ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

คนที่ไม่ได้ขาย ไม่ต้องร้อนตัวนะครับ
คำถาม จะทำอย่างไรกับคนที่ขายเสียง
คนซื้อเสียง ไม่ต้องการคำตอบครับ

ขอที่เป็นรูปธรรมที่สามารถ ทำได้จริงครับ

 :slime_v: :slime_v:

ถ้าทำให้ 3 จว.ใต้สงบได้เมื่อไหร่...ค่อยมาถามคนภาคอื่นเค้าน๊า :slime_smile2:

ท่านท้าวอยากถามว่า ทำไมต้องมองว่าคนอีสานขายเสียง ทำไมไม่มองว่า บางภาคส่วนของประเทศ ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนในภาคอีสาน

ถ้าเปลี่ยนเป็นว่า จะทำอย่างไรไม่ให้คนขายเสียจะเหมาะสมกว่าไม๊ อย่าเอาประเด็นเรื่องภาค เรื่องพื้นเพ มาเป็นประเด็นทางการเมืองเลย

จะภาคไหนก็คนไทยทั้งนั้น ไปเดียดฉันท์เค้ามากๆ ระวังประเทศไทยจะเหลือแต่ กทม. นะ จะบอกให้

        อยากตอบกระทู้แบบนี้มานานแล้ว   ขอบคุณ คุณบ้านรามอินทราที่ตั้งกระทู้นี้
 
   ผมว่า มิใช่แต่เฉพาะคนอีสานเท่านั้น ที่ขายเสียงครับ    ทุกภาคที่มีคนจน ก็ขายเสียงทั้งนั้น  แต่ภาคอีสานมีคนจนมากกว่าภาคอื่น    พอมองในภาพรวมแล้ว จึงกลายเป็นว่า คนอีสานขายเสียง
  
          วิธีแก้  มีครับ  คือต้อง ตั้งกติกากันใหม่    ว่าใครจะออกเสียง คนนั้นต้อง เสียภาษี  ต้องมีบัตรประจำตัวผู้เสีย
  ภาษี  จะเสียน้อยเสียมาก  ไม่ว่ากัน  อย่ามาอ้างว่าจน    จนก็เสียได้  อย่ามาอ้างว่าทำนา
  ทำนาก็เสียภาษีได้     เช่น นาย ก. อาชีพทำนา ฐานะยากจน     ถ้ารักชาติจริง   อยากเลือกตั้ง
  ก็ไปทำบัตรผู้เสียภาษีซิ  ประเมินมา ทำนากี่ไร่    10ไร่  เหรอ      งั้นเสียซะปีละ  300 มั๊ยล่ะ    พอได้บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ก็ใช้บัตรนี้แสดงตัวตอนเลือกตั้ง          ถ้าแค่ 300  บอกว่าไม่มีปัญญาจะเสียเพราะจนซะเหลือเกิน
  แต่ดันรักชาติ อยากจะเลือกตั้ง   ก็ขอให้พิจารณาตัวซะใหม่ว่า   ปัญญาในการหาเงิน300 มาจ่ายภาษียังไม่มี
   แล้วเอ็งจะเอาปัญญาอะไรมาเลือกคนปกครองประเทศ    ถ้าเอ็งรักชาติจริง   เอ็งนอนอยู่บ้านเฉยๆเถอะ ให้คนที่มีมันสมองมีวิจารณญานเค้าเลือกดีกว่า
  
            คือแนวคิดของผมคือ   คนเสียภาษีจะรู้สึกหวงแหนเงินภาษีของตน ถ้าถูกนักการเมืองคอรับชั่นไป
  แต่ถ้าคนไม่เสียภาษีจะไม่รู้สึกเสียดายตรงนี้
  

เอาเป็นว่าที่ต้องยกอีสานมาเป็นตัวอย่าง เพราะไม่มีภาคไหน
ซื้อเสียงกันอย่างเข้มข้น และได้ผลดีแบบภาคอีสานเท่านั้นแหละครับ :slime_hmm:

     หรืออีกวิธีหนึ่ง
 
      ตั้งเต๊นท์ปะรำพิธี ใกล้คูหาเลือกตั้ง      ก่อนจะเข้าคูหาเลือกตั้ง  ต้องผ่านด่าน  ตรงนี้ก่อน
 
     คือเข้าไปจุดธูป กล่าวคำสาบานว่า  จะไม่เลือก  นักการเมือง ที่แจกเงิน      (  รับเงินได้ แต่ สาบานว่าจะไม่เลือก )     เป็นการดัดหลัง  พวกนักซื้อเสียง      และชาวบ้านได้เงินใช้ฟรีๆ

วิธีที่เนียนที่สุดก็คือ น่าจะกำนหดไว้ในรธน.ไปเลยว่าห้ามคนอีสาน-เหนือมีสิทธิในการลงคะแนนเสียง ขนาดฉีกรธน.ยังทำได้มาแล้วเลย...เรื่องง่ายๆแค่นี้พี่ตะหารเค้าจัดหั้ยได้อยู่แล้ว :slime_smile2:

วิธีของผม คือ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16088.0

หัดพูดในสิ่งที่มันสร้างสรรค์สังคมบ้าง อย่าเอาแต่พล่ามประชดประชัน เอาแต่ความสนุกของตัวเอง พล่ามออกมาแต่ละทีสังคมมันได้อะไรมั่ง อายุเท่าไหร่แล้วแก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

สำหรับผม
ผมคิดว่าให้มีรายการ

ยามเฝ้าแผ่นดิน VS บ่นไปชิมไป และรายการอื่นๆที่ต้องการ เข้ามา ให้หมุนเวียนกัน วันละ 1 ชม. จ-อา
 
อ.เจิมศักดิ์ ดร.เสรี คุณหยุ่น น้องเพ็ญ จตุรงค์ ลิเดีย หมู หมา กา ไก่
ให้หมุนเวียนกัน วันละ 30 นาที จ-อา

ที่ช่อง11 ตั้งแต่ 20.00-21.30น. (รับรอง ทีวีน้ำเน่า มีเดี้ยง) :slime_bigsmile:

ใครพูดโกหก ใครมั่ว ประชาชน ตัดสินเอง
แต่จะไปฟ้องร้องกันเอง เชิญนอกรอบ
แฉกันไป แฉกันมา
ความจริงถูกเปิดเผย คนไทยรู้เท่าทันขึ้น เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น
รายการไหน คนไหน เลดติ้งตก เอาออกไป

น่าจะเป็นวิธีให้หยุด ขายเสียงแบบถาวรได้ นะครับ

 
      ด้วยความเคารพครับ    ผมว่า คนระดับ ที่ขายเสียง  เค้าไม่ดูรายการแบบที่ท่านว่ามาหรอกครับ
 
       เค้าชอบดูละครแบบ แม่ผัวตบกับลูกสะใภ้      เมียน้อยตบกับเมียหลวง       หรือ นางเอกปลอมตัวมาเป็นคนใช้
      บ้านพระเอก           หรือพระเอกปลอมตัวเป็นคนสวนบ้านนางเอกเพื่อหารักแท้    อะไรประมาณนี้มากกว่าครับ
     
     

สร้างสรรค์แบบฉีกรธน. และสนับสนุนคนฉีกรธน.ใช่ไหมถึงจะโดนใจ หืมมม??!!??

อ่านแล้วครับ
กฎหมายมีไว้กำกับ คนชั่ว
คาถาอาคม มีไว้กำกับ ภูตผีปีศาจ
วันไหนรัฐ อ่อนแอ คนชั่วกำแหง
ไม่มีวันจบ หมุนเป็นกงล้อ ไม่สิ้นสุด

กล่าวอ้างคุณธรรม เป็นเพียงนามธรรม จับต้องยาก
พร่ำบอก คุณธรรม จริยธรรม กลอกใส่หูทุกวัน ก็เท่านั้น

มีวิธีไหนบ้างที่ให้ความรู้ประชาชน ให้เท่าทัน
อย่าบอกว่า เอาการศึกษาเข้าไปในชุมชน
เพราะมันดูเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่
เป็นเพียงภาพลวงตา

 :slime_worship:

 เวลาตอบกระทู้ อ่านหัวข้อกระทู้มั่งปล่าว หัดแยกแยะเป็นไม๊   หรือว่าสักแต่ว่าพิมพ์ๆ ไป  หัวข้อกระทู้เป็นยังไงไม่สน

แล้วพฤติกรรมของมังกรน้อยที่กำลังทำอยู่นี้...เค้าเรียกว่าอะไรฤา!?! :slime_doubt:

      ด้วยความเคารพครับ    ผมว่า คนระดับ ที่ขายเสียง  เค้าไม่ดูรายการแบบที่ท่านว่ามาหรอกครับ
 
       เค้าชอบดูละครแบบ แม่ผัวตบกับลูกสะใภ้      เมียน้อยตบกับเมียหลวง       หรือ นางเอกปลอมตัวมาเป็นคนใช้
      บ้านพระเอก           หรือพระเอกปลอมตัวเป็นคนสวนบ้านนางเอกเพื่อหารักแท้    อะไรประมาณนี้มากกว่าครับ
     
     
[/quote]

 :slime_hmm:
จริงด้วย แต่มันต้องมีวิธีให้ข้อมูลเข้าถึง สิน่า ......

ให้หาผู้สนับสนุนรายการ แจกทองวันละ 10บาท รถไถ รถเข็น ตามภูมิภาค
สำหรับผู้ส่ง sms มาในรายการ อิอิ
 :slime_bigsmile:

เป็นการสนับสนุนผู้ใผ่การศึกษา

 :slime_whistle:

คือ รับเงินมาไม่มีบทลงโทษไงครับ เค้าถึงกล้ารับ

ง่ายๆเลย คือ   รับเงินซื้อเสียง ถ้าจับและสืบได้ว่ารับเงินซื้อเสียงจริง

ติดคุก จบข่าว

1. มีช่องสาบานให้ติ๊กในบัตรลงคะแนน
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เวลาขึ้นศาลยังต้องสาบานกันอยู่เลย

2.  ลองเอาสะตอให้กินเยอะๆ...

:slime_bigsmile:

ถ้าASTV NEWS 1
ได้ออกอากาศเหมือนฟรีทีวี
ช่อง3,5,7.9.11หรือTITV
ผลการลงประชามติคงไม่ออกมาเช่นนี้
รัฐบาลและคมช.ลองให้สนธิ ลิ้มทองกุลมาทำรายการ
ให้เวลาแบบเครือเนชั่นบ้าง
แล้วมาดูผลเลือกตั้งกัน
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันนักกับสนธิ ลิ้มทองกุล

ให้สาบานก่อนเข้าไปลงคะแนน
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

  :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ส่งเสริมอาชีพในชุมชนให้ชาวบ้านมีงานทำไม่ต้องเข้ากรุง
มุ่งให้ความรู้รอบตัวให้รู้เท่าทัน นักการเมืองและข้าราชการ
ใช้วิทยุชุมชนเป็นสื่อสาธารณะ....... ทีวีต้องมุ่งให้แนวคิด
ไม่มุ่งส่งเสริมนิยายน้ำเน่ามากนัก...ทำรัฐธรรมนูญให้กินได้

แม้ไม่แจกเงินซักแดงเดียว
อีสานก็ติดนโยบายเหลี่ยมซะงอมแงมแล้วครับ

ต่อให้ไม่แจกซักบาท ผลประชามติก็ไม่ต่างจากนี้หรอกครับท่าน

หวังว่าผู้มีอำนาจจะมีนโยบายอะไรเด็ดๆมามัดใจพวกนั้นได้นะ

ถ้าจะเป็นทำเป็นฟรีทีวี ขอเป็นเนชั่นละกันครับ
ASTV มันรุนแรงเกินไป ใส่ใข่ก็มี
เอาเนชั่นดีกว่าครับ ภาพลักษณ์ยังดี

มีแต่แนวคิดที่ดี
แต่ในทางปฎิบัติ ทำไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแนวความคิดที่จะขายเสียง
เพราะไม่ได้แก้ไขที่แก่น

แก่นของชาตินิยม

              คุณไม่ได้อยู่อีสาน  คุณไม่รู้อะไร  จะเล่าอะไรให้ฟังพอเป็นน้ำจิ้ม  ผมจะเล่าพฤติกรรมการบริโภคของเค้าให้ฟัง
 
     ไปดูหมู่บ้านชนบทอีสานซิครับ    ทุกบ้านมีมอไซด์รุ่นใหม่ล่าสุดกันทั้งนั้น   รุ่นเก่าๆแทบหาไม่เห็น  คันนึง
 
   วางดาวน์  2000-  5000 บาท    กว่าจะผ่อนเสร็จ  ตกคันละ  ห้าหมื่น- หกหมื่นบาท      ถ้าผ่อนไม่ไหวขาด4เดือน
  5เดือนก็ปล่อยยึดไป   ไปดาวน์คันใหม่
      ถ้าโชคดีมีปัญญาผ่อนหมด   หกหมื่นบาท    ทำไงรู้ไม๊ครับ       มันตกรุ่นนี่   เอาไปรีเทิรน ครับ
     ร้านตีราคาให้ 12000     ( ผ่อนมาหกหมื่น)      แล้วเอาคันใหม่รุ่นใหม่มาขี่      ทั้งๆที่บ้านก็จนแสนจน แต่เรื่องมอเตอร์ไซด์นี่   ยอมแพ้กันไม่ได้เลย    เด็กวัยรุ่น  12-13 ปี รบเร้าจะเอามอไซด์ ถ้าไม่ซื้อให้ จะไม่ไปเรียน
  พอซื้อให้ ก็ ขี่มอไซด์นั่นแหละหนีเรียน   ได้ผัวได้เมียกันตั้งแต่อายุน้อยๆเพราะมอไซด์นี่แหละ     
       อยากให้คุณหาเวลาว่าง ไปเที่ยวอีสาน ไป คุยกับเจ้าของร้านมอเตอร์ไซด์ดู  ว่าจริงอย่างผมว่าไม๊
 
    ( เสร็จแล้วลองไปดูเถ้าแก่เจ้าของกิจการร้านค้าในตัวจังหวัดซิ  แต่ละคนขี่ sprintet     RC100   ยามาฮ่า mate80
 คันนึงไม่ต่ำกว่า20ปีทั้งนั้น      แต่ชาวบ้านจนๆ ขี่ ฮอนด้าคลิก      มีโอ      นูโว      เบรด  ร้านที่เป็นเอเย่นมอไซด์คุณเชื่อมั๊ย ว่าเค้ารวยกันเป็น พันล้าน  สองพันล้าน    ก็รวยมาจากความเห่อเหิม    ไม่ประมาณตนของคนเหล่านี้แหละ )

   คือเสียภาษีแวต   เค้าไม่รู้ตัวว่าเสียครับ      อยากให้เค้าไปเสียแบบเป็นรูปธรรม    เค้าจะได้เกิดความหวงแหน
 
   เงินภาษีที่เค้าเสียไปถ้าจะถูกนักการเมืองคอรับชั่นครับ 

เห็นด้วยครับ และไม่ใช่แค่บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีครับ ต้องให้เอาหลักฐานการเสียภาษีมายืนยันให้เห็นว่าเสียภาษีจริง ๆ และครบถ้วนถูกต้องตามกฏหมายด้วย

เรื่อง vat เนี่ย ถามจริงเหอะ พวกร้านค้าที่ตลาด หรือตามหมู่บ้านในชนบทเนี่ย มันออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้าหรือเปล่า แล้วมันเคยส่ง input vat + output vat reports ให้สรรพากรด้วยเหรอ

  เรื่อง แวต   จริงๆแล้ว ชาวบ้านเสียเฉพาะที่ซื้อ แฟ็บ สบู่ ยาสีฟัน  เท่านั้นแหละครับ
 
      ส่วนที่ซื้อ  ก๊วยเตี๋ยว   ซื้อ ผักซื้อเนื้อหมูที่ตลาด  ไม่ได้เสียแวตหรอก    ซื้อปุ๋ย ก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

จับสลับชื่อเลยครับ

เรียกภาคใต้ว่าอิสาน แล้วเรียกภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าภาคใต้

หาคำตอบมาหลายปีแล้วครับ

จนได้ absolute solution ว่า มีวิธีนี้ดีสุดครับ

(http://www.bbindoorthai.com/Gun%20Review/AK47-1.jpg)

 
        ผมมาแปลให้
 
    แปลว่าขายเสียงก็ขายไป พอนักการเมืองที่เข้าไปโกงกินมากๆ   ทหารก็ลุกขึ้นมาปฎิวัติซะทีนึง
 
              ใช่มั๊ยครับ

ท่านแปลผิดครับ

ยิงทิ้งไปเลยครับ


ในนามของชาวอีสานคนหนึ่ง

พระบรมราโชวาทครับ
  กฎหมายมิใช่ตัวความยุติธรรม
หากเป็นแต่บทบัญญัติหรือปัจจัย ที่ตราไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม
 เพราะฉะนั้นจึงไม่สมควรจะถือว่า
การรักษาความยุติธรรมในแผ่นดินมีจำกัดอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย
 จำเป็นต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยา
 ตลอดจนเหตุและผลตามเป็นจริงด้วย..." 

ผู้เกี่ยวข้องทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์
ใครจะกล้าทำผิด

:slime_cool:

คิดเห็นตามครับ

ถ้ากฎหมายรุนแรงน่ากลัวพอ (ไม่ใช่ปรับ 20,000 บาท)

และมีแนวทางการสอบสวน แจงผล สืบสาว ตีความ ที่ดีและยุติธรรมแล้ว

แจกเงินเข้ามาเหอะครับ แต่โกงเมื่อไหร่ฟันไม่เลี้ยง

หึหึ  อ่านกระทู้นี้แล้วก็เฮ้อ......แต่ละคน :slime_doubt:

พวกคุณคงจะไม่อยากให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงอะไรเลย ทำนองว่าให้นอนอยู่บ้านไปเหอะหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งซะให้หมด :slime_hmm:

ความคิดแบบนี้มันก็...นะ ก็คงได้แต่คิดสุดโต่ง เอาสะใจเข้าว่าแต่ไม่มีปัญญาทำได้หรอก 

และถ้าพวกเขาเลือกได้ ก็คงไม่อยากอยู่ร่วมประเทศเดียวกับพวกคุณหรอก

จอดนี่ไว้ตรงแม่น้ำโขงได้ก็เวิร์คนะครับ

(http://www.fas.org/man/dod-101/sys/ship/cv-67-alongside.jpg)

นโบยสาธารณะของไทย... ควรเป็นนโยบายที่ตอบสนองต่อท้องถิ่น(แยกต่างกันไป)
และเป็นนโยบายที่สามารถประยุกต์ตามถิ่นได้เช่น อีสานกับใต้นโยบายต้องต่างกัน
ไม่ใช่แบบ กองทุนหมู่บ้านละล้านเหมือนกันหมด...ทั้งประเทศ ทุกหมู่บ้านเหมือนกันหมด
อีสานน่าจะเหมาะกองทุนชุมชน(ของ ปชป.)แต่ต้องมีกุศโลบายการใช้เงิน(เพื่อไม่ใช้ผิดประเภท)
ส่วนทางใต้น่าจะเป็นเรื่องกองทุนเน้นเรื่อง..กองทุนด้านความมั่นคงเพราะเข้าใจว่าปัญหาที่นั่น
เงินไม่ใช่ทางออกแต่เรื่องของจิตใจ เรื่องของความมั่นคงถิ่นที่อยู่และสวัสดิการมากกว่า
ใครเห็นต่างหรือมีความรู้โปรดชี้แนะ

ผมว่าควรกำจัดหัวคะแนน กับ ผู้มีอิธิพลในพื้นที่น่าจเหมาะกว่า :slime_p: :slime_smile2:

อันนี้เห็นด้วยครับที่ว่านโยบายต้องตอบสนองท้องถิ่น  ผมคิดว่าควรทำย่อยไปถึงระดับภาค
และระดับจังหวัด  ส่วนกองทุนหมู่บ้านจนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเลข 1 ล้านคำนวณจากอะไร
ทำไมทุกหมู่บ้านได้ 1 ล้านเท่ากัน (ความจริงมันก็นโยบาย "คิดง่ายทำง่าย" นั่นแหละ)

ที่สำคัญคือต้องให้ตัวท้องถิ่นเป็นคนคิดครับว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรแน่ อะไรที่เขาคิดว่า
จะสามารถแก้ไขปัญหาของเขาได้เรียงตามลำดับ แล้วค่อยมาประเมินกันว่าอันไหนมีเงินพอ
มีความพร้อมจะทำได้ และเกิดประโยชน์มากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้ว่าตอนนี้มีใคร หรือกลุ่มไหนทำอะไรกันอยู่บ้างที่น่าจะเข้าไปส่งเสริม
เพราะจะได้ทั้งตัวคนทำงานและเครือข่ายมาด้วยพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น กลุ่มสัจจะออมทรัพย์
ผมว่าดีกว่ากองทุนหมู่บ้านเป็นไหนๆ

---

จุดผิดพลาดหนึ่งของรัฐบาลทักษิณในสายตาผมก็คือ ไม่ให้ความสำคัญกับองค์ความรู้และ
ประสบการณ์ของข้าราชการประจำ แต่กดฐานะให้เป็นเพียงผู้สนองนโยบายผู้นำประเทศ
หลายๆ เรื่องผลการศึกษาเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอถึงเวลาผู้นำรัฐบาลคนเดียวฟันธงให้ทำไป
เป็นอีกอย่างหนึ่ง พอปล่อยโครงการออกมาแล้วไปไม่รอด

ยกตัวอย่างบ้านเอื้ออาทร แต่เดิมมาย้อนหลังเป็นสิบๆ ปีการเคหะฯ ทำบ้านได้แค่นิดเดียว
แต่กลับออกโครงการให้ทำหลายแสนหลังในเวลา 4-5 ปี สุดท้ายก็ทำได้ไม่กี่หลังเท่านั้น
ถ้าไม่สั่งอย่างเดียว แต่ปรึกษาคนทำงานจริงๆ ก่อนคงไม่เป็นแบบนั้น

คุณแม่ของผมทำงานกับมวลชนอยู่ที่ภาคอีสานมากว่า 10 ปีเรื่องพวกนี้ผมก็ได้รู้ได้ฟังมาครับ
แต่เห็นด้วยกับผมหรือเปล่าล่ะครับว่า พฤติกรรม "อวดรวย" ก็คือภาพสะท้อนของความยากจน

การแก้ปัญหาประเทศก็คือการแก้ไขเรื่องพวกนี้แหละครับ จะเลือกดูแลแต่คนที่ไม่มีปัญหาไม่ได้
ในทางกลับกันต้องเน้นดูแลแก้ไขกลุ่มที่มีปัญหาก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ครับ

ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าถูกดูหมิ่นดูแคลนของคนอีสาน ก็เป็นจุดอ่อนเรื่องหนึ่งที่ถูกคนฉวยโอกาส
นำมาใช้หาประโยชน์ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง (อย่างคนขายมอเตอร์ไซค์) หรือหาคะแนนนิยมการเมือง
โดยวิธีง่ายๆ คือทำให้คนอีสานรู้สึกว่าได้รับความสำคัญ (อย่างที่คนหน้าเหลี่ยมทำ)

ลุง(ถึก) วิเคราะห์เรื่องนี้ได้ดีครับ..

ที่ผ่านมาเหมือนกับว่าการพัฒนาภาคอีสานไม่เคยประสบความสำเร็จ
จนถึงจุดที่คนอีสานสามารถเลี้ยงตัวเองได้ในท้องถิ่นของตัวเอง

สังเกตได้จากการอพยพเข้าทำงานในเมือง หรือการแต่งงานกับฝรั่ง
รวมทั้งการไปขายแรงงานในต่างประเทศ เพื่อส่งเงินกลับบ้าน

น่าสังเกตว่าภาคอีสานมีระบบถนนระบบรถไฟ ที่ดีพอสมควรมานานแล้ว
แต่ระบบชลประทานแทบจะไม่มีเลย โดยการเพาะปลูกเกือบทั้งหมด
ทำโดยอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว

ยังไม่นับเรื่องตลาดสินค้าเกษตรที่ราคาผันผวนให้ขาดทุนแทบทุกปี

จะมีใหมหนอรัฐบาลใดในอนาคตจะ....

๑.ส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน รถไฟ ไปอีสานตลอดอีสานใต้ไปอินโดจีน ทั้ง เขมร ลาว เวียตนาม

๒.กองทุนชุมชน ฟื้นฟูระบบสหกรณ์และกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ในชุมชนอีสาน เหนือ กลาง ใต้

๓.ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว (ไม่ใช่ มีข้าวขึ้นราคา) คือ ความสมบูรณ์ของทรัพยากร ไม่ใช่ ราคาเป็นหลัก

๔.ส่งเสริมองค์กรภาคประชาชนในการมีส่วนบริการในชุมชนเช่น องค์กรชุมชน เอ็นจีโอ ประชาสังคม มาเป็นที่ปรึกษาภาครัฐ

๕.นโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน โดยชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเช่น นักเรียนเรียนรู้การทอเสื่อกก ทอผ้าไหม ออกแบบเอง ไม่ใช่ตามหนังสือแบบเรียนอย่างเดียว

๖.นโยบายแปรรูปข้าว  มันสำปะหลัง รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาล ของไทยและผลิตผลจากท้องถิ่นและรัฐบาลรับประกันราคา

เอารถไฟรางคู่ ก่อนเลย ถนนจะได้ไม่พัง

นำความเจริญ เงินทอง และความรู้สู่สังคมชนบท

จะเกี่ยวมั้ยเนี่ย

แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจ จะทำอย่างไรให้อีสานไม่ขายเสียง
อีสานขายเสียงเพราะเขาต้องการเงิน
อีสานต้องการเงินเพราะเขาจน
อีสานจนเพราะเขารายจ่ายมากกว่ารายรับ
อีสานรายจ่ายมากกว่ารายรับเพราะเขาฟุ่มเฟือยไม่ประหยัด
อีสานฟุ่มเฟือยเพราะทักษิณเอาเงินไปล่อโดยไม่ให้เขาทำงานแลก
อีสานรับเศษเงินง่ายๆโดยไม่ต้องทำงาน ทำให้อีสานขี้เกียจ
อีสานขี้เกียจทำให้อีสานไม่อดทนทำงาน
อีสานไม่อดทนทำงานทำให้อีสานไม่มีเงิน
อีสานไม่มีเงินทำให้อีสานอยากได้เงิน
อีสานอยากได้เงินแต่ไม่อยากลำบากทำงาน
อีสานก็ขายเสียงเพื่อแลกเศษเงิน
 :slime_doubt: :slime_doubt: :slime_doubt:

ความจริงก็คือ ความจริงวันยังค่ำ
ตอนนี้เรากำลังปลุกให้เค้าตื่น
หรือกระทืบความรู้สึกให้จมดิน

หรือจริงๆ เรากำลังกลัว กับระบอบขอทาน ที่กำลังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
(ระบอบขอทาน= สส.ขายตัว)

กระจายรายได้ให้เหมือนกับประเทศฟินแลนด์สิ คนจะได้ไม่ขายเสียง
เสียดายนะที่ปฏิญญานั่นไม่มีจริง ถ้ามีจริงจะมีประโยชน์มากเรยกว่า
ไอ้คุณธรรม จริยธรรม บ้าบอคอแตกที่แก้ปัญหาจริงๆไม่ด้าย