ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ยุบ'ทุกพรรค-กกต.' ไอเดียในฝันสลายขั้วผ่าทางตัน
 
น.พ.ประเวศ วะสี ประธานกรรมการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ  กล่าวปาฐกถานำเรื่องสิทธิชุมชนรากฐานการเมืองภาคพลเมืองในเวทีสาธารณะ  วันนี้ (4 พ.ค.) ว่าขณะนี้สถานการณ์การเมืองของไทยอยู่ในภาวะสับสนอย่างยิ่ง ถือเป็นวิกฤตการณ์ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่าวิกฤติที่สุดในโลก จึงต้องมาศึกษาว่าเหตุใดประชาธิปไตยไทยจึงเข้าสู่ความยุ่งยาก แทนที่การเมืองจะเป็นหนทางนำไปสู่การสร้างสันติสุข แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกลับมองไม่เห็นทางออก ปัญหาถูกขมวดปม แก้อย่างไรก็ไม่หลุดพ้น จึงคิดว่าต้องมองการเมืองและประชาธิปไตยแบบเข้าใจ ที่ผ่านมามักมองการเมืองแบบคับแคบจึงเกิดความผิดพลาด

ประธานกรรมการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ประเด็นแรกที่ต้องพิจารณา คือ การเมืองไม่ใช่มีแต่การเมืองของนักการเมืองเท่านั้น เพราะนักการเมืองมีทั้งพฤติกรรมดีไม่ดี  รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าการเมืองเป็นเรื่องของภาคพลเมือง ที่มีบทบาทใหญ่กว่าการเมือง นักการเมืองมาก แต่กลับสนใจน้อย  การเมืองภาคพลเมืองวันนี้จึงยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่  ประเด็นที่ 2  คือประชาธิปไตยไม่ได้มีแต่การเลือกตั้งเท่านั้น เพราะยิ่งการเลือกตั้งมีการใช้เงินแบบมโหฬารก็จะกลายเป็น "ธนาธิปไตย" หรือ "ธนกิจการเมือง" เห็นเงินเป็นใหญ่ ใช้เงินระดับหมื่นล้านถึงแสนล้าน ทำให้มีอำนาจมโหฬาร สามารถยิงทุกอย่างกระจุย

"แท้ที่จริงแล้ว ประชาธิปไตยในประเทศไทยยังเป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน ใช้เวลาแค่ 2 นาที ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมอบอำนาจให้ตัวแทน แล้วผลที่ตามมาทำให้บ้านเมืองเสียหายอย่างที่เห็นทุกวันนี้" น.พ.ประเวศ กล่าวและว่า  อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยแบบตัวแทนก็ยังต้องมีต่อไป ไม่สามารถยกเลิกทั้งหมดได้ แต่วิธีการให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องให้มีประชาธิปไตยทางตรง ส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสตัดสินใจทางนโยบาย การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการเมือง การตรวจสอบอำนาจรัฐทุกระดับ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมเลย จึงคิดว่าจะฟ้องศาลฯกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ทำตามรัฐธรรมนูญได้หรือไม่

น.พ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยต้องเริ่มสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อย่ายึดติดกับประชาธิปไตยที่จอมปลอม ประชาธิปไตยอันธพาล ประชาธิปไตยอธรรม หรือแบบศรีธนญชัย เพราะอาจนำไปสู่ความขัดแย้งนองเลือดได้ อันเป็นผลจากแผ่นดินขาดธรรม  ประชาธิปไตยกับธรรมต้องไปด้วยกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนใหญ่ของคนไทยว่าหากขาดความถูกต้องบ้านเมืองก็พัฒนาไปไม่ได้ ขณะนี้แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงข้างมากมีอำนาจเงินมากแต่ก็ไม่สามารถพัฒนาประเทศได้ เพราะขาดความถูกต้อง คนไทยจึงต้องดูบทเรียนวันนี้ให้ดี

ประธานกรรมการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติกล่าวต่อถึงทางออกของวิกฤตการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่าทางออกค่อนข้างตีบตัน ทำยาก เพราะระบบทุกอย่างติดขัดหมด ต้องพิจารณาสิ่งที่ดีที่สุด  มีศัพท์ทางการแพทย์ "APOPPOSIS" หมายถึงการที่ร่างกายจัดโปรแกรมให้มีเซลล์ตาย เพื่อทำให้ผลิตเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตาย ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพขึ้น เช่นเดียวกับการเมืองไทยวันนี้ เกิดขั้วหลายพรรค หลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชนที่แตกแยก วิธีการคือต้องสลายขั้วทั้งหมด โดยให้ทุกฝ่ายเสียสละตั้งแต่ยุบพรรคการเมืองทุกพรรค กกต.ลาออก เพื่อไม่ให้มีขั้วและทุกคนจะได้เป็นอิสระ กลายเป็นคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สามารถทำสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ขึ้นมาได้ มั่นใจว่าแนวทางที่เสนอจะไม่ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญมีกลไกกำหนดให้องค์กรอื่นทำหน้าที่แทนได้ เช่น องคมนตรี ทั้งนี้ หากมีการปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่เกิดขึ้น ตนก็คงไม่ไปร่วมเพราะอยากทำงานอยู่กับภาคประชาชนข้างนอกมากกว่า
 

ที่มา..ข่าวไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=4733
 

ปฏิรูปการเมืองรอบสอง นอกจากแก้ไข อุดช่องว่าง ป้องกันธนกิจการเมืองแล้ว

ก้าวสำคัญคือการปฏิรูปการเมืองภาคพลเมือง การให้การศึกษาการเมือง

เพื่อให้ประชาชนตระหนักในสิทธิ์การปกครองตนเองให้มากขึ้น กระจายไปในทุกเครือข่าย

เชื่อมโยงองค์ความรู้ การเสนอนโยบายและการตรวจสอบตามมาตรา 76 อย่างเป็นระบบ

( อยากให้ศึกษาเรื่อง ประชาชนควรสนทนาการเมืองในหัวข้อใดบ้าง...นำเสนอบทความโดย คุณหมอประเวศ วสี ในบอร์ดเราก็มีนะครับจัดให้แล้ว )  

เอ้า..คิลเลอร์ ไหนว่า เป็นคนมีคุณธรรม ละ
ยังใช้คำหยาบเหลือหลาย.......

ทำไมไม่อ่านเนื้อหาให้ละเอียด ว่ามันมีส่วนดีบ้างหรือเปล่า
เหมือนสงคราม คุณคิลเลอร์ว่ามีส่วนดีไหม
เหมือนไฟป่า คุณคิลเลอร์ว่ามีส่วนดีไหม
......
เหมือน อเมริกา สร้างนิวเคลียร์ได้ แต่ห้ามคนอื่นสร้าง
ผมแค้นใจ อเมริกา สุดๆ ก็ตอนที่ ชาติอื่นๆ เขายกเลิก
ผลิตกับระเบิด....แต่อเมริกาไม่ยอม...................
แล้วเรื่อง สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ อีก เรื่อง....
อ้อ..มีอีก  เมกา เอาข้าวหอมมะลิไทย ไปจดลิขสิทธิ์
...
กลับเข้าเรื่องสักนิด ....
มหาเศรษฐี ไทย สนับสนุน ทุนนิยมเต็มที่ ...
เพราะมือเขามันยาวกว่าคนอื่นเขา.............
ไม่ใช่แค่มือยาว...ยังมีอิทธิพลที่เอื้อประโยชน์
อีกมากทาย  ทำไมคิลเลอร์ ทำเป็นไม่รู้เลยหรือ

น่าจะดีเหมือนกัน ล้างไพ่ไปเลย
จะรู้ว่าใครรักใคร ใครรักเงิน
และเมื่อเปิดประตูคอกแล้ว
“ควาย” อยากออกจริงหรือเปล่า
หรือเขาลี้ยงดีอ้วนพีเกินจะขยับ

แต่พรรคเก่าแก่อาจไม่ยอม
เพราะอยากรักษาสถาบัน
และชื่อเสียงที่สั่งสมมา

ไม่ทราบว่ายุบแล้วจดใหม่ในชื่อเดิมได้หรือเปล่า?



Idea ไม่ดีตรงไหน วานบอก
ไยจึงติเตียน เพราะเห็นเป็น “ขาประจำ”

คิดหาเหตุผลมาแย้งไม่ได้ เลยพาล … ใช่เปล่า?  :lol:

ไอเดียนี้ ก็สุดกู่ไปหน่อยน่ะะผมว่า

สุดท้ายแต่ละคนก็ไปจัดตั้งแก็งค์ตั้งก๊ก แล้วก็ลอยหน้ากลับมาเหมือนเดิม

ถ้ายังอยู่แบบระบบอุปถัมภ์ ชาวบ้านนั่งไหว้ ส.ส. นักการเมืองปูล๊กปูล๊ก เห็นมันเป็นเจ้านายอยู่

ยุบกี่พรรค ก็กลับมาเหมือนเดิม

ไม่รู้สินะ ผมไม่ได้จ้างนักการเมืองมาทำงานสกปรก ......ผมไม่ต้องการ คนตลบแตลง สักนิด
ผมไม่ยอมรับ " โกงแต่ทำงาน "
ผมยอมรับว่า นักการเมืองส่วนมาก เลว
แต่คนดีก็มีไม่น้อย เพียงแต่เราไม่ให้โอกาสเขา เรามัวลุ่มหลงไปกับ
เศษเงินที่เขาหยิบยื่นให้ กระนั้นหรือ
..
คุณคิลเลอร์ พูดเหมือนกับกับว่า คุณสนับสนุน ให้ นักการเมือง " เลว " ต่อไป
ทำไมไม่มาช่วยทำให้มันดีกว่าเก่าไม่ได้หรือครับ