ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

**สืบพยานปากแรกคดีเลี่ยงภาษีชิน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อายุ 58 ปี อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อายุ 50 ปี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน อายุ 50 ปี เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมานเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91

**พยานเผยเลขาฯ"อ้อ"จัดการหุ้นคนใช้

พนักงานอัยการโจทก์ได้นำนายสุวิทย์ มาไพศาลศิลป์ เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ขึ้นเบิกความปากแรกสรุปว่า นายบรรณพจน์ จำเลยที่ 1 และ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ของคุณหญิงพจมาน มาขอเปิดบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ โดย น.ส.ดวงตามาขอเปิดไว้วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 จากนั้นมอบอำนาจให้นางกาญจนาภา จำเลยที่ 3 เป็นผู้มีอำนาจในการซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 1 เปิดบัญชีไว้วันที่ 22 เมษายน 2534 จากนั้นในปี 2540 จำเลยที่ 1 ต้องการซื้อหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้นกลุ่มชินวัตร ที่มี น.ส.ดวงตาเป็นผู้ครอบครอง มูลค่าหุ้นประมาณ 741 ล้านบาท โดยให้ตนในฐานะผู้ดูแลบัญชีหลักทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการทำใบสรุปการซื้อหุ้นส่งให้จำเลยที่ 1 ผู้ซื้อ และใบยืนยันการขายหุ้นส่งให้ น.ส.ดวงตา ผู้ขาย

**ยัน"อ้อ"เซ็นเช็คให้พี่ซื้อหุ้นคนใช้

"หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าหุ้นโดยสั่งจ่ายเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 741 ล้านบาท เจ้าของเช็คเป็นชื่อคุณหญิงพจมาน ให้บริษัท จากนั้นบริษัทได้สั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2540 ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ระบุชื่อ น.ส.ดวงตา จำนวน 734 ล้านบาท หลังจากหักค่านายหน้าแล้ว" นายสุวิทย์กล่าว

นายสุวิทย์เบิกความต่อว่า ปัจจุบันบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของ น.ส.ดวงตาปิดไปแล้ว ส่วนบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของนายบรรณพจน์ยังเปิดอยู่ แต่ไม่มีรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ ตนยืนยันว่าไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยทั้งสามและ น.ส.ดวงตามาก่อน การที่ได้รู้จักคุณหญิงพจมาน รู้จักในฐานะเป็นผู้บริหารกลุ่มบริษัทชินวัตรเท่านั้น และตนเคยทำงานร่วมกับนายวันชัย หงษ์เหิน สามีจำเลยที่ 3 มาก่อน จึงได้รู้จักกับกลุ่มจำเลย

สำหรับการสืบพยานในช่วงบ่ายโจทก์ได้นำเจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ขึ้นเบิกความในประเด็นขั้นตอนการชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว หลังสืบพยานแล้วเสร็จ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากต่อไปในวันที่ 19 มิถุนายน  
มติชน (http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102190650&day=2007/06/19&sectionid=0101)

กรรมใดใครก่อ...  หลักฐานขนาดนี้ :mozilla_cool:

สงสัยแขวนพระ รุ่น "รอดยาก"

เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า เคยมีคนหยิบมาอภิปรายแล้ว  แต่รัฐบาลเก่าดองเอาไว้ และไม่มีองค์กรอิสระใดๆ กล้าเล่นงาน ส่วนคำแก้ตัวของหญิงอ้อ คือ เป็นเงินให้เปล่าแก่พี่ชาย เนื่องในโอกาสวันแต่งงาน

ก็ไม่น่าเชื่อว่า อ้างเช่นนี้ ยังมีคนหลงเชื่อว่า ไม่ได้โกง ๆ ๆ  เป็นความพยายามใส่ไคล้ให้เสียหาย

ลายเซ็นต์นี้ก็เคยปรากฏในเช็คที่ชิปปิ้งหมูเคยเบิกความว่า เอาไปจ่ายใต้โต๊ะให้จนท.กรมศุลฯ  เงียบอีกเช่นเคย พร้อมๆ กับวิญญาณของชิปปิ้งหมู

น.ส.ดวงตา ได้รับเงิน 734 ล้านบาท ไม่ว่าจะได้มาด้วยเหตุใดก็ตาม ต้องเสียภาษีไหมคะ น่าที่สรรพากรจะสอบสวนนะคะ ว่ายื่นแบบเสียภาษีเงินก้อนนี้หรือไม่  :slime_doubt:

อาชีพคนรับใช้ก็บ่งบอกสถานะอยู่แล้วครับว่า ไม่ใช่เจ้าของเงินแท้จริง  แต่กระนั้น..ก็ยังมีคนพยายามบ่ายเบี่ยงความจริง โดยบอกว่า  เงินของเขา เขาจะให้ใครก็เป็นเรื่องของเขา ทำไมต้องจุ้นจ้านกับเงินของชาวบ้านด้วย

สังคมส่วนหนึ่ง ยอมรับพฤติกรรมการอำพรางแบบนี้ได้ โดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ  และไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่หรือองค์กรของรัฐติดตามทวงถาม หรือ เข้าไปยุ่มย่ามด้วย

คำว่า รวยแล้วไม่โกงหรอก ใช้เป็นยันต์ปกป้องให้คุณทักษิณ  ไม่ว่าจะมีข้อหาใดๆ หลักฐานชัดเจนแค่ไหน  พวกเขาก็ไม่ยอมรับหรอกครับ  เขาถือว่า นักธุรกิจที่เก่งต้องใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อผลกำไรกันทั้งนั้น  ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันใด

 :slime_p:

แค่ตรวจหาญาติๆคนใช้และความเป็นอยู่ก็รู้แล้วครับ

 :slime_worship: