หัวข้อ: เริ่มมาถูกทางแล้ว เริ่มหัวข้อโดย: เอกราช ที่ 20-07-2007, 11:39 โฆสิตเผยนายกฯไฟเขียว6มาตรการเอกชนแก้ค่าเงิน
20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 10:56:00 โฆสิต'ระบุนายกรัฐมนตรีไฟเขียวข้อเสนอมาตรการดูแลค่าบาทของภาคเอกชน ยกเว้นมาตรการสต็อกน้ำมัน พร้อมตั้งกองทุนช่วยเหลือเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี 5 พันล้าน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการนำดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้ารายงานมาตรการแก้ปัญหาเงินบาทกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอในการดูแลค่าเงินบาทระยะสั้นของคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน(กกร.)ใน 6 มาตรการจากที่เสนอมาทั้งหมด 7 มาตรการ โดยมาตรการที่ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ คือ การเร่งสต็อกน้ำมันเนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อราคาน้ำมันได้และต้องมีการหารือให้ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการหารือแนวทางช่วยเหลือ ผู้ประกอบการขนาดกลาง-ย่อม(เอสเอ็มอี)ด้านการส่งออก ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องเนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท ซึ่งนายกฯเห็นชอบให้ตั้งกองทุนพิเศษวงเงิน 5 พันล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีดังกล่าว โดยเงินกองทุน 5 พันล้านนั้น จะมาจาก ธปท. 2.5 พันล้านบาท และธนาคารพาณิชย์อีก 2.5 พันล้านบาท นายกฯย้ำว่าจะต้องเน้นช่วยเหลือในด้านที่เกี่ยวกับการส่งออกและผู้ประกอบการที่อยู่ในต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง นายโฆสิต ระบุว่า ในการประชุมครม.วันที่ 24 ก.ค.นี้ จะมีการเสนอมาตรการทั้งหมดให้ครม.เห็นชอบ และจะแถลงมาตรการทั้งหมดว่าหน่วยงานใด จะรับผิดชอบในการออกมาตรการใดบ้าง "นายกฯพอใจที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ซึ่งจากนี้ไปการใหลเข้าของเงินดอลลาร์ล็อตใหญ่ๆคงไม่มีอีก แต่จะเป็นลักษณะทะยอยเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งต้องจับตามองต่อไป"นายโฆสิต กล่าว สำหรับข้อเสนอกกร.ทั้ง 7 ข้อประกอบด้วย1.อนุญาตให้ผู้ส่งออกถือครองบัญชีเงินดอลลาร์สหรัฐหรือบัญชีเงินต่างประเทศสกุลอื่นได้ไม่จำกัดระยะเวลา จากเดิมที่กำหนดให้ถือได้ไม่เกิน 14 วัน โดยเอกชนเห็นข้อกำหนดเดิมไม่สอดลค้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ภายในประเทศจำนวนมาก 2.อนุญาตให้บุคคลธรรมดาถือครองบัญชีเงินต่างประเทศได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มดีมานด์ของเงินตราต่างประเทศ 3.อนุญาตให้ผู้ส่งออกชำระค่าระวางเรือหรือค่าวัตถุดิบที่ซื้อในประเทศเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้โดยไม่ต้องทอนกลับมาเป็นเงินบาทอีกครั้ง 4.ขอให้การคืนภาษีมุมน้ำเงินและการขอคืนภาษีภาษีอากรตามมาตรา 19 ทวิ มีความรวดเร็วขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมามีการเปลี่ยนแปลงพิกัดศุลกากรส่งผลให้ผู้ส่งออกยังไม่ได้คืนภาษี และหากผู้ส่งออกได้คืนภาษีกลับตืนมาจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ 5.รัฐควรมีนโยบายเร่งให้รัฐวิสาหกิจชำระหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนด เพราะเรื่องนี้ภาครัฐมีนโยบายออกมาแล้วหลายเดือนแต่ไม่มีความคืบหน้า แต่ภาครัฐต้องพิจารณาว่าการคืนหนี้ก่อนกำหนดจะมีปัญหาเรื่องค่าปรับมากน้อยเพียงใด รวมทั้งควรให้รัฐวิสาหกิจนำเงินบาทออกไปซื้อดอลลาร์สหรัฐแล้วฝากในต่างประเทศเพื่อรอรับดอกเบี้ย 6.สนับสนุนให้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่สามารถเก็บสต็อกได้ในช่วงเงินบาทแข็งค่า เช่น น้ำมัน 7.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนี้ หลงทางมานาน เริ่มมาถูกทางแล้ว ข้อ4...และ...ข้อ7 ต้องรีบทำ ให้เห็นเป็น รูปธรรม ทันที :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_v: |