หัวข้อ: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 03-04-2007, 07:19 ธปท. เผย เหตุประชาชนชะลอการซื้อสินค้าตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง ยอดขายโทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และรถยนต์ ลดวูบ ยกเว้นเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ปรับลดกำลังการผลิต และไม่ขยายการลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า การชะลอตัวของการใช้จ่ายของเอกชนอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อให้ยอดการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยานต์ สิ่งทอ และวัสดุก่อสร้าง 2 เดือนแรกของปีนี้หดตัวลง เนื่องจากผู้ผลิตมองว่า ประชาชนจำเป็นต้องกันเงินไว้ใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จึงลดการใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็นลง และหากเศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง จะส่งผลให้อุตสาหกรรมอีกหลายประเภทต้องปรับลดกำลังการผลิตลงเช่นกัน และอาจจะส่งผลให้การลงทุนใหม่ และการขยายกิจการไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ในของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยอดการผลิตโทรทัศน์ 2 เดือนแรกของปี ผลิตทั้งสิ้น 837,300 เครื่อง ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 8.8 ทั้งนี้ ยอดการผลิตโทรทัศน์ได้ลดลงมาแล้ว 4 เดือนต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2549 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ขณะที่ยอดการผลิตพัดลมลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.2 มียอดการผลิตรวม 369,300 เครื่อง สำหรับการผลิตหม้อหุงข้าว 2 เดือนแรกของปีนี้ ไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 594,900 เครื่อง โดยเห็นการลดการผลิตที่ลดลงชัดเจนในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ยอดการผลิตลดลงร้อยละ 5 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการผลิตตู้เย็นลดลงร้อยละ 0.7 จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดผลิตทั้งสิ้น 644,200 เครื่อง อย่างไรก็ตาม เครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มียอดการผลิตเพิ่มขึ้นใน 2 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีการผลิตเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตทั้งสิ้น 317,400 เครื่อง แต่เริ่มเห็นการชะลอการผลิตลงในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้น เนื่องจากอากาศร้อนในเดือน มี.ค. และ เม.ย. ผู้ผลิตได้เพิ่มการผลิตเครื่องปรับอากาศ โดย 2 เดือนแรกของปี มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.6 หรือ 433,100 เครื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อีกอุตสาหกรรมที่เริ่มเห็นการลดกำลังการผลิตลงอย่างชัดเจนคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยอดการผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.8% ผลิตทั้งสิ้น 43,192 คัน รถยนต์เชิงพาณิชย์ ผลิตลดลงร้อยละ 3.2 มียอดผลิต 138,692 คัน โดยเป็นการลดกำลังการผลิตต่อเนื่องมาแล้วประมาณ 6 เดือน ขณะที่รถจักรยานยนต์มียอดผลิตทั้งสิ้น 336,019 คัน ลดลงร้อยละ 17.6 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง และการลดการใช้จ่ายของประชาชนระดับรากหญ้า โดยเป็นการลดกำลังการผลิตต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2549 หรือติดต่อกันกว่า 14 เดือน นอกจากนั้น อุตสาหกรรมสิ่งทอมียอดการผลิตที่ลดลงร้อยละ 4.4 ขณะที่วัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 1.6 http://www.innnews.co.th/Breaknews.php?nid=29272 เศรษฐกิจรากแก้ว - หญ้าสู่วิกฤติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งสำรวจจำนวนเงินที่คั่งค้าง หรือยังเหลืออยู่ในกองทุนต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลังทั้งหมด เพื่อหาช่องทางนำเงินจากกองทุนออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากแก้ว เช่น กองทุนคืนเงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการงบประมาณ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในระดับรากแก้ว ซึ่งจะประชุมที่ปรึกษา รมว.คลังในวันนี้ (3 เม.ย.) จะพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือรากแก้วเป็นการเฉพาะ ด้านนายฉลองภพกล่าวว่า การเรียกประชุมคณะที่ปรึกษา รมว.คลัง ทั้ง 9 คนชุดใหญ่เพื่อพิจารณาความคืบหน้าเกี่ยวกับงานของกระทรวงการคลังตามที่ประกาศนโยบายไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้จัดตั้งคณะทำงานไว้ 7 ชุดให้ศึกษาแนวทางและกำหนดกรอบการทำงานให้เป็นรูปธรรม ทั้งด้านความโปร่งใสทางการคลัง, โครงการขนาดใหญ่, การพัฒนารัฐวิสาหกิจ, ระบบสัญญาให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน, การดูแลประชาชนระดับรากแก้ว เป็นต้น ส่วนปัญหาการอัดฉีดเงินเข้าสู่ประชาชนระดับรากแก้วโดยตรงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการขับ เคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมที่มีนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม เป็นผู้ดูแล ขณะที่กระทรวงการคลังจะเร่งดูแลให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเป็นผู้อัดฉีดเงินให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรากแก้ว เพื่อกระตุ้นการลงทุนอีกทางหนึ่งซึ่งกำลังหาแนวทางว่าจะดำเนินการได้ อย่างไร .... ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรทำให้ข้าราชการซึ่งต้องรับสนองนโยบายเกิดความสับสนในความหมายของคำว่า รากหญ้า กับ รากแก้ว ยิ่ง รมว.คลัง ให้นโยบายว่า จะอุ้มชูประชาชนในระดับรากแก้ว โดยไม่พูดถึงการช่วยเหลือประชาชนในระดับรากหญ้า ที่สุดอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ เพราะในภาษาเศรษฐศาสตร์ คำว่า รากแก้ว หมายถึง ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real Sector) ที่ทำให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้แก่ประเทศชาติ และประชาชน เช่น อุตสาหกรรมต้นน้ำ ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทห้างร้านต่างๆ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณ-ฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ยังให้ความหมายของ รากแก้ว ว่า เป็นรากหลักที่หยั่งลึกลงไปในดิน ซึ่งหมายถึงไม้ยืนต้น หรือประชาชนรายใหญ่ ส่วนคำว่า รากหญ้า หรือ Grass roots ความหมายในทางเศรษฐศาสตร์ แปลว่า ประชาชนรายย่อย อุตสาหกรรมรายย่อย เช่น พวกเอสเอ็มอี เกษตรกร และผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น. http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=42303 งงกะนโยบายพวกวัตถุโบราณจริงอ่ะ ตอนนี้ไม่ได้ยินคำว่าพอเพียงเล้ย คำว่ารากหญ้าเค้าใช้ถูกอยู่แล้ว ดันทะลึ่งเปลี่ยนเป็นรากแก้วซึ่งไปซ้ำกับคำที่มีความหมายคนละอย่าง เล่นตั้งคำกันเองไม่สนภาษานัก เศรษฐศาสตร์แล้วจะหามาตรฐานที่ไหน หวังว่าคงไม่มึนกับคำที่ตั้งกันเองนะสุดท้ายอย่าเผลอกลับมา ใช้คำว่ารากหญ้าอย่างเดิมล่ะ แก่แต่อายุจริงๆ หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 03-04-2007, 07:31 แถอ่านข่าวให้ดี ก่อนจะวิจารณ์ รากแก้วกับรากหญ้า คนละอันกัน ส่วนความหมายไม่ตรงกันบ้างกับนักเศรษฐศาสตร์ สื่อว่ามาอีกที ไม่ได้มีนักเศรษฐศาศตร์ออกมาพูดยืนยัน... หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 03-04-2007, 08:01 ก็รู้นะครับว่าศก.ช่วงนี้ไม่ดี
แต่ของที่ยกตัวอย่างขึ้นมาชี้วัด ถ้าไม่นับพัดลม อายุการใช้งานเกือบๆสิบปีทั้งนั้น ถ้าเสียก็ต้องซื้อใหม่ ไม่เสียก็ใช้กันต่อไปอีกยาววววว แล้วมันจะวัดอะไรได้อยู่เหรอ แล้วจะยกแอร์มาทำไมพอเข้าหน้าร้อนยอดขายก็เพิ่มขึ้นมันก็ธรรมดาเดี๋ยวคนอ่านก็เข้าใจอะไรผิดๆอีก รถยนต์นี่ก็เหมือนกัน สองปีที่ผ่านมาอัดฉีดกันขนาดหนัก ยอดขายรถมันก็ต้องวูบลงไปสิ ชักสงสัย ทีมข่าวศก.ของสำนักข่าวต้องวิเคราะห์ศก.เป็น หรือสักแต่หาข่าวมาแค่นั้น หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 03-04-2007, 09:03 แถอ่านข่าวให้ดี ก่อนจะวิจารณ์ รากแก้วกับรากหญ้า คนละอันกัน ส่วนความหมายไม่ตรงกันบ้างกับนักเศรษฐศาสตร์ สื่อว่ามาอีกที ไม่ได้มีนักเศรษฐศาศตร์ออกมาพูดยืนยัน... งงอะไรอีกล่ะ รัฐบาลนี้เค้าเปลี่ยนคำว่า "รากหญ้า" เป็น "รากแก้ว" เพราะว่า "รากหญ้า" ฟังแล้วต้อยต่ำ จำข่าวเก่าไม่ได้เหรอ search ในบอร์ดเสรีไทยก็มี แล้วไอ้คำว่า "รากแก้ว" ที่มีความหมายว่า "รากหญ้า" มันคนละความหมายกับคำว่า "รากแก้ว" ที่มีความหมายตามเดิมว่า Real Sector นักเศรษฐศาสตร์ก็มา ให้ความเห็นว่ามันสับสน แล้วไงเหรอ อะไรกันเรื่องพื้นๆ แค่นี้ทำงง หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: MueKZerO ที่ 03-04-2007, 09:12 ผมว่าไปทำความเข้าใจกับ ศ.พอเพียง ให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่านะ...
การยืนบนลำแข่งของตัวเองไม่ใช่การประหยัดสุดๆหรือไม่พัฒนาเลย หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 03-04-2007, 09:17 ผมว่าไปทำความเข้าใจกับ ศ.พอเพียง ให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่านะ... การยืนบนลำแข่งของตัวเองไม่ใช่การประหยัดสุดๆหรือไม่พัฒนาเลย เค้าถกกันไปหลายร้อยล้านรอบแล้ว ข่าวเค้าบอกว่า ลด ไม่ได้บอกว่า ไม่ใช้ อ่านดีหรือยัง พูดยังกะเข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียง ดี ให้ประหยัดกันแค่ไหนล่ะ แบบนี้เรียกมากไปหรือไง ถึงต้องปล่อยกู้ให้ใช้จ่ายเพิ่มอีก ให้ความเห็นมีหลักมีการหน่อยก็ดีนะ อย่าพ่นมั่วๆ แบบว่า ตัวเองก็ไม่รู้ หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 03-04-2007, 09:22 แถอ่านข่าวให้ดี ก่อนจะวิจารณ์ รากแก้วกับรากหญ้า คนละอันกัน ส่วนความหมายไม่ตรงกันบ้างกับนักเศรษฐศาสตร์ สื่อว่ามาอีกที ไม่ได้มีนักเศรษฐศาศตร์ออกมาพูดยืนยัน... งงอะไรอีกล่ะ รัฐบาลนี้เค้าเปลี่ยนคำว่า "รากหญ้า" เป็น "รากแก้ว" เพราะว่า "รากหญ้า" ฟังแล้วต้อยต่ำ จำข่าวเก่าไม่ได้เหรอ search ในบอร์ดเสรีไทยก็มี แล้วไอ้คำว่า "รากแก้ว" ที่มีความหมายว่า "รากหญ้า" มันคนละความหมายกับคำว่า "รากแก้ว" ที่มีความหมายตามเดิมว่า Real Sector นักเศรษฐศาสตร์ก็มา ให้ความเห็นว่ามันสับสน แล้วไงเหรอ อะไรกันเรื่องพื้นๆ แค่นี้ทำงง ถูกต้องแล้วครับ รากแก้วที่เขาใช้ หมายถึง Real Sector เขาจึงไม่พูดถึง รากหญ้าไง..ครับ ไม่ใช่เพราะต่ำต้อยอะไร แต่คำมันไม่ตรงกัน.. หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: MueKZerO ที่ 03-04-2007, 09:30 ผมว่าไปทำความเข้าใจกับ ศ.พอเพียง ให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่านะ... การยืนบนลำแข่งของตัวเองไม่ใช่การประหยัดสุดๆหรือไม่พัฒนาเลย เค้าถกกันไปหลายร้อยล้านรอบแล้ว ข่าวเค้าบอกว่า ลด ไม่ได้บอกว่า ไม่ใช้ อ่านดีหรือยัง พูดยังกะเข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียง ดี ให้ประหยัดกันแค่ไหนล่ะ แบบนี้เรียกมากไปหรือไง ถึงต้องปล่อยกู้ให้ใช้จ่ายเพิ่มอีก ให้ความเห็นมีหลักมีการหน่อยก็ดีนะ อย่าพ่นมั่วๆ แบบว่า ตัวเองก็ไม่รู้ แค่คำว่า ให้ประหยัดกันแค่ไหนละ ก็รู้แล้วว่าคุณเข้าใจ ศ.แนวนี้แค่ไหนกัน? หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 09:41 ธปท. เผย เหตุประชาชนชะลอการซื้อสินค้าตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง ยอดขายโทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และรถยนต์ ลดวูบ ยกเว้นเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ปรับลดกำลังการผลิต และไม่ขยายการลงทุน ............................................................................................................................................ งงกะนโยบายพวกวัตถุโบราณจริงอ่ะ ตอนนี้ไม่ได้ยินคำว่าพอเพียงเล้ย คำว่ารากหญ้าเค้าใช้ถูกอยู่แล้ว ดันทะลึ่งเปลี่ยนเป็นรากแก้วซึ่งไปซ้ำกับคำที่มีความหมายคนละอย่าง เล่นตั้งคำกันเองไม่สนภาษานัก เศรษฐศาสตร์แล้วจะหามาตรฐานที่ไหน หวังว่าคงไม่มึนกับคำที่ตั้งกันเองนะสุดท้ายอย่าเผลอกลับมา ใช้คำว่ารากหญ้าอย่างเดิมล่ะ แก่แต่อายุจริงๆ จากกระทู้นี้ ผมเริ่มสงสัยว่าคุณชอบแถมีความรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด แต่รู้ชัดว่าคุณชอบแถ'หางไม่ส่าย'จากเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกในขณะนี้ อนาคตจะเป็น'จิ้งจกเปลี่ยนสี'หรือไม่ ยังคาดเดาไม่ได้ ปล.เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ไม่กล้าอธิบาย ชี้แจงให้บรรดาคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เข้าใจพื้นฐาน แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจใน'ใบบอก' รายวัน... เพราะบรรดาคนรักเหลี่ยม ลี ไม่เข้าใจ หรือ ไม่อยากให้เข้าใจ จะได้ปกครองง่าย หางไม่สายไปที่อื่น ๆ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก คือการสร้าง'บริโภคนิยม' อย่างตะกละตะกลาม เช่น การส่งเสริม การยัดเยียดให้ครูและรากหญ้า ใช้'มือถือ' ให้เป็น'แฟชั่น' แทนการใช้ตามความจำเป็น ตามแนวคิด'ทุนสามานย์' จนเป็นปัญหาของชาติที่รากหญ้าส่วนหนึ่งใช้เงินเกินตัว มีหนี้สินล้นพ้น ไม่มีวินัยทางการเงิน อย่าใช้มิจฉาทิฐิในการวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้เลย จะทำให้คนไทยอื่น ๆ ดูแคลน หมิ่นน้ำใจบริวารเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกเอาได้.... ธปท. เผย เหตุประชาชนชะลอการซื้อสินค้าตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง.... เพราะไม่มีเงิน(?) เพราะกลัวจะไม่มีเงินใช้ในอนาคต(?) ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบ'เศรษฐกิจพอเพียง' ที่คุณชอบแถบิดเบือน หรือ ไม่เข้าใจ......... รัฐบาลญี่ปุ่นหลายปีก่อน อยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบประเทศมีเงินทุนสำรองเหลือเฟือ ด้วยการแจกเงิน 30,000เยน(?)ให้ชาวญี่ปุ่นที่อายุต่ำกว่า 18 และมากกว่า 50 ปี เพื่อใช้จ่ายให้มากขึ้น...... แต่ชาวญี่ปุ่นคิดตรงข้ามกับรัฐบาล ส่วนใหญ่จะเก็บเงินจำนวนดังกล่าวไว้ในบัญชีเงินฝาก แม้จะไม่ได้ดอกเบี้ยรับ ก็ตาม เพราะชาวญี่ปุ่นกังวลสภาพเศรษฐกิจ และกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้จ่ายเมื่อยามจำเป็น.... หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 03-04-2007, 09:42 5555 เรื่อง ศก.พอเพียงคงไม่ต้องเถียงกันแล้วละครับ
ใครเป็นยังไง ศก.พอเีพียงคืออะไร ลองค้นกระทู้เก่าๆดูก็รู้ คุยกันตรงนี้อีกทีก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: เซอร์เวย์ ที่ 03-04-2007, 12:07 (http://i122.photobucket.com/albums/o252/survey12th/untitledashmq3.png)
หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 03-04-2007, 12:51 ยังดักดานบ้าโง่เซ่อเชื่อด็อกเตอร์สุมั่วปัญญาอ่อนอยู่ได้ เรื่องการสร้าง'บริโภคนิยม' อย่างตะกละตะกลาม เช่น การส่งเสริม การยัดเยียดให้ครูและรากหญ้า ใช้'มือถือ' ให้เป็น'แฟชั่น' แทนการใช้ตามความจำเป็น ตามแนวคิด'ทุนสามานย์' จนเป็นปัญหาของชาติที่รากหญ้าส่วนหนึ่งใช้เงินเกินตัว มีหนี้สินล้นพ้น ไม่มีวินัย ทางการเงิน ข่าวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าไม่มีช่องทางการได้เงิน ทุกหมู่เหล่าก็ปรับตัวได้และลดค่าใช้จ่ายเอง ไอ้ที่ บ้าบอใช้แบบไม่คิดมันจะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์ในสังคมจริงกัน ถ้ามันมีเยอะตัวเลขการใช้จ่ายไม่ลดลงหรอก ตาสว่างกันได้แล้ว เมื่อก่อนที่เค้ากล้าใช้เงินเพราะมองเห็นช่องทางหาเงินในอนาคต เศรษฐกิจมันเปิดมอง ไปก็เห็นแต่ความสดใส ตอนนี้มองไปเห็นแต่เหว มันก็ปรับตัวกันตามธรรมชาติตัวเลขที่เห็นเลยเป็นแบบนี้ การแก้ปัญหาผิดทางแล้วจะกลับหลังหันมาปล่อยกู้ยิ่งเป็นการแก้ผิดทางไปอีก ถ้าระบบเศรษฐกิจและการ เมืองยังไม่โปร่งใสเหมือนทุกวันนี้แก้ยังไงก็ไม่รอดหรอก คอยดูก็ได้เผลอๆ ปล่อยกู้ก็ไม่ใช้จ่ายเพิ่มมีแต่ จะกู้แค่จำเป็น หรือกู้ไปโปะที่กู้นอกระบบมากกว่า กระตุ้นไม่สำเร็จหรอกบอกได้เลย ไปคิดว่าคนอื่นโง่ใช้เงินไม่เป็นโดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า สุดท้ายคนที่โง่คือคนที่เชื่อความคิดยัดเยียดที่พวก ชนชั้นศักดินามันยัดเยียดให้ต่างหากจินตนาการเอาเองทั้งนั้นความเป็นจริงตัวเลขนี้ก็พิสูจน์อยู่แล้ว ส่วนเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงคงไม่คุยแล้วหลายร้อยล้านรอบแล้ว ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็กล้าให้ความเห็นกันหน่อย จริงๆ แล้วก็ไม่เข้าใจใช่มั้ยล่ะ อยากรู้อย่างละเอียดกระทู้เก่าๆ ก็มี เยอะ ไอ้นี่ก็ท่องคาถา ศักดินา ศักดินา อยากรู้จริงๆ ว่าที่บ้านอ่านหนังสืออะไร ใช่ดาวแดงหรือเปล่า เห็นแล้วสยองจังว่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี พวกสังคมนิยมจ๋า หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: MueKZerO ที่ 03-04-2007, 12:54 สิ่งสำคัญคือการที่คนเรายืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 03-04-2007, 13:05 .................................... ไอ้นี่ก็ท่องคาถา ศักดินา ศักดินา อยากรู้จริงๆ ว่าที่บ้านอ่านหนังสืออะไร ใช่ดาวแดงหรือเปล่า เห็นแล้วสยองจังว่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี พวกสังคมนิยมจ๋า พวกขี้ข้าของกฎุมพี จะดีกว่าเดรัจฉานก็เพียงอย่างเดียว คือตัวผู้และตัวเมียของพวกมันชำเรากันได้มากกว่า 1 ท่า นอกนั้นแล้วเหมือนกัน สั่งให้นั่งก็นั่ง สั่งให้นอนกลิ้งก็ลงไปนอนกลิ้ง ตามคำสั่งของนายมันเท่านั้น ( แต่ถ้านายมันตายโหง ตายห่าไป มันก็ยินดีรับคำสั่งของใครก็ได้ที่ให้อาหารมันกิน ) หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 22:02 ยังดักดานบ้าโง่เซ่อเชื่อด็อกเตอร์สุมั่วปัญญาอ่อนอยู่ได้ เรื่องการสร้าง'บริโภคนิยม' อย่างตะกละตะกลาม เช่น การส่งเสริม การยัดเยียดให้ครูและรากหญ้า ใช้'มือถือ' ให้เป็น'แฟชั่น' แทนการใช้ตามความจำเป็น ตามแนวคิด'ทุนสามานย์' จนเป็นปัญหาของชาติที่รากหญ้าส่วนหนึ่งใช้เงินเกินตัว มีหนี้สินล้นพ้น ไม่มีวินัย ทางการเงิน ข่าวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าไม่มีช่องทางการได้เงิน ทุกหมู่เหล่าก็ปรับตัวได้และลดค่าใช้จ่ายเอง ไอ้ที่บ้าบอใช้แบบไม่คิดมันจะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์ในสังคมจริงกัน ถ้ามันมีเยอะตัวเลขการใช้จ่ายไม่ลดลงหรอก ตาสว่างกันได้แล้ว เมื่อก่อนที่เค้ากล้าใช้เงินเพราะมองเห็นช่องทางหาเงินในอนาคต เศรษฐกิจมันเปิดมอง ไปก็เห็นแต่ความสดใส ตอนนี้มองไปเห็นแต่เหว มันก็ปรับตัวกันตามธรรมชาติตัวเลขที่เห็นเลยเป็นแบบนี้ การแก้ปัญหาผิดทางแล้วจะกลับหลังหันมาปล่อยกู้ยิ่งเป็นการแก้ผิดทางไปอีก ถ้าระบบเศรษฐกิจและการ เมืองยังไม่โปร่งใสเหมือนทุกวันนี้แก้ยังไงก็ไม่รอดหรอก คอยดูก็ได้เผลอๆ ปล่อยกู้ก็ไม่ใช้จ่ายเพิ่มมีแต่ จะกู้แค่จำเป็น หรือกู้ไปโปะที่กู้นอกระบบมากกว่า กระตุ้นไม่สำเร็จหรอกบอกได้เลย ไปคิดว่าคนอื่นโง่ใช้เงินไม่เป็นโดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า สุดท้ายคนที่โง่คือคนที่เชื่อความคิดยัดเยียดที่พวก ชนชั้นศักดินามันยัดเยียดให้ต่างหากจินตนาการเอาเองทั้งนั้นความเป็นจริงตัวเลขนี้ก็พิสูจน์อยู่แล้ว ส่วนเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงคงไม่คุยแล้วหลายร้อยล้านรอบแล้ว ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็กล้าให้ความเห็นกันหน่อย จริงๆ แล้วก็ไม่เข้าใจใช่มั้ยล่ะ อยากรู้อย่างละเอียดกระทู้เก่าๆ ก็มี เยอะ ข่าวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าไม่มีช่องทางการได้เงิน ทุกหมู่เหล่าก็ปรับตัวได้และลดค่าใช้จ่ายเอง ไอ้ที่บ้าบอใช้แบบไม่คิดมันจะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์ในสังคมจริงกัน ถ้ามันมีเยอะตัวเลขการใช้จ่ายไม่ลดลงหรอก ตาสว่างกันได้แล้ว เมื่อก่อนที่เค้ากล้าใช้เงินเพราะมองเห็นช่องทางหาเงินในอนาคต เศรษฐกิจมันเปิดมอง บิดเบือน เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงตามเคย..... ธปท.และรมว.คลัง กังวลว่าคนมี'เงินสด'ในมือ หรือมี'เครดิท' ชะลอการใช้จ่ายหรือไม่ยอมใช้จ่าย.... ไม่ได้ไปเรียกร้องรากหญ้าที่มีหนี้สินล้นพ้น ไม่สามารถชำระหนี้ ไม่มี'เครดิท'แล้ว ก่อหนี้เพิ่ม บริโภคเพิ่มตามแนวทาง'ทุนสามานย์' ......... :!: ขอเชิญคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ใช้จ่ายมาก ๆ ตราบเท่าที่'ท่อน้ำเลี้ยง'ยังไม่ถูกตัดตอน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 22:09 .................................... ไอ้นี่ก็ท่องคาถา ศักดินา ศักดินา อยากรู้จริงๆ ว่าที่บ้านอ่านหนังสืออะไร ใช่ดาวแดงหรือเปล่า เห็นแล้วสยองจังว่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี พวกสังคมนิยมจ๋า พวกขี้ข้าของกฎุมพี จะดีกว่าเดรัจฉานก็เพียงอย่างเดียว คือตัวผู้และตัวเมียของพวกมันชำเรากันได้มากกว่า 1 ท่า นอกนั้นแล้วเหมือนกัน สั่งให้นั่งก็นั่ง สั่งให้นอนกลิ้งก็ลงไปนอนกลิ้ง ตามคำสั่งของนายมันเท่านั้น ( แต่ถ้านายมันตายโหง ตายห่าไป มันก็ยินดีรับคำสั่งของใครก็ได้ที่ให้อาหารมันกิน ) พวกเศรษฐีใหม่ ร่ำรวยจากการคอร์รั่ปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน ดีกว่าศักดินา บางกลุ่มอย่างไร :?: หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 03-04-2007, 22:12 ข่าวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าไม่มีช่องทางการได้เงิน ทุกหมู่เหล่าก็ปรับตัวได้และลดค่าใช้จ่ายเอง ไอ้ที่บ้าบอใช้แบบไม่คิดมันจะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์ในสังคมจริงกัน ถ้ามันมีเยอะตัวเลขการใช้จ่ายไม่ลดลงหรอก ตาสว่างกันได้แล้ว เมื่อก่อนที่เค้ากล้าใช้เงินเพราะมองเห็นช่องทางหาเงินในอนาคต เศรษฐกิจมันเปิดมอง บิดเบือน เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงตามเคย..... ธปท.และรมว.คลัง กังวลว่าคนมี'เงินสด'ในมือ หรือมี'เครดิท' ชะลอการใช้จ่ายหรือไม่ยอมใช้จ่าย.... ไม่ได้ไปเรียกร้องรากหญ้าที่มีหนี้สินล้นพ้น ไม่สามารถชำระหนี้ ไม่มี'เครดิท'แล้ว ก่อหนี้เพิ่ม บริโภคเพิ่มตามแนวทาง'ทุนสามานย์' ......... :!: ขอเชิญคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ใช้จ่ายมาก ๆ ตราบเท่าที่'ท่อน้ำเลี้ยง'ยังไม่ถูกตัดตอน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครมั่วใครบิดเบือนกันแน่ คิดเองอะดิ ขอที่มาด้วยนะว่า กังวลเฉพาะคนมีเงินสดหรือเครดิต ไม่ยอมใช้จ่าย ในเมื่อข่าวบอกว่า เพื่อหาช่องทางนำเงินจากกองทุนออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากแก้ว(รากหญ้าเดิม) ตามข่าวทีวีเค้าบอกให้เอาไปจ่ายหนี้นอกระบบซะด้วยซ้ำ ไม่มีที่มาที่ไป เค้าเรียกว่า มั่วและบิดเบือน นะคร้าบท่านผู้ชม เหอ เหอ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 22:55 ข่าวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าไม่มีช่องทางการได้เงิน ทุกหมู่เหล่าก็ปรับตัวได้และลดค่าใช้จ่ายเอง ไอ้ที่บ้าบอใช้แบบไม่คิดมันจะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์ในสังคมจริงกัน ถ้ามันมีเยอะตัวเลขการใช้จ่ายไม่ลดลงหรอก ตาสว่างกันได้แล้ว เมื่อก่อนที่เค้ากล้าใช้เงินเพราะมองเห็นช่องทางหาเงินในอนาคต เศรษฐกิจมันเปิดมอง บิดเบือน เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงตามเคย..... ธปท.และรมว.คลัง กังวลว่าคนมี'เงินสด'ในมือ หรือมี'เครดิท' ชะลอการใช้จ่ายหรือไม่ยอมใช้จ่าย.... ไม่ได้ไปเรียกร้องรากหญ้าที่มีหนี้สินล้นพ้น ไม่สามารถชำระหนี้ ไม่มี'เครดิท'แล้ว ก่อหนี้เพิ่ม บริโภคเพิ่มตามแนวทาง'ทุนสามานย์' ......... :!: ขอเชิญคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ใช้จ่ายมาก ๆ ตราบเท่าที่'ท่อน้ำเลี้ยง'ยังไม่ถูกตัดตอน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครมั่วใครบิดเบือนกันแน่ คิดเองอะดิ ขอที่มาด้วยนะว่า กังวลเฉพาะคนมีเงินสดหรือเครดิต ไม่ยอมใช้จ่าย ในเมื่อข่าวบอกว่า เพื่อหาช่องทางนำเงินจากกองทุนออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากแก้ว(รากหญ้าเดิม) ตามข่าวทีวีเค้าบอกให้เอาไปจ่ายหนี้นอกระบบซะด้วยซ้ำ ไม่มีที่มาที่ไป เค้าเรียกว่า มั่วและบิดเบือน นะคร้าบท่านผู้ชม เหอ เหอ :slime_bigsmile: ไม่โต้แย้ง แต่เรียกหาที่มา ที่ไป............................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 23:05 ได้เวลาฉีดยากระตุ้นประเทศ เคียงคู่เศรษฐกิจพอเพียง...
กาแฟดำ 3 เมษายน พ.ศ. 2550 00:01:00 ภาวะเศรษฐกิจอึมครึมขณะนี้มีหลายปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือภาพของความ "ไร้ทิศทาง" ของรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : แต่เป็นภาพของรัฐบาลชั่วคราวที่เดินเก้ๆ กังๆ เด็ดขาดก็ไม่ใช่ หน่อมแน้มก็ไม่เชิง ทำให้เสียโอกาสทองไปแล้ว 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ดังนั้น ข่าวว่าสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับที่ปรึกษาและนักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม จึงควรจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและขึงขังอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวโยงกับธุรกิจด้านอื่นๆ อีกมาก หรือเรื่องของการส่งออกซึ่งก็หนีไม่พ้นว่าเกี่ยวกับเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่กำลังเป็นปัญหา เพราะเงินบาทแข็งค่าถึงจุดที่กระทบต่อผู้ส่งออกอย่างชัดเจนโดยที่ยังไม่ได้ประเมินผลบวกของเงินบาทแข็งกับผลเสียนั้น เมื่อบวกลบคูณหารออกมาแล้วภาพรวมของประเทศชาติเป็นอย่างไร ผู้ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งควรจะเกื้อกูลผู้เสียหายจากเรื่องเดียวกันนี้อย่างไร? แน่นอนว่าเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและการปล่อยเงินกู้เข้าตลาดอย่างเป็นระบบและจริงจังนั้นจะต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง การจะเร่งให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าคือ ร้อยละ 93 ของงบประมาณรวมนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลกลางเองจะต้องมีมาตรการเร่งรัดเป็นพิเศษ มีการตรวจสอบ และ "จี้" ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องเดินหน้าทำตามโครงการทั้งหลายให้ได้ คณะรัฐบาลชุดนี้ต้องสลัดความเป็น "ขิงแก่" หรือ ภาพของความเป็นข้าราชการประจำมากกว่าผู้บริหารระดับชาติด้วยการลงมือลงไม้มาสั่งงานเองให้เดินตามเป้าหมายให้ได้ ยิ่งหลายหน่วยงานราชการขณะนี้ ทำตัวเป็นคน "เกียร์ว่าง" เพราะ "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยเองจะต้องลงมาสั่งการให้เดินเครื่องทุกๆ ด้านก่อนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้งและดำเนินตามกติกาแห่งรัฐเพื่อคืนอำนาจทางการเมืองให้กับประชาชน หากเชื่อกันว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นจุด "ต่ำสุด" แล้ว ก็ต้องแปลว่ามาตรการต่างๆ ที่กำลังจะออกมาต้องไปกระตุ้นถูกจุด นั่นย่อมไม่ใช่เพียงแค่ปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาของนายกฯ หรือของรัฐมนตรีและนักวิชาการจาก TDRI เท่านั้น หากแต่จะต้องระดมสรรพกำลังจากผู้คนทุกเครือข่ายโดยเฉพาะจากภาคเอกชน ภาควิชาการไม่ควรจะจำกัดเพียงแค่สำนัก TDRI และภาคเอกชนก็ไม่ควรจะเป็นแค่คณะกรรมการของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ หอการค้าแห่งประเทศไทย เพราะนี่คือปัญหาระดับชาติที่ต้องการความเห็นหลากหลายจากทุกวงการ โดยเฉพาะจากวงการที่ไม่เคยมีสิทธิมีเสียงในการแสดงออกมาก่อน ที่จะต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่า "ส่วนกลาง" คือ ตัวแทนของธุรกิจและเอกชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เศรษฐกิจระดับรากหญ้า (รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ที่ยังเบิกจ่ายล่าช้าและเงินเข้าระบบช้า) และตัวแทนของธุรกิจต่างชาติรวมไปถึงทุกกลุ่มก้อนที่มีส่วนเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังถกเถียงกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก การลงนามข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับต่างประเทศ รวมไปถึงประเด็นเรื่อง "นอมินี" และมาตรการสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ 30 ทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ stakeholders จะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการถกแถลงเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม จะว่าไปแล้วทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้โดยภายใต้การนำของนายกฯ รองนายกฯ โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รัฐมนตรีการคลังฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ และรัฐมนตรีพาณิชย์เกริกไกร จีระแพทย์ ก็ไม่ขี้เหร่อะไรนักหนา ทำไมดูเหมือนท่วงทีลีลาขยับไม่คล่องตัวเสียที...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี package กระตุ้นเศรษฐกิจเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับ "เศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อความสมดุลแห่งการผลักดันประเทศชาติไปข้างหน้าแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ พรุ่งนี้ก็สายไปเสียแล้ว (เข้ามาร่วมแสดงความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ได้ที่ blog ส่วนตัวของผมที่ www.oknation.net/blog/black ตลอด 24 ชั่วโมงครับ) http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/03/WW12_1238_news.php?newsid=62437 นำมาบทความของ"กาแฟดำ" มาแปะ แล้วอย่าพาลว่า "ตัดแปะ" อีกหล่ะ...............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-04-2007, 23:54 ทัศนะวิจารณ์
พอเพียงภิวัตน์:กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ 3 ชั้น 3 เมษายน พ.ศ. 2550 07:00:00 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผมได้ยินว่าวันนี้จะมีการประชุมเพื่อหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะลดต่ำลง อันเนื่องมาจากหลายปัจจัยทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เมื่อไรก็ตามที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ นั่นหมายถึง รายได้ในกระเป๋าของประชาชนส่วนใหญ่มีน้อยลง ความเป็นอยู่ก็จะลำบากมากขึ้น ครัวเรือนใดที่พอมีเงินออมก็อาจจะไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ครัวเรือนใดที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เงินในกระเป๋าไม่พอจ่าย เรื่องการกู้หนี้ยืมสินก็จะตามมา ที่ร้ายกว่านั้นคือ บางคนหาทางออกไม่ได้ ก็จะต้องไปฝากความหวังไว้กับหวย การพนัน แก้ความเครียดด้วยเหล้ายาปลาปิ้ง อบายมุขต่างๆ ขาดสติปัญญา จนอาจนำไปสู่การคดโกง การลักทรัพย์ การฉกชิงวิ่งราว เกิดเป็นปัญหาทางสังคมตามมา นอกเหนือจากปัญหาทางเศรษฐกิจในตอนเริ่มต้น การป้องกันไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงมีความจำเป็นในเบื้องต้น แต่การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยพิจารณาที่เงื่อนไขทางเศรษฐกิจเพียงมิติเดียว โดยละเลยความสัมพันธ์กับมิติทางสังคม อาจไม่ช่วยให้มาตรการที่ออกมาสัมฤทธิผล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไหนแต่ไรมา มักจะออกมาในรูปแบบของการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ การพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และการส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชน ตัวอย่างของรูปแบบที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่ยอมรับในทางทฤษฎีว่าเป็นมาตรการที่พึงกระทำ ถือได้ว่ามาถูกทางแล้วครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งที่เหลือก็คือ บริบทของสังคมประเทศในขณะนั้นๆ เอื้อต่อการทำให้มาตรการเหล่านี้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริงหรือไม่ มาตรการที่เกี่ยวกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ กับสภาวการณ์ของบ้านเมืองที่บรรดาข้าราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบใส่เกียร์ว่างหรือมีความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษต่อความสุ่มเสี่ยงในการถูกตรวจสอบ ยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบรัดกุมในการปฏิบัติงาน คิดแบบง่ายๆ ก็คือ ไม่ทำอะไรดีกว่า หรือถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ต้องแน่ใจเต็มร้อยว่าจะไม่ถูกเล่นงานในภายหลังได้ มาตรการที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ต้องใช้ระยะเวลาในการก่อให้เกิดผลลัพธ์ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทอดเวลาไป 6 เดือนถึง 1 ปี จนเลยอายุของรัฐบาลชุดนี้ แม้ในระยะสั้น จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นที่มีกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พูดง่ายๆ ก็คือ มาตรการนี้ เกิดขึ้นเพราะเอกชนไม่ลงทุน ประชาชนไม่บริโภคใช้สอยตามปกติ ภาครัฐเลยต้องลงทุนใช้จ่ายเอง โดยคาดหวังว่าจะเป็นแรงส่งให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและการใช้จ่ายของประชาชนตามมา ข้อเสียอีกประการหนึ่งของมาตรการนี้ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงกันสักเท่าใด ก็คือ เป็นเครื่องมือที่ทำให้ช่องว่างของการกระจายรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์จากมาตรการนี้ อาจตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม รวมกระทั่งถึงผู้ออกมาตรการที่ขาดธรรมาภิบาล มาตรการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชน เป็นเรื่องของไก่กับไข่ ซึ่งมีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล เพราะเอกชนคงไม่จำเป็นต้องรอการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐมากนัก หากเขาเห็นโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดที่มีการเจริญเติบโต หรือมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ อยากอ่านเพิ่มเติม หาอ่านจาก.... http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/03/WW12_1218_news.php?newsid=62425 ความคิดเห็นของคนไม่ใช้'มิจฉาทิฐิ' และ ความคิดเห็นของ 'คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก' ที่อยากมีอันเป็นไปในระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ เพื่อให้"นายผู้ชาย" ได้กลับมา 'โกงแต่ทำงาน' หรือ 'ปกป้องผลประโยชน์'ของตนเอง ครอบครัว และพรรคพวก ด้วยการส่งเสริม'บริโภคนิยม' ของ 'ทุนสามานย์'.... หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: MueKZerO ที่ 04-04-2007, 08:42 คุณ ปุถุชน นี้เคยเข้าบอดแลครึเปล่าครับชื่อคุ้นๆรูปแบบก็เหมือนกัน :slime_whistle:
หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-04-2007, 20:27 คุณ ปุถุชน นี้เคยเข้า บอดแลครึเปล่าครับชื่อคุ้นๆรูปแบบก็เหมือนกัน :slime_whistle: บอดแลค :?: หัวข้อ: Re: ประชาชนพอเพียงประหยัดงดจ่ายฟุ่มเฟือย รัฐกลับอัดฉีดเงินกู้เต็มที่ เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 04-04-2007, 21:37 เพื่อนๆอย่าไปว่าแถเค้าเลยนะครับ สงสารเค้า
สมองเค้าก็ได้แค่นี้แหละครับ เข้าใจแถหน่อย :slime_v: |