ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => ห้องสาธารณะ => ข้อความที่เริ่มโดย: ka-rab ที่ 04-05-2006, 23:36



หัวข้อ: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ka-rab ที่ 04-05-2006, 23:36
จับนายจ้างข่มขืน ม.3


 

 
 

ทำงานปิดเทอมครูยุ่นพา ตร.รวบ
           
ตำรวจคูคตตามจับนายจ้างหื่นกามเจ้าของแผงผลไม้ในตลาดสี่มุมเมืองได้ทันควันหลัง"ครูยุ่น" นำนร.สาวม.3 รร.ดังในเมืองปากน้ำโพ เข้าแจ้งความว่าถูกนายจ้างหื่นทำร้ายแล้วขืนใจแถมยังขู่ฆ่า เหยื่อแฉมาทำงานหาเงินช่วงปิดเทอม แต่ถูกนายจ้างทำร้ายขืนใจหลายครั้ง ทำเอากลัวจนเกือบเสียสติ ก่อนจะตัดสินใจมาขอให้ "ครูยุ่น" ช่วยเหลือ ขณะที่หัวหน้าโรงพักคูคต มาแปลก ต่อว่าญาติเด็กทำไมต้องแจ้งมูลนิธิไม่มาแจ้ง ตร.เอง ทำเอา "ครูยุ่น" ควันออกหูสวนกลับจนยอมถอย
 
นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และรักษาการ ส.ว. สมุทรสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำ น.ส. รัตน์ อายุ 16 ปี (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ และญาติ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธนพัฒน์ นวรักษ์ พงส. สบ.3 สภ.ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเจนณรงค์ หรือตี๋ แซ่เอี้ยว อายุ 33 ปี เจ้าของแผงขายผลไม้โชคดี 107 ในตลาดสี่มุมเมือง นายจ้างของ น.ส.รัตน์ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเรา
 
นายมนตรีให้การว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา น.ส.รัตน์พร้อมผู้ปกครอง ได้เดินทางมาหาตนเพื่อขอความช่วยเหลือเนื่องจาก น.ส. รัตน์ถูกนายเจนณรงค์ทำร้ายและข่มขืนหลายครั้ง จนเด็กทนไม่ไหว แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ ทางมูลนิธิฯจึงรับตัว น.ส.รัตน์ไว้ดูแล เพราะช่วงที่มาถึงนั้นสภาพจิตใจย่ำแย่ และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในช่วงเช้าของวันนี้ (3 พ.ค.) เด็กเริ่มมีอาการทางจิตใจที่ดีขึ้น พร้อมกับยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับนายเจนณรงค์ถึงที่สุด
 
จากการสอบสวน น.ส.รัตน์ ให้การด้วยน้ำเสียงตื่นกลัวและสั่นเครือว่า ช่วงปี 48 ตอนเรียนจบชั้น ม.2 ได้มาทำงานเป็นลูกจ้างที่แผงขายผลไม้ของนายเจนณรงค์ เนื่องจากมีญาติคนหนึ่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่งในวันที่ 13   มี.ค. 48 ระหว่างที่ทำงานอยู่นั้นนายเจนณรงค์ ได้เข้ามาลากเข้าไปในห้องน้ำใกล้แผงขายผลไม้ ก่อนจะลงมือทำร้ายและพยายามข่มขืน แต่ตนต่อสู้ทำให้ข่มขืนไม่สำเร็จ นายเจนณรงค์จึงขังตนไว้ในห้องน้ำพร้อมข่มขู่ไม่ให้บอกใครถ้าไม่เชื่อจะฆ่าทิ้ง ตนรู้สึกกลัวมากเมื่อออกจากห้องน้ำได้ก็ ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่เมื่อกลับมาที่ห้องตนก็ถูกนายเจนณรงค์ทำร้ายและข่มขืนจนสำเร็จ จากนั้นตนก็ถูกทำร้ายและข่มขืนซ้ำอีกหลายครั้ง
 
น.ส.รัตน์เล่าต่อว่า ในช่วงเดือน พ.ค. 48 ตนได้กลับบ้านไปเรียนต่อ ซึ่งนายเจนณรงค์ ได้ให้เงินมา 1,000 บาท และในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ตนก็ถูกผู้ปกครองส่งมาให้ทำงานอีก และเมื่อมาถึงนายเจนณรงค์ได้มาขอโทษพร้อมกับระบุว่าจะไม่ก่อเหตุอีก แต่แล้วนายเจนณรงค์ก็ยังมาข่มขืนตนอีกเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ตนจึงทนไม่ไหวแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวพร้อมกับเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำ น.ส.รัตน์ไปตรวจร่างกายที่ รพ.สายไหม ก่อนจะนำผลมาประกอบสำนวนขออนุมัติหมายจับจากศาลธัญบุรี เลขที่ 768/2549 จับกุมนายเจนณรงค์ ข้อหาข่มขืน ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ผู้ปก ครอง ได้รอการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่นั้นปรากฏว่า พ.ต.อ.สาโรจน์ หลักเพ็ชร์ ผกก.สภ.ต. ทราบเรื่อง จึงลงมาดูรายละเอียดพร้อมกับกล่าวตำหนิผู้ปกครองของเด็กว่าทำไมไม่มาแจ้งความกับตำรวจเอง ไปแจ้งมูลนิธิฯ ทำไม อีกทั้งคดีนี้อาจจะสมยอมกันก็ได้เพราะเด็กอายุ 15 ปีแล้ว
 
ซึ่งการพูดดังกล่าวของ พ.ต.อ.สาโรจน์ ทำให้นายมนตรีไม่พอใจถึงกับหลุดปากต่อว่าพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร การทำงานของมูลนิธิฯ เมื่อมีใครมาแจ้งหรือขอความช่วยเหลือจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบว่ามีมูลก็จะพามาแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินการต่อไป สิ่งที่ ผกก. พูดเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติเด็ก ผู้ปกครองและมูลนิธิฯ ทำให้ พ.ต.อ.สาโรจน์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะบอกว่าพวกคุณแปลความหมายผิดไป สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพักตนจะต้องรับรู้ และหากทำให้พวกคุณไม่สบายใจตนก็ต้องขอโทษ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องสอบสวนไป
 
ต่อมาเวลา 19.00 น. พ.ต.ท.ศานิตย์ โพธิ์พรหม รอง ผกก.สส.สภ.ต.คูคต พร้อมนายมนตรี ได้นำหมายจับศาลธัญบุรี เข้าจับกุมนายเจนณรงค์ ที่บริเวณแผงผลไม้ในตลาดสี่มุมเมือง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป ส่วน น.ส.รัตน์ ทางมูลนิธิฯ ได้นำไปดูแลสภาพจิตใจก่อนจะให้กลับบ้านพัก.


***********************

สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ

1.ในกรณีที่ถูกนายจ้างข่มขืน ผมอยากรู้ว่าระหว่างแจ้งตำรวจกับมูลนิธิ อันไหนจะดีกว่ากัน ในความคิดผม  ผมว่าการแจ้งตำรวจน่าถูกต้องมากกว่าแจ้งมูลนิธิ แต่การที่เด็กเลือกแจ้งมูลนิธิ มันหมายความว่าอย่างไรครับ เค้าไม่วางใจตำรวจรึเปล่า
 
2.คำพูดของตำรวจยศสุงนั้นที่เขาบอกว่าพวกคุณแปลความหมายผิดไป แล้วความหมายจริงๆที่เขาต้องการสื่อนั้นคืออะไร ใครที่รู้คำตอบช่วยบอกผมด้วยนะครับ ผมแคลงใจมากๆ

3. หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานหรือคนใกล้ตัว พวกคุณจะเลือกแจ้งมูลนิธิหรือตำรวจครับ ช่วยบอกพร้อมเหตุผลด้วยนะ   


สำหรับผมนั้น คำพูดที่บอกว่าเด็กอายุ15อาจจะสมยอม สื่อว่า เขาไม่เชื่อเด็กในทันทีซึ่งมันก็น่าจะเป็นข้อสมมติฐานที่ดีสำหรับตำรวจที่ไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ แต่มันเป็นคำพูดที่ไม่ควรจะหลุดปากออกมานะครับ ถ้าสอบสวนออกมาสมยอมจริงก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ทำ ผมว่าเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจได้อย่างน่าเกลียดมากๆ   


ก็ขออภัยด้วยที่ตั้งมาไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง แต่เห้นว่าบอร์ดนี้เป็นบอร์ดแสดงความเห็นสาธารณะก็เลยตั้งถามทุกท่านในนี้ดูครับ หวังว่าคงไม่มีใครต่อว่าผมนะครับ ผมแค่อยากไขข้อข้องใจเท่านั้นเอง  หากคำถามที่ผมตั้งมันเลอะเทอะอ่านยากก็ขออภัยด้วยนะครับ ไปละจ้า


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อบเชย ที่ 05-05-2006, 10:02
คุณ Ka-rap ลองหา พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 อ่านดูนะคะ.. ใน website ของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น่าจะมี...

อยากช่วยอธิบายมากกว่านี้ แต่พอดี ไม่มีเวลาแล้ว ต้องเดินทางไป ตจว.



หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 06-05-2006, 00:05
ผมว่าน่าจะเป็นการไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิมากกว่าการจะใช้คำว่าแจ้ง   เพราะมูลนิธิใช้คำว่าแจ้งในความหมายขอมีคนมาร้องเรียน    ส่วนใหญ่ถ้าคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการขึ้นโรงพัก ก็จะถูกข่มขู่อย่างที่ปรากฎในกรณีนี้ ( อยากเป็นว่าพูดให้เสียขวัญ ถ้าคุณไม่มีญาติเป็นตำรวจการบริการก็จะเป็นอีกระดับหนึ่ง )  ผู้กำกับก็อย่างนี้จะ  ขี้อวด  พูดมะนาวไม่มีน้ำ  ขู่ได้ก็ขู่


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 06-05-2006, 00:42
***********************

สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ

1.ในกรณีที่ถูกนายจ้างข่มขืน ผมอยากรู้ว่าระหว่างแจ้งตำรวจกับมูลนิธิ อันไหนจะดีกว่ากัน ในความคิดผม  ผมว่าการแจ้งตำรวจน่าถูกต้องมากกว่าแจ้งมูลนิธิ แต่การที่เด็กเลือกแจ้งมูลนิธิ มันหมายความว่าอย่างไรครับ เค้าไม่วางใจตำรวจรึเปล่า
 
2.คำพูดของตำรวจยศสุงนั้นที่เขาบอกว่าพวกคุณแปลความหมายผิดไป แล้วความหมายจริงๆที่เขาต้องการสื่อนั้นคืออะไร ใครที่รู้คำตอบช่วยบอกผมด้วยนะครับ ผมแคลงใจมากๆ

3. หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานหรือคนใกล้ตัว พวกคุณจะเลือกแจ้งมูลนิธิหรือตำรวจครับ ช่วยบอกพร้อมเหตุผลด้วยนะ   


สำหรับผมนั้น คำพูดที่บอกว่าเด็กอายุ15อาจจะสมยอม สื่อว่า เขาไม่เชื่อเด็กในทันทีซึ่งมันก็น่าจะเป็นข้อสมมติฐานที่ดีสำหรับตำรวจที่ไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ แต่มันเป็นคำพูดที่ไม่ควรจะหลุดปากออกมานะครับ ถ้าสอบสวนออกมาสมยอมจริงก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ทำ ผมว่าเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจได้อย่างน่าเกลียดมากๆ   


ก็ขออภัยด้วยที่ตั้งมาไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง แต่เห้นว่าบอร์ดนี้เป็นบอร์ดแสดงความเห็นสาธารณะก็เลยตั้งถามทุกท่านในนี้ดูครับ หวังว่าคงไม่มีใครต่อว่าผมนะครับ ผมแค่อยากไขข้อข้องใจเท่านั้นเอง  หากคำถามที่ผมตั้งมันเลอะเทอะอ่านยากก็ขออภัยด้วยนะครับ ไปละจ้า

1. ประชาชนไทยคนไหนไว้ใจตำรวจที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ก็คงต้องเรียกว่า "อ่อนต่อโลก" แล้วละครับ
2. สุดจะเดาครับ แต่คาดว่ามูลนิธิกับตำรวจคงจะไม่ค่อยกินเส้นกันกระมัง
3. แจ้งมูลนิธิครับ


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บุรุษไร้นาม ที่ 06-05-2006, 00:58
ไปแจ้ง ตำรวจ เดี๋ยวก็โดน ข่มขืน ก่อนรับแจ้งความอีกรอบน่ะสิครับ


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 06-05-2006, 09:14
ผมว่าน่าจะเป็นการไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิมากกว่าการจะใช้คำว่าแจ้ง   เพราะมูลนิธิใช้คำว่าแจ้งในความหมายขอมีคนมาร้องเรียน    ส่วนใหญ่ถ้าคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการขึ้นโรงพัก ก็จะถูกข่มขู่อย่างที่ปรากฎในกรณีนี้ ( อยากเป็นว่าพูดให้เสียขวัญ ถ้าคุณไม่มีญาติเป็นตำรวจการบริการก็จะเป็นอีกระดับหนึ่ง )  ผู้กำกับก็อย่างนี้จะ  ขี้อวด  พูดมะนาวไม่มีน้ำ  ขู่ได้ก็ขู่

เห็นด้วยเลยครับ
1.เรื่องแบบนี้ มันมีผลทางจิตใจครับ เค้าต้องหาคนที่สามารถเป็นที่พึ่งเค้าได้ ซึ่งดูแล้ว มูลนิธิ ทำหน้าที่เกี่ยวกับเด็กโดยตรงเค้าเลยไปขอความช่วยเหลือ แต่ตำรวจมีหลายหน้าที่ครับ และเรื่องพวกนี้ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนยาว จนผู้แจ้งความไม่สบายใจได้ หากมีคนที่ไว้วางใจไปด้วยเค้าก็สบายใจว่าเรื่องของเค้าคงได้รับการแก้ใขครับ

2.ผมว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยกินเส้นกันมั้งครับ ตำรวจคงไม่อยากให้ใครมาก่าวก่ายหน้าที่ แต่การพูดออกมาแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้จริงๆ

3.มูลนิธิ หรือตำรวจที่เรารู้จักครับ


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เชือกว่าว ที่ 06-05-2006, 10:22
ข้าราชการบ้านเรา โดยเฉพาะตำรวจ ส่วนมาก(ส่วนมากนะครับ ไม่ทุกคน)
จรรยาบรรณ จิตสำนึก สามัญสำนึก ในอาชีพของตัวเองมีน้อยมากครับ
ผมเคยได้ยินคนระดับเจ้าของกิจการพันล้านพูดออกมาว่า
"ตำรวจร้อยคน ไม่ดีสองร้อยคน" ผมงงมากว่า มันเกินร้อยได้งัย
เค้าบอกผมว่า "ที่เกินร้อยมาน่ะก็ ลูกเมียด้วยไง"
 ออกจะพูดเกินไปหน่อย แต่ก็สื่อให้เห็นภาพรวมที่มีต่อตำรวจได้ดี

ยังไงตำรวจดีๆยังมีอยู่ครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจดีๆครับ
เพราะรู้ว่ามันคงไม่เปลื้องกำลังใจจากผมมากนักหรอกหรอก
เฮ้อ.....


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 06-05-2006, 13:13
งานด่า ตร ชอบ
 เห็นด้วยกับคุณ เชือกว่าว  ตร ที่ดีมีน้อย  แล้วไอ้ที่น้อยนิก็ดันเป็น ตร ชั้นผู้น้อยอีกต่างหาก  ระดับผู้กำกับนะดีอยู่กับแค่เมียน้อย และกิ๊ก   ระดับ  ศาลาวัตร์ (สะกดตามนี้) ชอบของฟรีตามนักร้อง  โคโยตี้  คาเฟ  และผู้ต้องหา   ระดับนายสิบไม่เคยได้ร้อย   ก็หากิ๊กตามสวนอาหาร และ ร้านคาราโอเกะและแม่ค้าหน้าหวาน      อวดเบ่งเป็นที่สุด เพราะมีอำนาจพกปืน  อาชีพหลักตรไทยคือเกษตรชอบเลี้ยงหมูขุนหมูให้อ้วน  แล้วก็จะออกไปรีดให้ลดน้ำนัก   เอาสมการง่ายๆ
                                                ตร=มือปืน
                                                ตร=อุ้มฆ่า
                                                ตร=ค้ายา
                                                ตร=เก็บส่วย
ตรดีตายเร็วเพราะเอาตัวแลกลูกปืน  ตรชั่วตายช้าเพราะเอาหน้ารับการตบด้วยแบ็งค์พัน


หัวข้อ: Re: อ่านข่าวนายจ้างข่มขืนม.3 แล้วรู้สึกสงสัย อยากขอความเห็นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ka-rab ที่ 06-05-2006, 14:15
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบครับ ผมเองก็มีความแคลงใจเรื่องนี้ พอได้คุยกับทุกคนทำให้รู้ว่าตำรวจหลายๆคนนี่หาดีไม่ได้เลย  ผมชอบคำพูดนี้จริงๆ

ตรดีตายเร็วเพราะเอาตัวแลกลูกปืน  ตรชั่วตายช้าเพราะเอาหน้ารับการตบด้วยแบ็งค์พัน


ทำไมโลกมนุษย์ถึงได้ไร้ความยุติธรรมอย่างนี้หนอ