ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เทพชัย หย่อง - เวทีสำหรับทุกความคิดและทุกความเห็น
Permalink : http://www.oknation.net/blog/yong
วันอาทิตย์ ที่ 17 มิถุนายน 2550

http://www.oknation.net/blog/yong/2007/06/17/entry-2
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จักรภพวันนั้น..และจักรภพวันนี้

ไม่ว่าจะเจอะใครในวงการไหน คำถามที่ไม่พลาดก็คือ “ทำไมจักรภพถึงเป็นได้ขนาดนี้”

เพื่อนๆ ที่เคยคุ้นเคยกับจักรภพ เพ็ญแขต่างรู้สึกประหลาดใจที่อยู่ดีๆ จักรภพเปลี่ยนเป็นคนละคน   จากคนที่เคยนั่งด่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้คนในวงการสื่อด้วยกันฟังเป็นฉากๆ กลายเป็นโฆษกขบวนการคนรักทักษิณแบบไม่เขินอาย

และไม่ใช่เป็นคนรักทักษิณแบบธรรมดาๆ  แต่เป็นคนรักทักษิณแบบหัวชนฝา ถึงขั้นเป็น “มือระเบิดพลีชีพ”  ที่พุ่งเข้าชนทั้งคณะมนตรีเพื่อความมั่นคงแห่งชาติและพล.อ. เปรม ตินสูลานนท์ 

ไม่นานก่อนหน้านี้ จักรภพมีภาพของคนทำสื่อที่มีความรู้ ฉลาดหลักแหลม และมีหลักการ    ยิ่งถ้าคนที่เคยใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในวงการสื่อด้วยกัน ยิ่งมีความศรัทธาในความสามารถและความแหลมคมของอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศคนนี้

ผมยังจำได้ดีว่าเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จักรภพจะรับตำแหน่งโฆษกรัฐบาล  จักรภพยังนั่งวิจารณ์รัฐบาลทักษิณให้ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชนและนักการเมืองฝ่ายค้านสามสี่คนฟัง

“ผมขอบอกเลยครับว่า ผมไม่มีทางรับตำแหน่งโฆษกรัฐบาลทักษิณเป็นอันขาด  ผมทำงานกับรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้”  ผมยังจำประโยคเด็ดที่ออกจากปากของจักรภพในวงสนทนานั้นได้เป็นอย่างดี

จักรภพในฐานะอุปนายกของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยก่อนเป็นโฆษกรัฐบาล เป็นคนละคนกับจักรภพที่กระโดดเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “ระบอบทักษิณ”

จักรภพในฐานะอุปนายกสมาคมเป็นจักรภพที่เต็มไปด้วยหลักการของคนทำสื่อ   พูดจาเสียงดังฟังชัดทั้งในวงสนทนาและในเวทีสาธารณะอย่างไม่ต้องสงสัยว่าในสายตาของเขา ทักษิณคือศัตรูตัวฉกาจของเสรีภาพสื่อ

“พี่เอก” เป็นตัวอย่างที่น่าเลื่อมใสของรุ่นน้องๆ ในวงการสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในยุคที่การพูดความจริงหมายถึงการเป็นทำตัวเป็นเป้าของอำนาจรัฐ   

เมื่อได้ยินข่าวว่าจักรภพถูกทาบทาบให้ไปเป็นโฆษกรัฐบาลเพราะนายกฯ ทักษิณขณะนั้นอยากได้คนที่มีหน้าที่พูดจาแทนรัฐบาลมีภาพที่เป็นอินเตอร์และสามารถสื่อสารกับฝรั่งได้คล่องแคล่ว  ผมจำได้ว่าผมเตือนจักรภพทั้งเป็นการส่วนตัวและในบทความว่า การเป็นสื่อมวลชนกับการเป็นโฆษกรัฐบาลนั้นบทบาทต่างกันโดยสิ้นเชิง

คนทำสื่อนั้น  ความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดคือการถ่ายทอดความจริงสู่สาธารณชน

แต่สำหรับคนที่ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล   ภารกิจหลักคือการปกป้องภาพลักษณ์ของรัฐบาล

พูดง่ายๆ ก็คือ โฆษกรัฐบาลมีหน้าที่พูดหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคนที่อยู่ในอำนาจให้มากที่สุด

ซึ่งหมายความว่า ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องรอง

เพราะโฆษกรัฐบาล (อย่างน้อยก็ตามมาตรฐานของการเมืองไทย) ไม่จำเป็นต้องพูดความจริง     โดยเฉพาะถ้าความจริงเป็นสิ่งที่จะทำให้คนที่อยู่ในอำนาจเสียหาย

ที่อุตส่าห์เตือนจักรภพครั้งนั้นก็เพราะไม่อยากให้สังคมต้องสูญเสียคนที่มีภาพของการเป็นนักต่อสู้ของวงการสื่อในภาวะที่อำนาจเงินและอำนาจการเมืองสามารถซื้อทุกอย่างได้

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรภพจึงยอมหันหลังให้วงการสื่อและกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของคนที่ตัวเองเคยวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่มีดี   เหมือนกับที่อธิบายไม่ได้ว่าทำไมนักการเมืองที่มีภาพเป็นคนรุ่นใหม่ถึงได้เข้าแถวเข้าไปรับใช้รัฐบาลทักษิณแบบไม่ลืมหูลืมตา  ไม่สนใจว่าใครจะโกงจะกิน  ไม่ยอมรับรู้ว่าผู้นำและคนใกล้ชิดจะเอาเปรียบบ้านเมืองแค่ไหน

แต่ผมเองไม่รู้สึกแปลกใจมากนักที่จักรภพประกาศรับตำแหน่งโฆษกของรัฐบาลทักษิณอย่างเต็มภาคภูมิเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคนอย่างเขาไม่มีทางรับใช้คนอย่างทักษิณได้

ตรงนี่แหละที่ผมเห็นว่า “ระบอบทักษิณ” ไม่ใช่มีแต่ความเลวร้ายแต่เพียงด้านเดียว

เพราะนอกจากทักษิณแล้วไม่มีผู้นำการเมืองคนไหนในเมืองไทยที่สามารถทำให้นักการเมือง นักวิชาการ และคนทำสื่อมากมาย
ที่มีภาพสดใสงดงาม   แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาได้ขนาดนี้

ถ้าไม่มีทักษิณ เราอาจมัวหลงผิด มองคนเหล่านี้ด้วยความชื่นชมและความศรัทธา โดยไม่มีทางรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเป็นอย่างไร

(จากคอลัมน์ “คิดนอกกรอบ” ใน “คม ชัด ลึก”)

ความคิดเห็นนี้ช่างบังเอิญตรงกับความคิดเห็นของภรรยาผม
ทั่น ( ภรรยาผม ) บอกว่า
"คุณทักษิณนี้มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง  คือ  ทำให้คนสันดานชั่วช้าหยาบคายแสดงตัว"
ส่วนลูกชายผมบอกว่า
"สังคมไทยที่ไอ้แม้วทำไว้คือสังคมของคนกล้าอวดกล้าโชว์   ถึงขนาดกล้าบอกว่าตัวเองอยากรวยมากกว่าอยากเป็นคนดี  และเห็นว่าการเป็นคนดีคือต้องเป็นคนมีเงิน"

ขอบคุณค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณจักรภพ..หลายคนที่คุยด้วยแม้จะส่ายหน้า อยากด่าก็ด่าไม่ถูก เพราะดูเหมือนว่าจักรภพจะบ้าไปแล้ว จะด่าคนบ้าหรือก็ใช่ที่ :slime_surrender:

ตอนนี้เข้าใจขึ้นแล้วค่ะ ที่แท้ก็ทองเก๊ นี่เอง  :slime_dizzy:

คนกรุงเทพฯ ตบหน้าไทยรักไทย สั่งสอน "ชัยชนะในความพ่ายแพ้" คืออะไร สมุนเผด็จการหน้าเหลี่ยมยึดเก้าอี้ได้ทั้ง 36 เขต ทั้งที่แพ้คะแนน "ไม่เลือก" ถึง 29 เขต ภาคใต้ก็กระเจิง






รัฐบาลพ่ายแพ้ย่อยยับ  กระทั่งเขต 9 นครศรีธรรมราช ตกต่ำถึงขั้นแพ้พรรคปลดหนี้คนจน อาศัยพรรคเล็กหนี 20% มุดเข้าสภา กกต.เลือกตั้งใหม่ 6 เมษายนรวม 38 เขต 15 จังหวัด


การเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2549 โดยการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตรวม 36 เขตในกรุงเทพฯ พรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด  ทั้งนี้ใน  7 เขตที่ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยลงสมัครคนเดียว ก็ได้คะแนนเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด คือในเขต 7-8-21-23-25-34-35 อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ส.ส.ไทยรักไทยถึง  22  เขต  ได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนไม่เลือกใคร   คือ เขต 3 ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร  ได้  21,938 คะแนน แต่ไม่เลือกใครมี 25,288 คะแนน, เขต 4 น.ส.ยุวลักษณ์ อภิธนาคุณ ได้ 15,010 คะแนน ไม่เลือกใคร 28,121 คะแนน, เขต 5 นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ 22,231 คะแนน ไม่เลือกใคร 55,141 คะแนน


เขต  6  นายดนุพร  ปุณณกันต์  ได้  26,420 คะแนน ไม่เลือกใคร 49,505 คะแนน, เขต 7 นายพงษ์พิสุทธิ์  จินตโสภณ  16,176 คะแนน ไม่เลือกใคร 26,246 คะแนน, เขต 8 น.ต.ศิธา ทิวารี 20,306  คแนน  ไม่เลือกใคร 24,512 คะแนน, เขต 9 น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม 22,957 คะแนน ไม่เลือกใคร  31,999 คะแนน, เขต 10 นายยุรนันท์ ภมรมนตรี 29,756 คะแนน ไม่เลือกใคร 33,535 คะแนน, เขต  11  นายเฉลิมชัย  จีนะวิจารณะ 36,235 คะแนน ไม่เลือกใคร 42,686 คะแนน, เขต 16 นายวชิรมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ 25,392 คะแนน ไม่เลือกใคร 30,366 คะแนน, เขต 17 น.ส.ภูวนิดา  คุนผลิน  22,752  คะแนน  ไม่เลือกใคร  27,690  คะแนน, เขต  18 นายพิมล ศรีวิกรม์ 28,956 คะแนน ไม่เลือกใคร 36,020 คะแนน


เขต  19  นายพฤฒิชัย  ดำรงรัตน์  29,604 คะแนน ไม่เลือกใคร 33,800 คะแนน,  เขต 20 นายเอกพจน์  วงศ์อารยะ  35,077  คะแนน  ไม่เลือกใคร 40,130 คะแนน,  เขต 21 นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์  33,646  คะแนน ไม่เลือกใคร 43,319 คะแนน, เขต 23 นายวัฒนา เซ่งไพเราะ 22,463  คะแนน  ไม่เลือกใคร 31,206 คะแนน, เขต 26 นายเอนก หุตังคบดี 21,401 คะแนน ไม่เลือกใคร 26,138 คะแนน, เขต 27 น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ 19,401 คะแนน ไม่เลือกใคร 29,650 คะแนน, เขต  28  นายภิมุข  สิมะโรจน์  28,693  คะแนน ไม่เลือกใคร 33,285 คะแนน, เขต 29 นายสมพรต  สาระโกเศศ  20,200  คะแนน ไม่เลือกใคร 24,711 คะแนน, เขต 31 นายมานะ คงวุฒิปัญญา  31,592  คะแนน  ไม่เลือกใคร 36,085 คะแนน และเขต 35 นายสุธา ชันแสง 40,352 คะแนน ไม่เลือกใคร 42,202 คะแนน


คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า   ในเขต  กทม.มีผู้ไปใช้สิทธิ  63.47%  หรือ 2,631,802  คน  จาก  4,146,330  คน  ในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้สิทธิ์ "ไม่ประสงค์ลงคะแนน" มากที่สุด 50.13% หรือ 1,319,206 คน บัตรเสีย 105,743 ใบ คิดเป็น 4.02%

http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=1487
********************

ที่มันแค้นมากที่สุดคือ เจอคะแนน ผู้ไม่เลือกใคร มากที่สุด ในกรุงเทพมหานคร

น่าอับอายขายหน้าเพื่อนฝูงมาก

จักรภพ หาเสียงแพ้ ปชป  อาคม สรสุชาติ หรือไง นะ  เลยเพี้ยนจัดเลย  ขนาด  ทุ่มสุด ๆๆ

ว่าไปแล้ว ก็มีหลายคนนะ  ที่เป็นแบบนี้ 

คุณจักรภพมีโอกาสเดินไปข้างหน้า แต่กลับเลือกเดินถอยหลัง

ผมจำได้ว่าเคยดูแกครั้งแรกสมัยตอนช่วงสนธิลิ้ม ยังจัดรายการอยู่ช่อง 9  ใช่หรือเปล่าไม่แน่ใจ  

ฟังแรกๆผมก็ชอบนะ เพราะช่วงนั้นหาดูรายการวิเคราะห์เจาะลึกอะไรยากเหลือเกิน

แต่พอฟังบ่อยๆ ก็ชักเบื่อ เพราะกว่าแกจะพูดแต่ละคำ  เว้นวรรคนานเหลือเกิน  และบ่อยเกินไป  จนขี้เกียจรอฟัง

จนเลิกติดตามไปเลย

เจอกับสุริยะใสแล้ว แพ้หมดรูปในถึงลูกถึงคน

ไม่นานก่อนหน้านี้  จักรภพมีภาพของคนทำสื่อที่มีความรู้ ฉลาดหลักแหลม และมีหลักการ    ยิ่งถ้าคนที่เคยใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในวงการสื่อด้วยกัน ยิ่งมีความศรัทธาในความสามารถและความแหลมคมของอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศคนนี้.....

.......................................................................................................................................

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรภพจึงยอมหันหลังให้วงการสื่อและกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของคนที่ตัวเองเคยวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่มีดี   เหมือนกับที่อธิบายไม่ได้ว่าทำไมนักการเมืองที่มีภาพเป็นคนรุ่นใหม่ถึงได้เข้าแถวเข้าไปรับใช้รัฐบาลทักษิณแบบไม่ลืมหูลืมตา  ไม่สนใจว่าใครจะโกงจะกิน  ไม่ยอมรับรู้ว่าผู้นำและคนใกล้ชิดจะเอาเปรียบบ้านเมืองแค่ไหน

แต่ผมเองไม่รู้สึกแปลกใจมากนักที่จักรภพประกาศรับตำแหน่งโฆษกของรัฐบาลทักษิณอย่างเต็มภาคภูมิเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคนอย่างเขาไม่มีทางรับใช้คนอย่างทักษิณได้

 ตรงนี่แหละที่ผมเห็นว่า “ระบอบทักษิณ” ไม่ใช่มีแต่ความเลวร้ายแต่เพียงด้านเดียว

เพราะนอกจากทักษิณแล้วไม่มีผู้นำการเมืองคนไหนในเมืองไทยที่สามารถทำให้นักการเมือง นักวิชาการ และคนทำสื่อมากมาย
ที่มีภาพสดใสงดงาม   แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาได้ขนาดนี้

ถ้าไม่มีทักษิณ เราอาจมัวหลงผิด มองคนเหล่านี้ด้วยความชื่นชมและความศรัทธา โดยไม่มีทางรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเป็นอย่างไร

(จากคอลัมน์ “คิดนอกกรอบ” ใน “คม ชัด ลึก”)




ไม่นานก่อนหน้านี้  จักรภพมีภาพของคนทำสื่อที่มีความรู้ ฉลาดหลักแหลม และมีหลักการ    ยิ่งถ้าคนที่เคยใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในวงการสื่อด้วยกัน ยิ่งมีความศรัทธาในความสามารถและความแหลมคมของอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศคนนี้.....

ผมเห็นด้วยกับข้อเขียนนี้ของ"เทพชัย หย่อง"
เพราะเคยไปร่วมรายการโทรทัศน์ที่จักรภพ เมื่อครั้งยังร่วมจัดรายการกับคุณพิชัย วาสนาส่ง...

วันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง นึกไม่ถึง.......

และเห็นด้วยกับ"เทพชัย หย่อง"ว่า ตรงนี่แหละที่ผมเห็นว่า “ระบอบทักษิณ” ไม่ใช่มีแต่ความเลวร้ายแต่เพียงด้านเดียว

เพราะนอกจากทักษิณแล้วไม่มีผู้นำการเมืองคนไหนในเมืองไทยที่สามารถทำให้นักการเมือง นักวิชาการ และคนทำสื่อมากมาย ที่มีภาพสดใสงดงาม   แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาได้ขนาดนี้

ถ้าไม่มีทักษิณ เราอาจมัวหลงผิด มองคนเหล่านี้ด้วยความชื่นชมและความศรัทธา โดยไม่มีทางรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเป็นอย่างไร

เออว่ะ  ทักษิณ นี่ มันเก่งจริงแฮะ  สามารถ ทำให้คนเปลี่ยนนิสัยได้อย่างสิ้นเชิง เลย

คุณไทยมุงใจดีจังครับที่แสดงความเห็นแบบนั้น

สำหรับผมนะครับ มันเดินลงหลุมไปแล้วน่ะครับ

หมายถึงเรื่องรสนิยมส่วนตัวของจักรภพรึป่าว :slime_smile2:

งั้นก็ถูกแล้วซิกับประโยคนี้
"
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรภพจึงยอมหันหลังให้วงการสื่อและกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของคนที่ตัวเองเคยวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่มีดี "

พอดีหันหลังให้เพื่อน เพื่อนไม่เอา เลยต้องกระโจนไปที่อื่น อ่ะป่าว :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy:

"ปริศนาทั้งหมด กระจ่างแล้ว.." ที่แท้ก็ จักรภพ ลูวินสกี้ นี่เอง :slime_sentimental:

อำนาจ เงินตรา นารี
เข้าที่ไหน
บรรลัยที่นั่น

หมอนี่พออ่านของคุณเทพชัยจบ ก็ถึงแก่นธรรม
นักการเมืองซึ่งเคยเป็นความหวังของประเทศ
เมื่อหลายปีก่อนสื่อต่างประเทศจับตาสี่คน
หนึ่งคือ อภิสิทธิ์
หนึ่งคือ จาตุรนต์ ฉายแสง
หนึ่งคือ เอกพร รักความสุข
หนึ่งคือ (จำไม่ได้)

ส่วนหนึ่งพอเข้าสู่ระบอบทักษิณ
ความหวังที่ว่า.... :slime_hmm:

อำนาจ เงินตรา นารี
เข้าที่ไหน
บรรลัยที่นั่น

หมอนี่พออ่านของคุณเทพชัยจบ ก็ถึงแก่นธรรม
นักการเมืองซึ่งเคยเป็นความหวังของประเทศ
เมื่อหลายปีก่อนสื่อต่างประเทศจับตาสี่คน
หนึ่งคือ อภิสิทธิ์
หนึ่งคือ จาตุรนต์ ฉายแสง
หนึ่งคือ เอกพร รักความสุข
หนึ่งคือ (จำไม่ได้)

ส่วนหนึ่งพอเข้าสู่ระบอบทักษิณ
ความหวังที่ว่า.... :slime_hmm:

จักรภพคนเก่าตายไปพร้อมกับฉลาด วรฉัตร แล้วมั้ง

ผมเห็นผ้าคาดหัวบนศรีษะท่านบนเวที ทีไร นึกว่าดูคนบ้าทุกที
แต่ก่อนนีช๊อบๆ

ผมมีข้อสังเกต

ตั้งแต่วันที่พาแม้วไปกินข้าวที่ซอยละลายทรัพย์

ผมว่าวันนั้นน่าจะเป็น ตราประทับลงในใจของจักรภพ

วันนั้น เหมือนกับเขาพาแม้วไป... จบชีวิตทางการเมือง

ผมว่าเขาอาจคิดว่าเป็นหนี้ ต่อทักษิณจนไม่สามารถทดแทนได้


ส่วนตัวเขาเอง จบแล้วครับ ไม่เหลืออะไรแล้ว

วันนี้มีข่าวว่า ไปออกทีวี อัจจาซีรา ที่มาเลเชีย

 :slime_hmm:

ไม่มีอะไรแปลก หรือเหนือการคาดคิด

เมื่อได้รับ "ข้อมูลใหม่"

คนย่อมเลือกอยู่สองทาง

หนึ่ง ยอมเป็นขี้ฝุ่นใต้เท้าต่อไป
สอง ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปลดปล่อย

จักรภพเลือกข้อสอง  

การเลือกทางเดินเป็นสิทธิ์ของเขาเอง

หาก มิใช่ประโยชน์ต่อประเทศและสังคมโดยรวม

แต่ หมายถึงประโยชน์ต่อตนเองและเจ้านาย

ตัวจักรภพ เขาน่าจะคาดหมายผลสุดท้ายที่จะได้รับได้

 :mozilla_cool:

แต่เมื่อรู้ว่าเดินทางผิด ยังคงมีทางเลือกที่สาม.........คือ "อยู่เฉย ๆ"..........ไม่ต้องอยู่ใต้อุ้งเท้าใคร รวมทั้งทักษิณด้วยครับ

 :slime_smile:

สอง ยอมเป็นขี้ไคลที่ง่ามเท้าของทักษิณ  น่าจะถูกกว่าครับ

เหลี่ยมมันมีข้อดีจริงๆ  :slime_agreed:

เถียงไม่ออกเลยครับ  :slime_shy:

ไปแล้วไปลับไม่กลับมา

ได้ข่าวว่า โดน เนวิน แบล็กเมย์ เรื่องรสนิยมส่วนตัว(เห็นบอกว่ามีเป็นคลิปด้วย ไม่รู้จริงมั้ย) :slime_o:

หุ หุ "น้องเพ็ญ" เปี๋ยน ไป๋   :slime_bigsmile: