ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เอ้อ ตุ๊ดนี่เป็นโดยกำเนิด เสแสร้ง หรือว่ากบถต่อธรรมชาติดั้งเดิมครับ..

อาการแถไถ ใช้มิจฉาทิษฐิเป็นลักษณะหนึ่งของตุ๊ดหรือไม่?

หากเป็นเช่นนั้นถือว่าเป็นทุกตุ๊ดหรือว่าเป็นอาการทางจิตครับ.

ก็เป็นมุมมองบันเทิงและสาระ อย่างสบายๆนะครับ..                                                                                   

                                                                                     :slime_bigsmile: :slime_smile: :slime_cool:

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_v:

ความเชื่อมั่นของผมก็คือ กระเทยโดยกำเนิดมีน้อยมากจนแทบนับไม่ได้..

ยิ่งเป็นเรื่องความเบี่ยงเบนของจิตใจยิ่งพิสูจน์ยาก ต้องส่งให้แพทย์ตรวจก่อนที่จะลุกลามไปทั่วสังคม

ขึ้นอยู่กับสภาพการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาครับ..


คติพจน์ เอฮาของผมคือ

เห็นแขก เห็นงู เห็นตุ๊ด ให้ระวังตุ๊ดก่อน..เพราะเป็นอาการเบี่ยงเบนของจิตใจเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมด..

มีหลายทางค่ะคุณคิว

เป็นมาแต่กำเนิด เพราะได้รับฮอร์ของเพศแม่ตั้งแต่อยุ่ในท้องมากเกิดไป

สอง เพราะสิ่งแวดล้อม คลุกคลีกับเพศหญิงเยอะเช่นมีแต่พี่สาว

สองประเภกนี้อนาไม่ได้คิดว่าจิตนะค่ะ เพราะเราห้ามไม่ได้เป็นเรื่องของกลไกทางร่างกายตอบสนองกับสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากนั้น ก็มี

อาการแถ ไถ ที่เห็นโดยทั่วไป อนามองว่าเกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้นด้วยด้วยค่ะ ยิ่งกระตุ้นมากยิ่งแถมาก เหมือนการทำงานของเอนไซน์ต่างๆที่ถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยเช่น อุณหภูมิ เสียคนที่รัก ขาดสติ รักจนตาบอด ต่างๆๆ กมากมาย อีกทั้งกลไกทางฮอร์โมนที่ไม่สมดุลด้วย อายุด้วย ยิ่งไกล้ๆๆ ห้าสิบต้องระวัง  
 

สวัสดีครับ

ผมว่าตุ๊ดน่าจะเอาส่วนดีๆของทั้งสองเพศมาไว้ในตัวเองนะครับ แบบนั้นน่าสนใจ..  :slime_doubt::slime_smile: :slime_cool:

ข้อดีของเพศที่สามมีมากมายนะค่ะ มองโดยประโยชน์ส่วนรวม อาหาร ความต้องการทางปัจจัยสี่เพิ่มขึ้น จนไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ เขาว่าพี่ 2025  ความต้องการของอาหารจะเพิ่มเป็นสองเท่า ในตอนนี้  ฉะนั้นถือซะว่า

ประชากรจะไม่ล้นโลก ถ้าเราหันมาบริโภคกะเทยค่ะ    :slime_p: :slime_p:

ตุ๊ด..ตุ๊ด..ตุ๊ด..
(เสียงคำตอบผม ที่ถูกเซนเซอร์ไปแล้ว)













เข้าใจว่า กระทู้นี้ จะเป็นกระทู้นางกวัก
เรียก นักสิทธิมนุษยชนประจำเวบบอร์ด เข้ามาขึ้นธรรมาสน์ เทศน์ เป็นแม่นมั่น :slime_bigsmile:

Gender ฮร้าาาาาาา...Gender
(จริง ๆ ผมก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน ไอ้(หรือE) ที่ชอบอ้างว่าตัวเองยึด Gender นิสัยจะขี้เนรคุณ เหมือนกันหมดอะเป่า เจอกับตัวมาหลายรายแล้ว)

อืมม ถ้าไม่มีอารมณ์เพศกับผู้ชายด้วยกัน ถึงแม้มีอวัยวะเป็นกระเทย หรือมีนิสัยและอารมณ์เหมือนผู้หญิงบ้าง

ผมมองว่าแค่มีลักษณะภายนอกและบางพวกมีอารมณ์ที่หลากหลายครับ ยังไม่ถึงขั้นเป็นตุ๊ด..
                                                                                                                      :slime_cool:

ใช่ค่ะ คุณคิว แบบที่พูดมา ถ้าโดนเหนี่ยวนำ หรือชักชวนกระตุ้นจากเพศที่สาม แท้ๆมีสิทธิไปร้อยเปอร์เซนค่ะ อันนี้อนาเจอมาเองนะค่ะ   

ใช่ครับ ผมว่าเราน่าจะช่วยกันพิจารณษประเด็นเหล่านี้ โดยไม่ต้องสรุปใดๆก็ได้..หรือจะสรุปก็ไม่น่าจะผิดความจริง..

หมายถึงอนาถูกเหนี่ยวนำ หรือเป็นผู้สังเกตคู่กรณี จากภายนอกครับ  :slime_doubt:

กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  :slime_smile2: :slime_smile2:
รู้หมดจิค่ะ ว่าอนาหญิงไม่แท้   :slime_shy: :slime_shy:

ปล. เราไปกวนกระทู้พวกเขาป่าวค่ะ เพราะตอนนี้การเมืองกำลังเข้มข้น

เคยได้ยินผู้รู้ กล่าวว่า
การจะตัดสิน ผู้หนึ่งผู้ใดว่า มีความเบี่ยงเบนทางเพศ
(เป็นตุ๊ด เกย์ กะเทย เสือใบ เสือบุก เสือรับ ทอม ดี้ ชีเมล....ฯลฯ)

ให้ใช้ พฤติกรรม/ประสบการณ์ทางเพศ เป็นตัวตั้ง

เพราะฉะนั้น พวกที่เราเรียกว่า ใจตุ๊ด นิสัยตุ๊ด
ถ้ายังไม่โดน ตู๊ดดดด
อาจจะยังไม่เรียกว่า เป็นตุ๊ดจริงก็ได้

(ใครอยากเป็น แต่ยังไม่เคย ไป "เคย" เสีย)

กระทู้เราอยู่ถูกห้องครับ..อีกอย่างการเมืองผมว่าอยู่ที่บุคคลิกภาพภายนอกและบุคคลิกภาพของนิสัยใจคอด้วย

การตัดสินใจเลือกเพศของตุ๊ด น่าศึกษาครับ..!!!
                                                                              :slime_bigsmile:  :slime_doubt:

อย่าไปยุเขาเลยครับ บำบัดยากมาก เพราะอารมณ์เพศนี่ ห้ามยาก เป็นสัญชาตญาณขั้นพื้นฐาน ยิ่งการเบี่ยงเบนนี่ นิดเดียวก็เสียศูนย์แล้วครับ

พวกตุ๊ดเมื่อหลงไปแล้ว มักกู่ไม่กลับ ถลำลึก เบี่ยงเบนมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้ซิค่ะ เราก็มีรุ่นน้องรุ่นพี่ ที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นกะเทย แล้วก็มีเพื่อนสมัยเรียนปีหนึ่ง เขาไม่น่าใช่นะค่ะในตอนแรกๆ แต่พอมาสนิทกับเพื่อนๆกลุ่มนี้ เขาก็ไปร้อยเปอร์เซนต์เลย ที่อนาว่าเขาไปร้อยเปอร์เซนต์เพราะเขายอมรับกับเราเองค่ะ บางครั้งเวลาไปไหนกับเพื่อนกลุ่มนี้ยังมีคนคิดว่าเราเป็นเพศที่สามด้วยเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เข้าเรื่องนะค่ะ เรื่องเพศมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ บางครั้งก็ไม่เหมาะจะเอามาพูดในที่แบบนี้หรือเปล่า อนาไม่แน่ใจกลัวเด๋วมีคนมาประชดประชันเหมือนในห้องโน้น หรือว่าตอนนี้มีแล้วหว่า 555555555
แต่ไม่ว่าจิตใจพวกเขาจะเป็นแอบจิตเหรือไม่ อนาว่ามันก็โรคจิตทั่วไปอ่ะค่ะ อยู่ที่ว่าจะรุนแรงน้อยหรือมาก เท่านั้นเอง  

เรียนเชิญจ๊ะหรือชายและแถ มาชงลูกต่อหน่อยครับ

อยากฟังทัศนะวิจารณ์
                                                                   :slime_bigsmile: :slime_cool:

เคยอ่านหนังสือเรื่อง......ผู้ชายซากดอกไม้ ...(จำไม่ค่อยได้).... แบบที่คุณคิวพูดเลยค่ะ นับถือคุณคิวจริงๆๆ รู้จริงเลยนะค่ะ เอ.....หรือว่า   :slime_v: :slime_v:

อนาและคุณคาเมรอนครับ ทีน่าสนใจคือ พวกที่เรียนหมอและเป็นผู้ชาย มีตุ๊ดปะปนอยู่มากครับ

ผมเป็นห่วงการเบี่ยงเบนทางจิตของคนในสังคมครับ..

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในส่วนนี้ต่อสังคมให้ระมัดระวังกันมากขึ้นได้..

เราอาจจะมองในมุมของผลเสียต่อสังคมก็ได้ คือสังคมขาดสมดุลตามธรรมชาติครับ.. :slime_smile:

เอ่อ พิสูจน์ยากครับ

ข้อเท็จจริงคือ ยังไม่เป็นครับ.. :slime_cool:

มันเปลี่ยนไปจริงๆๆค่ะ ไม่ใช่แต่สังคมหมอหรอกมีทุกสังคม ยิ่งนับวันการยอมรับเพศที่สามย่อมมีมากขึ้น สมดุลธรรมชาติอย่างคุณคิวพูดถึงมีจริง แต่ทำยังไงค่ะ สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณคิวคิดว่าไงค่ะ

หนูก็ทนไม่ได้หรอกนะค่ะ หากหนูแต่งงานไปแล้ว แล้วรุว่าแฟนหนูเป็นเกย์อ่ะ ม่ายยอมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :slime_v: :slime_v:

หิวข้าวแย้วว ขอตัวล่ะค่ะ......

ปล. พี่ไทมุง ออกมาเด๋วนี่นะ ตะเอง........... คิดถึงงงงงงงงงงโด้ยยยยยยย

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_v:

ก็ต้องเริ่มหาทางให้ความรู้แก่สังคมตั้งแต่วันนี้ครับ ไว้มาคุยต่อได้ครับ..

หมอ เบี่ยงเบนเยอะ!!!!

ถึงว่า ไปหาหมอทีไร
จับผมขึ้นเตียงฉีดยาทุกที
จะหาเหตุ จับก้น นี่เอง

ตอนนี่เท่าที่มองเห็นในเมืองไทย ผู้ชายเป็นตุ๊ดมากกว่า ที่ผู้หญิงเบี่ยงเบนครับ

หาหมอผู้หญิงดีกว่า...

เห็นมะครับ พวกนี้ไม่สนใจปัญหาที่ถูกมองหรือถูกกล่าวหาของตนเองอย่างเปิดเผย

แต่ชอบเปิดประเด็นแบบแอบแฝงประเด็น..ไม่เรียกว่าแอบก็ต้องรอพิสูจน์ตนเองครับ..

ดังนั้นประเด็นที่พวกเหล่านี้สร้างเป็นเงือนไขบองปัญหาจึงได้รับความเชื่อถือน้อยและสนใจความคิดประหลาดในตอนแรก ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงด้วยมากจนเกินไปครับ

มันเริ่มผิดตั้งแต่แรกแล้ว ใครไปช่วยแก้ไข เขาก็ไม่ยอมรับ คนปกติควรสนใจแก้ปัญหาล่วงหน้าไปก่อน..

ข้ออ้างอีกประการของคนเหล่านี้คือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งไม่จริงครับ เป็นประเด็นทางสังคม

เนื่องจากพวกนี้ไม่ได้เป็นเงียบๆแล้วไปบำบัด แต่พยายามแพร่เชื่อความคิดเบี่งเบนอย่างไม่สร้างสรรค์จรรโลงโลกอะไรได้เลย..

ใช้สิทธิเกินขอบเขตที่ธรรมชาติให้มาครับ..!!!

สวัสดีครับ..

อืมม ผมไม่ใช่หมอแต่ได้ตั้งกระทู้เพราะสนใจขอตอบดังนี้ครับ

เราไม่ผิดปกติ แต่ไปวุ่นกับเขาเรื่อยๆ ระวังมะเร็งทางอารมณ์ถามหานะครับ..

เอาพอสมควรที่ร่างกายและจิตใจของเราเองรับได้อย่างไม่เบี่ยงเบนทางเพศหรืออารมณ์ไปด้วยครับ.  

ตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนแล้วจะให้ความเห็น

ใครเป็นทายาทของตาสีตระกูล "หัวคลอน" ผู้ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร

ก. ปีดิยาทอน
ข. ไทกอน
ค. อักระทวย เอ๊ย ระทอน

ใบ้หน่อยว่า ไม่ได้ถามว่าเดือดร้อนนั้นคืออะไร

เอ ไม่ทราบสิครับ ประเด็นส่วนตัว ไม่ได้ตามครับ
แต่ถ้ามีหลักฐานก็ต้องว่ากันดูทางประเด็นสังคม
ว่าบุคคลสาธารณะใครเป็นพวกแอบจิตบ้าง...
แต่แถไม่เป็นแน่นะจ๊ะๆๆ..! อิอิ
                                                                           :slime_v:

ตอบไม่ถูกมีเฉลย

หลังจากยืนบื้อเป็นพวกพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจแต่ไม่ยอมถาม ทำเละไปปีที่แล้ว
ปีนี้แกก็เอาอีก ยืนนับคำว่าเดือดร้อนได้สิบสองคำทำงงไม่รู้แปลว่าอะไร แต่ก็ทำบื้อ
ไม่ยอมถามอีก ตกลงก็เลยเละอีกครั้งหนึ่ง หวังว่าคงไม่ต้องร้องเป็นเพลงให้ฟังนะจ๊ะ

ฟังความข้างเดียวโดยไม่มีหลักฐานไม่มีที่มาที่ไปในประเด็นของกระทู้ไม่ได้หรอกครับ..

มันจะกลายเป็นซุบซิบในที่สาธารณะคนละเรื่องเดียวกันไป..

คุยถึงไหนแล้วลุงคิว น้าแถ ......เหมือนคุยกันล่ะเรื่องเลย อิอิ  :slime_fighto: :slime_fighto:

ผมเปิดประเด็นละกัน ผมเคยมีกระเทยจบนอกตามถึงบ้าน เอาของไปให้สมัยเด็กๆครับ

คนที่บ้านไม่ทราบว่าทำไมผมไม่รับแขก เพราะเมื่อก่อนกระเทยในเมืองไทยมีน้อยและไม่เปิดเผย

ต้องปัดอยู่นานเหมือนกัน ความพยายามสูงครับพวกนี้ เทียบกับอาการตื้อถกเถียงของจ๊ะนี้ ไม่ยิ่งหยอนไปกว่ากัน                                                                                                  :slime_dizzy: :slime_cool:

ลุงคิวไม่คิดว่าเขารักจริงเหรอค่ะ เขาถึงได้ตื้อแบบนั้นอ่ะ  :slime_inlove:

ความรักของเพศที่สาม จะรุนแรงและกล้าแสดงออกกว่าความรักของหนุ่มสาวปกติค่ะ  :slime_sentimental:

อืมมถามต่อ ถ้าเป็นสมัยนี้เขาเอาของมาให้ ลุงคิงจะตอนรับไหมค่ะ :slime_v:

ประเด็นคือต้องหาวิธีสังเกต จากภาษากายครับ

ส่วนการวิเคราะห์ทางจิต พวกแอบจิตมักแลดในการปิดบัง แต่ก็มักปิดไม่มิด เพราะพวกเขาส่วนใหญ๋ต้องหาความสุขทางเพศเหมือนกัน  :slime_smile:

ถ้าให้ตามประสา คนรู้จักผมไม่ได้รังเกียจ แต่จะมาถูกเนื้อต้องตัว แอบส่งดอกไม้อะไร เสียความรู้สึกครับ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงปกติ

ไม่คล้อยตามอารมณ์เขาเลยครับ...
                                                                                  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_cool:

http://www.elib-online.com/doctors2/sexed_bisexual03.html

คนไทยกำลังสับสนเป็นอย่างมาก ระหว่างเกย์ กะเทย ประเทือง ว่ามันเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไร…
 

กะเทย เป็นคำที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิม ใช้มานมนาน เป็นคำที่เรียกกลุ่มคนผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ผู้มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิงในร่างเดียวกัน (Hermaphrodite)
2. ชายหรือหญิงที่แปลงเพศ (Transexualism)
3. ชายหรือหญิงที่นิยมแต่งกายในชุดของเพศตรงข้าม (Transvestism)
4. ชายหรือหญิงผู้มีใจรักใคร่เพศเดียวกัน (Homosexuality) ส่วนใหญ่หมายถึงชายรักชาย และอาจหมายถึงหญิงรักหญิงด้วยกัน แต่ที่มักไม่ค่อยพูดถึงกันนัก

โดยการจำแนกทางการแพทย์แล้ว กะเทยแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะทางกายภาพ นิสัย รสนิยม พฤติกรรม แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ตามไปดู…

1. กะเทยแท้ (Hermaphrodite)
คือคนสองเพศในร่างเดียวกัน (Two in one) เป็นความผิดปกติของธรรมชาติทางร่างกาย มีผลทำให้จิตใจสับสนว่าเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
2. กะเทยผิดเพศหรือแปลงเพศ (Transsexualism)
คือ คนที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับเพศที่แท้จริงของตัวเองโดยกำเนิด มีพฤติกรรมแสดงออก แบบเพศตรงข้ามตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดเพศ และมักอยากแปลงเพศให้เป็นตรงกันข้ามกับต้นฉบับเดิมที่แม่ให้มา อาจแปลงด้วยวิธีการกินยาฮอร์โมน หรือศัลยกรรมผ่าตัดซะเลย
ส่วนใหญ่ที่เจอะเจอมักเป็นชาย กายเป็นชายใจเป็นหญิง จะรู้สึกว่าแท้ที่จริงเธอเป็นผู้หญิง 100% มีแต่ร่างกายหรือเครื่องเพศเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย ที่น่าสนใจก็คือ เธอหลายคนสวยเด่นเหลือหลาย สะโพกผาย อกโต หุ่นเพรียวลมงดงาม ทำเอาผู้หญิงแท้มากมายรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก
ถ้ามีการประกวดประชันกันระหว่างนางสาวไทยกับมิสทิฟฟานีบนเวทีเดียวกัน ยังนึกภาพไม่ออกว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมชักอยากถือหางกลุ่มประเภทหลังซะแล้ว ดูแล้วน่าจะเป็นต่อเล็กน้อย
มีการตั้งชื่อเรียกคนกลุ่มนี้ตามสภาพความจริงว่า "สาวประเภทสอง สาวดาวเทียม" หรือถ้าสวยหยาดเยิ้มบาดตาบาดใจก็เรียกเธอว่า "นางฟ้าจำแลง"
3. กะเทยลักเพศ (Transvestitism)
แปลตามชื่อเลยครับ คือไปลักเอาเพศอื่นมา บางคนแก้ตัวว่า ไม่ได้ลักสักหน่อย แค่ "ขอยืม" มาใช้ชั่วคราวเท่านั้นเอง กลุ่มนี้ชอบแต่งกายเป็นเพศตรงข้าม แต่งหน้า ทำผม เท่านี้ก็พอใจแล้ว อาจทำโดยเปิดเผยหรือเฉพาะลับตาคนก็ได้ กลุ่มนี้ไม่ต้องการแปลงเพศเหมือนกลุ่มแรก
กลุ่มนี้อาจเป็นได้ทั้งรักใคร่เพศตรงข้าม หรือเป็นโฮโมหันมาชอบไม้ป่าเดียวกัน
4. รักร่วมเพศ (Homosexuality)
ชื่อนี้ดูแปลกๆ ทำให้เข้าใจตามภาษาได้ว่า "ความรักที่มุ่งมั่นจะร่วมเพศกัน" ทำให้บางคนไม่ชอบคำแปลนี้ จริงๆแล้ว รักร่วมเพศหมายถึงผู้ที่ต้องการมีความสุขกับเพศเดียวกัน อันได้แก่ ชายรักชาย และหญิงรักหญิง ทั้งสองฝ่ายอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน คือ

- ชายรักชาย

มีชื่อเล่นเยอะ เช่น ไม้ป่าเดียวกัน ชาวดอกไม้ ชาวสีม่วง แต่โดยทั่วไปนิยมเรียกว่า เกย์ (Gay) แบ่งเป็น เกย์คิง กับเกย์ควีน เกย์คิง (Gay-king) คือผู้ที่ชอบ "แทงข้างหลัง" หรือเรียกว่า "ผู้เป็นแขก" เกย์ควีน (Gay-queen) คือผู้ที่ชอบ "หันหลังให้เขาแทง" หรือเรียกว่าเป็น "แผนกต้อนรับ" แต่ถ้าเป็นได้ทั้งแขกและแผนกต้อนรับ ทำหน้าที่ทั้งสองบทบาทในเวลาเดียวกัน อย่างนี้เรียกเป็นเกย์ควิง (ผสมระหว่าง king กับ queen)

- หญิงรักหญิง

คนไทยเรียกกันมาแต่ดั้งแต่เดิมว่า "อัญจารี" มาจากคำว่า อัญ บวกกับ จารีต มีความหมายตรงตัวว่า ผู้ประพฤติที่แตกต่าง ตรงกับภาษาอังกฤษว่า เลสเบี้ยน (Lesbian) แบ่งพฤติกรรมออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ทอม มาจากภาษาอังกฤษว่า Tom boy ผู้หญิงบางคนเรียก "ทอมมี่" เป็นฝ่ายที่ทำตัวเสมือนชาย เข้มแข็ง บึกบึน เป็นผู้นำ รับผิดชอบ ดูแล เทคแคร์ เอาอกเอาใจ ดี้ มาจากภาษาอังกฤษว่า Lady เป็นฝ่ายทำตัวเป็นผู้หญิ๊ง-ผู้หญิง บอบบาง ไร้เดียงสา ออเซาะ ฉอเลาะ ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยถนัด
คราวนี้มาพิจารณาคำที่เจอบ่อยๆ

ประเทือง
พอมาถึงตรงนี้ ลองช่วยกันคิดหน่อยนะครับว่า "คุณประเทือง" ของไท ธนาวุฒิ น่าจะจัดอยู่ในกะเทยประเภทไหน ถ้าเพื่อนเก่าเราที่เคยเป็นชาย แล้วต่อมากลายหญิงสาวสวย จนเกือบหลวมตัวจีบ
ที่แน่ๆ ก็คือ ไท ธนาวุฒิ และเจ้าของอัลบัมรวยไม่รู้เรื่อง แต่ผู้ชายที่ชื่อประเทืองอยากสิ้นใจกันเป็นแถว รู้สึกเป็นปมด้อยเวลาได้ยินเพลง ยังโชคดีอยู่หน่อยที่คนแต่งเพลงไม่ใช้ชื่อ เฉลิม เสนาะ เปรมศักดิ์ หรือสนั่น ไม่อย่างนั้น…เป็นเรื่องแน่

เกย์
เกย์ ที่กล่าวมาแล้วหมายถึงผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกัน แต่เขายังกำหนดเพศตนเองเป็นผู้ชาย 100% เต็ม ดังนั้นจำนวนมากดูภายนอกเป็นชายเต็มตัว ดูไม่ออกไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นเกย์ บางคนมีลูกมีเมีย มีครอบครัว อาจมีไว้บังหน้าหรือเพราะสังคมบังคับ หลังแต่งงานแล้วภรรยาอาจลำบากใจ เศร้าหมอง หรือช็อกเมื่อวันหนึ่งทราบความจริงว่า "สามีของเธอ ตกเป็นภรรยาของชายอื่น"
อยากทำความเข้าใจก่อนตรงนี้ว่า ผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ใช่เกย์ ในทางตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน ผู้ชายที่ไม่แต่งงานก็ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นเกย์ จะเห็นว่าความเป็นเกย์อยู่ที่ในใจ เป็นความรู้สึกส่วนตัว หลายคนถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไร ผมก็เลยถามกลับว่าแล้วจะรู้ไปทำไม… มันเป็นสิทธิส่วนตัว ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับชีวิตของเขา ยกเว้นแต่เขามาขอแต่งงานกับคุณ แล้วคุณสงสัย
ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว จิตแพทย์ยกเลิกการวินิจฉัยว่า Homosexuality เป็นความผิดปกติ โดยให้ถือว่า เป็นวิถีทางเลือกอย่างหนึ่งของชีวิต เป็นรสนิยมที่แตกต่างจากคนทั่วไป เป็นคนกลุ่มน้อยเหมือนคนที่ถนัดมือซ้าย ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ถนัดมือขวากัน

ตุ๊ด
เกย์ส่วนหนึ่ง มีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง กระเดียดไปทางผู้หญิง คนทั่วไปมักเรียกว่าตุ๊ด บางคนเข้าใจว่า ตุ๊ดมาจากภาพยนตร์เรื่อง Tootsie ที่ดัสติน ฮอฟแมนผู้เป็นพระเอกปลอมตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งจริงๆ แล้ว คำว่าตุ๊ดมีใช้ในเมืองไทยตั้งแต่ยังไม่มีหนังเรื่องนี้เลย ทฤษฎีนี้เลยตกไป บางคนบอกว่ามาจากคำว่า "ตูด" เพราะเข้าใจว่ามีความสนิทสนมและใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนนี้มากกว่าคนทั่วไป หลายคนบอกว่า มาจากอาการกระตุ๊งกระติ๊งเกินปกติ คนจึงเรียกเธอว่า "ตุ๊ดตู่" และ "แต๋วแหวว" เลยเรียกรวมกันเป็น ตุ๊ดกับแต๋ว ในเวลาต่อมา ส่วนว่าข้อสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องไปสอบถามผู้รู้ทางภาษาดูนะครับ

คราวนี้มารู้จักคำที่พูดกันน้อย

รักสองเพศ (Bisexuality) หมายถึงคนที่มีความสุขทางเพศได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง มีคำเล่นใช้หลากหลายเช่น เสือใบ ใบไม้ หรือพวกกระแสสลับ
รักต่างเพศ (Heterosexuality) ได้แก่ชายจริงหญิงแท้ ผู้มีจิตใจรักใคร่เพศตรงข้าม เหมือนกับเราท่านทั้งหลายนี่แหละ และนับเป็นความโชคดีของคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุด สิ่งที่พวกเขากระทำจึงถือเป็นความปกติ ในวันหนึ่งข้างหน้าถ้าคนนิยมเพศตรงข้ามน้อยลง พฤติกรรมเยี่ยงนี้จะกลับไปเป็นความผิดปกติหรือเปล่า…น่าคิด!

หลังจากที่ทุกท่านได้ทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับความหมายของคำแต่ละคำแล้ว จะเห็นได้ว่าปัจจุบันเรามีการใช้คำต่างๆอย่างสับสนปนเปไปหมด เช่นบางครั้ง สื่อมวลชนจะนำเสนอ การอภิปรายเรื่องเกย์ (ชายรักชาย) พูดไปพูดมา เลยเอาไปปนกับกลุ่มสาวประเภทสองคือกะเทยแปลงเพศ หรือบางทีหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าประเทือง แต่ดูตามเนื้อข่าวแล้วกลับเป็นกลุ่มเกย์ไปเสียนี่ ทั้งที่อยู่คนละกลุ่มกัน

ประเด็นที่ทำให้กะเทยเป็นเรื่องราวถกเถียงขึ้นมาก็คือ บรรดาละครหลังข่าวนำเสนอ เรื่องราวของกลุ่มเพศที่สามพร้อมกันเกือบทุกช่อง จนคนดูรู้สึกเลี่ยน บางคนนึกว่าสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ถูกกะเทยปฏิวัติยึดอำนาจไปเสียแล้ว นี่ถ้าแสดงออกน้อยๆก็พลอยดูน่ารัก แต่ถ้าเว่อร์มากนักก็ชักอยากอาเจียน

ทุกอย่างควรอยู่ในความพอดี บางคนเว่อร์เกินเหตุ ทำให้เสียภาพพจน์ของเหล่าบรรดา "กุลกะเทย" เสียหายหมด แถมละครบางเรื่องเอาขวัญใจของประชาชนอย่างเอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ไปเล่นเป็น "ตุ๊ด" ทำให้เสียความรู้สึก ยิ่งตอนเขาทราย กาแลคซี่มาสวมบทบาททิ้งถ่วง…คนดูอยากเอาทีวีไปถ่วงน้ำ แต่เปลี่ยนใจเพราะนึกได้ว่ายังผ่อนไม่หมด

จึงมีการร้องเรียนกันขึ้น เดือดร้อนถึงกรมประชาสัมพันธ์ต้องออกมาขอร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกัน "ชลอจริต" ที่เกินงาม เกินพอดีของพวกดาราที่แสดงเสียบ้าง เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของลูกหลานไทย

บทบาทการแสดงของ "เพศที่สาม" จะทำให้เยาวชนเกิดการเลียนแบบหรือไม่ รายการสนทนาต่างๆร่วมกับนักวิชาการจับประเด็นมาวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่มีความเห็นกันว่า
- ผู้ที่เป็นไปแล้ว คงไม่ต้องกล่าวถึง จะมีหรือไม่มีละครให้เลียนแบบ เธอก็ดำเนินชีวิตในวิถีทางที่เลือกเอง
- ผู้ชายทั้งแท่งซึ่งรักใคร่เพศตรงข้าม ถึงมีละครอีก 100 เรื่อง ก็ไม่คิดเลียนแบบ รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้ว… คนแต่ละคนมีวิจารณญาณของตัวเอง
- กลุ่มลังเล กำลังสับสนตัวเอง ไม่แน่ใจหรือแน่ใจแล้วแต่ไม่กล้าเปิดเผย ไม่กล้าแสดงออก (เรียก "แอบจิต") อย่างนี้รู้สึกว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็น ทำให้กล้าเปิดเผยมากขึ้น

ในความเป็นจริง ควรถือเป็นโอกาสอันดี ในการประเมินระดับความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ถ้าเห็นลูกชายของเราชักเริ่มแสดงอาการกระตุ้งกระติ้งเพราะดูแบบอย่างจากทีวี หรือเลียนแบบจากเพื่อนที่โรงเรียนเป็นแฟชั่น ทั้งๆที่คุณพ่อก็เข้มแข็ง บึกบึน ต้องเอะใจว่าเป็น "สัญญาณเตือน" ที่บ่งบอกสถานการณ์ว่าเรากำลังโดนทีวีและเพื่อนๆของลูกยึดอำนาจไปเสียแล้วหรือ จึงควรหันมาใกล้ชิดเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับลูกๆของเรา และควรใช้เวลากับลูกตอนดูทีวีเพื่อให้คำอธิบายที่เหมาะสม

 

โดยทั่วไปสังคมไทยถือว่าไม่ต่อต้านกะเทยและเกย์ (Non-Homophobic Male Sexual Culture) แต่ก็ไม่ได้นิยมส่งเสริม เพียงแต่ส่วนใหญ่มองด้วยความเข้าใจ พยายามเข้าใจ และมีเมตตา ผิดกับบางประเทศที่ต่อต้านชัดเจน ถึงกับถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย

คนบางคนบางพวก อาจตั้งข้อรังเกียจ เพราะเมื่อนึกถึงอาหารประจำเผ่าของพวกเธอ คือ "ถั่วดำ" แล้วทำใจไม่ได้ ไม่แน่ใจในความสะอาดทั้งรูป รส และกลิ่น บางคนวิตกกังวลและหวาดกลัว เพราะมักได้เห็นข่าวเสมอๆว่า กะเทยเป็นพวกก้าวร้าวรุนแรง ฆ่ากันตายเพราะความหึงหวง และชิงทรัพย์เป็นประจำ ทั้งๆ ที่หลายคู่เขาอยู่กินอย่างมีความสุข แต่ไม่เป็นข่าว

ธรรมชาติของกะเทยคือรักเพศเดียวกัน หรือมีการแสดงออกเหมือนเพศตรงข้าม นั่นคือสิ่งเดียวที่พวกเธอแตกต่างจากคนทั่วไป การตัดสินใดๆ มักเกิดจากเจตคติซึ่งได้รับการหล่อหลอม จากวัฒนธรรม ประเพณีที่ถือเป็นมาตรฐาน เปรียบเทียบเหมือนทุเรียนมีธรรมชาติเป็นสีเหลือง เนื้อนุ่ม รสหวาน กลิ่นแรง คนบางคนชอบกิน บางคนเฉยๆ และสมมติถ้าเกิดผมทนกลิ่นทุเรียนไม่ไหว กินไม่ลง ความผิดไม่ได้อยู่ที่ทุเรียน ปัญหาอยู่ที่ตัวผมแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำคือหลีกเลี่ยง อยู่ห่างๆ แทนที่จะต้องต่อต้านทุเรียน



ยังไม่มีใครสามารถหาข้อสรุป หรืออธิบายได้ถูกต้องชัดเจน ในเรื่องนี้ ต่างฝ่ายต่างวิเคราะห์ ถึงสาเหตุในฐานที่มาที่ต่างกันคือ
นักวิเคราะห์ทางจิตสังคม บอกว่าเด็กชายที่เติบโตโดยห่างเหินพ่อ หรือใกล้ชิดทางจิตใจกับมารดาอย่างมาก ทำให้เด็กชายสวมบทบาทของหญิงแทนที่จะเป็นชาย จึงกลายเป็น "ว่าที่กะเทย" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
นักวิจัยทางกายภาพพบว่า กะเทยกลุ่มชายรักชายมีฮอร์โมนเพศชายน้อยกว่าชายทั่วไป ฝาแฝดไข่ใบเดียวกันมีโอกาสเป็นกะเทยเหมือนกันมากกว่าคนทั่วไป หรือมีความแตกต่างของสมองบางส่วน
จากข้อมูลดังกล่าวจึงเชื่อกันว่า กะเทยเกิดจากหลายสาเหตุผสมผสานกันอย่างลงตัว ตั้งแต่พันธุกรรม สมอง การเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม

 

ถ้าคุณเธอทั้งหลายพึงพอใจ และมีความสุขต่อสิ่งที่เธอมี ที่เธอเป็น ก็นับเป็นความชอบธรรม ที่เธอจะใช้สิทธิ์ในการเลือกรสนิยมของเธอเอง ไม่มีอะไรน่าห่วง ดูที่สุขภาพจิต ความสุข-ความทุกข์ในจิตใจเป็นสำคัญ

แต่บางกลุ่มบางคน ไม่พอใจในสิ่งที่เธอมี เธอเป็น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการดูแลแก้ไข ให้ตรงกับสิ่งที่เธอปรารถนาอย่างแท้จริง อย่างเปลี่ยนทัศนคติแนวคิดก็พบจิตแพทย์ อยากเปลี่ยนสรีระร่างกายให้ได้ดั่งใจประสงค์ก็พบศัลยแพทย์ หลังจากได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์แล้วว่า จะไม่มีปัญหาหลังการแปลงเพศ

โดยมากที่เราพบ คนกลุ่มนี้มีรสนิยมและพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ถ้ารสนิยมไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมีปัญหา ก็ไม่ต้องไปพบหมอ ถ้ามีใครพยายามบอกว่าเธอป่วย หรือชักจูงให้ไปหาหมอ ต้องสงสัยว่าปัญหาอยู่ที่ใคร

จริงๆแล้วปัจจุบันสังคมเรากำลังสับสนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าใครป่วยใครไม่ป่วย
คนที่มักพูดพล่ามว่า สามารถติดต่อสื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้ และพูดเรื่องนรกสวรรค์อย่างเป็นจริงเป็นจัง อาจได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ว่าเป็นอาการของโรคจิต เราควรนำส่งโรงพยาบาล แต่กลับถูกมองข้าม แถมมีผู้คนกราบไหว้ เพียงเพราะเขาเหล่านั้นนุ่งสบง ห่มจีวร

คนที่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่ กร่างไปกร่างมา คล้ายนักเลงอันธพาล อันเป็นลักษณะของผู้มีบุคลิกภาพผิดปกติ ควรได้รับการบำบัด แต่ก็ถูกละเลย เพราะเขาคุมกระทรวงใหญ่ ใส่สูท หรือเป็นนักการเมือง สังคมกำหนดให้ผู้คนคุ้นเคยต่อการยกย่องสรรเสริญ

กะเทยถ้าแสดงบทบาทที่เหมาะสม พอดิบพอดี สังคมก็ให้โอกาส แต่การแสดงที่เว่อเกินงามจนน่าเกลียด ทำให้ภาพพจน์ของกะเทยตกต่ำเสียหาย การลดการแสดงที่ไม่เหมาะสมของพวกกะเทยลง น่าจะมีเหตุผลพอรับได้

นพ. สุกมล วิภาวีพลกุล
มิถุนายน 2542

สวัสดีครับ

คุณหมอเจ้าของบทความเขียนได้กลางๆดีครับ

สำหรับผม ถือว่ากระเทย เกย์ หรือตุ๊ดป่วยทางจิตครับ

เป็นอาการขัดแย้งทางจิต คือไม่ยอมรับTรรมชาติของตนเอง

ระดับฮอร์โมนไม่ใช่ตัวชี้วัดที่แน่นอนสำหรับจิตใจ ตัวชี้วัดเพียงประการเดียวที่แน่นอนคือ

ทางกายภาพ อวัยวะสืบพันธุ์

และทางจิตใจก็คือ การมีอารมณ์รักร่วมเพศครับ อารมณ์เพศกับเพศเดียวกันนั่นเอง..



อยากฝากให้จิตแพทย์ที่ไม่ใช่เกย์ ลองหาทางชี้ชัดนะครับว่าใครเป็นเกย์หรือไม่

เพื่อชีวิตคู่ที่ปลอดภัยของทั้งหญิงและชายครับ ยิ่งถ้าสามารถบำบัดได้ตั้งแต่สภาพแวดล้อมและทัศนคติของสังคม

อย่างมีงานวิจัยที่เชื่อถือได้รองรับดีที่สุดครับ..

โอ้ยยยยย ขำ ที่คุณพรรนชมพู เอามาลงอ่ะ อ่านแล้วฮามากๆๆๆ

โดนใจหลายประโยคมากเลยค่ะ

2. กะเทยผิดเพศหรือแปลงเพศ (Transsexualism)
คือ คนที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับเพศที่แท้จริงของตัวเองโดยกำเนิด มีพฤติกรรมแสดงออก แบบเพศตรงข้ามตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดเพศ และมักอยากแปลงเพศให้เป็นตรงกันข้ามกับต้นฉบับเดิมที่แม่ให้มา อาจแปลงด้วยวิธีการกินยาฮอร์โมน หรือศัลยกรรมผ่าตัดซะเลย
ส่วนใหญ่ที่เจอะเจอมักเป็นชาย กายเป็นชายใจเป็นหญิง จะรู้สึกว่าแท้ที่จริงเธอเป็นผู้หญิง 100% มีแต่ร่างกายหรือเครื่องเพศเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย ที่น่าสนใจก็คือ เธอหลายคนสวยเด่นเหลือหลาย สะโพกผาย อกโต หุ่นเพรียวลมงดงาม ทำเอาผู้หญิงแท้มากมายรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก
ถ้ามีการประกวดประชันกันระหว่างนางสาวไทยกับมิสทิฟฟานีบนเวทีเดียวกัน ยังนึกภาพไม่ออกว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมชักอยากถือหางกลุ่มประเภทหลังซะแล้ว ดูแล้วน่าจะเป็นต่อเล็กน้อย
มีการตั้งชื่อเรียกคนกลุ่มนี้ตามสภาพความจริงว่า "สาวประเภทสอง สาวดาวเทียม" หรือถ้าสวยหยาดเยิ้มบาดตาบาดใจก็เรียกเธอว่า "นางฟ้าจำแลง"

ขำมากๆๆๆ

ก็ชัดเจนนะค่ะ คุณหมอบอกมันขึ้นกับ รสนิยม และอีกประเภทคือแอบจิตอ่ะค่ะ อันนี้ที่ลุงคิวว่าใช่ป่าว

พวกแปลงเพศนี่ ผมไม่ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงครับ

บางคนว่าจิตใจคนเราไม่มีเพศ บางคนว่ามีหลายเพศ

ส่วนผมเชื่อว่าจิตใจคนเราขึ้นอยู่กับลักษณะตามธรรมชาติที่เกิดมาครับ..มาเบี่ยงเบนภายหลังจากเกิดมาแล้วและเติบโต

ก็เป็นสัญญชาตญาณ และการปลูกฝังให้ตรงกับความจริงด้วยครับ

เราจะพูดกันลึกระดับไหนค่ะ คืออนาอยากให้มองถึงความเป็นจริงที่ว่า ถ้าถึงระดับโมเลกุล ทางด้าน ดีเอ็นเอนั้น มันต่างกันแค่คู่โครโมโวม xx และ xy เท่านั้นเอง นอกนั้นก็ทางสรีระวิทยา ว่ากันไป แต่ ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต สามารถแปลผันได้ตามสิงแวดล้อมค่ะลุงคิว หรือที่เราเรียกว่า Genetic diversity ไงค่ะ ธรรมชาติไม่ได้กำหนดสักหน่อยว่าเรามีสองเพศ แต่เราเป้นคนกำหนดมันเอง มนุษย์ที่ชอบเพศเดียวกันมีมานานตั้งแต่สมัยโรมันแล้วค่ะ แต่เราเอาบรรทัดฐานของสังคมมาแบ่งแยกเท่านั้น 

ไม่แน่อนาคต เราอาจจะมีการแบ่งเพศใหม่ก็ได้ หากมีการคุ้นพบคุ่โครโมโซมที่ mutant ในเพศที่สาม ฮ่าๆๆ  :slime_v: :slime_v:

อีกสิ่งหนึงที่ผมอยากให้วงการแพทย์และสังคมศาสตร์ศึกษาอย่างจริงจังสำหรับกรณีนี้ก็คือ

ความเบี่ยงเบนของจิตใจ และพลังความมุ่งมั่นที่จะเบี่ยงเบน อันมีผลกระทบต่อบุคคลิกภาพและสังคมครับ

ว่าผมเชื่อว่าเป็นอันตรายต่อสังคม เช่นสมัยก่อนขันทีมักเป็นตัวร้าย สมัยนี้เกย์มักสอดแทรกต้องการบทบาททางการเมืองเสมอ

ทั้งที่แนวความคิดแถไถเบี่ยงเบนความจริง ยกตัวอย่าง แบบที่อะไรจ๊ะ(ซึ่งผมไม่สนใจว่าเป็นเกย์หรือไม่)กระทำได้อย่างไม่อายในการแสดงออกของตนเองบ่อยๆ

คือพูดแล้ว ไม่รักษาคำพูด คือพวกเกย์นี้ มีแนวโน้มที่จะเบี่ยงเบนจนไม่สนใจรักษาอวัยวะสืบพันธุ์ของตนเองไว้ครับ

ดังนั้นหากมาเล่นการเมือง คงมีอะไรเพี้ยนๆจากความจริงให้เห็นกันอีกมากมาย เพราะกล้าเปิดเผย และไม่อายในความผิดปกติของตนเอง

และกระตือรือร้นที่จะหาสมาชิกแบบขายตรงครับ..ที่สำคัญพวกนี้มีความทะเยอทะยานสูงแบบผิดๆด้วย

แวะมาร่วมวง..  :slime_smile:

..เคยนึกฉงนใจอยู่เหมือนกันค่ะว่าทำไมคนสมัยนี้จึงเบี่ยงเบนทางเพศมากมายนัก  :slime_o:
โดยเฉพาะผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง (ซึ่งดูเหมือนจะมีมากกว่าผู้หญิงอยากเป็นผู้ชาย)
ทั้งนี้ไม่นับผู้ชายที่เป็นเกย์หรือหญิงที่เป็นเลสเบี้ยนนะคะ ข้าพเจ้ามองคนกลุ่มนี้ว่าเป็น
พวกที่มีรสนิยมทางเพศที่ผิดฝาผิดตัวเท่านั้น

..ผู้ชายที่อยากเป็นหญิง เข้าใจว่าน่าจะมีความทุกข์ทางใจมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าเป็น  :slime_hmm:
คนแคร์สังคม แคร์ครอบครัวก็จะต้องพยายามปกปิดหรือฝืนความรู้สึก และถ้าไม่แคร์
กล้าพอที่แสดงตนเป็นหญิงได้เต็มที่ ก็ยังมีอุปสรรคทางสรีระอีก แม้ว่าจะลงทุนเจ็บเนื้อ
เจ็บตัวผ่าตัดแปลงเพศก็ไม่ใช่ว่าจะรับประกันได้ว่าจะสามารถมีความรักและแต่งงานกับ
ผู้ชายแท้ได้ (ปัญหานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงแท้.. เชื่อเถิดว่าชีวิตของ
ตุ๊ดแก่นั้นเศร้าระทมขมขื่นกว่าสาวทึนทึกหลายเท่านัก)

..เผอิญข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือเรื่อง 'เสียดาย.. คนตายไม่ได้อ่าน' ของคุณดังตฤณ  :slime_sentimental:
บทหนึ่งที่กล่าวถึงกรรมที่ทำหน้าที่กำหนดเพศ อ่านแล้วสรุปได้ว่าคนเกิดเป็นชายมีกรรม
เก่าที่ดีกว่าคนเกิดเป็นหญิง (จริงๆ แล้วมีรายละเอียดที่น่าสนใจมากกว่าที่ข้าพเจ้าสรุป
หยาบๆ นี่มากมายนัก - ควรอ่านเอง) ทำให้อนุมานเอาว่าชะรอยคนสมัยนี้กรรมเก่าต้อง
ไม่ดีนักจึงเกิดเป็นหญิงมากกว่าชาย มิหนำซ้ำที่เกิดเป็นชายก็ยังไม่วายอยากจะกลาย
เป็นหญิงเสียอีก

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

อิอิ.. อนามองแง่วิทยาศาสตร์  คุณ Q มองแง่สังคม  :slime_smile2:
ข้าพเจ้าขอมองเอียงๆ มาทางศาสนาก็แล้วกัน

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

ผมตามหาอยู่ครับ แต่ไม่มีนี่นา หาพบแล้วแจ้งด้วยครับ เปลี่ยนเพศต้องผ่าตัดอย่างเดียวครับ..

นอกนั้นก็ปรับนิดๆหน่อยตามสภาพแวดล้อม บางทีก็เป็นหมัน บางรายก็ลูกดก กรรมพันธุ์ก็สำคัญครับ เพราะมีการถ่ายทอดและคัดเลือกพันธุ์ตามะรรมชาติ

แต่สายดีเอ็นเอของมนุษย์ฝ่ายหญิงไม่เปลี่ยน ถ่ายทอดกันมาเป็นสายตรงครับ ถูกต้องนะครับ...

สวัสดีครับ

แลกเปลี่ยนข้อมูลสนุกดีครับ  คือพอเข้าเรื่องการวัดจิตใจนี้เริ่มยาก

อย่างสุนัขที่ท้องแรก ผมสังเกตเห็นชัดว่า สามารถกัดกินรก เลียทำความสะอาดลูกโดยไม่ต้องมีประสบการ์ณหรือพบเห็นมาก่อน

ต่างจากสุนัขเพศผู้ ดังนั้นสัญชาตญาณตามธรรมชาติ มีส่วนแน่นอนครับ

สวัสดีค่ะ พี่อังฯ

คุณคิวค่ะ ถ้าอะไรจ้ะเป็นตุ๊ด อะไรจ้ะก็น่าจะ สงวนสกุลของตุ๊ดหน่อยนะค่ะ ไม่งั้นเสียแย่เลย
ต่อนะค่ะ คนเป้นเกย์มาเล่นการเมือง อนาเฉยๆๆค่ะ เพราะทุกวันนี้มนุษย์ก็เป้นโรคจิตกันหมดอยู่แล้ว การเบียงเบนทางเพศเป็นจิตอย่างหนึ่ง มันไม่น่าจะรวมไปถึงระบบความคิดทุกระบบนะค่ะลุงคิว เกย์เก่งๆๆ วางตัวปกติในสังคม รับใช้สังคมมากกว่าคนปกติก็เยอะ  คนปกติเลวๆๆเป็นภัยต่อสังคมก็เยอะ

หากลุงคิวมองว่าจะมีแนวโน้มเป้นแฟชั่น ให้วัยรุ่นปฏิบัติตามเป้นเทรน อันนี้น่ากลัวแน่นอนค่ะ เพราะสื่อต่างๆๆมันก็ฮิต อย่างคุณหมอว่าจริงๆๆ อันนี้ต้องร่วมหาทางกันแก้ไขค่ะ

พี่อังฯค่ะ ผู้ชายอยากเป็นหญิงมากขึ้น มันไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ทุกวันนี้ชายน้อยกว่าหญิงมากนัก หญิงก็เลือกที่จะเป็นโสดเยอะขึ้นด้วย มันเลยทำให้ไม่เกิดภาวะสมดุล ผู้ชายแท้ตอนนี้เลยต้องแบกภาระของโลกโดยมีบ้านเล็กบ้านน้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต๊ายยยยยยหนูมาแก้ตัวอะไรให้ผู้ชายนิ

กร๊ากกกกกกกกกกกก มันน่าแปลกใจคือ เราคุยกันรู้เรื่องค๊าบบบบบบบ

ประเด็นที่ผมชี้คือ พฤติกรรมเบี่ยงเบนสิ่งต่างเข้าหาตัวเองของเกย์ครับ

เช่นตีความกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นต้น

ถ้าเป็นผู้พิพากษาก็มีแนวโน้มจะตัดสินคดีด้วยอคติส่วนตนได้สูงมาก

น่าจะมีแพทย์ทำวิจัยเรื่องนี้นะครับ จะได้ชี้ชัดว่าความเบี่ยงเบนทางจิตต่างๆมีผลต่อปัญหาสังคมมากน้อยเพียงใด??

มีอีกอย่างหนึ่งที่ค้างคาใจมานาน ทำไมพระพุทธเจ้าห้ามกะเทยบวช หากเราเชื่อว่าท่านเป็นสัพพัญญู เป็นโลกวิทู ตรัสรู้ ท่านต้องรู้ปัญหาบางอย่าง ที่ทำให้กะเทยไม่สามารถหลุดพ้นได้ อาจจะน่าสนใจ หากนำมาโยงกับเรื่องปัญหาทางจิตนะคะ

ลุงคิวพูดเหมือนพวกเกย์ชอบหลงตัวเองอ่ะค่ะ เอาเฉพาะพวกพ้องตัวเอง ผลประโยชน์ทัซ้อน  บ้าอำนาจ  ดิ้นพล่านๆๆเมื่อคนร๊ากโดนรังแก เหมือนคนเสียสติไปเลย (ตอนนี้) ปายดีกว่า แตร๋นๆๆๆๆๆๆๆๆ

               

อืมม ผมเชื่อประเด็นนี้ครับ
                                                     :slime_smile: :slime_cool:

อิอิ จะไม่ให้ผมคิดอย่างนั้นได้ไง ขนาดอวัยวะของตัวเอง ไม่ถูกใจยังตัดทิ้งได้ แทนที่จะยอมรับมัน

ของเทียมก็เสียเงินเสียทองผ่าตัด ประสาทสัมผ้สสู้ของธรรมชาติไม่ได้ และที่สำคัญสืบพันธุ์ไม่ได้ด้วย
                                                                                                                                     :slime_smile2: :slime_cool:

ไม่ซีเรียสนะค่ะ เพียงแต่ว่า การบวชเป็นพระห้ามเพศหญิง แต่กระเทย อยากเป็นหญิง กระเทยเลยไม่บวช เพราะเด๋วจะไม่เป็นหญิง ขำๆนะค่ะ  :slime_bigsmile: จะบวชชีก็ตัวเองเป็นชายหรือเปล่า โดนสังคมประนามแน่ๆ

ซีเรียสนะค่ะ ...... แล้วตอนนี้ เราไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าศาสนาเราเปลี่ยนไปอย่างไร คนที่เข้ามาบวชพร้อมใช้ประโยชน์จากผ้าเหลืองก็เยอะนะค่ะ ระเอียดอ่อนค่ะ อนาขอจบ.......

เดินทางไปขอบวชเป็นภิกษุณีได้ครับ แต่เขารับแต่เพสหญิงนะครับ

เกย์หนอเกย์ ถูกรอนสิทธิ์จากธรรมชาติอีกแล้ว เฮ้อ...จบก็ได้ครับ
                                                                                                      :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

อ้าว.. จบซะแว้ว  :slime_o:
นึกว่าจะมีการวิเคราะห์พฤติกรรมเบี่ยงเบนกับการเมืองอีก
..งั้นข้าพเจ้าขอลาไปนอนดีกว่า  :slime_sleeping:
ฝนกำลังตกน่านอนเชียว

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

ครับพักผ่อนเต็มที่ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น วิเคราะห์ต่อกันวันต่อๆไปก็ได้ครับ

คาดว่าอะไรจ๊ะกับชอบแถจะมีข้อมูลดีๆเหมือนกัน..
                                                                                    :slime_inlove: :slime_cool:
                                                                           

กลุ่มเบี่ยงเบนทางเพศ น่าจะเป็นกระบวนการทางสังคมและทางเพศ ที่ทำให้เกิดสมดุลย์มากขึ้น
เพราะบางครั้งเพศชายใฝ่หญิงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้จนตัวตายก็มี เพราะไม่พบแรงกระตุ้น
ในทางเดียวกันกับหญิงใฝ่เป็นชาย

แต่กลุ่มนี้ รู้ตัว เลยแสดงออกอย่างที่เราท่านเห็นกันอยู่

แต่ไม่ว่าเพศไหน คนเราก็ผิดปกติทางจิตได้ทั้งนั้น

ก็...ทำให้โลกนี้มีสีสันขึ้นอ่ะนะ

การเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด เค้าก็คือมนุษย์ที่ต้อง รับรู้ ผิด ชอบชั่วดี

ไม่ว่าจะเป็นเพศใด คือรู้จัก ละอายต่อบาป การกระทำใดๆ ก็ตาม ไม่ทำร้ายต่อสังคมส่วนรวม

ไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์ แต่อย่ามุ่งทำลาย

เหมือนที่เราเป็นกิ๊กกันช่ายม้ายยยยยยยยยยยยย  :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_bigsmile: