ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: pen ที่ 05-04-2007, 13:44



หัวข้อ: จากเรือนปากกาถึงกิตตินันท์ “ขีดสิทธ์” โดยใช้ “กฎบ้าน” เพื่อกำหราบ “หัวใจเสรี”
เริ่มหัวข้อโดย: pen ที่ 05-04-2007, 13:44
ถึง กิตตินันท์
 
“ขีดสิทธ์” โดยใช้ “กฎบ้าน” เพื่อกำหราบ “หัวใจเสรี” อันนี้เจ้าเรือนเข้าใจเป็นอย่างดี
 
การเป็น “เทียนที่ไขแสงอยู่ในบ้านอันมืดมิด” นี่ หนักหนาสาหัสกว่า “โต้พายุกำเทียนสู้ศึก” มากกว่าหลายช่วงขุม
 
ก่อนอื่นต้องนับถือและคารวะในความเป็น “สุภาพบุรุษชน” ของกิตตินันท์ที่มิคิดถือโทษโกรธเป็นอารมณ์ในความต่างกันของอุดมการณ์และอัตตาฐิถิ  มิหนำซ้ำยังเป็นกังวลและห่วงใยในพี่ชายและครอบครัว แม้จะโดน “กฎบ้านขีดสิทธ์” และถูก “ดูถูกเหยียดหยามจากคนในครอบครัว” ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าการเหยียดหยามใดๆ
 
ใจมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
 
สิ่งที่กิตตินันท์ประสพอยู่ เจ้าเรือนรับรู้ด้วยใจว่าคงหนักหนา และอึดอัดใจมิใช่น้อย
 
ตามวิถี “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างทางอุดมการณ์” เพื่อระดมปัญญา อันนี้เจ้าเรือนประจักษ์และเป็นกิจวัตรที่เจ้าเรือนมักจะทำเสมอเมื่อยามได้วิพากย์วิวาทะกับผู้ทรงภูมิความคิดทั้งหลาย
 
ส่วนการชุมนุมเพื่อรวมพลังมวลชนแสดงจุดยืนทางความคิด อันนี้ก็คือสิทธิเสรีพึงมีได้ตามรัฐธรรมนูญ
 
แต่การวิพากย์วิวาทะและชุมนุมมวลชนตามวิถีเสรีที่โดน “ผีเปรต” ครอบงำกรอกหูและตอกย้ำด้วยคำ “หลอกลวงปลิ้นปล้อน” มิได้บริสุทธิ์ด้วยอุดมการณ์และจรรยา อันนี้เจ้าเรือนเป็นห่วงยิ่งนัก
 
ส่อเสี่ยงต่อการปะทะด้วยกำลังและวาจาอย่างมิต้องสงสัยตามที่กิตตินันท์กังวล
 
เมื่อความมืดบอดทางปัญญามันบดบังดวงตาพี่ชายและคนในครอบครัว สิ่งที่กิตตินันท์จะทำได้ดีในสภาวะอย่างนี้ก็คือ ปล่อยเป็นอุเบกขาอย่าเอามาเป็นอารมณ์ในช่วงนี้
 
เมื่อสิทธิเสรีถูกขีดด้วยกฎบ้านที่มืดดำทางปัญญาก็อย่าเพิ่งไป “คัดง้าง” ด้วยเหตุผลและตรรกะใดๆก็ตามในตอนนี้
 
กตัญญูกตเวทีมันมีหลายวิธีที่จะสำแดงให้ประจักษ์ แต่การปรามความคิดคนที่กำลัง “ร้อน” และ  “พลุ่งพล่าน” ในอัตตาตนเองนั้น รั้งแต่จะบาดหมางเคียดแค้นลุกลามบานปลายกลายเป็นแผลลึกในครอบครัว
 
ดั่งแรงเหวี่ยงที่เขวี้ยงลูกตุ้มออกไป ยิ่งเหวี่ยงแรงเท่าไหร่ แรงดึงจากลูกตุ้มก็จะกระชากดึงแขนเราหนักหน่วงเป็นเท่าทวีคูณ
 
ตรรกะทางอุดมการณ์และความคิดก็มิได้แตกต่างจากลูกตุ้มเท่าใดนัก ยิ่งเป็นแรงเหวี่ยงภายในบ้านนั้นยิ่งบอบบางและหนักหนากว่าแรงเหวี่ยงปรกติในสังคม
 
มิได้แนะให้กิตตินันท์ “ขี้ขลาดตาขาว” ต่อ “อัตตาธิปไตย” แม้จะมาประชิดถึงในบ้านก็ตามที
 
แต่สิ่งที่ควรทำของกิตตินันท์ในตอนนี้คือ เป็น “ผู้ไขแสงเสรีในโลกเสมือน” นี้ไปก่อน ซึ่งกิตตินันท์ทำได้ดีและยอดเยี่ยมในสายตาเจ้าเรือน สิ่งที่กิตตินันท์ทำและคิดนั้น “ทรงพลานุภาพ” และ “เป็นคุณประโยชน์ต่อชาติ” มากกว่าออกไปยืนชุมนุมกับกลุ่มใดๆในช่วงนี้
 
ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ของกิตตินันท์มันอยู่ในสภาวะ “แกะขาวในหมู่แกะดำ” ของครอบครัว เพราะคอยแต่จะรุมประณามกิตตินันท์เมื่อจะขยับตัวออกไป
 
ต้องปล่อยให้พวกเขาออกไปลิงโลดกับ “อุดมการณ์ที่มืดบอด” จนเจ็บและสำนึกเอง
 
ความเป็น “สุภาพบุรุษชน” มันต้อง “อดทนและเจ็บปวด” เป็นธรรมดาอย่างนี้ล่ะกิตตินันท์
 
แต่สิ่งที่ได้มา คือ ประสบการณ์อันล้ำค่า ที่หาที่ไม่ไหนได้ และเป็นการพิสูจน์ใจของกิตตินันท์เองว่า “อ่อนแอและอ่อนไหว” ต่อสิ่งชั่วร้ายที่มาประชิดติดตัวในระยะเผาขนเช่นนี้
 
เมื่อฟ้าสางสว่างใสหลังพายุมรสุมรุมเร้าเมื่อใด
 
นอกจากครอบครัวของกิตตินันท์จะ “ประจักษ์ใจในอุดมการณ์ที่เที่ยงธรรม” แม้จะโดนรุมประณามสักเท่าใดแล้
 
กิตตินันท์ยังยืนในสังคมได้อย่างสมสง่าฐานะ “สุภาพบุรุษชน” 
 
http://www.oknation.net/blog/pen/2007/04/05/entry-1
-------------------------------------

คนวันเสาร์... ฝากดูแลพี่ชายผมด้วย
http://www.oknation.net/blog/kittinunn/2007/04/05/entry-1
-------------------------------------
เรือนปากกา บ้านแม่ริม
Pen
5 เมษายน 2550
-------------------------------------


หัวข้อ: Re: จากเรือนปากกาถึงกิตตินันท์ “ขีดสิทธ์” โดยใช้ “กฎบ้าน” เพื่อกำหราบ “หัวใจเสรี”
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 05-04-2007, 14:05

ให้กำลังใจเสมอค่ะ น้องออฟ

Iris ดอกไม้ของผู้กล้า มอบกำลังใจให้ค่ะ


(http://aleph0.clarku.edu/~djoyce/iris/iris.gif)