ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Suraphan07 ที่ 07-07-2007, 15:56



หัวข้อ: สถาบันการเมืองแบบ "ทรท" - สัมภาษณ์พิเศษ ปองพล...
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 07-07-2007, 15:56
สัมภาษณ์พิเศษ ปองพล อดิเรกสาร เผยเบื้องหลัง"ทรท."ดังโพละ!

ก่อนที่ 2 กลุ่มใหญ่ในไทยรักไทยจะสร้างภาพจูบปากคืนดีกัน ระหว่างซีกนวสร ซึ่งมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นแกนนำ และซีกไอเอฟซีที ที่มี "2 เจ๊"
เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และเจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแกนนำ
กลุ่มไอเอฟซีที ได้เรียกประชุมแกนนำ อดีตส.ส.และผู้สมัครของกลุ่มจำนวน 299 คน เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับนายปองพล อดิเรกสาร
อดีตผอ.การเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ซึ่งอยู่ในซีกฝ่ายนายจาตุรนต์ มาตลอด และไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุมตามคำเชิญ

นายปองพล อดิเรกสาร ปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่เป็นรองคณะทำงานบริหารจัดการกลุ่มไทยรักไทยที่มี นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธาน ให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังเรื่องราวต่างๆ ไว้ดังนี้

-สถานการณ์ในพรรคขณะนี้เป็นอย่างไร
เนื่องจากตอนนี้ไม่มีพรรคไทยรักไทยแล้ว คณะทำงานบริหารจัดการกลุ่มที่มีคุณจาตุรนต์เป็นหัวหน้า เพิ่งประชุมแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 23 คน
เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มจดตั้งทะเบียนพรรคการเมือง และปูพื้นฐานการทำงานให้กับทีมงานชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากตั้งพรรคได้แล้ว
คณะกรรมการชุดนี้จึงอยู่ไม่นาน เพราะถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเกือบทั้งหมด น่าจะอยู่ได้แค่เดือนกว่าๆ ขึ้นอยู่กับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ว่าจะยกเลิกประกาศคปค.ฉบับที่ 15 เมื่อใด ถ้ายกเลิก จดทะเบียนตั้งพรรคได้แล้ว จะให้ทีมงานชุดใหม่ซึ่งเป็นผู้ไม่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เข้ามาทำหน้าที่แทน
เมื่อถึงช่วงนั้นทั้งคุณหญิงสุดารัตน์และคุณเยาวภา ก็ต้องถอยตามที่คุณจาตุรนต์ประกาศ

-กระแสข่าวความขัดแย้งในกลุ่มไทยรักไทย
ตลอด 9 เดือนที่ส่งคุณจาตุรนต์เข้ามาดำเนินการ ก็เรียบร้อยเป็นเอกภาพดี อดีตส.ส.กลับเข้ามาเรื่อยๆ เป็นจำนวนมากขึ้น กระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว
คุณหญิงสุดารัตน์และคุณเยาวภา นัดประชุมขึ้นมาโดยที่ทางเราไม่ทราบ จึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา
โดยเฉพาะคุณเยาวภา ตั้งแต่เหตุการณ์ 19 กันยาฯ หายตัวไปเลย ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมของเรา แต่อยู่ๆ เขาก็ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังอดีตส.ส.
ของกลุ่มทุกคนว่าจะมีการประชุมวันที่ 2 ก.ค. โดยใช้ชื่อหัวหน้ากลุ่มไทยรักไทยเป็นคนเรียกประชุม ทำให้อดีตส.ส.เข้าใจผิด คิดว่าคุณจาตุรนต์เป็นคนเรียก เลยมากันแยะ
แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เขาก็สอบถามกันว่าตกลงใครเรียกประชุมกันแน่

-มองการกระทำดังกล่าวอย่างไร
ถือว่าเสียมารยาทมากๆ ความจริงอยู่ด้วยกันควรจะหารือกันก่อน เพราะตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเลยใน 9 เดือนที่ผ่านมา อยากเรียกประชุมก็ต้องปรึกษาคุณจาตุรนต์ด้วย
แม้ช่วงนั้นคุณจาตุรนต์เดินทางไปต่างประเทศ สามารถหารือแกนนำคนอื่นแทนได้
แต่นี่ไม่บอกกล่าวเลยสักคำ อยู่ๆ สั่งเรียกประชุมเลย และไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดผมเลยต้องส่งเมสเสจกลับไปถามคุณเยาวภาว่า
มีอำนาจอะไรถึงได้เรียกประชุม แต่ไม่ได้รับข้อความตอบกลับ รุ่งขึ้นเห็นว่ายกเลิกการประชุม แต่พอตอนหลังนัดประชุมอีกแล้ว
การทำอะไรก็ควรให้เกียรติกันและมาคุยกัน อย่าลืมว่าตอนนี้ไม่มีพรรคไทยรักไทยแล้ว จะมาถือสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นใคร มันไม่ได้อีกแล้ว

-ถือว่าสร้างความสับสนให้กับกลุ่มหรือไม่
แน่นอน เพราะอดีตส.ส.หลายคนถามมาว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองตั้งแต่มาช่วยงานคุณจาตุรนต์ ไม่เคยคิดว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น สิ่งที่ข้องใจคือ ทำไมสองคน
เพิ่งมาเปิดตัวตอนนี้ จะมองว่าเป็นการฉวยโอกาสก็ได้ เขาถึงได้มีคำว่าชุบมือเปิบ

-แสดงว่าแกนนำกลุ่มแตกเป็นสองฝ่ายชัดเจน
มองอย่างนั้นก็ได้ เพราะผมเองก็รู้สึกอย่างนั้น ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ ยอมเองที่ให้คุณจาตุรนต์ขึ้นมารับหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค โทร.มาติดต่อผมเองด้วยซ้ำ
คือเหตุการณ์ตอนนั้น ตอนที่คุณทักษิณประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว คุณสุดารัตน์โทร.มาหารือผมคนแรกเลย คุณพงศ์เทพ ก็โทร.มาด้วย หารือกับผมว่า
จะเอาใครขึ้นมารักษาการหัวหน้าพรรค
ผมบอกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ต้องเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 แต่คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่าสถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งนี้
ก็ไม่ทราบว่าทำไมเพราะเขาตอบแค่นั้น
เมื่อเสนอคุณจาตุรนต์ ผมก็เห็นด้วย หลังจากคุณจาตุรนต์รับตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ให้เกียรติผม มาหาผมถึงบ้าน มากับ อ.พีรพันธุ์ (พาลุสุข) ขอให้ผมมาช่วยทำงาน
ความจริงตอนนั้นผมตั้งใจจะวางมือทางการเมือง แต่ก็ตอบรับ และช่วยงานจนถึงตอนนี้
เมื่อเราเข้าไปทำงาน ตอนนั้นมีอยู่ 13 คน ต้องตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมา แล้วพยายามฟื้นฟูพรรคขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งมีสมาชิกมาติดต่อมาพบ วันที่เราย้ายที่ทำการพรรค
มีอดีตส.ส.มา 180 คน วันที่เราทำบุญพรรคมากัน 230 คน ขณะที่วันยุบพรรคก็มีอดีตส.ส.มารายงานตัว 285 คนยืนยันว่าจะทำงานต่อไป

-ต้องการทวงคืนอดีตส.ส.หรือเปล่า
จะมาทวงอะไร ตอนนี้พรรคไม่มี มีค่าเท่ากับศูนย์ ดังนั้นเรื่องการตั้งเป้าจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะเรายังจดทะเบียนพรรคไม่ได้
ความจริงแล้วเหตุการณ์ในพรรคในกลุ่มเป็นเอกภาพเรื่อยมา จนถึงสัปดาห์ที่แล้วถึงได้มีเรื่องขึ้น ผมไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าทำเพื่ออะไร
-เป็นการส่งสัญญาณจากพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่
ไม่ทราบ ตรงนี้ไม่มีการยืนยัน ในส่วนของพวกเราที่ทำกันมานั้นปลอดทักษิณอยู่แล้ว เราพยายามทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง
เมื่อพรรคถูกยุบก็พยายามสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ ขณะนี้เตรียมการจดทะเบียนตั้งพรรค รอเพียงการยกเลิกประกาศคปค.ฉบับที่ 15 เท่านั้น

-น้อยใจหรือไม่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกก็ต้องมีบ้างเพราะเราฟื้นฟูพรรคมา ไม่ทราบว่าเขาเข้ามาทำอะไรกัน เรื่องนี้ตอนที่มีประชุมร่วมกัน ได้พูดคุยกันบ้างแล้ว เขาพูดในเชิงว่า หวังดี
อยากเข้ามาช่วย อยากจะมาทำอะไรต่อมิอะไร ทั้งที่ 9 เดือนไม่เคยยุ่ง ไม่ทราบว่าคิดช้าไปหน่อยหรือเปล่า
ผมไม่ขัดข้องสำหรับคนที่ออกไปแล้วจะกลับมา หรือที่ไม่เคยเข้ามาช่วยแต่ตอนนี้อยากกลับเข้ามาช่วย ผมวางหลักการไว้ว่าการกลับเข้ามาต้องมี 3 เงื่อนไข
1.ต้องมาอย่างเป็นมิตร 2.จริงใจ และ 3.ไม่มีวาระซ่อนเร้น

หากการเข้ามาจริงใจ เป็นมิตร และไม่มีวาระซ่อนเร้นแล้ว เขาจะต้องมาคุยกัน ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาเรียกประชุมโดยที่ไม่บอกคนที่เขากำลังทำงานอยู่
ใครเห็นเขาก็คิดว่ามันไม่เหมาะสม เรื่องนี้คุยกับคุณจาตุรนต์แล้ว ไม่ได้หนักใจ เพียงแต่ข้องใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

-การมาของคุณหญิงสุดารัตน์และคุณเยาวภา เข้าหลักเกณฑ์ที่วางไว้หรือไม่
ยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องดูต่อไป แต่ที่ผมมั่นใจคือสองคนนั้นนำพรรคไม่ได้ เชื่อว่าเขาเองก็รู้ตัว มิเช่นนั้นคงนำพรรคไปตั้งนานแล้ว และเรื่องนี้คงไม่ต้องแก้ไขแล้ว
เพราะอีกไม่นานทุกคนต้องพ้นจากตำแหน่งบริหาร และคงไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดไปฝาก เพราะเราพูดกันตรงๆ อยู่แล้ว

-มีข่าวว่าจะย้ายกลับไปใช้อาคารไอเอฟซีที ถ.เพชรบุรี เป็นที่ทำการ
ยังไม่ย้าย ขณะนี้ยังถือว่าอาคารนวสร ถ.พระราม 3 เป็นที่ทำการหลักของกลุ่ม ใช้เป็นสถานที่ทำงานและแถลงข่าวของรักษาการหัวหน้าพรรค
ส่วนการประชุมของภาคต่างๆ จะใช้สถานที่อาคารไอเอฟซีที เพราะรองรับคนได้มาก

-คุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่
ไม่เกี่ยว ความจริงเรื่องตึกไม่มีอะไรเลย แต่ที่มันวุ่นวายเพราะเจ้าหน้าที่พรรคไม่อยากย้ายมา ไม่ยอมดูในแง่ของการเมืองด้วย เหตุที่เราย้ายมาเช่าอาคารนวสร
เพราะหลังเหตุการณ์ 19 กันยาฯ พรรคแทบไม่เหลือใคร ไปกันหมด ขณะที่อาคารไอเอฟซีทีนั้นใหญ่โตมาก เมื่อคนของเราเหลือน้อย หากยังอยู่ที่เดิมต่อไป
มันสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องย้ายมาอยู่ในที่เหมาะสม คุ้มกับค่าใช้จ่าย

-กระแสข่าวบอกว่าต้องการเขี่ยคุณจาตุรนต์
ไม่ทราบว่าจะทำเช่นนั้นทำไม อย่าลืมว่าตอนที่เดือดร้อน ใครล่ะที่มาหาเรา เรียกหาคุณจาตุรนต์ ไม่ใช่พวกเขาหรือ จึงอยากถามกลับว่าตกลงจะคบกันเท่านี้ใช่หรือไม่

-กรณีของคุณสรอรรถ กลิ่นประทุม ที่ถูกใส่ชื่อเป็นหนึ่งในคณะบริหารจัดการฯโดยเจ้าตัวไม่รู้
รายนั้นก็เหมือนกัน หายไป 9 เดือนไม่เห็นมาช่วยกันเลย อยู่ดีๆ ก็โผล่มาอีก แล้วที่บอกว่าถูกใส่ชื่อนั้น จะโวยวายทำไมไม่ทราบ ในเมื่อตัวเองมาประชุมที่พรรคตั้ง 3 ครั้ง
ถามคนที่เข้าร่วมประชุมได้เลย เขาเห็นกันทั้งนั้น แถมยังยื่นคำขาดด้วยว่าขอเป็นประธานภาคกลาง คุณจาตุรนต์ก็หวังดี เลยใส่ชื่อเป็นคณะทำงานบริหารฯ ให้ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
เขาพูดเช่นนั้นออกมาได้ยังไง ไม่ทราบว่าเป็นนักการเมืองแบบไหน ถึงไม่กล้ารับความจริง กลัวอะไรหรือเปล่า ในเมื่อเรื่องจริงเป็นอย่างนั้น

สำหรับผมไม่ทำตัวเช่นนี้แน่ ผมเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่ต้นแล้ว  
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03pol05070750&day=2007/07/07&sectionid=0304


เหอ เหอ เหอ...
สถาบันการเมือง ทรท. ล้มไปตั้งแต่ท่านประธานสถาบันลาออกไปแล้ว มิใช่หรือ :slime_doubt:...
ตึกกรู/ สส.กรู/ เงินกรู พรรคก็ต้องเป็นของกรู 5 5 5...