ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 01-06-2007, 16:10



หัวข้อ: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 01-06-2007, 16:10
(http://pics.manager.co.th/Images/550000007029201.JPEG)
พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา


       กกต.เตรียมส่งสำนวนคดียุบพรรคไทยรักไทย และพรรคเล็กอื่นๆ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ส่งให้พนักงานสอบสวนพิจารณาเพื่อส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องเอาผิดทางอาญาต่อไป คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง” และ เสธ.ไอซ์ เข้าข่าย ขณะที่ “ประพันธ์” ย้ำเลือกตั้งปลาย ธ.ค.เหมาะสมแล้ว
       
       วันนี้ (1 มิ.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการดำเนินคดีอาญากับผู้บริหารพรรคไทยรักไทย หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค ว่า หากพนักงานสอบสวนเห็นว่ากระทำผิดจริง สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที แม้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุชื่อผู้เกี่ยวข้องหลายคน และมีรายละเอียดมากแล้วก็ตาม แต่เมื่ออัยการสูงสุดส่งคำวินิจฉัยมา จะต้องพิจารณาว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนพิจารณาอีกครั้ง
       
       กกต.ผู้นี้ยังระบุว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ กกต.จะต้องนำคดีที่ยังค้างการพิจารณาอีก 200-300 คดี มาพิจารณาดำเนินการต่อไป
       
       นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เลื่อนกำหนดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นในเดือนตุลาคม ว่า ส่วนตัวคิดว่าคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญจะไม่มีผลกระทบกับระยะเวลาการเลือกตั้ง ส่วนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น คาดว่า จะสามารถทำประชามติได้เร็วขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม ซึ่งถือว่าเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ดังนั้น กำหนดวันเลือกตั้งในเดือนธันวาคมจึงเป็นกำหนดเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กกต.อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่การดำเนินการต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย
       
       ทั้งนี้ ในสำนวนของศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุพฤติกรรมของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรค อดีต รมว.กลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรค และ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต และนายทหารคนสนิทยศพลโทอีกจำนวนหนึ่งในเรื่องการแก้ไขข้อมูลในฐานเกี่ยวกับพรรคการเมืองในคอมพิวเตอร์ของ กกต.รวมทั้งเรื่องการจ้างผู้สมัครพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย
       
       สำหรับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาตอนหนึ่ง ระบุว่า ได้รับฟังข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 1 ได้แจ้งต่อ นายบุญญาบารมีภณ หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 3 ว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในการลงสมัครทุกพรรค พรรคละประมาณ 10 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม 2549 พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ และ พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้มอบเงินค่าใช้จ่าย จำนวน 1.45 ล้านบาท ให้แก่นางฐัติมา ภาวะลี สมาชิกพรรคผู้ถูกร้องที่ 3
       
       ต่อมาระหว่างวันที่ 5 ถึง 7 มี.ค. 2549 พล.ท.ผดุงศักดิ์ มอบเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ให้แก่นางฐัติมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 3 ในเขตจังหวัดภาคใต้เพิ่มเติมอีก 17 คน และในวันที่ 9 มี.ค.2549 พล.ท.ผดุงศักดิ์ มอบเงิน 525,000 บาท ให้แก่นางฐัติมา อีกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 3 รวมเงินที่นางฐัติมา ได้รับจาก พล.อ.ไตรรงค์ และ พล.ท.ผดุงศักดิ์ ทั้ง 3 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 3,675,000 บาท
       
       พล.อ.ธรรมรักษ์ รองหัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 1 และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายพงษ์ศักดิ์ รองเลขาธิการพรรคผู้ถูกร้องที่ 1 ร่วมกันให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ถูกร้องที่ 2 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยมีคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นตัวแทนติดต่อมอบเงินให้ นายชวการ โตสวัสดิ์ สมาชิกพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 หลายครั้ง นอกจากนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ ยังร่วมกันมอบเงินจำนวน 50,000 บาท ให้แก่ นายชวการ ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2549 เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้นายบุญทวีศักดิ์ หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายในการนำสมาชิกพรรคผู้ถูกร้อง ที่ 2 ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่ออีกด้วย


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 01-06-2007, 16:14
เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ควรดำเนินการให้ครบวงจร
ใครทำผิดว่าไปตามผิด
เอาเป็นตัวอย่างให้สำนึกว่า
การกระทำต่างๆต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
ไม่ใช่อยู่ใต้อำนาจใคร

ใครใหญ่ใครถูก
ตัวเล็กผิดประจำ
ต้องหมดสิ้นไป


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 01-06-2007, 17:08
คำร้องของ กกต. พิจารณาแล้ว ฟังขึ้น

ยื่นฟ้องด่วนเลยครับ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 01-06-2007, 17:26
กรรมตามทัน


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2007, 17:31
อ้อแอ้ เจ็บแน่ ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 01-06-2007, 18:09
จะรอดูว่ากกต.ชุดนี้แข็งขนาดไหน
เจอฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ คุกกี่ปี


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 01-06-2007, 18:14
กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่

อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลง เดี๋ยวมันรัก
ฉันตั้งหลักไม่ทัน เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว
รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก็ดึงไม่ออก   
 

(http://thairath.co.th/2549/entertainment/May/library/05/ent9.jpg)

(http://thairath.co.th/2549/entertainment/May/library/05/ent10.jpg)

อ้าว คนละไอซ์กันเหรอ  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 04-06-2007, 17:32
กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่

อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลง เดี๋ยวมันรัก
ฉันตั้งหลักไม่ทัน เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว
รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก็ดึงไม่ออก   
 

(http://thairath.co.th/2549/entertainment/May/library/05/ent9.jpg)

(http://thairath.co.th/2549/entertainment/May/library/05/ent10.jpg)

อ้าว คนละไอซ์กันเหรอ  :slime_hmm:

มั่วได้ใจจริงจริ๊ง  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 04-06-2007, 18:00
ลุยเลยครับ เอาให้ทันออกข่าวพร้อมกับคำวินิจฉัยภาคภาษาอังกฤษที่จะแจกต่างประเทศ
จะได้ตอกฝาโลงกันไปเลย ว่าคำวินิจฉัยมีมูลจริงหรือไม่ ไทยรักไทยถูกใส่ร้ายหรือไม่


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 04-06-2007, 21:03
เรื่องนี้แค่เรื่องเล็กๆ มีคดีอาญาเอาไว้รอฟันเหลี่ยมกับพวกอีกหลายเรื่อง รอดูความสะใจอย่างต่อเนื่องได้เลย  :slime_v:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-06-2007, 11:12
  'สดศรี'ชี้ปลดล็อคการเมือง แต่ไม่อนุญาตตั้งพรรคใหม่
 
6 มิถุนายน พ.ศ. 2550 16:10:00
 
  "สดศรี"ระบุชัดทรท.ทำได้แค่เร่งเคลียร์บัญชีทรท. เหลือช่องแค่ย้ายพรรค ชี้คำประกาศคปค.ทำตามคำพูด ถือว่ายอมผ่อนให้แล้ว

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :  นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ ครม.มีมติให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่ เพื่อยื่นบัญชีงบดุลกับ กกต.ได้ ซึ่งตามปกติจะต้องมีการยื่นบัญชีงบดุลของพรรค ในเดือนเม.ย.ของทุกปี

นอกจากนี้พรรคการเมืองก็สามารถประชุมหารือ เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ อย่างไรก็ตามก็ยังคงไม่อนุญาตให้มีการจดชื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และพรรคไทยรักไทย ก็ยังคงถูกประกาศคปค.ฉบับที่ 27 ล็อคไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มติดังกล่าวเท่ากับเป็นการฝังไม่ให้สมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่ขอจัดตั้งพรรคโดยใช้ชื่อเดิม นางสดศรี กล่าวว่า แม้ว่าได้ยื่นเรื่องแสดงความจำนงไว้กับ กกต. และกกต.ก็รับไว้แล้ว แต่เมื่อมติ ครม.ไม่ได้ครอบคลุมถึงเรื่องการอนุญาตจัดตั้งพรรคใหม่ ก็ย่อมทำไม่ได้ สิ่งที่พรรคไทยรักไทยทำได้ตอนนี้ คือต้องเร่งรัดบัญชีงบดุลส่งให้ กกต.ภายใน 15 วัน เพื่อส่งให้สตง.ชำระบัญชีเท่านั้น

“ สิ่งที่เคยมีการเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนประกาศ คปค. 2 ฉบับนี้ เพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองได้นั้น จนขณะนี้ก็ถือว่าได้ทำตามคำพูดแล้ว แม้จะไม่ได้ยกเลิกในทุกข้อ ก็ควรต้องยอมรับ จะให้ยกเลิกในทุกประเด็นในช่วงนี้อาจจะเร็วไป” นางสดศรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า วิเคราะห์ว่าแนวโน้มสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะดูเหมือนหนทางของอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยจะเหลือน้อย นางสดศรีกล่าวว่า ในส่วนของอดีตกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ

ส่วนแนวคิดของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสนช. เรื่องการออก พ.ร.บ. เพื่อยกเลิกประกาศคปค. ฉบับที่ 27 ซึ่งจะมีผลต่อกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยังต้องมีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นเท่ากับว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังคงติดล็อค

เมื่อถามอีกว่า อดีตสมาชิกพรรคที่เหลือ ก็เหลือเพียงหนทางเดียว คือต้องไปรวมกับพรรคอื่น จึงจะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ใช่ หากไปรวมกับพรรคอื่นที่มีอยู่แล้ว ก็ทำได้ ก็จะทำให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไปได้
 

 http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/07/WW03_0301_news.php?newsid=77435




 นอกจากนี้พรรคการเมืองก็สามารถประชุมหารือ เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ อย่างไรก็ตามก็ยังคงไม่อนุญาตให้มีการจดชื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และพรรคไทยรักไทย ก็ยังคงถูกประกาศคปค.ฉบับที่ 27 ล็อคไว้......


ถึงวันนี้ประธาน คมช. และนายกรัฐมนตรี ได้"ถอยทัพ"ที่จะยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ซึ่งจะมีผลให้กรรมการพรรคไทยรักไทยได้รับ"นิรโทษกรรม" ได้ใช้ชื่อพรรคไทยรักไทยในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ปลุกระดม ป่วน และ สมัครเลือกตั้ง.....

พรุ่งนี้จะมี"อีแอบ"ที่ประธาน คมช.อ้างถึง ...
หรือ อดีตลูกพรรคฯที่ได้รับคำสั่งจาก"นายผู้ชาย"ให้เคลื่อนไหวต่อต้าน เรียกร้องต่อไปหรือไม่....




หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: ภูดิน ที่ 07-06-2007, 12:35
สั่งยุบพรรคแล้วยังไม่จบ ล่าสุดป.ป.ช.สั่งตั้งอนุกรรมการพิจารณาฟันอาญาผู้เกี่ยวข้องในการจ้างพรรคเล็ก เบื้องต้น"ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์" ขึ้นเขียงเชือดก่อน ส่วน "แม้ว" จ่อคิวผิดในคดีแทรกแซงองค์กรอิสระ-ทำลายหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข
       
       วันนี้(7 มิ.ย.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ "สภาท่าพระอาทิตย์" ทางเอเอสทีวี เมื่อตอนเช้า ว่า ขณะนี้ทางป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งที่มี นายวิชัย วิวิชเสวี กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน เพื่อพิจารณาด้านกฎหมายเพื่อดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยความผิดในคดียุบพรรค เพราะถือว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานมีผลผูกพันกับทุกองค์กร
       
       กรรมการป.ป.ช.ผู้นี้ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การพิจารณาดำเนินการต้องแยกเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรกว่าด้วยเรื่องการตัดสินยุบพรรคว่าด้วยการตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งเป็นอำนาจของป.ป.ช.อยู่แล้ว และที่ผ่านมาทางอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชุดที่แล้วได้เคยส่งมาให้ดำเนินคดีแต่ในตอนนั้นยังไม่มีมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา และยังไม่ทราบว่ามีใครกระทำทุจริตบ้าง
       
       "เมื่อมีคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รู้ว่ามีอดีตรัฐมนตรี 2 คน และนายทหาร 2 คน รวมทั้งหัวหน้าพรรคเล็กเกี่ยวข้อง เรา(ป.ป.ช.) ก็ต้องดำเนินการต่อ" นายวิชา ระบุ
       
       สำหรับในส่วนที่สองนั้น นายวิชา กล่าวว่า จะเกี่ยวข้องกับความผิดในเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระ การทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทางป.ป.ช.โดยอนุกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นจะพิจารณาตามกฎหมายว่าใครใช้อำนาจในทางที่ผิดบ้าง ส่วนจะเกี่ยวข้องถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน
       
       ส่วนบทลงโทษนั้น นายวิชา กล่าวว่า ทางป.ป.ช.จะพิจารณาว่าใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ มีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือมีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสาวกันต่อไป และต้องรีบดำเนินการเพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นที่สนใจของประชาชนและที่สำคัญคือคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญถือเป็นบรรทัดฐานมีผลผูกพันทุกองค์กรดังกล่าว
       
       กรรมการป.ป.ช.ผู้นี้ยังอธิบายถึงขั้นตอนการดำเนินการว่า เมื่อมีการชี้มูลความผิดแล้วก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง โดยหากเป็นนักการเมืองก็จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนที่เป็นข้าราชการก็จะฟ้องศาลยุติธรรมต่อไป
       
       สำหรับอดีตรัฐมนตรี 2 คนที่ถูกระบุในคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยคือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ส่วนข้าราชการสองคนหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัตหรือเสธ.ไอซ์ รวมทั้งนายทหารยศพลโทอีกคนหนึ่ง

ข่าวผู้จัดการ   
เรื่องเดียวกันป่าว นี่  อิอิ    :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 07-06-2007, 16:58
“วิจิตร” เมินเสียง 5 อ.นิติศาสตร์ ลุยทำแบบเรียนยุบพรรคต่อ
 

 
 
       “วิจิตร” เตรียมเรียก 5 องค์กรหลักหารือ ทำหน้าที่เผยแพร่หลักการประชาธิปไตยเพื่อปูทางก่อนการเลือกตั้ง นำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างราบรื่น ระบุคำวินิจฉัยยุบพรรคของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทำให้เข้าใจง่ายที่สุด ยันแม้อาจารย์นิติฯ มธ.ลงชื่อเห็นแย้งอ้างขัดหลักนิติศาสตร์ แต่เชื่อความเห็นต่างจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
       
       นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้(7 มิ.ย.) นายเจริญ คันธวงศ์ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าพบตนเพื่อสนับสนุนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้มีการพูดคุยกันในระหว่างการประชุม ครม.ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และสามารถทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยไปสู่ประชาชน ทั้งเรื่องความเข้าใจในรัฐธรรมนูญ เรื่องการลงประชามติ และเรื่องคำตัดสินยุบพรรคของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ควรจะมีการเผยแพร่ และทำความเข้าใจอย่างกว้างขวางในสังคมได้ เนื่องจาก ศธ.มีครู อาจารย์ และนิสิตนักศึกษาอยู่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างราบรื่น ซึ่งตนจะหารือร่วมกับ 5 องค์กรหลักของ ศธ.เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป
       
       รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ ปชป.เสนอนั้น เป็นเรื่องเดียวกับที่พูดคุยกันใน ครม.โดยต้องการให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้เกิดการเลือกตั้ง ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ไม่ใช้อำนาจเงินทางการเมือง ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว และตนเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องการให้เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ขณะนี้ประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ฉบับที่ 15 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ จึงเริ่มมีการทำกิจกรรม และหาก ศธ.สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นกลางและถูกต้อง ตนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำ ส่วนจะมีรูปแบบอย่างไรก็ต้องหารือกับ 5 องค์กรหลัก และอาจจะมอบให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งรับผิดชอบโดยเฉพาะ
       
       “ส่วนคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของประชาธิปไตย อีกทั้งคำวินิจฉัยละเอียดมาก จะให้ประชาชนเข้าใจโดยอ่านเอกสารเป็น 10 ชั่วโมงคงจะมีเพียงคนที่สนใจจริงๆ เท่านั้น แต่สาระที่สำคัญควรมีการย่อและนำเสนอให้เข้าใจง่าย และหากเราจะนำเข้าสู่การเรียนการสอนในระบบการศึกษาระดับต่างๆ ก็ต้องทำให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วย ซึ่งต้องหารือกันว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะต้องหาคนที่เข้าใจและรู้หลักการเพื่อให้ทำออกมาให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากที่สุด ส่วนพรรคการเมืองจะรับหรือไม่รับคำตัดสินก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่ขณะนี้ถือว่าคำตัดสินยุติและศาลมีคำวินิจฉัยอย่างละเอียดแล้ว” นายวิจิตร กล่าว
       
       ต่อข้อถามว่า กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางส่วนได้ร่วมกันลงชื่อไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าขัดกับการเรียนการสอนทางนิติศาสตร์นั้น รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การแสดงออกดังกล่าวเป็นความเห็น แต่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ ซึ่งความเห็นที่แตกต่างทำให้เราเกิดความรอบคอบ แต่ความเห็นก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินของศาลเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ความเห็นที่แตกต่างจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
       
       “แม้ว่าจะระบุว่าคำวินิจฉัยกระทบต่อหลักการสอนนิติศาสตร์ แต่ยังมีคนในนิติศาสตร์อีกจำนวนมากไม่ได้เห็นเช่นนั้น ซึ่งสิ่งที่เราจะนำมาพิจารณา คือ สิ่งที่ศาลตัดสินและมีคำวินิจฉัยว่าสะท้อนหลักการอะไรในหลักประชาธิปไตยสำหรับพรรคการเมืองและนักการเมือง เราจะเอาผลการตัดสินมาใช้ประโยชน์ในการศึกษา แต่คงไม่ได้นำมาพิจารณาตามหลักนิติศาสตร์” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
 
 
 


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 08-06-2007, 09:31
“วิจิตร” เมินเสียง 5 อ.นิติศาสตร์ ลุยทำแบบเรียนยุบพรรคต่อ
 

 
 
       “วิจิตร” เตรียมเรียก 5 องค์กรหลักหารือ ทำหน้าที่เผยแพร่หลักการประชาธิปไตยเพื่อปูทางก่อนการเลือกตั้ง นำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างราบรื่น ระบุคำวินิจฉัยยุบพรรคของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทำให้เข้าใจง่ายที่สุด ยันแม้อาจารย์นิติฯ มธ.ลงชื่อเห็นแย้งอ้างขัดหลักนิติศาสตร์ แต่เชื่อความเห็นต่างจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
       
       นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้(7 มิ.ย.) นายเจริญ คันธวงศ์ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าพบตนเพื่อสนับสนุนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้มีการพูดคุยกันในระหว่างการประชุม ครม.ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และสามารถทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยไปสู่ประชาชน ทั้งเรื่องความเข้าใจในรัฐธรรมนูญ เรื่องการลงประชามติ และเรื่องคำตัดสินยุบพรรคของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ควรจะมีการเผยแพร่ และทำความเข้าใจอย่างกว้างขวางในสังคมได้ เนื่องจาก ศธ.มีครู อาจารย์ และนิสิตนักศึกษาอยู่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างราบรื่น ซึ่งตนจะหารือร่วมกับ 5 องค์กรหลักของ ศธ.เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป
       
       รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ ปชป.เสนอนั้น เป็นเรื่องเดียวกับที่พูดคุยกันใน ครม.โดยต้องการให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้เกิดการเลือกตั้ง ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ไม่ใช้อำนาจเงินทางการเมือง ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว และตนเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องการให้เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ขณะนี้ประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ฉบับที่ 15 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ จึงเริ่มมีการทำกิจกรรม และหาก ศธ.สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นกลางและถูกต้อง ตนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำ ส่วนจะมีรูปแบบอย่างไรก็ต้องหารือกับ 5 องค์กรหลัก และอาจจะมอบให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งรับผิดชอบโดยเฉพาะ
       
       “ส่วนคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของประชาธิปไตย อีกทั้งคำวินิจฉัยละเอียดมาก จะให้ประชาชนเข้าใจโดยอ่านเอกสารเป็น 10 ชั่วโมงคงจะมีเพียงคนที่สนใจจริงๆ เท่านั้น แต่สาระที่สำคัญควรมีการย่อและนำเสนอให้เข้าใจง่าย และหากเราจะนำเข้าสู่การเรียนการสอนในระบบการศึกษาระดับต่างๆ ก็ต้องทำให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วย ซึ่งต้องหารือกันว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะต้องหาคนที่เข้าใจและรู้หลักการเพื่อให้ทำออกมาให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากที่สุด ส่วนพรรคการเมืองจะรับหรือไม่รับคำตัดสินก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่ขณะนี้ถือว่าคำตัดสินยุติและศาลมีคำวินิจฉัยอย่างละเอียดแล้ว” นายวิจิตร กล่าว
       
       ต่อข้อถามว่า กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางส่วนได้ร่วมกันลงชื่อไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าขัดกับการเรียนการสอนทางนิติศาสตร์นั้น รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การแสดงออกดังกล่าวเป็นความเห็น แต่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ ซึ่งความเห็นที่แตกต่างทำให้เราเกิดความรอบคอบ แต่ความเห็นก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินของศาลเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ความเห็นที่แตกต่างจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
       
       “แม้ว่าจะระบุว่าคำวินิจฉัยกระทบต่อหลักการสอนนิติศาสตร์ แต่ยังมีคนในนิติศาสตร์อีกจำนวนมากไม่ได้เห็นเช่นนั้น ซึ่งสิ่งที่เราจะนำมาพิจารณา คือ สิ่งที่ศาลตัดสินและมีคำวินิจฉัยว่าสะท้อนหลักการอะไรในหลักประชาธิปไตยสำหรับพรรคการเมืองและนักการเมือง เราจะเอาผลการตัดสินมาใช้ประโยชน์ในการศึกษา แต่คงไม่ได้นำมาพิจารณาตามหลักนิติศาสตร์” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
 
 
 




ถ้าตัดแปะด้วยข้อความทำนองนี้ ไม่ถูกลบหรอก...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 09-06-2007, 10:15

กกต.สั่งอนุฯ รื้อผลสอบฟันอาญา “ธรรมรักษ์-เพ้ง-ไอซ์” จ้างพรรคเล็ก
โดย ผู้จัดการออนไลน์    8 มิถุนายน 2550 16:39 น.
(http://pics.manager.co.th/Images/550000007391401.JPEG)
พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

       เปิด 9 ผู้เกี่ยวข้องคดียุบ ทรท.ส่อถูกเล่นดำเนินคดีอาญา “ธรรมรักษ์-เฮียเพ้ง-เสธ.ไอซ์” ไม่รอด กกต.สั่ง อนุฯ ชุดที่มีอดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ พิจารณาอีกรอบ ก่อนเสนอ กกต.พิจารณาฟันไม่ฟันสัปดาห์หน้า
       
       วันนี้ (8 มิ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคำวินิจฉัยยุบพรรคของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ และข้อมูลการดำเนินคดีอาญากับผู้บริหารพรรคการเมือง ที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ที่สำนักงานฯได้ดำเนินคดีอาญากับผู้บริหารพรรคการเมืองไปแล้ว 3 พรรค เมื่อเดือน ก.ค.2549 ประกอบด้วย พรรคแผ่นดินไทย ประชาธิปไตยก้าวหน้าและพรรคพัฒนาชาติไทย โดยส่งเรื่องให้ กกต.จังหวัดที่รับผิดชอบ เช่น กกต.ตรัง ไปดำเนินการ จึงเหลือเพียงอดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ที่ กกต.ชุดที่แล้วยังไม่ได้มีการสั่งดำเนินคดี โดยสำนักงานได้เสนอรายงานความเห็นของอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน ที่ระบุว่า ควรจะมีการดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทยและผู้เกี่ยวข้องรวม 9 ราย แต่ กกต.ชุดที่แล้วยังไม่ได้พิจารณา
       ซึ่งเพื่อความรอบคอบเพราะ กกต.ชุดนี้เข้ารับช่วงต่อ จึงได้มอบเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียน และปัญหา หรือข้อโต้แย้งคณะที่ 4 ที่มี นายประชิต ศรศักดา อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นประธาน ไปพิจารณาดูสำนวนความเห็นของอนุกรรมการ ชุดนายนาม ว่า มีพยานหลักฐานอย่างไร และสรุปความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต.ให้พิจารณาอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า เพื่อที่จะ กกต.จะได้มีมติดำเนินการตามมาตรา 8 และ 16 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้งสั่งดำเนินคดีอาญา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบหนังสือของ นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ ที่ขอให้ กกต.พิจารณาสอบสวนเอาผิดกับพรรคการเมืองอื่นที่มีพฤติกรรมในทำนองรับจ้างส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่า ขาดคุณสมบัติลงสมัครไม่ได้ โดยได้มอบให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ เพราะถ้าไม่ดำเนินการก็จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
       
       สำหรับรายชื่อ 9 คน ในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัคร ซึ่งอนุกรรมการสืบสวน ชุด นายนาม เสนอให้ กกต.เอาผิด ได้แก่ 1.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย 2.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย 3.พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต คนใกล้ชิด พล.อ.ธรรมรักษ์ 4.พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ผู้ใกล้ชิด พล.อ.ไตรรงค์ 5.นายพงษ์ศรี ศิวาโมกข์ 6.นายทวี สุวรรณพัฒน์ 7.นายธีรชัย (ต้อย) จุลพัฒน์ คนสนิท พล.อ.ธรรมรักษ์ 8.นายสมชาย สุขประเสริฐ ผู้ชักชวนพรรคเล็กให้มาลงสมัคร และ 9.นายประพันธ์ พรหมรัตน์ ผู้รับเงินไปมอบให้ นางฐัติมา ภาวะลี เป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้งของพรรคแผ่นดินไทย
-----------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000066580
-----------------------------------------------------------------------------------------------

กรรมตามสนอง อิอิ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กกต.ขยับฟันอาญาซ้ำ! คาด “ธรรมรักษ์-เพ้ง-เสธ.ไอซ์” โดนแน่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 09-06-2007, 22:43
กกต.สั่ง จนท.รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีอาญาอดีต กก.บห.ทรท.
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 มิถุนายน 2550 15:15 น.
 
 
       นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต. กำลังพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีอาญากับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย  ซึ่งได้มอบหมายให้อนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 4 ชุดที่มีนายประชิต ศรศักดา เป็นประธาน ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอความเห็นมา ว่ามีหลักฐานพอที่จะดำเนินคดีกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยคนใดบ้าง โดยให้เสนอความเห็นมาให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า
        ทั้งนี้ ในโอกาสวันสถาปนาสำนักงาน กกต.ครบรอบ 9 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้มอบหมายให้นางสาวปอรรัชม์ ยอดเณร รองโฆษกพรรคชาติไทย นำกระเช้าดอกไม้มามอบเพื่อร่วมแสดงความยินดี ซึ่งประธาน กกต. ได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่พรรคชาติไทยให้กำลังใจ กกต.ในการทำงาน

 http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000066551