ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

สตง.เจอตอม่อแอร์พอร์ตฯร้าว ผู้ว่าการรฟท.สั่งสอบ-ขู่ทุบทิ้ง
เสาตอม่อ"แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์"ร้าว 22 ต้น "สตง."ส่งหนังสือเตือน"คมนาคม" ผู้ว่าการการรถไฟฯเต้นสั่งวิศวกรสอบหาสาเหตุ ขู่ผู้รับเหมา ทุบทิ้งทำใหม่ "สตง."ปูด"กองทุนหมู่บ้าน"ใกล้ล่มสลาย ระบุบางแห่งเหลือเงินแค่ 100-1,000 บาท



รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ได้ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อขอให้ ร.ฟ.ท.ชี้แจงข้อตรวจพบกรณีเสาตอม่อและคาน (SEGMENT) ของงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองหรือ แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ วงเงินค่าก่อสร้างรวม 25,907 ล้านบาท ของ ร.ฟ.ท.มีรอยร้าว

ข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบสังเกตการณ์งานก่อสร้างเสาตอม่อและคาน เมื่อ วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาพบว่า เสาตอม่อและคานมีปัญหารอยร้าวหลายจุด โดยมีเสาตอม่อตามสัญญาทั้งหมด 788 ต้น ก่อสร้างแล้วเสร็จ ณ วันตรวจสังเกตการณ์ประมาณ 108 ต้น พบรอยร้าวรวม 22 ต้น สำหรับคาน มีการก่อสร้างแล้ว 2 จุด พบว่าเกิดรอยร้าวทั้ง 2 จุด โดยรายละเอียดพบว่า เสาตอม่อเลขที่ P139-P147 จำนวน 8 ต้น บริเวณจุดก่อสร้างวัดอุทัยธาราม เสาตอม่อ เลขที่ P276-P284 และเลขที่ P291-P295 รวม 14 ต้น บริเวณจุดก่อสร้างคลองตัน คานช่วงระหว่างเสาตอม่อเลขที่ P259-P260 บริเวณจุดก่อสร้างคลองตันและช่วงระหว่างเสาตอม่อ เลขที่ P615-P616 บริเวณจุดก่อสร้างลาดกระบัง เกิดรอบร้าวภายหลังการดึงลวดอัดแรงเมื่อนำขึ้นไปติดบนเสาตอม่อแล้ว

"รอยร้าวของเสาตอม่อข้างต้น บางจุดมีการทดสอบการขยายวงกว้างของรอยร้าว โดยนำกระจกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าปิดทับรอยร้าวไว้ กรณีรอยร้าวขยายวงกว้างขึ้น กระจกจะแตกให้เห็นอย่างชัดเจน และจากการสังเกตการณ์พบว่ากระจกที่ปิดทับมีรอยแตกแสดงให้เห็นว่ารอยร้าวได้ขยายวงกว้างขึ้นอีก รวมทั้งยังพบว่า คานที่เกิดรอยร้าวทั้ง 2 แห่ง มีการเสริมคอนกรีตนอกเหนือจากแบบกำหนด ไม่ปรากฏเอกสารหลักฐานว่าได้ผ่านความเห็นชอบของผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงานหรือหลักฐานขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง"

ข่าวแจ้งว่า สตง.ได้ขอให้ ร.ฟ.ท.ชี้แจงข้อเท็จจริงและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะเรื่องนี้อาจจะมีผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้างโดยรวม ในการรองรับระบบรางรถไฟฟ้าในขั้นตอนต่อไป จำนวน 12 ข้อ คือ 1.ขอทราบความเห็นและคำชี้แจงถึงสาเหตุของรอยร้าวที่ตรวจพบ รวมทั้งขอทราบวิธีการและขั้นตอนในการแก้ปัญหาที่ชัดเจนของผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ผู้รับจ้าง ผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจการจ้างของ ร.ฟ.ท. 2.กรณีรอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเสาตอม่อ ผู้รับจ้างมีวิธีและขั้นตอนในการก่อสร้างเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะพบว่าเสาตอม่อที่ก่อสร้างบริเวณคลองตันและลาดกระบังมีคุณภาพงานก่อสร้างที่มองด้วยตาเปล่าแล้วต่างกัน

3.การส่งมอบงานที่ตรวจพบนั้นอยู่ในงวดงานใด 4.ขอทราบการรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้ควบคุมงานประจำสัปดาห์และประจำเดือน งานที่ตรวจพบอยู่ในเดือนใด ครั้งที่เท่าใดและผลการตรวจเป็นอย่างไร 5.ณ ปัจจุบันทั้งร.ฟ.ท. ผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างมีการประชุมหารือปัญหาในเรื่องที่ตรวจพบหรือไม่ ผลเป็นอย่างไรและมีการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาหรือไม่ 6.บริษัทผู้ออกแบบได้มีเอกสารยืนยันความถูกต้องของแบบ กรณีเสาตอม่อและคานหรือไม่ 7.ขอทราบขั้นตอนและวิธีการดำเนินการให้มีหน่วยงานรับรองความเข้มแข็ง ปลอดภัยของเสาตอม่อและคานตามที่ตรวจพบ 8.ขอทราบผลการควบคุมงานก่อสร้า งและการตรวจรับงานตามข้อที่ตรวจพบ

9.งานก่อสร้างที่ตรวจพบได้ส่งมอบ ตรวบรับหรือเบิกจ่ายเงินหรือไม่ เพียงใด 10.ขอทราบผลการตรวจสอบเสาตอม่อและคานอื่น นอกเหนือจากข้อตรวจพบข้างต้น 11.ขอทราบความคืบหน้าของรายงานผลการก่อสร้างเสาตอม่อและคานเปรียบเทียบกับปริมาณงานทั้งหมดของเสาตอม่อและคานตามสัญญา และ 12.การรถไฟฯจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย 100%

นายจิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ร.ฟ.ท.ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ฝ่ายวิศวกรรมที่ควบคุมงานไปดูว่าเสาร้าวเพราะสาเหตุอะไร หากเสาที่ร้าวไม่สามารถที่จะใช้งานได้ จะให้ทุบทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ร.ฟ.ท.จะจัดหาหน่วยงานกลาง โดยอาจจะเป็นจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (เอไอที) เข้ามาร่วมในการตรวจสอบโครงสร้างการก่อสร้างทั้งระบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าว ร.ฟ.ท.ได้ทำสัญญาไว้กับกลุ่มกิจการร่วมค้า บี.กริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียนิ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย

แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 7พฤษภาคมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศของคณะทำงานศึกษาการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พบว่าเบื้องต้นกองทุนหมู่บ้านฯ หลายพื้นที่อยู่ในภาวะล่มสลาย ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก โดยมีเงินกองทุนเหลือเพียง 100-1,000 บาทเท่านั้น

สาเหตุเกิดจากปัจจัย 3 ประการ ประกอบด้วย 1.ชุมชนที่ดำเนินการกองทุนหมู่บ้านฯ ไม่เข้มแข็งพอ ไม่มีความสามารถกำกับดูแลได้ คณะกรรมการที่ได้รับคัดเลือกหรือบางพื้นที่ได้รับการเลือกตั้งไม่มีลักษณะความเป็นผู้นำกระทั่งไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมายของกองทุนได้ 2.ประชาชนที่กู้ยืมเงินกองทุนเอง ไม่มีความเข้าใจในเป้าหมายและกระบวนการของกองทุนเพียงพอ ในหลายพื้นที่การจัดการเงินกองทุนเสมือนเป็นการให้เปล่า นำไปใช้ประโยชน์ในเชิงส่วนตัวมากกว่าการสร้างอาชีพหรือสร้างงานต่อเนื่อง

และ 3.เกิดจากปัญหาทางการเมือง เกิดจากนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หากเป็นรัฐบาลจะปลูกฝังแนวคิดกับประชาชนหรือกลุ่มฐานเสียงว่าเงินกองทุนเป็นเงินของตัวเองนำไปใช้ได้ ส่วนฝ่ายค้านโน้มเอียงไปในด้านเงินกองทุนคือเงินรัฐบาล ต้องนำไปใช้เพื่อให้เงินกองทุนหมดโดยเร็วจะได้แสดงถึงความผิดพลาดในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

"เมื่อลงพื้นที่สำรวจการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านฯ พบเกิดความล่มสลายเป็นจำนวนมาก บางกองทุนมีเงินเหลือเพียง 100 บาทเท่านั้น น่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะบางส่วนมีความคิดจะไม่ใช้คืนเงินกองทุน บางส่วนคณะกรรมการทุจริต ไม่ติดตามผลไม่ทวงถาม ปล่อยให้ลูกหนี้ติดค้างเงินกองทุนยาวนานถึง 3 ปี แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจแนวคิดการดำเนินงานกองทุนฯ ของชาวบ้านและการขาดข้อมูลโดยสิ้นเชิงของกลุ่มชาวบ้าน ที่สำคัญความเข้มแข็งของชุมชนสัมพันธ์โดยตรงกับผลการดำเนินงานกองทุน หากชุมชนเข้มแข็งจะส่งผลดีต่อการใช้คืนเงินกองทุน" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองถือเป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจากต้องการเพิ่มรายได้กับคนจน ลดรายจ่ายที่เกิดจากการกู้นอกระบบ และเพื่อกู้เงินฉุกเฉิน แต่ที่ผ่านมาการดำเนินงานต่างๆ นอกจากข้อมูลของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแล้ว ประชาชนและคณะกรรมการเองขาดการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบโดยสิ้นเชิง เนื่องจากส่วนหนึ่งข้าราชการไม่สามารถเข้าไปช่วยจัดระบบใดๆ ได้ เพราะยังสับสนว่านโยบายของรัฐบาลปล่อยให้ประชาชนดำเนินการไปเพียงลำพังหรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านเกิดประสิทธิภาพรวมถึงป้องกันการสูญเงินงบประมาณ คณะทำงานฯ จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาปรับปรุงระบบการทำงานใหม่ โดยเข้าไปสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน ติดตามการทำงาน เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เฉพาะพื้นที่ที่เสียหาย อีกทั้งจะใช้กระบวนการลงโทษโดยเริ่มต้นจากขอร้องคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ติดตามทวงถามหนี้ภายใน 3-6 เดือน แต่หากยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งฟ้องแพ่งและอาญา

ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อจากนี้คณะทำงานฯ จะใช้เวลา 1 เดือนสรุปผลภาพรวมทั้งประเทศ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จากนั้นจะเสนอต่อรัฐบาลและนำสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

หน้า 1