีกว่านอนพะงาบเป็นผักทำอะไรไม่ได้ จริงๆ ที่ตัดแปะนี้ก็มาจากกระทู้เก่าใน
นี้แหละ อ่านดูข้อความสุดท้ายก็รู้แล้วว่า นายธารินทร์ก็ทำได้แค่นี้ ถ้าจะมากกว่านี้ต้อง
ทักษิณ คงจะชัดเจนแล้วนะว่าใครที่เป็นคนปลดหนี้ IMF ได้  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 10:24

ขี้เกียจตอบแระ

ในบรรดา ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ ถึงแม้ จะมีหนี้เน่า....แต่มีจำนวนไม่น้อย ที่ เป็นลูกค้าที่ดี.....พอปิดปุ๊บ....เงินก็หมุนเวียนไม่ได้.....แล้ว ลูกค้าที่ดี ๆ ไม่ได้เกี่ยว กับ ค่าเงิน ก็ซวยไปด้วย วงเงินสินเชื่อก็ปิดไปโดยปริยาย....ทีนี้ เลยเน่าทั้งเข่งไงจ๊ะ แล้วไม่ใช่ ไฟแนนซ์ เดียว โห 58 เลย...มันมั๊ยล่ะ เจ๋งจริง ๆ......เป็นไงวิสัยทัศน์ พระเอกทนงค์...ยอดม่ะ......ไม่ต้องหาหลักฐานน๊ะ...อย่างรู้สอบถามไฟแนนซ์ ข้างบ้าน..แต่น่าจะรู้น่า...ยกเว้น ตอนนั้นคุณแก๊ส จะยังเป็นวุ้นอยู่ ....5555 

ผลกระทบมันเป็นลูกโซ่.......ตอนหลัง ปี ไหนจำไม่ได้แล้ว เค้าเปิดคืนมาอีก 2  ไฟแนนซ์

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 24-09-2007, 19:04

อ้างถึง
"ธารินทร์ เล่าให้ฟังว่า ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นกับระบบสถาบันการเงินไทย ยังไม่ได้จบลงไปพร้อมกับการสั่งปิด 58 สถาบันการเงิน (ต่อมาเหลือ 56 ไฟแนนซ์ โดยคืนใบอนุญาตให้กับเกียรตินาคิน และบางกอกอินเวสต์เมนท์) โดยไอเอ็มเอฟดึงธนาคารโลก เข้ามาช่วยฟื้นฟูสินทรัพย์ที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด เพราะเห็นว่าจะต้องใช้ผู้ชำนาญการ มาดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากเพิ่มขึ้น  โดยจะจัดตั้งเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่ให้กระทรวงการคลังและ ธปท.เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่โปร่งใส หรือมีการเตะถ่วงการทำงาน ถึงแม้ว่าทั้งสองหน่วยงานจะเป็นเจ้าของก็ตาม"


อ้างถึง

ในที่สุดมีคำสั่งปิดแค่ 16 สถาบันการเงิน ในเดือนมีนาคม 2540  นั้นเอง โดยมีรัฐค้ำประกันเงินฝาก แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของสองบริษัทเงินทุนใหญ่ เช่น เอกธนกิจของนายปิ่น จักกะพาก และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ ทั้งที่เป็นความข้องใจของนักลงทุนในตลาด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เส้นแบ่งความเชื่อมั่นได้ขาดสะบั้นลง เกิดปรากฏการณ์ข่าวลือเป็นระลอกหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการถอนเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ จนขาดสภาพคล่อง และลุกลามสู่การแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ ในระบบสถาบันการเงิน จนกระทั่งคลอนแคลน และนำไปสู่การต้องปิดสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอีก 42 แห่ง รวมเป็น 58 แห่งในเดือนสิงหาคมต่อมา  ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ เพื่อตัดทิ้งเนื้อร้ายและเพื่อหยุดการแห่ถอนเงิน Deposit Run ในระบบสถาบันการเงินไทย

ความเป็นจริง หลัง ปิดเพิ่มอีก 42 แห่ง ความเชื่อมั่น ก็ขาดลงทันที....คนยิ่งแห่ถอนเงิน กันหนักกว่าเก่า.....มีคนตกงานอีกจำนวนมหาศาล หลังจากปิดสถาบันการเงิน


อ้างถึง
ส่วนเรื่องการปิด 56 ไฟแนนซ์นั้น ความตั้งใจของผมคือปิดชั่วคราว เพื่อหยุดการถอนเงินออกจากแบงก์เพราะตอนนั้นเงินไหลออกจากแบงก์วันละ 2 หมื่นล้านบาท ถ้าไม่ทำอะไรแย่แน่ ตอนนั้นเราตั้งใจว่าจะแยกสินทรัพย์ดี สินทรัพย์เสียออกจากกัน ออกเป็น Good Bank กับ Bad Bank แล้วเอา Good Bank มารวมกัน อาจจะตั้งเป็นธนาคารขึ้นก็ได้ ก็ให้คุณบันเทิง(นายบันเทิง ตันติวิทย์) เป็นคนไปศึกษา .......บทสัมภาษณ์ ทนงค์ ...ที่ คห.97

ความเป็นจริง...ก็คือ บิ๊กจิ๋ว ลาออก ตอนเดือนพฤศจิกายน........16 ไฟแนนซ์ แรก ปิด ไป 8 เดือน ...นี่ คือชั่วคราวที่ทนงค์ว่า.....หลังจากนั้น บิ๊กจิ๋ว ประกาศเสียงดังหลายครั้ง ว่า จะไม่มีไฟแนนซ์ ถูกปิดอีกต่อไป...แล้ว ทนงค์ ก็ปีด อีก 42 แห่ง เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนรัฐบาลจิ๋วจะหมดสภาพไป...แค่นี้ ก็นานเกินพอแล้วครับ

ขณะนั้นมีบริษัทเงินทุนกว่า 30 แห่งธนาคาร 5 แห่งมีปัญหา ตามธรรมเนียมไอเอ็มเอฟก็จะให้ปิดท่าเดียว (เป็นเหตุการณ์ในยุคป๋าเปรม) ......ดร.โกร่ง เล่าให้ฟัง ที่ คห.42

นโยบายที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้เราทำในเวลาต่อมาจึงไม่ใช่มุ่งประเด็นประคับประคองสถานการณ์ซึ่งอย่างไรก็ต้องแย่อยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่บีบให้ทุกอย่างหดตัวลงทุกทาง ทั้งในด้านการเงินการคลัง ทั้งสถาบันการเงินให้ปิดสถาบันการเงิน ประฌามประเทศไทยว่ามีแต่ผู้บริหารที่คดโกงทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน ไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาลในบริษัท (bad governance) ทั้งๆ ที่เจ้าหนี้ฝรั่งทั้งหลายเวลาปล่อยเงินกู้ก็ปล่อย เพราะผู้บริหารที่เขาประฌามนั่นเอง........ดร.โกร่ง เล่าให้ฟัง...ที่ คห.42 อีกเช่นกัน

นั่นหละ ที่ผมพูดไว้หลายครั้ง ในกระทู้นี้ ....การปิดสถาบันการเงิน.ไม่ว่าจะเป็นชัวคราว หรือ ถาวร....ยิ่งปิดนาน..ยิ่งหนี้เสียเพิ่ม......เพราะ ลูกค้า ที่ดี ๆ ก็จะเริ่มกลายเป็น NPL......อย่างที่ไม่ควรจะเป็น เนื่องจาก ไม่สามารถใช้วงเงิน ทีมีอยู่ตามสถาบันการเงินได้...สภาพคล่องก็ติดขัด ทำให้เกิด การโดมิโน่ ทางเศรษฐกิจ

จริง ๆ แล้ว หลังจาก เปลี่ยนผู้ว่า ฯ มาเป็น หม่อมเต่า....ก็ยังมีไฟแนนซ์ ที่ เกิดอาการไม่ดี อีก 3-4 แห่ง.....แล้ว ก็แบ็งค์ อีก หลายแห่ง......หม่อมเต่าไม่ได้แก้ด้วยการปิด สถาบันการเงินเหล่านั้น....แต่ใช้วิธี ส่งคนเข้าไปควบคุม...แล้ว ปล่อยให้ดำเนินการ ต่อไปแบบเข้มงวด....วิธีการนี้ จะทำให้ ลูกค้า ดี ๆ ส่วนหนึ่ง ได้ใช้วงเงินต่อไป...ธุรกิจ ก็ยังดำเนินต่อไปได้..ไม่ต้องกลายเป็นหนี้เสียแบบไม่มีทางแก้ไข....เราจะเห็นได้ จากการแก้ ปัญหา ธนาคารศรีนคร ธนาคารนครธน...หรือ ธนาคาร นครหลวง ก็ไม่ได้ปิดตัวลงแบบ กิจกรรม ทุกอย่าง หยุดชะงักไปหมด แต่ให้มีการควบรวม โอนถ่ายลูกค้า..เพื่อดูแลต่อไป


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 24-09-2007, 19:18
สถานการณ์ตอนนั้นมันไม่ปิดไม่ได้หรอก อ่านดูก็รู้แล้ว ยังต้องให้วิเคราะห์ให้ฟังอีกเหรอ
ถ้าไฟแนนซ์นั่นเจ๋งจริง เค้าก็คืนใบอนุญาตให้หรอก กระบวนการมันก็ไปได้ตามที่วางไว้
ถ้าไม่ติดเรื่อง ปรส. ที่มีงุบงิบจนทำให้ ขายหนี้เน่าได้เงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ฝรั่งที่มี
เงิน(หรือมาตัวเปล่าหว่า) สามารถทำกำไรจากความหายนะของประเทศไทยได้เป็น
หมื่นๆ ล้าน แต่บางทีก็ช่วยไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของความอยู่รอด ถ้าไม่ให้
เค้ากระซวกมั่ง เราอาจจะไม่รอดเลย คิดซะว่าลุกขึ้นมาได้พร้อมกับเห็นฝรั่งกินอิ่มนั่งยิ้ม
เผล่อยู่ ก็ดีกว่านอนพะงาบเป็นผักทำอะไรไม่ได้ จริงๆ ที่ตัดแปะนี้ก็มาจากกระทู้เก่าใน
นี้แหละ อ่านดูข้อความสุดท้ายก็รู้แล้วว่า นายธารินทร์ก็ทำได้แค่นี้ ถ้าจะมากกว่านี้ต้อง
ทักษิณ คงจะชัดเจนแล้วนะว่าใครที่เป็นคนปลดหนี้ IMF ได้  :slime_bigsmile:

"นับแต่วันแรก ผมเห็นปัญหาขาดสถาพคล่องทางการเงิน ท่อน้ำเลี้ยงที่จะไปภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ถูกปิดหมด
แต่ทำอะไรไม่ได้ และที่แย่ก็คือ ธนาคารไทยถูกตัดเครดิตไลน์จากธนาคารต่างชาติหมด จน ธปท.ต้องเข้ามาประกันให้
แต่ทำได้แค่วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น ที่ยอมรับไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เพียงแบงก์เล็กแบงก์กลาง แม้แต่
แบงก์ใหญ่ก็เปิดแอลซีไม่ได้ ทำให้ต้องออกแผนแม่บทแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินไทย 14 สิงหาคม 2541 และต้อง
ปรับโครงสร้างให้ได้ ก็เพราะฐานะตอนนั้นความเสี่ยงของไทย ตกไปอยู่ที่อันดับสามจากท้ายตารางของ 160 ประเทศ"

ตั้งแต่ ธารินทร์ เข้ากุมบังเหียนเศรษฐกิจไทย มีการติดลบไปถึง 12% โดยในปีแรก 2540 ติดลบ 1.8% และปีที่สอง
2541 ติดลบอีก 10.8% แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็ค่อยกระเตื้องขึ้น จนรัฐบาลทักษิณเข้ามารับผลบวกมีอัตราเติบโต
ถึง 4.5% ต่อปี
"ช่วงวิกฤติ คนจนช่วยคนรวย จากนี้ไปเศรษฐกิจต้องปรับโครงสร้างแล้วค่อยๆ ตั้งหลักต่อไป การปล่อย
ให้มหาเศรษฐีรวยแล้วรวยอีก หรือปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตบิดเบือน มันจะมั่นคงได้อย่างไร ประเทศไทยยังต้อง
เดินในแนวทางสมัยใหม่ ผมถูกต่อต้านในตอนนั้น เพราะไม่เน้นชาตินิยม แต่ตอนที่ผมส่งมอบงานนั้น ทุนสำรองประเทศ
มีฐานะสุทธิ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แล้ว ที่สำคัญเศรษฐกิจไทยต้องเดินไปอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว
โดยไม่ต้องใช้นโยบายประชานิยม"

"ผมยอมรับว่า ทำได้แค่กู้วิกฤติ เพื่อเศรษฐกิจลุกขึ้นมาตั้งหลัก ไม่สามารถทำให้ลุกขึ้นวิ่งอย่างที่หลายคนต้องการ"
ธารินทร์ กล่าวในที่สุด

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีข้อบ่งชี้อะไรทั้งนั้นเหมือนกันว่า ถ้าทักษิณมาบริหารงานในภาวะวิกฤติแทนธารินทร์แล้วจะทำอะไรได้ดีกว่า

ความจริงมีเพียงอย่างเดียวว่าทักษิณเข้ามารับผลบวก ในขณะที่ภาวะวิกฤติได้รับการแก้ไขจนสามารถตั้งหลักได้แล้ว
ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกัปตันเรือที่เข้ามารับช่วงหลังจากเรือหยุดจม แล้วมาคุยโม้โอ้อวดว่าตัวเองเป็นคนกู้เรือจมเพราะ
เป็นคนที่ขับเรือไปถึงฝั่งสำเร็จ ทำให้ผู้โดยสารที่ไม่รู้เรื่องตื่นมาฟังประกาศตอนถึงฝั่งก็ชื่มชมหลงไหลเป็นการใหญ่

แถมยังโทษกัปตันสมัย 4 รุ่นก่อน (คือ นายชวน1/ปชป.) ว่าเป็นคนทำให้เรือรั่ว แต่ไม่เคยแตะต้องกัปตัน 3 รุ่นก่อน
(คือ บรรหาร/ชาติไทย) ว่าทำไมเรือรั่วแล้วไม่อุดรู และไม่เคยแตะต้องกัปตัน 2 รุ่นก่อน (คือ ชวลิต/ความหวังใหม่)
ที่ตัวเองเข้าไปมีส่วนอยู่ใน ครม. ว่าทำไมเรือรั่วแล้วบริหารจนเรือล่มคามือ


ส่วนผลงานการกู้เรือของกัปตันรุ่นก่อน (คือ นายชวน2/ปชป.) ที่มากู้เรือล่ม จนสามารถแล่นได้นั้นไม่เคยพูดถึงเลย
แถมยังโจมตีว่าบริหารไม่ดี และคุยโม้โอ้อวดฝีมือตัวเองว่าเก่งกาจ นอกจากขับเรือเข้าฝั่งได้แล้ว ยังแอบอ้างผลงาน
ว่าเป็นผู้กู้เรือเสียเองอีกด้วย

แค่ขับเรือที่ซ่อมแล้วเข้าฝั่งได้มันเป็นผลงานอะไรให้คุยนักหนา .. ยังไม่นับเรื่องแอบอ้างว่าเป็นคนกู้เรืออีกนะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 24-09-2007, 20:14
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เส้นแบ่งความเชื่อมั่นได้ขาดสะบั้นลง เกิดปรากฏการณ์ข่าวลือเป็นระลอกหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการถอนเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ จนขาดสภาพคล่อง และลุกลามสู่การแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ ในระบบสถาบันการเงิน จนกระทั่งคลอนแคลน และนำไปสู่การต้องปิดสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอีก 42 แห่ง รวมเป็น 58 แห่ง ในเดือนสิงหาคมต่อมา ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ เพื่อตัดทิ้งเนื้อร้ายและเพื่อหยุดการแห่ถอนเงิน Deposit Run ในระบบสถาบันการเงินไทย

ตรงนี้เป็นคำตอบชัดเจนว่าทำไมต้องปิดไฟแนนซ์ ถ้าเปิดต่อไปเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรคงคาดเดาไม่ได้
เพราะเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิด แต่จากการป้องกันการล่มสลายในตอนนั้นจากการแห่ถอนเงิน วิธีนี้คงเป็น
สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ถึงตอนนี้บอกได้แค่ว่าเป็น destiny ที่ทำให้ต้องทำอย่างงั้น ไม่เกี่ยวกับฝีมือดีหรือห่วย

ภายหลังจากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ ถูกใช้ไปในการปกป้องค่าเงินบาทของประเทศเกือบหมด ภาคเอกชนขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ ที่ต่างพากันขนเงินลงทุนย้ายออกไปนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินบาท และสภาพคล่องภายในประเทศ จนทำให้ผู้ฝากถอนเงินฝากออกจากสถาบันการเงินหลายแห่ง และท้ายที่สุดรัฐบาล ได้มีการปิดกิจการสถาบันการเงิน 56 แห่ง เนื่องจากสถาบันการเงินเหล่านี้ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และมีระดับของสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ต่อมาเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ฝากเงินและนักลงทุน ตลอดจนหยุดยั้งความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นและเพื่อหยุดการไหลของเงิน

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2540 รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการออกพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 ด้วยการรับประกันผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ที่สุจริตของสถาบันการเงินทั้งระบบ โดยมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ในฐานะที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้เข้าไปทำหน้าที่รับประกันเงินฝากและเจ้าหนี้ ซึ่งในขณะนั้นมียอดหนี้สินรวมทั้งสิ้น 1,004,000 ล้านบาทที่กองทุนฟื้นฟูฯจะต้องเข้าไปรับผิดชอบ

ณ สิ้นปี 2540 กองทุนฟื้นฟูฯมีหนี้สินเพิ่มขึ้นทันที 893,111 ล้านบาท โดยหนี้สินดังกล่าวเกิดจากการจัดหาสภาพคล่อง ให้กับสถาบันการเงิน 56 แห่ง ที่ถูกปิดกิจการ และสถาบันการเงินอื่นๆ ที่กองทุนฟื้นฟูฯเข้าไปแทรกแซงในเวลาต่อมา โดยสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการทั้งหมดไม่มีดอกเบี้ยรับเพราะที่มีอยู่ในสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในขณะที่กองทุนฟื้นฟูฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการออกพันธบัตรระยะสั้นในอัตรา 20% ต่อปี และในบางช่วงต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือพันธบัตรในอัตรา 24% เพื่อนำเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตร ขายให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ ที่มีสภาพคล่องเหลือมาปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินที่ขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินเกิดการบิดเบือนผิดปกติ และท้ายที่สุดได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงิน ของกองทุนฟื้นฟูฯเองจนกระทั่งเงินกองทุนติดลบ ไม่อยู่ในวิสัยที่จะเข้าไปช่วยสถาบันการเงินอื่นๆ

ต่อมาในยุคสมัยของรัฐบาลชวน หลีกภัย ที่มีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้ตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นด้วยการออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพันธบัตรกู้เงิน เพื่อชดเชยความเสียหายให้กองทุนฟื้นฟูฯ พ.ศ.2541 ในวงเงิน 500,000 ล้านบาท หรือที่เรียกว่า FIDF 1 โดยกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องนำส่งเงินเข้ามาใช้หนี้ที่เป็นเงินต้นประมาณ 90% ของกำไรสุทธิของ ธปท. รวมทั้งเงินรายได้จากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้วย โดยคาดว่าจะชำระหนี้หมดภายใน 30 ปี ส่วนภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการออกพันธบัตร ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยการจัดงบประมาณมาจ่าย

จากนั้นกระบวนการของการโอนหนี้ภาคเอกชนมาเป็นหนี้สินของรัฐบาลได้เริ่มขึ้น ณ สิ้นปี 2543 มียอดหนี้สินหรือที่เรียกว่าหนี้สาธารณะของรัฐบาลจากการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯรวมทั้งสิ้น 2,613,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ยอดหนี้สาธารณะอยู่ในระดับ 685,234 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2539 ประมาณ 282% ต่อมาในสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 ฐานะการเงินของตัวกองทุนฟื้นฟูฯ เอง ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งในฝั่งของหนี้สินที่ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้สูญ และฝั่งเงินกองทุนก็ยังติดลบอยู่เป็นจำนวนมาก ทางรัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วยการทยอยดึงหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ เข้ามาเป็นหนี้สินของรัฐบาลโดยตรง โดยการออกพันธบัตรชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯเป็นครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่า FIDF 2 ในวงเงิน 112,000 ล้านบาท และพันธบัตร FIDF 3 อีกเป็นจำนวน 780,000 ล้านบาทในเวลาต่อมา

เมื่อรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินทั้ง 3 กองคือ FIDF 1, FIDF 2 และ FIDF 3 กองทุนฟื้นฟูฯมีความเสียหายจากการเข้าไปแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจรวมแล้วเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท


สำหรับนายธารินทร์นั่นมาแก้ปัญหาสถาบันการเงิน ส่วนหนึ่งก็ต้องทำตามกรอบไอเอ็มเอฟ ก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง
ซึ่งรัฐบาลต่อมาก็ไม่ได้แถลงว่าแย่ซ้ำยังมีการชมเหมือนกับการห้ามเลือด เพียงแต่ที่มีข้อน่าสงสัยคือการขายหนี้
เน่าให้ต่างชาติเป็นล็อตใหญ่ ในราคาที่รวมกันแล้วต่ำ โดยข้อเท็จจริงการขายลักษณะทอดตลาดก็ไม่สามารถระบุ
ราคาที่แท้จริงควรจะเป็นได้ คาดคะเนเพียงแต่ว่าควรจะได้มากกว่านี้ จะเอาผิดกันจริงๆ ก็เป็นเรื่องยาก คล้ายๆ กับ
การหาราคาที่แท้จริงของที่ดินรัชดา ก็จะเกิดอคติจากราคาปัจจุบันที่ผ่านยุคเน่ามาแล้ว โดยลืมความรู้สึกในยุคเน่า
ว่าราคาในยุคนั้นควรจะเป็นเท่าไหร่ เมื่อหาใครโทษตรงๆ ไม่ได้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น destiny อีกเช่นเคย

นายกทักษิณมารับหน้าที่แตกต่างจากนายธารินทร์แก้ปัญหา เพราะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและขยายระบบ
เศรษฐกิจให้กว้างขวางออกไปจากแค่คนกลุ่มเดิมๆ ที่จะมีปัญญาทำรายได้เข้าประเทศได้ ไม่มีรูเทียบได้ว่าทักษิณ
ไปบริหารงานแทนนายธารินทร์แล้วจะเป็นเช่นไร จินตนาการน้ำแตกไปเปล่าๆ ไร้คำตอบ ต้องยอมรับความจริงว่า
หลังจากตั้งหลักได้แล้ว จะเดินต่อแบบวิ่งต้องนโยบายของทักษิณเท่านั้นและนโยบายนั้นเองก็ก่อให้เกิดความแข็ง
แกร่งจนสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด หัวข้อกระทู้ก็บอกไว้อย่างงั้น ไม่ได้มีกู้เรือหรือกัปตันอะไรบ้าบอ
คอแตกมาเกี่ยวเล้ย เพ้อเจ้อน่า :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 25-09-2007, 09:11
เข้ามาขอบคุณ คุณ แก๊ส ฯ ที่ช่วยสนับสนุน ที่ผมกล่าวหา คุณ ทนงค์ พิทยะ...รัฐมนตรี คลังคนโปรด ของคุณทักษิณ  ด้วยการตัดแปะ บทสัมภาษณ์ และ แสดงบางความเห็น.......

ผมได้กล่าวหา คุณทนงค์ ไว้ หลายเรื่อง ในความเห็นที่ 99.....ไว้ดังนี้ครับ

1. นายทนงค์ พิทยะ เป็นผู้ ตัดสินใจเรื่องลอยตัวค่าเงินบาท.........


คุณแก๊ส ได้ กรุณา นำบทสัมภาษณ์ คุณทนงค์ ใน คห.ที่ 97........

 "บิ๊กจิ๋ว ถามว่า จริงหรือน้อง?

ผมก็บอกว่า เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น  เพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"......นายทนงค์รับผิดชอบด้วยการกลับมาเป็นรัฐมนตรี อีกครั้ง ในรัฐบาล ทักษิณ 1 และ 2.......ช่างรับผิดชอบดีจริง ๆ

2.บอกว่า นายทนงค์ และ รัฐบาล บิ๊กจิ๋ว ในขณะนั้นเดิน ตามก้น IMF โดย มิได้เจรจาต่อรองอย่างไร ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อ ประเทศชาติจนทุกวันนี้

คุณแก๊ส สนับสนุน ข้อกล่าวหา โดยการ นำบทความ ดร.โกร่ง..ในคห.ที่ 42.....ผมอธิบายเพิ่มเติมไว้ใน คห.ที่ 130 .......

ผมบอกว่า การลอยค่าเงินบาท มันจะเป็น เหตุให้ เศรษฐกิจ ไทย วอดวาย....ล้มเป็นโดมิโน....เกิด ความเสียหาย แบบ ไม่มีขีดจำกัด......ทำให้เกิด หนี้เสียเป็นจำนวนมหาศาล

คุณแก๊ส สนับสนุนด้วยการตัดแปะ บทความ ในความเห็น ที่ 153 .......
การหารือกอบกู้วิกฤติการเงินไทยในปี 2540 ที่ฝรั่งเรียกว่า "หมิ่นเหม่ต่อการเจ๊ง แต่ผมได้คุยกับชัยวัฒน์ (ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ว่าการ ธปท.ต่อจากนายเริงชัย) ว่า กองทุนฟื้นฟูพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเป็นรายแบงก์ ซึ่งตอนนั้นเกิดปัญหากับอีก 5 แบงก์....ธารินทร์ เล่าไว้ ในบทความที่ตัดแปะ
สังเกตุดูน๊ะครับ....ธารินทร์ ไม่ได้บอกให้ปิดแบ็งค์ แต่ใช้วิธีแทรกแซงการบริหาร....แบบนี้ ลูกค้าที่ดี ก็ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้...วงเงินที่มีอยู่ก็ยังเบิกใช้ได้ตามปรกติ อาจมีความเข้มงวดบ้าง แต่ ก็ยังพอไปได้ครับ

แล้ว อธิบายต่อ หรือ ตัดแปะ จากที่ไหนไม่รู้ ที่ คห .159 ไว้ดังนี้

"ณ สิ้นปี 2540 กองทุนฟื้นฟูฯมีหนี้สินเพิ่มขึ้นทันที 893,111 ล้านบาท โดยหนี้สินดังกล่าวเกิดจากการจัดหาสภาพคล่อง ให้กับสถาบันการเงิน 56 แห่ง ที่ถูกปิดกิจการ และสถาบันการเงินอื่นๆ ที่กองทุนฟื้นฟูฯเข้าไปแทรกแซงในเวลาต่อมา โดยสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการทั้งหมดไม่มีดอกเบี้ยรับเพราะที่มีอยู่ในสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในขณะที่กองทุนฟื้นฟูฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการออกพันธบัตรระยะสั้นในอัตรา 20% ต่อปี และในบางช่วงต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือพันธบัตรในอัตรา 24% เพื่อนำเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตร ขายให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ ที่มีสภาพคล่องเหลือมาปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินที่ขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินเกิดการบิดเบือนผิดปกติ และท้ายที่สุดได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงิน ของกองทุนฟื้นฟูฯเองจนกระทั่งเงินกองทุนติดลบ ไม่อยู่ในวิสัยที่จะเข้าไปช่วยสถาบันการเงินอื่นๆ"


เนื้อหาดังกล่าวข้างต้น....อาจไม่ได้ อธิบาย หรือ ตอบคำถาม ในเนื้อ กระทู้ แต่ผมอยาก ให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ จู่ ๆ ทักษิณ ก็มาชุบมือเปิบ..แล้วส่งลูกน้องมาป้ายสี คนอื่น แบบ " เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น "

แต่ ผมก็ไม่ได้เอาเปรียบคุณแก๊ส น๊ะ ครับ.....ผม เปิดหน้า ให้ชก หลายครั้งในกระทู้นี้.....และ ก็ได้ตอบ คำถามในกระทู้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย ในความเห็นที่ 15 ดังนี้ครับ


อ้างถึง
...หลังจาก รัฐบาลชวน หยุดกู้เงินโครงการ IMF  เค้า ก็เลิกเดินตามตูด IMF แล้วจ้า.....ตอนนั้นเราไม่ได้มีความจำเป็นต้องจ่ายหนี้ก่อนกำหนดแล้ว.เพราะมีทุนสำรองเพียงพอ ไม่ต้องไปกราบเท้า เหมือนตอนทนง คลาน เข้ามาหา IMF แล้ว......ไม่รู้ทักษิณ มันโง่ หรือ ฉลาด ที่ดัน ออกพันธบัตรจ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ร้อยละ 7 ไปใช้ในโครงการประชานิยม แทนที่จะเอาเงินที่จ่าย IMF ก่อนเวลาไปใช้ ขณะที่ดอกเบี้ยจากโครงการ IMF ร้อยละ 2 หรือ ต่ำกว่า ...จำไม่ได้แล้ว..แต่ต่ำกว่าเยอะ....บวกกับค่าเงินบาท ที่แข็งขึ้น ไม่รู้เสียหายไปเท่าไหร่แล้วจ้า.....มีแต่พวกมีความรู้ แต่ แกล้งโง่ เท่านั้นแหละที่ไม่เข้าจาย..........................เอ้ย..ไม่ใช่ ไม่เข้าใจ แต่ ทักษิณ อยากเป็นฮีโร่ ...ข้านี่แหละกู้ชาติ.....555   แต่ข้าไม่บอกใคร ข้าขายเอาเงินเข้าเป๋าก่อน แล้ว เอาเงินหลวง มากู้ชาติ..เอาหน้า.....โห ฉลาดว่ะ
[/b]



 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 25-09-2007, 09:29
การที่ดร.ทนงตัดสินใจแบบนั้น อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้หนัก
จนแก้ไขไม่ได้ นายธารินทร์เองก็ไม่ได้ทำอะไรเกินกรอบของไอเอ็มเอฟมากนัก ก็สามารถ
หยุดปัญหาของสถาบันการเงินได้ ไม่รู้ว่าคุณ ห้า จะพยายามบอกว่า ถ้าไม่ตัดสินใจแบบที่
ดร.ทนงทำจะดีกว่านี้ แล้วมันจะได้คำตอบอะไร ไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ได้ว่า ตัดสินใจแบบอื่นแล้ว
ผลมันจะออกมาดีกว่านี้ นอกจากเป็นจินตนาการน้ำแตกด้านเดียวของตัวเอง ไม่สนใจแม้แต่
บทสรุปของ ศปร. ยึดเอาแค่บทสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ มาตีความเป็นตุเป็นตะ ทำไมไม่คุยใน
ข้อเท็จจริงที่ว่า ปรส. ถ้าขายสินทรัพย์ได้มูลค่ามากกว่านี้ในขณะนั้น จะแก้ไขความเน่าได้เร็ว
กว่านี้ แบบนี้ยังเป็นการจินตนาการอยู่ในขอบเขตของเหตุผลมากกว่าที่จะบอกว่า ถ้าไม่ปิด
ไฟแนนซ์ตอนนั้นจะเสียหายน้อยกว่านี้ จินตนาการให้น้ำแตกตายก็พิสูจน์ไม่ได้ กิ๊ว กิ๊ว เลิก
เหอะ จะยกเมฆเรื่องแทรกแซงการบริหารมันก็เกินไป เมืองไทยมีบุคคลากรแค่ไหนกันที่จะ
แทรกแซงได้หลายองค์กรขนาดนั้น เพ้อเจ้อ ตอนนี้ก็เห็นอยู่แค่จะเอารัฐมนตรีบริสุทธิ์ผุดผ่อง
จริยธรรมเต็มตัวคณะเดียวยังหลงมีพวกกระดำกระด่างติดมาสามคนเลย :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 26-09-2007, 09:34
ไม่ได้ว่าอะไรครับ...ผม ก็แค่ขอบคุณเฉย ๆ ลองกลับไปอ่านดูซิครับ...ผมไม่ว่า คุณ แก๊ส ซักคำ...ทำไมต้องหลุดหงิดด้วยครับ....

อ้อ วันนี้ ไปเจอข่าวเก่า มาเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง.......เค้าตั้งข้อสงสัยไว้


อ้างถึง

ลับ (ไม่) ที่สุด" วันลอยค่าเงิน
สำหรับการลงทุนและการเก็งกำไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดเงิน หากใครก็ตามได้มีโอกาสรู้ข่าวสารก่อนเพราะเป็นคนรู้ไส้ (Inside) แล้ว หากคนผู้นั้นขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพก็สามารถที่จะนำข่าวสารที่รู้ก่อนคนอื่นไปแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือพวกพ้อง และทำกำไรได้อย่างมหาศาล สามารถทำให้เศรษฐีกลายเป็นมหาเศรษฐี และมหาเศรษฐีก็กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีได้เพียงชั่วข้ามคืน

ว่ากันว่าเรื่องที่ว่าลับที่สุดในวงราชการ บ่อยครั้งก็สามารถที่จะรั่วไหลออกมาสู่สื่อสารมวลชนได้อย่างไม่ยากเย็น บางครั้งข่าวสารมาจากคนส่งหนังสือ คนพิมพ์เอกสาร ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งการถูกดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ข่าวสารลับ จึงมีโอกาสรั่วได้เสมอ หากไม่มีความระมัดระวังพูดเรื่องสำคัญๆ ว่า "หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง"

เพราะโดยธรรมชาติหากมีคนวงในที่รู้ข่าวสาร (Inside) ไปทำให้คนนอกวงกลายเป็นคนรู้ไส้เพิ่มขึ้นไปอีก คนนอกวงที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข่าวสารนั้น ก็ย่อมต้องรักษาผลประโยชน์ส่วนตนหรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ให้ได้มากที่สุดตามสัญชาตญาณของปุถุชน และนักธุรกิจทั่วไป

ประชาชนจำนวนไม่น้อยเมื่อรู้ว่า ราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้จะเพิ่มขึ้นก็คงจะรีบเติมน้ำมันเสียตั้งแต่วันนี้ให้เต็มถัง ในทางกลับกันหากประชาชนกลุ่มเดียวกันเมื่อรู้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงในวันพรุ่งนี้ก็คงจะอดใจเอาไว้เติมในวันรุ่งขึ้น แม้ว่าในบางครั้งน้ำมันใกล้จะหมดถังเต็มทีแล้วก็ตาม

แต่ถ้าเป็นเรื่องค่าเงินจะเป็นคนละเรื่อง เพราะหากประชาชนรู้ก่อน ก็จะทำให้ซื้อเงินเหรียญสหรัฐกันยกใหญ่จนหมดทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่จะมาหนุนมูลค่าของเงินบาท และเงินบาทก็จะไร้ค่าไปโดยปริยาย

การลดค่าเงินบาทจึงให้คนทั่วไปรู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะสามารถควบคุมจนทำให้คนทั้งประเทศไม่รู้เรื่องลดค่าเงินบาทก่อนแม้แต่คนเดียว!!

อันที่จริงแล้วในวันลดค่าเงินในสมัยนายสมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อปี 2527 แม้ดูเหมือนว่าจะมีความสามารถในการเก็บความลับได้ดีเยี่ยมแล้วก็ตาม แต่ในยุคนั้นก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งได้กว้านซื้อเงินเหรียญสหรัฐเก็งกำไรล่วงหน้าก่อนมีการลดค่าเงินเพียง 1 วันเท่านั้น

 ค่าเงินที่แข็งและไม่สะท้อนความเป็นจริงย่อมมีการเก็งกำไรเสมอ!!

 เพราะนอกจากการรั่วไหลข่าวเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนจากคนภายใน ที่อาจทำให้คนบางกลุ่มรู้เป็นการล่วงหน้า จะสามารถเกิดขึ้นได้แล้ว การประเมินจากตัวเลขทางเศรษฐกิจจากผู้รู้ และมีความเข้าใจก็สามารถที่จะทำให้วิเคราะห์ได้ว่า สุดท้ายค่าเงินบาทจะเป็นไปในทิศทางใด ใครอ่านเกมนี้ออกบ้าง ก็สามารถอ่านได้ในบทที่ 9 เรื่อง ใครหนุน ใครต้าน ลดค่าเงิน?

 กรณีอย่างปี พ.ศ. 2539 และปี พ.ศ. 2540 ก็มีผู้ที่รู้ว่าค่าเงินบาทต้องลดค่าเงินอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันมาเป็นเวลานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 จึงไม่มีศักยภาพไปคืนหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่สูงกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีผลมาจากความผิดพลาดการเปิดเสรีการเงิน ระบบอัตราแลกเปลี่ยน และการเปิดสินเชื่อวิเทศธนกิจกรุงเทพ BIBF มาตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ชุดที่ 1 และที่สำคัญหนี้ต่างประเทศระยะสั้นต้องคืนในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปียังมีสูงกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศเสียอีกด้วย

 เพราะรู้ว่าฐานะการเงินระหว่างประเทศของไทยอ่อนแอมาก ทุนสำรองอาจจะหมดประเทศไปเพราะถูกทวงหนี้ระยะสั้นจนหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ค่าเงินบาทต้องอ่อนลง และเป็นที่มาของการเก็งกำไรโจมตีค่าเงินบาท

 เมื่อรู้ว่าค่าเงินบาทจะต้องอ่อนลง ก็อาจจะทำให้มีนักธุรกิจภาคเอกชนเทขายเงินบาทซื้อเงินเหรียญสหรัฐ หรืออาจจะเลือกคืนหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนด ก็ยิ่งทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ยังไม่นับประชาชนทั่วไปที่มีความตื่นตระหนกอยู่แล้วท่ามกลางกระแสข่าวว่า ประเทศไทยถูกโจมตีค่าเงินบาท หรือจะมีการลดค่าเงินบาทในอนาคต

 ยิ่งถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีการประชุมกันอยู่เป็นประจำเพื่อทำหน้าที่ดูแลเรื่องการปกป้องค่าเงินบาท ฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศและฐานะทุนสำรองสุทธิ (ที่ปิดเป็นความลับในเวลานั้น) ก็ยิ่งสมควรจะต้องรู้ก่อนคนอื่นเสียด้วยซ้ำ

 เพียงแต่ประชาชนและนักธุรกิจทั่วไปไม่ควรจะทราบก่อนว่า เมื่อไหร่และเวลาใดจะลดค่าเงิน? ดังนั้น เมื่อคิดจะลดค่าเงินหรือลอยค่าเงินบาทต้องทำให้เร็วและต้องประกาศให้เร็วที่สุด เมื่อมีการตัดสินใจเพื่อไม่ให้ข่าวสารรั่วออกไปได้

 เกริ่นมาพอสมควรเพื่อจะมาตั้งคำถามที่หลายคนอาจเคยเข้าใจว่า การที่ประเทศไทยได้ประกาศลอยค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นมานั้น เป็นการประกาศโดยฉับพลันหลังจากตัดสินใจว่าจะลอยค่าเงินเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่มีใครแม้แต่คนเดียวได้รับรู้ข่าวสารมาก่อนเลยใช่หรือไม่?

 และคำตอบคือ ไม่ใช่!!

 ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายสังเกตช่วงระยะเวลาต่อไปนี้ให้ดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น? และมีคนที่รู้ว่าค่าเงินบาทจะลดลงเป็นการล่วงหน้ากี่คน? และมีอะไรผิดปกติหรือไม่?

 วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2540 นายอำนวย วีรวรรณ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนโดยทั่วไปว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2540 วันเดียวกันนั้นเองท่ามกลางกระแสที่มีความสับสนว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปรากฏว่า นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันว่าจะไม่ลาออก และธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ลดค่าเงินบาทอย่างแน่นอน และประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มากเพียงพอ และขอให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกแถลงข่าวยืนยันในประเด็นดังกล่าวด้วย

 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่เหลือ และพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ได้ออกแถลงข้อเท็จจริง โดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้พูดถึงสาเหตุการลาออกของ นายอำนวย วีรวรรณ และนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ว่า

 "ไม่ได้มาจากความขัดแย้งแต่อย่างใด เป็นการแสดงสปิริตของ ดร.อำนวยและทีมงานเพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ตามความเหมาะสม และภายหลังที่ทีมของ ดร.อำนวยลาออกแล้ว สิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปก็คือ ตั้งผู้รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผมเองได้เข้าไปดูแลงานกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ในเมื่อยังไม่มีรองนายกเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังจึงต้องรายงานต่อผมโดยตรง"

 "และที่สำคัญการดำเนินนโยบายต่างๆ ของหน่วยงานสำคัญๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งผมได้หารือกับผู้ว่าการฯ และรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วย้ำว่า จะรักษามาตรการที่ดำเนินไปแล้วไม่ปรับเปลี่ยนแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของการรักษาค่าเงิน"

 และนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากว่า เป็นการยืนยันจากนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยว่า จะรักษาค่าเงินบาทต่อไปโดยการยืนยันจากผู้ว่าการฯ และรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

 ต่อมาวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 จากรายงานของ ศปร.ระบุว่า วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 วันเดียวกันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีการประชุมเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย 6 คน (โดยไม่มีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งประกอบไปด้วย

 1. นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการฯ

 2. นางธัญญา ศิริเวคิน ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ

 3. นายศิริ การเจริญดี ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ

 4. นายบัณฑิต นิจถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายการธนาคาร

 5. นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน หัวหน้าส่วนวิเคราะห์และธุรกิจตลาดเงิน

 6. นางเกลียวทอง เหตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ

 มีการประชุมเรื่องระบบค่าเงิน ที่ประชุมได้มีความเห็นว่าระบบที่ดำเนินการอยู่นี้คงอยู่ไม่ได้ เนื่องจากทุนสำรองสุทธิเหลืออยู่น้อยมาก ที่ประชุมทั้งหมดจึงเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์ เปลี่ยนระบบค่าเงินเป็นแบบลอยตัว (การแลกเปลี่ยนเงินตราปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งดำเนินการกันเอง ตามกลไกของตลาดแทนธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเดิมเป็นผู้ดูแลอยู่) ซึ่งก่อนหน้านี้มีการหารือกันกับ นายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ แห่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศก็เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวนี้เช่นกัน

 หลังจากประชุมกันทั้งวัน นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ได้โทรศัพท์ไปเรียกนายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการฯ ว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบลอยค่าเงินและได้มีการเตรียมการกันอยู่แล้ว

 ในวันเดียวกันนั้นเองที่ นายทนง พิทยะ ได้รับเข้าตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ยังได้ย้ำอีกครั้งตามคำยืนยันของธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะไม่ลดค่าเงินบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ได้แจ้งให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ทราบอยู่ดี

2 วันเท่านั้นหลังจากที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้แถลงข้อเท็จจริงผ่านสื่อสารมวลชน ธนาคารแห่งประเทศไทยก็มาประชุมแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดค่าเงินบาท ทั้งๆ ที่เป็นคนยืนยันว่าจะไม่ลดค่าเงินและยังให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกไปแถลงข่าวอีก

 น่าสังเกตมากขึ้นไปอีกเมื่อมีการหารือกันก่อนหน้านี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาเป็นเวลาพอสมควรแล้วว่า การลอยค่าเงินบาทคือทางเลือกที่ดีที่สุด แล้วเหตุใดผู้บริหารสูงสุดทั้งสองคนจึงยังให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ไปยืนยันว่าจะไม่ลดค่าเงินบาทอีก?

 ในวันนั้นผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย รู้มตินี้ 7 คน!! โดยที่ฝ่ายการเมืองยังไม่มีใครรู้ทั้ง 7 คนรู้ว่า ระบบอัตราแลกเปลี่ยนจะต้องเป็นแบบลอยค่าเงินบาทอย่างไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นแล้ว เพราะเป็นมติเอกฉันท์ไปแล้ว ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540

 ทิ้งช่วงไปอีก 3 วัน (วันเสาร์ที่ 31 ถึงวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2540) ฝ่ายการเมืองยังคงไม่มีใครทราบแม้แต่คนเดียว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงกับ ศปร.ว่าในช่วงที่นายทนง พิทยะ เข้ามารับตำแหน่งได้ใช้เวลา 3 ถึง 4 วันแรก ทำหน้าที่ดูแลให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีโอกาสพบกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย

 ไม่มีใครทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2540 และวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 มีกระแสการเทขายเงินบาทและซื้อเงินเหรียญสหรัฐแรงมากขึ้น และหลังจากนั้นเงินทุนสำรองสุทธิลดลงอย่างมากทันที คงไม่มีใครตอบแทนผู้ซื้อเงินเหรียญสหรัฐทุกคนได้ว่าเกิดจากความตื่นตระหนกเพราะนายอำนวย วีรวรรณ ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือเกิดจากการปล่อยข่าวลือ หรือมีคนคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่าจะมีการลดหรือลอยค่าเงินบาท หรือเป็นเพราะข่าวรั่ว!!

 จากรายงานของ ศปร.ระบุว่าวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยมี นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการฯ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการฯ ได้มีโอกาสประชุมร่วมกับ นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทนง พิทยะ ได้ขอให้ฝ่ายธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานสถานะของเงินสุทธิ เมื่อทราบสถานะแล้ว นายทนง ก็ตัดสินใจในการประชุมครั้งนั้นเลยว่า "จะต้องเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน"

 ตามหลักแล้วเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รู้สถานภาพเป็นอย่างดี และได้มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในระดับผู้บริหารแล้วว่า ต้องลอยค่าเงินบาทตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 และรู้ดีอยู่ว่าไม่ได้มีทางเลือกอื่นที่ดีว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ควรจะสนองแนวคิดของนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยทันทีไม่ชักช้า เพราะหากต้องการมีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินต้องรีบดำเนินการโดยทันที อย่างน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วออกไป

 แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น!!

 นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการฯ กลับตอบ นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า จะขอไปปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน (นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเคยชี้แจงต่อ ศปร.เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2541)

 จึงนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่ปล่อยเวลาทอดออกไปอีก!!

 หลังจากวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 เงินสำรองสุทธิลดลงมากกว่าเดิมจาก 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาเหลือเพียง 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2540

 จากวันพฤหัสบดีผ่านมาอีกประมาณ 2 วัน นายทนง พิทยะ ได้ตกลงกับ นายเริงชัย มะระกานนท์ และนายชัยวัฒน์ ว่าจะไปเรียนนายกรัฐมนตรีใช้เช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 ซึ่งเมื่อถึงวันดังกล่าวปรากฏว่า มีนายโภคิน พลกุล ร่วมประชุมอยู่ด้วย

นายเริงชัย มะระกานนท์ ได้เคยชี้แจงต่อ ศปร.ว่า นายเริงชัย ได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีในเช้าวันนั้นว่า

"จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นระบบ managed float โดยเร็วที่สุด โดยขอเสนอให้เปลี่ยนทันทีเมื่อปิดงวดบัญชี 30 มิถุนายน 2540 และกระผมได้นำมติดังกล่าวมาแจ้งให้ท่านรองผู้ว่าการฯ (ดร.ชัยวัฒน์) ที่มาทำงานล่วงเวลาร่วมกับผู้บริหารอื่นๆ ในวันนั้น โดยขอให้เตรียมการทุกอย่างให้พร้อมโดยเร็วที่สุด"

แต่นายเริงชัย มะระกานนท์ ได้ให้สัมภาษณ์อยู่ในหนังสือโลกสีขาวของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ว่า "ท่านก็ตัดสินใจให้ดำเนินการเลย ทั้งๆ ที่ก็บอกว่าคืนนี้จะต้องไปออกทีวี ผมบอกว่าไม่มีทางเลือกเลย ท่านต้องยืนยันเพราะเรื่องระบบอัตราแลกเปลี่ยนจนนาทีสุดท้ายก็ต้องยืนยัน ถามผมก็ต้องยืนยันว่าเรารักษาระบบเดิม"

 นายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยกตัวอย่างว่า นายกรัฐมนตรีวิลสัน (Harold Wilson) ของอังกฤษก็ยืนยันจนคืนสุดท้ายพอวันรุ่งขึ้นก็ประกาศลดค่าเงินปอนด์ (ปี ค.ศ. 1967) ไม่มีประเทศไหนที่ไปออกทีวีแล้วบอกผมกำลังพิจารณาเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งหากพูดอย่างนั้นคนนั้นก็จะถูกข้อหาประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ประเทศเสียหายแน่นอน

 วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 นั้นเอง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต้องออกอากาศทางโทรทัศน์เพื่อยืนยันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปิดสถาบันการเงิน 16 แห่งว่า จะไม่มีการปิดเพิ่มเติม รัฐบาลจะรับประกันผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทเงินทุนทุกแห่งที่ไม่ได้สั่งให้หยุดดำเนินการ และย้ำว่าจะดูแลสภาพคล่องในระบบการเงินให้ดีขึ้น ตลอดจนแจ้งต่อประชาชนว่าการลดค่าเงินบาทเป็นเรื่องง่าย แต่จะมีผลกระทบตามมาอย่างมากเพราะประเทศมีหนี้สินอยู่ถึง 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตว่า ทำไมธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องให้เปลี่ยนระบบเป็นการลอยค่าเงินบาทในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ทำไมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้นไม่แนะนำให้ประกาศลอยค่าเงินบาทเสียตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2540 แทนที่จะประกาศว่า ไม่ลดค่าเงินบาทซึ่งน่าจะอยู่ในวิสัยที่จะทำได้!!?

 วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2540 นายเริงชัย มะระกานนท์ ก็เอาเอกสารรายละเอียดการลดค่าเงินบาทไปมอบให้ท่านที่ตึกบัญชาการ เพื่อให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงนาม พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เห็นนายเริงชัย มะระกานนท์ เดินเข้ามาถือกระดาษใบหนึ่งจึงถามว่า กระดาษอะไร ก็บอกว่ามาให้ท่านนายกฯ เซ็นลดค่าเงินบาทที พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จึงกล่าวเอาไว้ในหนังสือโลกสีขาวของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ว่า

 "คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ผมถามคุณแล้วนะไม่ลด เสร็จแล้วคุณก็มาลด นั่นแสดงว่าคุณมีเจตนาจะทำลายเกียรติยศชื่อเสียงผม"

 และจุดนี้เองคือเหตุผลอันสำคัญที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ตัดสินใจลาออกในเวลาต่อมา หลังจากที่ได้คลี่คลายสถานภาพความปั่นป่วนจนอยู่นิ่งได้ระดับหนึ่งแล้ว

 แต่เรื่องนี้ยังไม่จบเพียงแค่นี้เพราะแทนที่จะประกาศวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ได้ประกาศลอยค่าเงินบาทในวันนั้น หรือแม้ในคืนนั้นโดยทันที

 วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ประกาศอีก โดยให้เหตุผลว่า วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เป็นวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย

 วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นวันทำงานแรกหลังปิดงวดบัญชี

 03.00 น. ที่ตั้งของธนาคารแห่งประเทศไทย สี่แยกวังบางขุนพรหม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูสำนักงานใหญ่รับผู้มาเยือนก่อนเวลาทำงานปกติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบสถาบันการเงินที่ถูกสั่งให้เข้ามาประจำการในเวลาดังกล่าว โดยที่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทราบว่า ถูกเรียกตัวมาด้วยเรื่องใด

04.00 น. ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ได้รับการติดต่อสายตรงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นการเรียกตัวผู้บริหารอย่างเร่งด่วนอย่างที่ไม่เคยปรากฏว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกตัวประชุมด่วนในเวลา 06.00 น. เป็นเรื่องสำคัญมากพลาดไม่ได้

การเรียกตัวครั้งนี้ต้องเป็นผู้บริหารหมายเลขหนึ่งคือ กรรมการผู้จัดการธนาคารพาณิชย์เท่านั้น ถ้าไม่มีต้องเป็นเบอร์สองรองลงมา เพื่อไม่ให้ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เหล่านั้น ตื่นตระหนกกับการเรียกประชุมอย่างกะทันหัน ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ ที่มีความคุ้นเคยกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เหล่านั้น เป็นคนสายตรงเข้าไปเรียก

 ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 70 ชีวิต ได้รับการชี้แจงจากนายเริงชัย และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเปลี่ยนระบบแลกเปลี่ยนเงินตราจากระบบตะกร้ามาเป็นระบบค่าเงินบาทแบบลอยตัว

 จึงได้มีการประกาศให้ค่าเงินบาทลอยตัวเป็นครั้งแรก เช้าวันนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศมีอยู่ประมาณ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีทุนสำรองสุทธิที่ไม่ติดภาระผูกพันในการส่งมอบเงินตราต่างประเทศในอนาคตอยู่เพียง 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

รวมเวลานับแต่วันที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงนามให้ลอยค่าเงินบาทจนถึงวันประกาศจริงใช้เวลาประมาณ 2 วันหรือ 48 ชั่วโมง แต่หากนับเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทนง พิทยะ ได้ประชุมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และเห็นว่าต้องเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 26 มิถุนายน 2540 จนถึงวันลอยค่าเงินบาทรวม 6 วัน หรือประมาณ 144 ชั่วโมง และหากนับวันที่ผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าต้องลอยค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2540 จนถึงวันที่ลอยค่าเงินบาทจริงใช้เวลารวม 11 วัน หรือ 264 ชั่วโมง

ถ้าใครอยากรู้ว่าอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคิดอย่างไรกับเรื่องของเวลากับอัตราแลกเปลี่ยน ต้องมาดูคำสัมภาษณ์ของนายเริงชัย มะระกานนท์ ในหนังสือโลกสีขาว ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในหน้าที่ 313 ว่า

"การทำงานในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนต้องเป็นความลับสุดยอด เพราะหากใครรู้เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถหาผลประโยชน์ได้แล้ว เพราะซื้อขายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งนั้น ในเรื่องนี้เราได้ศึกษาและกำหนดเลยว่าเจ้าหน้าที่ที่จะศึกษาวางระบบนี้ต้องเป็นความลับสุดยอด ต้องรู้เลยว่ามีใครบ้างและหากรั่วไหลมีกี่คนที่จะต้องรับผิดชอบ"

 นายเริงชัย มะระกานนท์ มีความเข้าใจในเรื่องเวลากับการประกาศการลอยค่าเงิน และการเก็บรักษาความลับเป็นอย่างดีว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร!!?



ผมก็ไม่รู้น๊ะว่ามันจริงป่าว........ค่อย ๆ คิด อย่าเพิ่งหงุดหงิด

 :slime_smile:

 


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 26-09-2007, 15:31
เลิกจินตนาการย้อนอดีตกันเหอะ ยังไงก็เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไม่ได้
หาเหตุผลมาล้านแปด ทักษิณก็เป็นคนจ่ายอยู่ดี ค่าเงินก็ลอยมาแล้ว
ไฟแนนซ์ก็ปิดไปแล้ว ปรส.ก็ขายถูกๆ ไปแล้ว กู้ไอเอ็มเอฟก็จบแล้ว
แต่กฎหมายเจ้าปัญหากับหนี้กองทุนฟื้นฟูยังอยู่่ เอาเวลามาคิดดีกว่า
ว่าปีหน้าถ้าเน่าจะปฏิบัติตัวยังไง อย่างไรเสียรัฐก็ต้องกระซวกภาษี
เพิ่มอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เตรียมพร้อมจะเป็นคนดี จ่ายภาษีเพิ่ม
ให้ครบถ้วนหรือยัง เริ่มจากภาษีใบปลิวรวมเล่มของเสรีไทยนั่นไง
คิดจะจ่ายมั่งยัง หรือทำไม่รู้ไม่ชี้กะเบี้ยวรัฐเฉยๆ ไม่เอาน่า น่าเกลียด :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 26-09-2007, 18:27
ก็ไม่เห็นไปไรนี่......เอามาแปะให้อ่าน...ทำใจไม่ได้ ก็ไม่ต้องอ่านครับ.....ผมเห็น แถวราชดำเนิน ยังเพ้อเจ้อกันอยู่ ลองไปบอกพวกนั้นบ้างก็ดีน๊ะครับ

อ้อ !  ส่วนเรื่องภาษี เนี่ย...เด๋ว ผมว่าง ๆ จะลองไปถามหุ้นส่วนดูว่า ปี นี้ จ่ายไปถึงล้านยัง....


 :slime_smile:

แวะกลับมาแก้ไขอีกหน่อย เพราะลืมโพสต์ อันนี้ไปครับ.....

'ถึงรู้ว่าจะมีวันนี้ ผมก็ต้องรับเป็นประธาน ปรส.' อมเรศ ศิลาอ่อน

อ้างถึง
** แม้จะพ้นจากตำแหน่ง และองค์การเพื่อการปฏิรูปสถาบันการเงิน( ปรส.)จะปิดไปนานแล้ว แต่คดีหรือข้อกล่าวหาต่าง ๆที่เกี่ยวพันกับ ปรส. ก็ยังไม่ได้จบตามไปด้วย เช่นในขณะนี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนว่าจะส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง อดีตประธานกรรมการปรส. นายอมเรศ ศิลาอ่อน หรือไม่
เขาได้ชี้แจงผ่านฐานเศรษฐกิจ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทำไม รัฐบาลในชุดที่ผ่านมาจึงหยิบประเด็นนี้มาโจมตี,บทสรุปของเรื่องนี้ และหากย้อนเวลาไปได้เขายังอยากจะเป็น ประธานกรรมการปรส. หรือไม่ ,ความจำเป็นในขณะนั้น และภาพมุมมองการเมืองไทยหลังเลือกตั้งที่จะมาถึง.....

**ขั้นตอนขณะนี้ใกล้จบหรือยัง ?

สำหรับผมแล้ว ได้เข้าชี้แจงกับดีเอสไอจบแล้ว ถ้าดีเอสไอยังยืนยันข้อกล่าวหาก็จะส่งสำนวนฟ้องไปยังอัยการ

**ข้อเท็จจริง

ผมได้ชี้แจงกับดีเอสไอ โดยสรุปอย่างนี้ คือหลังจากที่ปรส.ได้ผู้ประมูลสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากปรส. คือ เลห์แมน บราเดอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงค์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2541 ในราคาประมูลซื้อที่ 11,520 ล้านบาทหรือคิดเป็น 46.8% ของยอดเงินต้นคงค้าง หลังจากนั้น 7 วันกำหนดว่าจะต้องมีการทำเซ็นสัญญาครั้งแรกคือในวันที่ 20 สิงหาคม 2541 โดยครั้งแรกนั้นเขาจะต้องจ่ายเงิน 20% ของราคาประมูลซื้อ จากนั้นจึงจะเซ็นสัญญาขั้นสุดท้าย (closing)

แต่ทางดีเอสไอ ได้ตั้งข้อหาว่าการที่ปรส.ไม่ให้เลห์แมน ฯเซ็นสัญญาตัวจริง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2541 ทำให้เลห์แมนฯมีโอกาสไปตั้งกองทุนรวมโกลบอลไทย พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลห์แมน ฯแล้วนำกองทุนรวม ฯนั้นมาทำเซ็นสัญญาแทน ทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องเสียภาษี ตามประกาศของกลต. ที่ออกมาในเรื่องของการตั้งกองทุน 12 ประเภท ระบุว่า หากเป็นการขายสินทรัพย์โดยกองทุนรวมแล้วมีกำไร จะได้รับการยกเว้นภาษี

โดยข้อเท็จจริง จึงเป็นว่ากองทุนรวมได้ตั้งขึ้นตามประกาศของกลต.เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2541 และออกมาก่อนที่ปรส.จะทำการประมูลขายสินทรัพย์ในวันที่ 13 สิงหาคม 2541 และให้ทำสัญญา closing ในเดือนตุลาคม 2541 เมื่อกฎหมายให้สิทธิเขาตั้งกองทุนได้ และก่อนที่จะมีการประมูล ฉะนั้นจะกล่าวหาว่าเราเอื้อประโยชน์ได้อย่างไร

และในเงื่อนไขของปรส. ยังได้ระบุว่า ผู้ที่ประมูลได้ ยังมีสิทธิที่จะโอนสิทธิให้ใครก็ได้ พูดง่าย ๆเมื่อเลห์แมนฯซื้อไป และได้สิทธิการเรียกหนี้จากลูกหนี้ ที่โอนมาจาก 56 บริษัทไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของสัญญา เลห์แมนฯก็มี สิทธิที่จะโอนสัญญาต่อไปให้ใครเพื่อไปเรียกหนี้ต่อได้ เป็นสิทธิที่จะโอนไปให้บริษัทลูก ( กองทุนรวมโกลบอลไทย ) ผมจึงไม่เข้าใจว่าเราเข้าไปเอื้อประโยชน์ให้ตรงไหน อย่างไร

*เรื่องการโอนสิทธิ

ในเรื่องการโอนสิทธิมีอยู่ 2 อย่างคือ 1. โอนในลักษณะเกณฑ์สิทธิ์ และ 2.โอนในลักษณะเกณฑ์เงินสด ซึ่งหากเป็นการโอนในลักษณะเกณฑ์สิทธิ จะต้องตั้งบัญชีเลยว่ามีกำไร สมมติว่าราคาสินทรัพย์ปรส.อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ผู้ซื้อๆไป 10,000 ล้านบาท เมื่อเกิดการโอนสิทธิแล้ว การลงบัญชีตามประมวลรัษฏากร จะต้องลงบัญชีว่าได้กำไร 10,000 ล้านบาท ตามส่วนต่างของราคาสินทรัพย์กับต้นทุนขายที่เกิดขึ้น

แต่เนื่องจากกรมสรรพากรขณะนั้น ไม่อนุมัติกับวิธีแรก เพราะเห็นว่าเป็นการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จึงให้ปรส.ใช้ในเกณฑ์เงินสด เช่นสินทรัพย์มูลค่า 20,000 ล้านบาท และผู้ซื้อ ๆไปด้วยต้นทุน 10,000 ล้านบาท ก็จะลงบัญชี 10,000 ล้านบาทตามที่จ่ายเป็นเงินสดออกมา แต่เมื่อขายสินทรัพย์นั้นออกไปในวงเงิน 12,000 ล้านบาท ส่วนต่างกำไร 2,000 ล้านบาท จึงจะเสียภาษี กล่าวคือมีการขายจริงเกิดขึ้นและมีกำไรจึงจะเสียภาษี

ดังนั้นประเด็นจึงอยู่ที่ว่า การโอนสิทธิ์แบบเกณฑ์เงินสด ในขั้นตอนของปรส.ที่โอนไปยังเลห์แมน ฯ ยังไม่มีกำไร หรือในกรณีที่เลห์แมนฯโอนสิทธิไปยังบริษัทลูกก็ยังไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าบริษัทลูกขายต่อให้นายก. ซึ่งเป็นคนไปเรียกหนี้ต่ออีกทอดหนึ่ง กำไรที่เกิดขึ้นถือเป็นเงินได้ที่ผู้ซื้อจะต้องเสียภาษี จึงเป็นเรื่องของเขาแล้วไม่ใช่ ปรส. ผมจึงไม่เข้าใจว่า หาเรื่องมาเล่นปรส. ไม่ได้แล้วหรือ ถึงมาหาเรื่องตรงเอื้อประโยชน์ภาษี.

*เป็นความจริงว่ารัฐบาลที่แล้วเอื้อให้จริง

อันนี้เป็นเรื่องนโยบายรัฐบาลขณะนั้น การตั้งกองทุนรวมโดย กลต. ก็เพื่อการนี้ มันก็ต้องเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว คล้าย ๆกับว่ารัฐบาลไม่ต้องการที่จะเก็บภาษี เพราะอยากให้สินทรัพย์เสื่อมคุณภาพเหล่านี้ เกิดการเคลื่อนไหวซื้อขายคล่อง และถึงแม้ไม่มีกฎหมายเหล่านี้ เรา(ปรส.) ก็ยังทำหน้าที่ขาย ส่วนใครจะไปเสียภาษีอย่างไร เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องที่เขาจะต้องไปเสียภาษีเอง ไม่ใช่หน้าที่ของปรส.ที่จะไปตามเก็บ ,ปรส.ไม่มีอำนาจเกี่ยวกับการประเมินภาษี หน้าที่ของเราคือขาย เพื่อให้สินทรัพย์ 700,000-800,000 ล้านบาทที่เน่าอยู่ออกไปอยู่ในมือคนที่จะสร้างทำอะไรต่อ เพราะเก็บไว้เฉย ๆในที่สุดมันก็ยิ่งเสื่อมไวขึ้น

*เล่นงานรัฐบาลชุดก่อน?

มันเป็นนโยบายรัฐบาล ออกมาเป็นกฎหมายแล้ว จะบอกได้อย่างไรว่าใครทำผิด คือถ้าตราบใดรัฐบาลออกเป็นกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน หรือภาครัฐ ก็ต้องทำตามกรอบของกฎหมายจะว่าเขาทำผิดได้อย่างไง ผมไม่เข้าใจ

หรือถ้ากรมสรรพากรเห็นว่าเขา (จากผู้ซื้อขายต่อไปยังบุคคลที่ 3 .)ขายแล้วมีกำไร ก็ตามไปเก็บภาษีเขาซิ ไม่เกี่ยวกับปรส.เลย

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเขาต้องการหาเรื่อง คุณรู้หรือเปล่า รัฐบาลที่แล้ว ( รัฐบาลทักษิณ ) ตั้งคณะทำงานขึ้นมามากกว่า 10 คณะ เพื่อจะหาเรื่องปรส. แต่ก็หาหลักฐานเอาผิดไม่ได้ จนคณะทำงานเหล่านี้ต้องสลายกันไปเอง เรื่องมันถึงถูกส่งมายังดีเอสไอ เขามีความสามารถในการหาเรื่อง ตั้งข้อหา แต่ข้อหาเหล่านี้มันมีฐานของข้อเท็จจริงอยู่ มีฐานของข้อกฎหมายหรือเปล่า ?

*คิดว่าเรื่องท่านจะลงเอยอย่างไร

ผมไม่มีความเป็นห่วงเรื่องนี้เลย รอดไม่รอดไม่สำคัญสำหรับผมนะ แต่ผมยังเชื่อในพื้นฐานของความยุติธรรมในเมืองไทยว่าจะมี กระบวนการยุติธรรมน่าจะมี เพราะ1.ข้อเท็จจริงไม่มี 2. กระบวนการยุติธรรมมันต้องเห็น ต้องตัดสินออกมาว่าเอออันนี้ไม่น่าจะหาความผิดได้ อย่างที่ผมอธิบายให้ฟังเนี่ยมันมีข้อเท็จจริงอะไรหรือเปล่า ปรส. ไปเกี่ยวข้องอะไรกับภาระภาษี ข้อกฎหมายว่าเรื่องของการที่เลห์แมนเอาบริษัทลูกมาเซ็นสัญญาแทน ก็เป็นสิทธิของเค้า กฎหมายให้สิทธิไว้แล้ว

หรือข้อกล่าวหาที่ว่า ผมไม่ยอมเซ็นสัญญาซื้อขายในวันที่ 20 สิงหาคม 2541 ผมถามหน่อยว่าในการทำสัญญาเนี่ยมีรัฐวิสาหกิจที่ไหนที่ให้ประธานกรรมการเป็นคนเซ็นสัญญา อย่างคุณสะพรั่ง กัลยาณมิตร ( ประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานไทย (ทอท) ) ไปเซ็นสัญญากับใครที่ไหน แล้วท่านทำผิดหรือไม่ ไม่มีประธาน ฯที่ไหนเขาทำสัญญาซื้อของเป็นหมื่นๆล้าน กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ) ประธานเขาไม่เกี่ยวข้อง เพราะมันเป็นหน้าที่ของเลขาธิการหรือกรรมการผู้จัดการ ที่จะต้องเป็นคนไปทำสัญญา แล้วมาฟ้องประธานได้ไง

*คิดว่าทำไมเป็นเรา

เรื่องนี้ต้องใช้หลักธรรมเข้ามาอธิบาย เป็นกรรมเก่าของผม ทั้ง ๆที่เราทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง แล้วมาถูกหาเรื่อง ผมจึงอธิบายอย่างนี้ . แต่ถ้ามองในแง่การเมือง .ผมก็เดาเอาเอง โดยมองว่าฝ่ายตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์ (พรรคไทยรักไทย ) เป็นห่วงว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ จะหยิบยกเรื่องปรส. เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเพราะแก้ปัญหาให้บ้านเมืองหรือไม่ ก็ต้องตีเสียก่อนว่าปรส. มีปัญหา ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็จะนำมายกเป็นผลงานตัวไม่ได้ เป็นวิธีการเมืองซึ่งก็ได้ผลนะ

**ใครทาบเป็นประธานปรส..

คือคุณธานินท์(ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รมว.คลังในรัฐบาลชวน หลีกภัย ) อ้างว่า ผมมีแบล็คกราวด์มากกว่าคนอื่น เพราะผมเคยเป็นประธานในชุดของคณะกรรมการกำกับควบโอน 56 ไฟแนนซ์มาก่อน ๆที่มาเป็นปรส. และที่สำคัญตอนที่ผมรับปาก รับเพราะแต่แรก ดร.โกร่ง ( ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ) มาพูดกับผม เพราะ 56 ไฟแนนซ์มันล้มหมดแล้ว เค้าหาคนที่เก่งและที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 56 ไฟแนนซ์เกือบไม่ได้ คนที่รู้เรื่องการเงินไม่เหลือแปดเปื้อนไปหมดและคุณรู้ไหมว่าตอนนั้น เรามีทุนสำรองระหว่างประเทศเพียง 5,000-6,000 ล้านดอลลาร์ ฯ เท่ากับการนำเข้าเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เขา(ดร.โกร่ง) บอกว่าทุนสำรองเหลือแค่อาทิตย์เดียว นั่นหมายความว่าประเทศเจ๊งแล้ว จะเปิดแอลซียังไม่ได้ ถ้าเกิดต่างประเทศ แบงค์เมืองนอกรู้ขึ้น ทุกอย่างจบแน่ ผมจึงได้รับไว้ ไม่อย่างงั้นก็ไปอังกฤษแล้ว[/b]

*คิดไหมว่าจะมีวันนี้

ไม่คิด แต่ถึงรู้ว่ามีวันนี้ ก็ต้องรับเพราะว่าในขณะนั้นสถานการณ์บ้านเมืองมันวิกฤติจริง

-มองภาพการเมืองหลังเลือกตั้งอย่างไร

ผมไม่ตามเรื่องการเมือง แม้ผมจะเคยสัมผัสมาบ้าง แต่การเมืองเมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่มีอะไรต่างกับปัจจุบัน อีกอย่างการเมืองหลังการเลือกตั้ง ผู้นำ จะส่งผลต่อบ้านเมืองหรือไม่นั้น ถ้าในภาวะที่วิกฤติ การได้ผู้นำที่ดี ก็น่าจะทำให้บ้านเมืองก้าวกระโดดพุ่งไปข้างหน้าได้ แก้ปํญหาให้ประเทศชาติได้ หรือถ้าได้ผู้นำไม่ดีมันก็อาจทรงไปเรื่อยๆ หรือเลวลง แต่ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองยังไปแบบเรื่อยๆ เช่นนี้ ใครจะมาเป็นผู้นำผมว่ามีค่าเท่ากัน และหากจะหาทางแก้ไข ต้องแก้ที่คน ไม่ต้องไปแก้ที่ไหน เรื่องกฎหมาย เรื่องรัฐธรรมนูญไม่มีความหมาย แม้แต่พุทธศาสนาที่จะให้เข้าไปบรรจุในรัฐธรรมนูญ มันไม่มีความหมาย ถ้าเผื่อคน 95% บอกว่าเป็นพุทธ แต่ยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าอะไรมันก็จบแล้ว ไปถามเด็กดูสิว่ากี่เปอร์เซอร์ว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าอะไร

*ปัจจุบันทำไรอยู่

ตอนนี้ผมก็ช่วยการศึกษาอย่างเดียว ไม่เอาเรื่องอุตสาหกรรม เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจเรื่องอะไรต่างๆไม่ตามไม่สนใจเลย เรียกว่าปล่อยวาง แล้วมาช่วยเรื่องการศึกษา ผมเป็นกรรมการอยู่ที่สภาการศึกษา กรรมการอยู่ 2 มหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการกลุ่มต่างๆที่เขาขอให้มาช่วยเรื่องการศึกษา

แล้วก็มีอาชีพใหม่คือเรียนอภิธรรม ซึ่งก็คือพระโตรปิฎก ที่มีอยู่ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือวินัยปิฎก สองสุตันตปิฎก เป็นเรื่องที่พระอานนท์เล่าว่าพระพุทธเจ้าไปที่ไหนสอนใคร สอนว่าอะไร เป็นธรรมมะสำหรับคนธรรมดา เรื่องสามเรียกว่าอภิธรรมปิฎก ธรรมมะขั้นสูง ซึ่งป็นเรื่องรากฐานของคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดในเชิงทฤษฎี ผมฝึกกรรมฐานมา 20 กว่าปีแล้ว แล้วก็อภิธรรมเพิ่งไปเรียนเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา อภิธรรมนี่เป็นเรื่องของการปฏิบัติเรื่องกรรมฐาน โดยศาสนาพุทธต้องมี 2 อย่างคือทางทฤษฏี และปฏิบัติ


ผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียด และไม่ค่อยได้ติดตาม...เรื่อง ปรส.เท่าไหร่นัก...แต่แปลกใจ ว่า นายอมเรศ ศิลาอ่อน พูดเหมือน..กับเคยทำงานในรัฐบาลชวลิต...ดร.โกร่งเป็นคนชวนเข้ามาซะด้วย

 :slime_smile:





หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 08-10-2007, 22:33
*  ขุด .............  กระทู้ นี้ขึ้นมาอีกรอบ

    ตายแล้วววววววว ....  ทำไม  ชอบแถ  ไม่ตอบคำถามพี่เค๊าละนั้น  !!!   :slime_doubt:




หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 08-10-2007, 22:40
*  ขุด .............  กระทู้ นี้ขึ้นมาอีกรอบ

    ตายแล้วววววววว ....  ทำไม  ชอบแถ  ไม่ตอบคำถามพี่เค๊าละนั้น  !!!   :slime_doubt:





ก็ที่ ไอแก๊สมันหายไปพักนึง เพราะโดนพักงานจากเรื่องนี้ไง  โดนหักเงินตั้งหลายปอนแหนะ วันนี้มันเลยมาทำOT :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 11-10-2007, 01:27
ขุดมาให้แถ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 11-10-2007, 09:40
มาช่วยขุด


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 20-11-2007, 17:41
เห็นบอกว่าชอบไอ้เหลี่ยม

เห็นชอบบอกว่าไอ้เหลี่ยมปลดหนี้ IMF

ก็เลย ขอขุด ขึ้นมาให้ไอ้แก๊ส มันแถ อีกรอบ


รีบๆ แถ นะแก๊สนะ รีบๆทำแต้ม จะเลือกตั้งแล้ว
  :slime_bigsmile:


 :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 20-11-2007, 22:16
จขกท ล้าหลังเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้เค้าจะมาเล่นไฮโดรเจนแล้ว เติมน้ำเอา  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-11-2007, 22:50
เห็นบอกว่าชอบไอ้เหลี่ยม

เห็นชอบบอกว่าไอ้เหลี่ยมปลดหนี้ IMF

ก็เลย ขอขุด ขึ้นมาให้ไอ้แก๊ส มันแถ อีกรอบ


รีบๆ แถ นะแก๊สนะ รีบๆทำแต้ม จะเลือกตั้งแล้ว
  :slime_bigsmile:


 :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:



ถ้าจะทำบุญให้เขามากกว่านี้.....
ต้องนำไปตั้งเป็นกระทู้ที่ห้องราชดำเนิน หรือ ห้องสังคมและการเมือง...
พรรคพวกของเขา จะได้อ่านประโลมใจด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 21-11-2007, 01:58
นาย "แก๊ส" "แถ" 2 หน้าแล้วยังไม่ยอมเข้ามุม

ผมรอคุณ "จี" มาปิด "กระทู้ อยู่ครับ

แต่ขอให้นาย "แถ" ตอบคุณ "จี" ให้ครบทุก "เม็ด" หน่อย

ที่เอามา "แปะ" ไม่เห็นจะตรงประเด็นเลยว่ะ

ขนาดตามไปอ่านใน "ลิงค์" มันก็คนละเรื่องเดียวกัน

เสียเวลา ฉิบห่ะ..

เอาเป็นว่านาย "แก๊ส" ช่วย "แก" กับคุณ "จี"

สดๆได้เปล่า เอามาแปะ "มั่ว" เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น

แล้วให้ชาวบ้านตามไปอ่านใน "ลิ้งค์" (ไร้สาระ)

เหมือนที่ไอ้ "หมากปาก***"

ที่ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าว

แต่กลับไล่ให้ไป "เสพเมถุณ"

ทำตัวแบบนี้ก็สมควรแล้วที่ใครๆ

ในนี้เขาเรียกนายว่า...
   







"แถ"




     


หัวข้อ: Re: ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==
เริ่มหัวข้อโดย: aoporadio ที่ 21-11-2007, 20:05
ถามจริงๆเถอะนะ

ใบบอกนี่ เขียนใว้ว่า 2 อาทิตย์ที

 ให้ตั้งกระทู้เรื่องนี้ 1 กระทู้ใช่ป่าว :slime_bigsmile:



ไอ้แผ่นเสียงตกร่อง :slime_hmm: