ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 17-05-2007, 20:57



หัวข้อ: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 17-05-2007, 20:57
รายงานพิเศษ
Believe It or Not!
คมช.ไม่สืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร


การที่ผู้นำคณะรัฐประหาร19/9/49 ปฏิเสธรอบแล้วครั้งเล่าว่า จะไม่มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ภายหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จ และภายหลังจัดการการเลือกตั้งนั้น ดูจะไม่มีใครเชื่อกันนัก

ความหวาดระแวงว่าคณะรัฐประหารจะสืบทอดอำนาจเผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจการบริหารของตนเองออกไปนั้น เนื่องเพราะความเป็นไปในทางประวัติศาสตร์นั้น ไม่เคยมีคณะรัฐประหารชุดใดเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะยอมก้าวลงจากหลังเสือแบบง่ายๆ แล้วคืนอำนาจการปกครองให้กับประชาชน มีแต่การสืบทอดอำนาจการบริหารออกไปให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้กันทั้งนั้น

ลองอ่านดู "ความนัยระหว่างบรรทัด" ดูก็จะเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่ยากเลย...

1.การรัฐประหารปี พ.ศ.2490:สืบทอดอำนาจเผด็จการนาน10ปี

สาเหตุ: พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีใส่ร้ายว่านายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พัวพันอยู่เบื้องหลังกรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ประกอบกับคณะทหารไม่พอใจที่บทบาทของทหารถูกลดเกียรติภูมิลง หลังจากไปร่วมกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
เหตุการณ์: จอมพลผิน ชุณหะวัณ ทำการรัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน 2490 โดยบอกว่า"รักชาติจนน้ำตาไหล"(หนังสือพิมพ์สมัยนั้นล้อเลียนว่ารักชาติจนน้ำลายไหล) แล้วฟื้นฟูเกียรติของจอมพลป.พิบูลสงคราม จากอาชญากรสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเนรเทศนายปรีดีไปต่างประเทศ
การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารชุดนี้ครองอำนาจมาจนถึงปี พ.ศ.2500 รวมสืบทอดอำนาจ 10 ปี

2. การรัฐประหารปี พ.ศ.2500:สืบทอดมรดกเผด็จการนาน16ปี
สาเหตุ: พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป.ชนะเลือกตั้งท่วมท้น พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเลือกตั้งสกปรก ขณะที่มีข่าวว่าจอมพล ป.จะฟื้นคดีกรณีในหลวงรัชกาลที่ 8 สวรรคตขึ้นมาเพราะมี "ข้อมูลใหม่" ว่านายปรีดีเป็นแพะทางการเมือง

เหตุการณ์: จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ โดยการสนับสนุนของCIAได้ทำรัฐประหารโค่นจอมพล ป.ลงจากอำนาจ ตัวจอมพลป.รวมทั้งจอมพลเผ่าคู่อริสำคัญ หนีตายไปต่างประเทศ จอมพลสฤษดิ์สร้างธรรมเนียมใหม่ด้วยการเข้าเฝ้าถวายรายงานการปฏิวัติต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรก
การสืบทอดอำนาจ: จอมพลสฤษดิ์ตั้งพลเรือนสลับกับจอมพลถนอม ลูกน้องสนิทเป็นรัฐบาลหุ่นอยู่ 2 ปี แล้วก็ทำการรัฐประหารตัวเอง ขึ้นเป็นนายกฯเอง ออกกฎหมายสั่งยิงเป้าคนได้โดยไม่ต้องขึ้นศาล กับได้งบจากอเมริกามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จนทำให้เขาเป็นคนร่ำรวยมหาศาล ภายหลังเขาตายคาอำนาจ สฤษดิ์มีเงิน 2,000 ล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็ไม่น่าต่ำกว่า2แสนล้านบาท)

ด้วยการบีบคั้นของสังคม จอมพลถนอมที่ขึ้นรับช่วงอำนาจต้องยึดทรัพย์ลูกพี่ไป 600 ล้านบาท เฉพาะที่พิสูจน์ได้ชัดว่าโกงมาจริงๆ

จากนั้นจอมพลถนอมก็สืบทอดอำนาจมรดกเผด็จการของจอมพลสฤษดิ์ต่อเนื่องยาวนานไปจนถึง 16 ปี ก่อนจะถูกพลังประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มในกรณี 14 ตุลาคม 2516

3. การรัฐประหาร6ตุลาคม2519:มรดกตกทอดหลายรุ่นรวม12ปี
สาเหตุ: จอมพลถนอม-จอมพลประภาส ที่ถูกนักศึกษาประชาชนขับไล่ออกไปในคราวเหตุการณ์14ตุลาคม 2516 และโดนยึดทรัพย์สินไปหลายร้อยล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็หลายหมื่นล้านบาท) เดินทางเข้าประเทศ เกิดกระแสคัดค้านอย่างหนัก รัฐบาลพลเรือนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แถมยังแก่งแย่งอำนาจกันเป็นหลัก ทำให้นักศึกษานิยมซ้าย ได้จัดการประท้วง สื่อมวลชนขวาจัด "ดาวสยาม"และบางกอกโพสต์ ได้ตัดต่อภาพบิดเบือน ทำให้กลุ่มมวลชนฝ่ายขวาร่วมกับกองกำลังจากป่าหวาย และตชด.เข้าล้อมปราบกวาดล้างนักศึกษานิยมซ้ายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ตุลาคม 2519

เหตุการณ์: พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ภายใต้การสนับสนุนของ "กลุ่มทหารหนุ่ม" นำโดยคณะทหารนำโดยจปร.7 เช่น พ.อ.จำลอง ศรีเมือง, พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร, พ.อ.มนูญ รูปขจร, พ.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พ.อ.บุลศักดิ์ โพธิเจริญ(ยศขณะนั้น)เป็นต้นเข้ายึดอำนาจ
การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูปได้ตั้งรัฐบาลหุ่นนำโดยนายธานินท์ กรัยวิเชียร ใช้นโยบายขวาจัด ปราบปรามฝ่ายซ้ายอย่างเด็ดขาด มีนักศึกษาหนีเข้าป่าราว 3,000 คน และออกกฎหมายให้มีอำนาจสั่งยิงเป้าได้แบบยุคสฤษดิ์ แต่แค่ปีเดียวกลุ่มทหารหนุ่มก็ต้องทำรัฐประหารซ้ำขับนายธานินท์ออก แล้วสนับสนุนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่กลุ่มหทารหนุ่มจะจี้ให้เกรียงศักดิ์ลาออก แล้วสนับสนุนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

พลเอกเปรมได้สืบทอดอำนาจต่อเนื่องจากการรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ต่อเนื่องไปอีกรวมแล้ว 12 ปี แต่ได้ปรับแต่งเนื้อตัวจากเผด็จการเต็มใบมาเป็นประชาธิปไตยครึ่งไป และมีทีท่าประนีประนอมกับทุกฝ่ายในสังคมมากขึ้น

4. รัฐประหารปี พ.ศ.2524:นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
สาเหตุ: คณะทหารหนุ่มไม่พอใจที่พลเอกเปรมไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องของพวกตน จึงเข้าทำรัฐประหารเมื่อ 1 เมษายน 2524 มีประชาชน(ที่จัดตั้งไว้)มามอบดอกไม้ให้คณะรัฐประหาร แต่พลเอกเปรมสามารถพลิกสถานการณ์ได้เมื่อได้ถวายอารักขาในหลวงและพระราชินี และแต่งตั้งกองบัญชาการปราบกบฏนำโดยพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก(ยศขณะนั้น เหมือนพลเอกสพรั่งในขณะนี้ เพราะแค่ข้ามปีก็พรวดพราดขึ้นเป็นพลเอก เป็นผบ.ทบ.)ในที่สุดกลุ่มทหารหนุ่มต้องยอมแพ้ เดินทางออกนอกประเทศ

เหตุการณ์: ถ้าว่าเฉพาะกำลังทหารนั้นกลุ่มทหารหนุ่มสามารถเอาชนะได้ไม่ยากเลย เพราะคุมกำลังไว้หมด แต่เนื่องจากพลเอกเปรมยึดกุมยุทธศาสตร์ที่เหนือกว่า จึงนำความพ่ายแพ้มาสู่กลุ่มนายทหารหนุ่ม

การสืบทอดอำนาจ: พลเอกเปรมปกครองแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ เปิดทางให้นักศึกษาฝ่ายซ้ายกลับเข้าเมือง ถ่วงดุลการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ กุมอำนาจทั้งฝ่ายทหาร เมื่อมีใครทำท่าจะขึ้นมามีบทบาทโดดเด่นก็ขจัดพ้นทาง เช่น กรณีปลดฟ้าผ่าพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก พ้นจากอำนาจ
พันเอกมนูญ รูปขจร ทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 9 กันยายน 2528 แต่ก็ถูกปราบลงราบคาบ ถูกถอดยศเป็นนายมนูญ(ก่อนจะกลับมารับราชการได้อีกครั้งในยุครัฐบาลชาติชาย)

นอกจากนั้นยังแยกสลายพลังฝ่ายการเมือง โดยมีพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนในทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หากมีใครทำท่าจะขึ้นมามีบทบาทเชิงแข่งขันทางการเมือง เช่น กรณีพลตรีประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชฃาติไทย(ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)ประกาศจะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรมก็ผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้าน กระทั่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เป็นลูกพรรคขณะนั้นบ่นด้วยความเข็ดขยาดว่าเป็นฝ่ายค้านแล้ว”อดอยากปากแห้ง”
เกิดยุคสะตอสามัคคีขึ้นมาในช่วงนี้ ประชาธิปัตย์ยึดภาคใต้ได้เด็ดขาด มีเพียงม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในยามเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ยืนซดสู้นอกสังเวียนอย่างพอจะสูสีบ้าง แต่ในกลางปี 2531 พลเอกเปรมถูกนักศึกษาออกมาขับไล่ เมื่อหาทางลงที่สง่างามในตำแหน่ง "รัฐบุรุษ" ได้ พลเอกเปรมก็ลาออก แต่เลขาธิการนายกฯ ขณะนั้นคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ บอกว่า"แค่โรงเรียนปิดเทอม เดี๋ยวไม่นานก็จะเปิดเทอมใหม่”
พลเอกเปรมปิดฉากกองมรดกรัฐประหาร6ตุลาคม2519ลงด้วยเวลาสืบทอดอำนาจยาวนานกว่า 12 ปี...

5. การรัฐประหารปี พ.ศ.2534:โฉ่งฉ่างเกินไปจนหมดสิทธิ์สืบทอดทายาทอสูร
สาเหตุ: คณะทหาร จปร.5 นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี ได้ยินข่าวลือว่าพวกตนจะโดนปลด หลังจากที่หนังสือพิมพ์ยุให้ทำรัฐประหารรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เลยไปหยิบยกอ้างว่าอดีตกลุ่มทหารหนุ่ม จปร.7 มีการลอบสังหารพลเอกเปรมและบุคคลสำคัญระดับสูง ในช่วงหลังพ่ายแพ้จากการรัฐประหารปี 2524 จึงต้องออกมาทำรัฐประหารโดยอ้างว่าเพื่อปกปักรักษาราชบัลลังก์ และกำจัดรัฐบาลคอรัปชั่น
เหตุการณ์: ประชาชนที่จัดตั้งก็นำดอกไม้มามอบให้คณะรัฐประหาร พลเอกสุจินดาสร้างธรรมเนียมใหม่คือนอกจากเข้าเฝ้าถวายรายงานการรัฐประหารแล้วก็ยังให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้พวกตนเป็นคณะรสช.ด้วย มีการนำเทปวิดีโอคำสารภาพของพ.อ.บุลศักดิ์ นายทหารจปร.7กรณี "ลอบสังหารบุคคลสำคัญ" ออกมาฉายให้ประชาชนชมหลายรอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การรัฐประหาร รวมทั้งตั้ง คตส.มีพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ขึ้นอายัดทรัพย์รัฐบาลชาติชาย แต่หลังๆ ก็ยึดไม่ได้ซักบาท ต้องคืนให้นักการเมืองหมด

การสืบทอดอำนาจ: มีการตั้งพรรคสามัคคีธรรมให้หนุนพลเอกสุจินดาเป็นนายกฯ ทำให้ประชาชนคัดค้านนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ส่วนในกองทัพก็ตั้งน้องชายของพลเอกอิสระพงศ์สืบทอดอำนาจ ว่ากันว่ามีแผนการสืบทอดอำนาจทางการทหารไปยาวกว่า 20 ปี
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุนองเลือดขึ้น ในหลวงได้ขอให้คู่ขัดแย้งยุติการนองเลือด แต่กลุ่มผู้ต้องการสืบทอดอำนาจก็ยังดึงดันจะให้พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ เป็นนายกฯ นอมินี่ แต่ด้วยเดชะพระบารมีคลี่คลายให้เหตุการณ์ยุติลง เมื่อมีโปรดเกล้าฯ ให้นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน
ทำให้คณะรัฐประหารชุดนี้อยู่ในอำนาจสั้นที่สุดเพียงไม่ถึง 2 ปี

6. การรัฐประหารปี พ.ศ.2549:ประสงค์ร่างรธน.เปิดช่องสืบทอดอำนาจคมช.
สาเหตุ: สนธิ ลิ้มทองกุล นักธุรกิจหนังสือพิมพ์ขัดผลประโยชน์กับนายกรัฐมนตรีทักษิณทั้งเรื่องหนี้สิน และอภิสิทธิ์สัมปทานโทรทัศน์ เริ่มก่อการประท้วงได้แนวร่วมจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำโดยประชาธิปัตย์ นักวิชาการ ชนชั้นสูง และนักธุรกิจฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณเช่นประชัย เลี่ยวไพรัตน์-เอกยุทธ อัญชัญบุตร ผนวกกับกลุ่มอำนาจเก่าที่ฝังลึกผ่านบทบาทของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และนักธุรกิจสื่อสารมวลชน ร่วมกันโค่นล้มสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" โดยกล่าวหาว่าทักษิณขายหุ้นบริษัทชินฯโดยหนีภาษี เป็นการขายชาติ และสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่ากำลังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน 2 ฝ่ายคล้ายกับกรณี6ตุลาฯ

เหตุการณ์: พลเอกเปรมแสดงตัวอย่างไม่ปิดบังว่า เป็นศูนย์บัญชาการ และศูนย์รวมจิตใจของการรัฐประหาร โดยการรัฐประหาร19/9/49มีขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการจัดการเลือกตั้ง15ตุลาคม2549ไม่ถึง 1 เดือน ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุนองเลือด โดยให้พลเอกสนธิ บุณยะรัตนกลิน เป็นผู้นำคณะรัฐประหาร ได้กำลังหลักจากพลโทสพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่3 (ยศขณะนั้น)เข้าทำการรัฐประหาร มีกองกำลังทหารเสือพระราชินีของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นกำลังหลักอีกหน่วย กองกำลังรัฐประหารใช้สัญลักษณ์สีเหลือง และสีฟ้าผูกตามแขนและปากกระบอกปืน และใช้ชื่อต่อท้ายว่า "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" ทำให้ต่างชาติเข้าใจว่าสถาบันฯสนับสนุนการรัฐประหาร ต่อมาจึงต้องตัดออก

การสืบทอดอำนาจ: ผู้นำคณะรัฐประหารยืนยันหลายครั้งว่า จะอยู่ในอำนาจเพียง 2 สัปดาห์แล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่แล้วก็มีการตั้งรัฐบาลหุ่นให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าจะเป็นรัฐบาล 1 ปี ส่วนคณะรัฐประหารแปลงร่างเป็นคณะมนตรีความมั่นคงฯ(คมช.) โดยมีอำนาจการบริหารคู่ขนานไปกับรัฐบาลหุ่น จากนั้นมีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฉบับประชาชนที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แล้วได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นร่างฉบับใหม่ โดยคณะรัฐประหารบอกว่าจะร่างให้มีเอกลักษณ์สอดคล้องกับวัฒนธรรม "แบบไทยๆ"

ขณะที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ “ลูกป๋า”คนสำคัญรายหนึ่ง ได้ขึ้นเป็นประธานการร่างรัฐธรรมนูญ และประกาศโดยไม่ปิดบังว่า ที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

ที่น่าประหลาดอยู่อย่างก็คือผู้นำรัฐประหารหนล่าสุดนี้คือพลเอกสนธิ บอกว่าเห็นข้อมูลตรวจสอบการคอรัปชั่นของรัฐบาลทักษิณแล้วอยากจะร้องไห้ วลีนี้ไม่ต่างกันเลยจากที่จอมพลผิน ผู้นำการรัฐประหารปี 2490 ที่บอกว่ารักชาติจนน้ำตาไหล(ที่เอาไปเอามาก็จบลงด้วยการรักชาติจนน้ำลายไหล!)

ที่เป็นธรรมเนียมอีกอย่างก็คือคณะรัฐประหารชุดนี้ก็ประกาศเช่นเดียวกับคณะก่อนๆว่า ทำการเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหมู่คณะ ไม่มีความมักใหญ่ไฝ่สูงทางการเมืองใดๆเลย

:slime_doubt:สุดท้ายก็จบลงด้วยการสืบทอดอำนาจเผด็จการกันยาวนานนับ10-20ปี...หรือจะมีข้อเว้นให้กับคณะรัฐประหารชุดนี้ ท่านเชื่อหรือไม่?




หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 17-05-2007, 21:02
หมายเหตุ:ผมเคยโพสต์ไว้ที่ราชดำเนิน และประชาไทมาก่อน น่าจะหลายเดือนมาแล้ว คิดว่าสอดคล้องกับเหตุการร์ปัจจุบันที่"บัง"เกิดอยากเป็นนายกฯขึ้นมา เลยนำมาลงที่เวปนี้อีกทีคะรับ


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 17-05-2007, 21:05
"อำนาจที่หอมหวาน ไม่อาจต้านทาน พลังมวลชน"



Believe It or Not!



หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 17-05-2007, 21:22
ดีใจมากเลย ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 17-05-2007, 21:53
เหตุการณ์ 19 กย.ที่ผ่านมา
ถ้าตีความหมาย "เผด็จการ" ตามวิธีการเข้ามายึดอำนาจ โค่นล้มนายกเก่า
ว่า "ทหาร" กลุ่มที่ "ใช้กำลัง" เข้ามานี่แหละ
คือตัวเป็น ๆ แห่งความหมาย - เผด็จการ
ก็อาจจะเป็นการตีความที่ตื้นเขิน-รู้ไม่เท่าทัน ไปหน่อย

เพราะหลังจากนั้นมา เรา ๆ ก็เห็นกันอยู่ว่า
มันมีอะไร ยึก ๆ ยัก ๆ แอบแฝง ซ่อนเร้น ขบเหลี่ยม กินนัย กันมาโดยตลอด
ระหว่าง ตัวละครที่ออกมาอยู่หน้าโรง 2 ตัว
ไม่รวม นายโรง ที่บอกบท ชักใย อยู่เบื้องหลัง

ถ้า ณ เวลานี้ ผมมอง พล.อ.สนธิ เป็นแค่ "เบี้ย" ตัวหนึ่งเท่านั้นนะ
ไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญอะไรมากมาย
ไม่รู้ จะถูกผลักไปให้เขา "กิน" ตอนไหน

ถึงแก (อาจ)จะมีความคิดแอบจิตทะเยอทะยานอยากขึ้นเป็นใหญ่อยู่บ้าง
แต่ตามรูปการณ์แล้ว คงเป็นไปได้ ยากสสสสสส์
เพราะ "นักแสดงรับจ้าง" จะอาจหาญขึ้นมาเป็น ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ก็คงไม่ใช่

ถึงตอนนี้ ผมกลัว ตัว "โคนขี้เหร่" ที่คนมองว่า ไม่เห็นมีบทบาทอะไร
นอกจากเดินวนไปวนมา โยกหน้าถอยหลัง อยู่กลางกระดาน
แต่อย่าลืมว่า วิถีการเดินของโคนตัวนี้ อยู่ภายใต้รัศมีของ "ขุน" ตลอด

เมื่อ "วางหมาก" ได้ตามที่ต้องการแล้ว
จะเลิกเล่น ล้มกระดาน หรือจะแพ้/จะชนะ จะยังไง...ก็คงไม่แปลก
เพราะ กระดานประเทศไทย เป็นไปตามที่ "เขา" ต้องการแล้ว

อืมม...ขี้เกียจ พรรณนาโวหาร ให้ปวดหัว เสียเวลา แล้วล่ะ
สรุปสั้น ๆ ว่า

อนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลของประเทศไทย

เมื่อ "ทุนนิยมสามานย์" ไป แล้ว "อมาตยาธิปไตย" มา

มันจะมีอะไรดีขึ้น เลวลง ก็ยังไม่รู้


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 17-05-2007, 21:59
ผมเห็นไม่ต่างจากคุณSex_Machine ในกรณีของสนธิ บังฯครับ


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จก
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 18-05-2007, 01:22
๑๙ ก.ย. ๔๙ : รัฐประหารครั้งสุดท้ายของไทย โดย คุณชำนาญ จันทร์เรือง


      หนึ่ง ในจำนวนบรรดาผู้คนจำนวนมากที่มีความรู้สึกอึดอัดขัดข้องและทุกข์ระทมใน ประเทศไทยปัจจุบันนี้คงจะต้องรวม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร ๑๙ ก.ย. ๔๙ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหารในครั้งนี้เข้าไปด้วยอย่างแน่นอน
     
       เนื่องเพราะการตัดสินใจทำรัฐประหารในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างไม่มีการเตรียม พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากการรัฐประหารที่ผ่าน ๆ มาในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านจากกลุ่มอำนาจเก่าหรือคลื่นใต้น้ำ การก่อความไม่สงบไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดหรือเผาโรงเรียนที่ระบาดจากภาค ใต้เข้าสู่เมืองหลวงและเมืองอื่นๆ การชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ การเข้าเกียร์ว่างของบรรดาข้าราชการทั้งหลายทั้งข้าราชการประจำและข้า ราชการการเมืองที่คณะรัฐประหารตั้งมาเองกับมือแท้ ๆ ตลอดจนการไม่ยอมรับจากบรรดานานาประเทศที่ต่อต้านการยึดอำนาจโดยใช้กำลัง ฯลฯ
     
       การขับเคลื่อนรัฐนาวาเป็นไปด้วยความอึดอัด ขัดข้อง จะเดินหน้าก็เดินไม่ได้ จะถอยหลังด้วยการวางมือกลางคันก็ไม่ได้เพราะเกรงว่านอกจากจะถูกตามเช็คบิล แล้วยังต้องเสื่อมเสียถึงเกียรติประวัติวงศ์ตระกูลเสียอีก เพราะต้นทุนเดิมที่มีอยู่ค่อนข้างสูงด้วยความเชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้รับการ ยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เหนือเส้นมาตรฐานของความดี แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วความดีต่าง ๆ ที่สั่งสมมาไม่ได้ช่วยให้การบริหารประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นแต่อย่างใด แต่กลับถูกว่ากล่าวโจมตีอย่าง เสีย ๆ หายๆ รวมไปถึงการขุดคุ้ยทั้งเรื่องจริงและไม่จริงออกมาก่นด่าประจานโดยเฉพาะ อย่างยิ่งทางสื่ออีเล็กโทรนิก
     
       จากประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ผ่านมาไม่มีคณะรัฐประหารใดที่จบลงอย่างสวยงามเลย แม้แต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ และ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ เจ้าของวลีอมตะ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ที่ บางคนยังถวิลหาความเด็ดขาดในการบริหารบ้านเมือง มีการยิงเป้าผู้ถูกข้อหาลอบวางเพลิงและข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ด้วยการใช้ ม.๑๗ อย่างมากมาย จนท้ายสุดต้องเสียชีวิตคาตำแหน่ง แต่ทรัพย์สมบัติหรือมรดกตกทอดก็ต้องถูกตามยึดอายัดตกเป็นของแผ่นดินด้วย ม.๑๗ ที่ตนเองใช้ประหารชีวิตผู้อื่นนั่นเอง
     
       การรัฐประหารครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ รัฐบาลโดยพระยามโนปกรณ์นิติธาดานายกรัฐมนตรีได้ประกาศพระราชกฤษฎีกา"ให้ปิดสภาผู้แทนราษฎรและตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่” โดยยุบคณะรัฐมนตรี แล้วตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็นผลให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสมัยโดยมิได้รับ ความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรพร้อมทั้งงดใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๔๗๕ บางมาตรา ซึ่งน่าประหลาดเพราะพระราชกฤษฎีกาซึ่งถือว่ามีลำดับศักดิ์ทางกฎหมายต่ำกว่า รัฐธรรมนูญแต่กลับไปบังคับให้งดใช้รัฐธรรมนูญ จึงถือได้ว่าเป็นการรัฐประหารเช่นกันแต่เป็นการรัฐประหารเงียบ
     
       แต่ต่อมาเมื่อ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๗๖ พระยามโนฯก็ถูกยึดอำนาจโดยคณะราษฎรเดิมจนต้องเดินทางออกจากเมืองไปลี้ภัย อยู่ที่เกาะปีนังเป็นเวลา ๑๕ ปีเศษโดยมิได้กลับมาเมืองไทยอีกเลยและเสียชีวิตที่นั่น
     
       ส่วนการรัฐประหารของจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ที่รัฐประหารรัฐบาลของตนเองแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับมาราธอนเป็นปีๆ ก็ไม่เสร็จจนเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๑๖ ที่นักศึกษาและประชาชนออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญและขับไล่ออกจากตำแหน่งจน ต้องหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ได้กลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย
     
       การรัฐประหารที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญก็คือการรัฐประหารเมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติหรือ รสช.ที่คณะรัฐประหารของ พล.อ.สนธิ นำรูปแบบมาใช้เกือบทุกอย่างแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี ๔๙ ก็แทบจะลอกมาทุกมาตราเพียงแต่เปลี่ยนจากคำว่า รสช.เป็น คมช.เท่านั้น และผลสุดท้ายของการรัฐประหารของ รสช.ก็จบลงด้วยเหตุการณ์นองเลือด “พฤษภาทมิฬ” อันเศร้าสลดเมื่อปี ๒๕๓๕
     
       เมื่อหันกลับมาดูการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบันที่ล่วงมา ๖ – ๗ เดือนนั้นเล่า นับได้ว่าเป็นการรัฐประหารที่มีผู้คนออกมาแสดงความเห็นคัดค้านอย่างชัดแจ้ง มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ ที่สำคัญคือในโลกของไซเบอร์หรืออินเตอร์เน็ตที่กระทรวงไอซีทีต้องตามไปปิด ไปบล็อกอย่างจ้าละหวั่น แต่การปิดเว็บก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะเป็นเหมือนกับการวิ่งไล่จับเงานั่นเอง
     
       ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญนั้นเล่า โอกาสที่จะไม่ผ่านประชามติก็มีค่อนข้างสูง เพราะในเนื้อหาหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสรรหา ส.ว.ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหากเรามี ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งแล้วก็ไม่รู้ว่าเราจะมี ส.ว. ไว้ทำไมให้อับอายขายหน้าประชาชีเขา เพราะแม้แต่สภาขุนนางของอังกฤษที่มีวิวัฒนาการมาเป็นหลายร้อยปีเดี๋ยวนี้ก็ มีการเสนอให้เลือกตั้งกันหมดแล้ว หากเรามี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งสู้เรามีสภาเดียวเหมือนสวีเดนหรือนอร์เวย์เสียยัง จะดีกว่า
     
       อีกทั้งระบบการเลือกตั้งที่จะใช้แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์แทนแบบเขตเดียวคน เดียวที่เดิมผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีสิทธิ์เท่าเทียมกันไม่ว่าจะอยู่จังหวัด เล็กหรือจังหวัดใหญ่นั้น มองอย่างไรก็ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้ว่าไม่ใช่การจงใจทำลายระบบพรรค การเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าพรรคใหม่ หรือพรรคที่หลงไปเชลียร์คณะรัฐประหารมาตั้งแต่ต้น ที่ตอนนี้ก็คงรู้ซึ้งแล้วว่าเขาคิดอย่างไรกับระบบพรรคการเมืองและยิ่งจะเลว ร้ายมากขึ้นไปอีกหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้ว คมช.หยิบเอา รธน.ที่ต่ำกว่ามาตรฐานฉบับปี ๔๐ มาใช้ซึ่งจะถูกต่อต้านอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน
     
       จากเหตุผลที่ยกมาข้างต้นทั้งหมดนี้ จึงจะเห็นได้ว่าการทำรัฐประหารในยุคต่อไปนี้ “ไม่หมู” แล้วสำหรับการนำรถถังเก่าๆออกมาวิ่งในถนน ยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์พร้อมกับออกประกาศยึดอำนาจเพื่อปกครองผู้คนในยุคที่ โลกมีการสื่อสารถึงกันทั่วโลกในพริบตาเดียวเช่นนี้ให้เชื่อฟังและปฏิบัติ ตามโดยไม่หือไม่อือเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
     
       การห้ามความคิดของคนที่อยากจะทำรัฐประหารนั้นคงห้ามความคิดกันไม่ได้ เพราะคนที่คิดแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยวิธีการมักง่าย ใจร้อน นั้นมีอยู่มากมาย แม้แต่กลุ่มองค์กรที่มีชื่อต่อท้ายว่า “ประชาธิปไตย” ทั้งหลาย ก็ยังพากันเรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจ แทนการแก้ไขปัญหาในวิถีทางประชาธิปไตยตามชื่อเรียกของกลุ่มตนเอง
     
       ฉะนั้น จากบทเรียนอันเจ็บปวดที่ผมยกมาทั้งหมดนี้ จึงเชื่อได้ว่าการรัฐประหาร ๑๙ ก.ย. ๔๙ นี้จะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้ายของไทยเรา ด้วยเหตุว่าคนที่คิดจะทำรัฐประหารต่อไปในอนาคตนอกจากจะ “โง่” แล้วยัง “บ้า” อีกต่างหาก นอกเสียจากว่าอยากจะคิดฆ่าตัวเองและประเทศชาติให้ตายตกไปตามกันเท่านั้น
     
http://pub-law.net/publaw/view.asp?PublawIDs=1095
วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2550

เห็นว่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การรัฐประหารเหมือนกัน
เลยขอแปะด้วย


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 18-05-2007, 01:38
ตราบใดที่ตัวเลือกทางฝ่ายการเมือง อยู่ในมือนัการเมืองหน้าเก่าๆ

ที่ใครๆก็รู้เจตนาว่า กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ในทิศทางแบบไหน

ตราบนั้น การปฎิวัติ หรือการปฎิรูปของการทำรัฐประหาร ยังจะต้องเป็นทางเลือก

ให้ประชาชนคนไทยที่สิ้นหวังกับการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย แบบไร้รากเสมอ

เมื่อถึงวันนั้น เราจะโทษใครดี :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: คาคาชิ ที่ 18-05-2007, 02:12
ผมได้ยินมาว่า ทหารวางตัวคนที่จะเป็นนายกคนต่อไปแล้ว
เป็นทหารแหละ
แต่ไม่ใช่ คมช.

ก็ยัง งง งง อยู่เหมือนกัน


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-05-2007, 09:30
ตอนนี้ เดือน พฤษภาคม 2550 ครับ


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ
เริ่มหัวข้อโดย: aoporadio ที่ 18-05-2007, 10:45
ตราบใดที่ตัวเลือกทางฝ่ายการเมือง อยู่ในมือนัการเมืองหน้าเก่าๆ

ที่ใครๆก็รู้เจตนาว่า กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ในทิศทางแบบไหน

ตราบนั้น การปฎิวัติ หรือการปฎิรูปของการทำรัฐประหาร ยังจะต้องเป็นทางเลือก

ให้ประชาชนคนไทยที่สิ้นหวังกับการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย แบบไร้รากเสมอ

เมื่อถึงวันนั้น เราจะโทษใครดี :slime_doubt:


นี่ไง ข้าพเจ้าถึงมีความคิด(ตอนนี้ยังเปนแค่ความคิด :slime_smile2:)ฝังจิตว่า
อยากพกระเบิดพลีชีพ ไปเดินเล่นแถวเขาดิน เวลา เปิด(สภา)ประชุมสมัยสามาญ :slime_bigsmile:
เล่นที่เดียว 500 เลย :slime_v: ล้างซวย ตระกูล เจี๊ยะ ต่างๆ ที่ส่งใม้ความเลวต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ยันหลาน :slime_evil:
แต่พวกมันก็ชอบโดดประชุมซะเหลือเกิน  :slime_hmm: :slime_hmm:

ส่วน
-งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จการ-

มั๊นก่อบ่แน่ดอกนาย ม้า กะ ลา ยัง เฮ็ดกันจนออกมาเป็น ล่อได้  :slime_bigsmile:
นั่งบนภู ดูหมูกินรำ ควายกินหญ้า คนกลืนน้ำลายตัวเองดีกั่ว :slime_v: :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จก
เริ่มหัวข้อโดย: katindork ที่ 18-05-2007, 11:39



มั๊นก่อบ่แน่ดอกนาย ม้า กะ ลา ยัง เฮ็ดกันจนออกมาเป็น ล่อได้  :slime_bigsmile:
นั่งบนภู ดูหมูกินรำ ควายกินหญ้า คนกลืนน้ำลายตัวเองดีกั่ว :slime_v: :slime_v: :slime_v:

ผมกลัวว่า  เราซึ่งคิดว่าเป็นคนดูจะไม่ใช่คนดูที่แท้จริงหรอกครับ 
เพราะคนดูตัวจริงูที่อยู่บนหอคอย    ก็มองเราเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเดินผ่านฉากเท่านั้น 
ไม่พอที่จะเป็นตัวประกอบ มีบทพูดด้วยซ้ำไป

จริงๆนะครับ :slime_shy:


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จก
เริ่มหัวข้อโดย: Nai_puan ที่ 18-05-2007, 11:51
อ้างถึง
ผมกลัวว่า  เราซึ่งคิดว่าเป็นคนดูจะไม่ใช่คนดูที่แท้จริงหรอกครับ 
เพราะคนดูตัวจริงูที่อยู่บนหอคอย    ก็มองเราเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเดินผ่านฉากเท่านั้น 
ไม่พอที่จะเป็นตัวประกอบ มีบทพูดด้วยซ้ำไป

จริงๆนะครับ :slime_shy:


แบ่งแยก แล้วปกครอง  ไงครับ

ยุทธวิธีโบร่ำโบราณ  ของพวกศักดิดาเก่า

แต่ยังสามารถนำมาใช้ได้ดี ในประเทศไทยยุคปัจจุบัน

เพราะยังมีหลายๆคน ที่ยังนิยมกับการถูกปกครองด้วยอำนาจเถื่อน และอำนาจศักดินา


หัวข้อ: Re: Believe It Or Not! งาช้างกำลังจะงอกจากปาก*** ประชาธิปไตยจะคลอดจากมดลูกเผด็จก
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 19-05-2007, 21:21

แบ่งแยก แล้วปกครอง  ไงครับ

ยุทธวิธีโบร่ำโบราณ  ของพวกศักดิดาเก่า

แต่ยังสามารถนำมาใช้ได้ดี ในประเทศไทยยุคปัจจุบัน

เพราะยังมีหลายๆคน ที่ยังนิยมกับการถูกปกครองด้วยอำนาจเถื่อน และอำนาจศักดินา

ไฉนเลยจะเหมือนพวกลิ่วล้อของหัวหน้าศาสดาลัทธิเหลี่ยมที่ครองเมืองอยู่ สี่ซ้าห้าปี  ถูกแปรสภาพเป็นผีที่ยอมโม่แป้งเหมือนคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปาน กราบไหว้จอมมารทั่นงก ๆ ๆ   :slime_smile2: