ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 01-05-2006, 15:51



หัวข้อ: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-05-2006, 15:51
ผมมีความสงสัย อยากจะรู้เรื่องหนึ่ง ไม่เคยรู้มาก่อน
แต่เกิดความสงสัยขึ้นทันที ทันใด.....

ผมกำลังชมภาพยนต์เรื่อง"แดจังกึม"
เห็นบทความรักระหว่างพระเอกกับนางเอก แค่จับมือกัน
กอดกัน ซบกันเท่านั้น ไม่มี จูบกัน หอมแก้มกัน..........

จึงสงสัยว่า ยุคนั้น สมัยนั้น ไม่มี หอมแก้มกัน จูบกัน
แล้วสมัยสยามประเทศของเรา สมัย รัชกาลที่ 1 - 5
มีบทรัก หอมแก้มกัน จูบกัน ไหม ?


มีใครรู้บ้าง......?







หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 01-05-2006, 16:18
ผมเกิดไม่ทัน ฮับ


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: สเลเต ที่ 01-05-2006, 16:27
ไม่เคยดู แดจังกึม
และไม่ได้เกิดในสมัยร.ที่1-5
แต่ก็พอจะตอบได้ค่ะว่า
ในสมัยนั้น
บทกอดจูบ หอมแก้มคงมีล่ะ
ลองไปอ่านวรรณกรรม
ที่แต่งในสมัยนั้นดูสิคะ
ไปหาอ่านบทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาดูก็ได้ค่ะ

บทจูบคาดว่าคงไม่น่าจะมีเน้อ
เพราะคนไทยในสมัยนั้นนิยมเคี้ยวหมากค่ะ


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-05-2006, 16:45
สงสัยต้องขอให้คุณป้า ๆ ทั้งหลายค้น..."บทอัศจรรย์ จากวรรณคดี" มาประกอบ อิ อิ

ในราชดำเนิน มีบทอัศจรรย์ของ พระลอ..พระเพื่อนพระแพง ( ไม่รู้สองรุมหนึ่งหรือเปล่า...)

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W1836417/W1836417.html

ถ้า"เณรแก้ว กับ นางพิม" ก็จะอีกอย่างหนึ่ง

ว่าง ๆ จะลองค้นดู ครับ น่าสนใจกับความอลังการ์ของกวีไทย


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: 100600 ที่ 01-05-2006, 16:54
ลุงปุ อยากรู้เรื่องนี้ กร้าก กกกกกกก ... กอดๆจูบๆ จังๆกึมๆ ซ่าซ่า อิ๊อิ๊ ฮ่าฮ่า
ลุงปุ กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนเนี่ย ฮ่าฮ่า


งั้นมาแลกกัน ... ผมยอมบอกลุง
แต่ลุงต้องเล่าเรื่องราวตำนานรักของลุงกะป้า มีกอดจูบซบระริกๆๆๆๆด้วยเหมือนผมป่ะ เอิ๊ก เอิ๊ก กกก


แนะนำลุงรีบไปตะวันนา พันทิพ เยาฮัน เลยครับ ไปหาหนังไทยเก่าๆหลากรสรักมานั่งดูกะป้าของลุง  5-8 เรื่องครับ

หนังสมัย ร. 1 ... เลือดสุพรรณ (รักระหว่างนางดวงจันทร์กับพระเอกออกรบคู่กันในศึกสงครามเก้าทัพ)
หนังสมัย ร. 2 ... พระอภัยมณี (รักระหว่างผีเสื้อสมุทรกับพระอภัยฯ) หรือ ขุนช้างขุนแผน อิเหนา ของท่านกวีสุนทรภู่ ฯลฯ
หนังสมัย ร. 3 ... นางนากพระโขนง (รักระหว่างนางนากตั้งท้อง พ่อมากไปรบ)
หนังสมัย ร. 4 ... ทวิภพ (รักในกระจกไทมืแมชชีน )หรือThe King & I (รักจากบันทึก'แหม่ม)
หนังสมัย ร. 5 ... อำแดงเหมือนกับนายริด (รักของอำแดงระหว่างต้องโทษเรียกร้องสิทธิสตรี)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 01-05-2006, 16:56
 8) 8) ผมก็จะมาอ่าน อะครับ  บ่รู้เหมือนกัน ขอส่งรูปมาร่วมก็แล้วกันครับ

(http://img355.imageshack.us/img355/1503/r4121733516zf.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 01-05-2006, 16:58
(http://img53.imageshack.us/img53/921/p279018am.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 01-05-2006, 17:06
"จึงสงสัยว่า ยุคนั้น สมัยนั้น ไม่มี หอมแก้มกัน จูบกัน
แล้วสมัยสยามประเทศของเรา สมัย รัชกาลที่ 1 - 5
มีบทรัก หอมแก้มกัน จูบกัน ไหม ?"

ป้าเสลามานั่งตีความคำถามของคุณปุถุชน
ถ้าจะตอบ จากการพิจารณาวรรณคดีสมัยนั้น
คิดว่ามีแน่ ๆ

ในวรรณคดีเรื่องแรก สมัยรัชการที่ 1 ยุครัตนโกสินทร์ นิราศนรินทร์
2 บทที่ว่า

๖๗.  เคยนิทรอรนุ่มเนื้อ แนบเรียม
 
 เดาะกระไดไดเลียม ลอดเคล้น
 
 นาสาสูบรสเทียม ปรางมาศ
 
 สองสนุกล้วนเหล้น เล่ห์นั้นฤาลืม
 
 ๖๘.  เคยโอษฐ์แอบโอษฐ์อ้อน เอาใจ
 
 คำว่าอ่อนวอนอาลัย ล่อเคล้า
 
 นับเดือนเลื่อนปีไป ไกลมิ่ง นะแม่
 
 เยียวอยู่หนหลังเศร้า สวาทแล้วใครโลม



"นาสาสูบรสเทียม ปรางมาศ" อันนี้ชัดเจนว่าหมายถึงการหอมแก้ม


"เคยโอษฐ์แอบโอษฐ์อ้อน เอาใจ"

คำว่า แอบในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525
ให้ความหมายไว้อีกความหมายหนึ่งว่า  :- แนบ หรือ เข้าไปชิด

โอษฐ์แอบโอษฐ์อ้อน ก็ย่อมหมายถึงปากแนบปาก
ซึ่งเป็นลักษณะของ การจูบหรือจุมพิต นั่นเอง

ตามความเห็นของป้าเสลาจึงคิดว่า
ในสมัยนั้นบทรักมีการหอมแก้มและจูบกันแน่นอน...ฟันธง!!



(http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~boonnart/kanok.jpg)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-05-2006, 17:35
ลุงปุลองนึกดูสิ...ลองดูบทชมความงามของใบหน้าทั้งหมด...ปากก็เป็นอีกจุดหนี่งนะที่ชม ๆ กัน

ยังค้นหาบท "ชมนาง" ไม่ได้ อิ อิ


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 01-05-2006, 17:40
(http://img488.imageshack.us/img488/1828/p242519bh.jpg) (http://imageshack.us)

เก็บตกมาจากพันทิป  น่าจะเข้ากับเนื้อเรื่องได้ เน๊าะ... :lol:


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เลิศภพจบพสุธา ที่ 01-05-2006, 17:42
ว่ากันในเบื้องลึกสักนิดมิตรสหาย

อันว่า กามารมณ์ คู่ มนุษย์   มาทุกยุคสมัย

อันว่ากันว่าวรรณกรรมอิโรติคแห่งสยามประเทศต้องยกให้ไตรนิตี้ลิลิต นั่นทีเดียว

ทั้ง ลิลิตยวนพ่าย  ลิลิตเตลงพ่าย ถึงลิลิตพระลอ

สมัย "อินทรายุทธ" นามปากกาแห่ง "นายผี" อัศนี พลจันทร์ เคยวิพากษ์ลิลิตพระลอในแนวมาร์กซิสม์ไว้ว่า

"....การบำเรอด้านกามราคารมณ์เห็นได้อย่างแจ่มชัด และนับเป็นส่วนสำคัญของเรื่องก็ว่าได้ ภาพลามกอนาจารฉาย ฉึ่งตั้งแต่แรกไปจนจบเรื่อง ผู้แต่งกล่าวถึงการหยาบคายไว้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใคร่จะอ้อมค้อมนัก ...แสดงความหื่นกระหายในดำฤษณาประกอบกรรมลามกพรวดลงไปโดยมิได้พะวงว่า แกชื่อเรียงเสียงใด? มาจากไหน? เพิ่งมาไถ่ถามชื่อเอาเมื่อเสร็จกิจแล้ว ..ง อนิจจากาพย์กลอนที่มีชื่อเสียงของสยาม !"

หลังจากเสียงวิพากษ์ ลิลิตพระลอ กลายเป็น "เรื่องโป๊ในราชสำนัก"ไปในทันที หลังจากนั้นมาอีกมีกระแสเรียกร้องให้เผาวรรณคดีไทย ยุคหลัง ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ลิลิตพระลอเป็นเป้าใหญ่


   
สมัยวิพากษ์แห่งยุคนั้น มาเจอยุคนี้เข้า ลิลิตพระลอก็แค่วรรณกรรมธรรมดานี่เองในแง่อีโรติค
นิตยสารต่างๆที่วางแผงในบ้านเมืองเรา ยกระดับนานาสังวาส ไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เดินผ่านแผงหนังสือบ่อยๆกลายเป็นคนหื่นกามได้เอาเลยเชียวครับ


ผมยกบทประพันธ์มาให้ชมสักบท  


สรงสนุกน้ำแล้วกลับ.................สนุกบก  เล่านา
สองร่วมใจกันยก.....................ย่างขึ้น
ขึ้นพลางกอดกับอก..................พลางจูบ
สนุกดินฟ้าฟื้น.........................เฟื่องฟุ้งฟองกาม  


เป็นไงครับ ร้ายกาจ ชัดเจน โจ่งแจ้งเอาเสียเหลือเกิน

มีเวลาจะว่ากันต่อ ....  :P

นึกถึงรุ่นน้องคนนึง สารภาพ กับผมตอนพาภรรยาไปฝากครรภ์ว่า
ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยจับมือกันเลย

เฮ้อ...เด็กสมัยนี้



 

 



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 01-05-2006, 17:43
อิอิ นั่งมองดูท่านๆทั้งหลายตอบแล้วก็คงไม่มีอะไรเพิ่ม แต่ยอมรับว่าวรรณคดีเช่นขุนช้างขุนแผนนั้นบรรยายบทอัศจรรย์ได้ ฮู้ววว เด็กอย่าอ่านเลย :lol:

ส่วนนิยายที่ใช้ฉากในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีนี่ครับ ตอนที่แม่พลอยแต่งงานกับคุณเปรมในคืนแรก เนื่องจากเป็นการคลุมถุงชนทั้งสองจึงไม่รู้จักกันเท่าไหร่ต่างฝ่ายก็นั่งนิ่งกันในห้องหอ จากนั้นคุณเปรมก็พูดประโยคโรแมนติกอันลือลั่นว่า

"แม่พลอยจ๋า แม่พลอยเคยเที่ยวพระบาทหรือยัง"

?????  :shock: :lol: ????????

ให้ตายเถอะ ผ่านมายี่สิบปี ผมก็ยังไม่เข้าใจ มันแปลว่าอะไรเนี่ย


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 01-05-2006, 17:46
ใช่แล้ว ลิลิตพระลอ อย่างที่คุณเลิศภพจบพสุธาว่าไว้  :shock: :shock: :shock: :shock:


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 01-05-2006, 17:54
  
เฮ้อ...

เจื้อย แจ้ว อ่อนหวานไปก็เท่านั้น ประสามนุษน์มนาที่เรียกว่าบุรุษเพศ ค่ะ

ไม่รู้ หนูเป็นพวกหมั้นไส้ ผู้ชายค่ะ
ในวรรณดคี ก็ไม่มีเว้น บทนี้เป็น บทต้นๆ เมื่อครั้ง พลายแก้ว  บวช เป็น เณรแก้ว
ตอนนั้น ขนาดเป็นเณร หนุ่มน้อยอยู่หัวใจยังกระเจิง ค่ะ รีบสึกมา แล้วนัดนางพิมพิลาไลย
ไปหาที่ไร่ฝ้าย ...ใครอย่ามาว่านางพิมตอนถอดสไบนะคะ ตอนนั้น โดน มนต์สะกด ต่างหาก
เฮ้อ ...นี่ไง ความร้ายกาจ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ต้อง เอาด้วยเวตมนต์ คาถาสารพัด

(นิสัยไม่ค่อยดี เนอะ คะ)

นี่ค่ะ บทรักที่ไร่ฝ้าย

ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์
น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่ม นิ่ม
น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม
เจ้าเยื้อนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ

สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง
รักนางมิใคร่จะไกลได้
พี่จะหอบเสน่หาลาไป
เหลืออาลัยที่จะทรมาน

หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง
แม่ดูดวงจิตพี่ออกฟุ้งซ่าน
เวลาค่ำแม่จงจำสังเกตการ
จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย

ช้อนคางพลางจูบประคองชม
แนบเนื้อแนบนมเจ้าผ่องใส
พวงพุ่งตูมตั้งยังเป็นไต
อาลัยลูบโลมทั้งกายา

จับมือถือนิ้วเจ้าพิมชม
สวยสมสิบนิ้วเสน่หา
ซบพักต์อยู่กับตักไม่เจรจา
พี่จะลาแล้วแม่ผินมาดีดี

โป๊ ไปหน่อยไหมคะ เจ้าของกระทู้  :(


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 01-05-2006, 17:59

เอ่ออออ...  :D  :lol:  :lol:

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วค่ะ

ต่อด้วยบทนี้เลยได้ป่ะคะ คุณประกายดาว..

ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม
แก้มกับนมนี่เจ้าชื้อมาหรือขา
ทำเล่นเหมือนเป็นเชลยมา
ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 01-05-2006, 18:00
"อิอิ นั่งมองดูท่านๆทั้งหลายตอบแล้วก็คงไม่มีอะไรเพิ่ม
แต่ยอมรับว่าวรรณคดีเช่นขุนช้างขุนแผนนั้นบรรยายบทอัศจรรย์ได้ ฮู้ววว เด็กอย่าอ่านเลย

ส่วนนิยายที่ใช้ฉากในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีนี่ครับ ตอนที่แม่พลอยแต่งงานกับคุณเปรมในคืนแรก
เนื่องจากเป็นการคลุมถุงชนทั้งสองจึงไม่รู้จักกันเท่าไหร่ต่างฝ่ายก็นั่งนิ่งกันในห้องหอ
จากนั้นคุณเปรมก็พูดประโยคโรแมนติกอันลือลั่นว่า

"แม่พลอยจ๋า แม่พลอยเคยเที่ยวพระบาทหรือยัง"

ให้ตายเถอะ ผ่านมายี่สิบปี ผมก็ยังไม่เข้าใจ มันแปลว่าอะไรเนี่ย"


ประโยคเด็ดอันนี้ เพื่อนป้าเสลาซึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์
เฉลยให้ฟังนานแล้วว่า

สมัยนั้น การเที่ยวพระบาทเป็นเรื่องที่เรียกว่ากระสันใคร่ไปของสาวๆเป็นยิ่งนัก

เรียกได้ว่า พอมีคนชวน สาวๆแทบจะกรี๊ดกันทั่วหน้า

การที่คุณเปรมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา ก็น่าจะทำให้หัวใจของแม่พลอยลิงโลด เลือดฉีดแรงขึ้นมาในทันที....



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 01-05-2006, 18:03
ป้า เสลา อย่าดุ ประกายดาว ว่า ไม่รุ้จักกาละเทศะ นะคะ

 :D

ป้าเสลา  แล้ว ก็ คุณเก็ดฯ เคยขึ้น พระบาทฯ หรือยังค่ะ

หนูยังไม่เคย


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 01-05-2006, 18:04
ขอบคุณมากครับคุณเสลา นี่คนรุ่นหลังๆอ่านนี่ไม่มีวันรู้เลยนะครับเนี่ย

โชคดีอีกแล้วครับที่มีอินเตอร์เน็ต  :P


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-05-2006, 18:06
ในวรรณคดีเรื่องแรก สมัยรัชการที่ 1 ยุครัตนโกสินทร์ นิราศนรินทร์
2 บทที่ว่า

๖๗.  เคยนิทรอรนุ่มเนื้อ แนบเรียม
 
 เดาะกระไดไดเลียม ลอดเคล้น
 
 นาสาสูบรสเทียม ปรางมาศ  
 
 สองสนุกล้วนเหล้น เล่ห์นั้นฤาลืม
 
 ๖๘.  เคยโอษฐ์แอบโอษฐ์อ้อน เอาใจ  
 
 คำว่าอ่อนวอนอาลัย ล่อเคล้า
 
 นับเดือนเลื่อนปีไป ไกลมิ่ง นะแม่
 
 เยียวอยู่หนหลังเศร้า สวาทแล้วใครโลม



ถ้าอ่านบทกวีที่คุณเสลายกมา ที่พิมพ์สีชมพู น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้.....
ผมจะไปค้นคว้าเรื่องขุนศึกของไม้เมืองเดิม ว่าจะมีบทจูบของไพร่ หรือไม่....


หนังที่คุณแสนหกยกมานั้นสร้างไม่กี่สิบปีนี้เอง ไม่แน่ใจว่าจะถ่ายทำตามข้อเท็จจริง หรือไม่....

ผมจำไม่ได้ว่าสุริโยทัย(?)ของ ท่านมุ้ย เป็นอย่างไร...
ไม่ได้ทันสังเกตุครับ...
มัวแต่ตลึงงันแม่หญิงไม่ห่มผ้า.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า









หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 01-05-2006, 18:09

ป้าเสลา  แล้ว ก็ คุณเก็ดฯ เคยขึ้น พระบาทฯ หรือยังค่ะ

หนูยังไม่เคย



เก็ดถวาก็ยังไม่เคยเลยค่ะคุณประกายดาว  :P  :P  :P


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-05-2006, 18:25
คุณเลิศภพจบพสุธา....

อ่านความคิดเห็นของคุณแล้ว นึกถึงช่วงเวลานั้น ก่อนและหลัง 14 ตุลา 16
เป็นช่วงเวลาชำแหละบทกลอน กาพย์กวีและวรรณคดีไทย ยกใหญ่.........

ผมลามปามไปถึงเชคเปียร์-ร.6 เวนีสวานีส ไปด้วย...
คิดว่าเชคเปียร์ไม่ให้ความเป็นธรรมกับยิวไชล็อค.....

ถ้าเป็นผม จะเฉือนเนื้อแล่เนื้ออันโตนิโย พระเอกก่อน
ไม่รับรู้ว่าหนึ่งปอนด์หรือสองปอนด์......



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-05-2006, 18:53
แด่คุณ"นายท้ายเรือ"
มีสยูนิเวอร์ส ปี 2002
เป็นชาวรัสเซีย
เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความมั่นคง
ภายหลังได้ลาออกจากตำแหน่ง......



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 01-05-2006, 19:22
แดจังกึม เป็นหนังที่สุภาพจริงๆ
ขนาดพระเอก กว่า จะ กอด กับนางเอกได้ ก็ใช้เวลานาน
หอมแก้มกันนี่แทบไม่เห็น ไม่รู้ตอนท้ายๆเรื่องมีป่าว เพราะดูข้ามๆ
ไม่รู้เกาหลีเค้าเจตนาส่งเสริมให้เรื่องนี้เผยแผ่วัฒนธรรมด้านที่ดีล้วนๆเลยรึเปล่า


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 01-05-2006, 19:31

ป้าเสลา  แล้ว ก็ คุณเก็ดฯ เคยขึ้น พระบาทฯ หรือยังค่ะ

หนูยังไม่เคย



เก็ดถวาก็ยังไม่เคยเลยค่ะคุณประกายดาว  :P  :P  :P





...................... :oops: :oops: :oops:.............................


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 01-05-2006, 19:43
ง่า.. พระบาทนี่คืออะไรครับ  :shock:

ใบ้ๆ ก็ได้ครับ  :? นะๆนิดนึงๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: bobo ที่ 01-05-2006, 19:58
ดูแดจังกึมอย่าว่าแต่กอดจูบกันให้เห็นเลย

มีอยู่ตอนหนึ่งที่จังกึมโกรธพระเอกเพราะพระเอกฉวยโอกาสจับมือ

แค่แต๊ะอั๋งกันนินิโหน่ยๆ เขายังโกรธเลย

แต่ก็แปลกๆ อยู่บ้างตรงเอาแบกใส่หลังนี่ไม่โกรธแฮะ

ฉากที่พระเอกแบกนางเอกก็มีหลายตอน

หนังเกาหลีนี่เขานิยมแบกกันไปแบกกันมาข้ามเขาเป็นลูกๆ อีกตังหาก




(http://img131.imageshack.us/img131/7483/a418361717iu.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 01-05-2006, 22:26

ตอบคุณประกายดาวและ คุณ KoKa

พระพุทธบาทสระบุรีป้าเคยไปมานานมากแล้ว

ในความรุ้สึกของรุ่นเรา ก็คงเหมือนขึ้นไปไหว้พระ
ขึ้นไปสักการะพระพุทธบาทซึ่งเป็นพระพุทธเจดีย์
ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา บนเขา ทั่วๆไป


พระพุทธบาทสระบุรี ประดิษฐานอยู่ที่เขาสุวรรณบรรพต อำเภอพระพุทธบาท  จังหวัดสระบุรี 
เป็นพระอารามหลวง ที่พระมหากษัตริย์แทบทุกพระองค์
ทรงทำนุบำรุงและเสด็จไปนมัสการตลอดมา
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์

ตามคติของชาวลังกาทวีป ถือว่าเป็นบริโภคเจดีย์ 
เนื่องจากเชื่อว่า เป็นรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาเหยียบไว้บนเขาสุวรรณบรรพต 
พบในสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 2163-2171
โดยพรานบุญเป็นผู้ไปพบเห็นความศักดิ์สิทธิ์
ที่สามารถทำให้เนื้อที่บาดเจ็บจากการยิงของตน หายจากบาดเจ็บได้ 
และตัวพรานบุญเอง  เมื่อนำน้ำจากรอยพระบาทมาลูบตัว ก็ทำให้กลากเกลื้อนที่ตนเป็นอยู่หายไปได้


 พระเจ้าทรงธรรม ได้เสด็จไปทอดพระเนตรเห็นจริง
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเป็นมหาเจดีย์สถาน มีพระมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท
พร้อมทั้งสร้างวัดให้พระภิกษุอยู่ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทนี้ 
ให้ช่างชาวฮอลันดาทำถนนจากท่าเรือ ตรงไปยังเขาสุวรรณบรรพต 
ชาวบ้านเรียกว่าถนนฝรั่งส่องกล้อง เพราะมีการนำเครื่องมือวางแนวถนนแบบใหม่
คือกล้องวัดทิศทางและระดับ มาใช้ในการตัดถนน
ทำให้ถนนสายนี้สร้างได้เป็นแนวตรง จากท่าเรือไปยังพระพุทธบาท ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้


สำหรับในเรื่องสี่แผ่นดินตอนที่แม่พลอยเข้าพิธีแต่งงานกับคุณเปรม
น่าจะอยุ่ในช่วงรัชกาลที่ 6

ดังกล่าวแล้ว พระพุทธบาทประดิษฐานอยู่บนเขา
 ในยุคสมัยนั้นผู้คนโดยเฉพาะผู้หญิงสาวๆ
โอกาสที่จะได้ออกไปเที่ยวเปลี่ยนอิริยาบถตามสถานที่ต่างๆทำได้ยากมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ขึ้นไปเที่ยวทัศนา ณ ที่สูงเช่นบนเขา
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก  เพราะในสมัยนั้นตึกรามสูงหลายๆชั้นคงจะยังไม่มี

เพราะฉะนั้นจึงได้เกิดประโยคโรแมนติกอันลือลั่นนี้ขึ้นมา

"แม่พลอยจ๋า แม่พลอยเคยเที่ยวพระบาทหรือยัง"

ถ้าKoKa ยังงงๆ ก็ย้อนกลับไปอ่านที่ป้าเสลาตอบคุณลูกไทย หลานไทย ไชโย
ข้างบนอีกที...



(http://61.19.220.3/heritage/religion/prabat/pic04.jpg)


(http://61.19.220.3/heritage/religion/prabat/pic02.jpg)


(http://61.19.220.3/heritage/religion/prabat/pic03.jpg)


(http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~boonnart/satha02.jpg)

(ข้อมุลจาก:- พระพุทบาทของไทย http://61.19.220.3/heritage/religion/prabat/index1.htm )


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: โขงหลง ที่ 01-05-2006, 22:45
แบกใส่หลังนี่เป็นความช่วยเหลือเป็นความกรุณากระมัง ความรู้สึกของผู้ที่ได้รับจึงน่าจะมีแต่ขอบคุณอยู่ในใจมากกว่าที่จะคิดไปเป็นอย่างอื่น  ส่วนการจับมือนั้นอาจแฝงความหมายล่วงเกินแม้ผู้กระทำเช่นนั้นจะทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง แต่ผู้ถูกกระทำก้ออาจเสียหายแล้ว


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 01-05-2006, 22:47
โอ้ ขอบคุณมากครับป้าเสลา

ที่จริงผมก็เคยไปครับ แต่ไม่เคยได้รู้ประวัติมาก่อน ..รู้สึกจะมัวไปเคาะระฆังที่เค้าเรียงๆกันไว้ข้างบน




แฮ่ๆ ที่สงสัยเพราะเห็นคุยกันเรื่องบทอัศจรรย์สยึ๋มกึ๋ยๆ อยู่
เลยนึกว่าเป็นแสลงอัศจรรย์สมัยแม่พลอย




กะว่าประมาณ ไปเสม็ด ...เสร็จทุกราย แบบเดี๋ยวนี้อ่ะครับ

 :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ทะลึ่งจริงเรา


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-05-2006, 01:12
บทบรรยายความชอบ ความรัก เข้าพระ เข้านางของคนสมัยเก่า
ถ้าได้อ่านตาม อารมณ์ถึง คล้อยตามด้วย จะได้อรรถรสมาก

แต่ต้องเข้าใจความหมายและขนบธรรมเนียมประเพณี ช่วงเวลานั้นด้วย


ปล. อย่าไปดูโฆษณายาอมโบตั๋นของพระเอก"หม่ำ" หล่ะ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-05-2006, 03:01
อืมม...เที่ยวมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ผมสารภาพว่ายังไม่เคยขึ้นพระพุทธบาทสระบุรี

อ้า...ใครจะช่วยเป็นไกด์...จูงคนแก่ขึ้นเขาบ้าง...

เคยไปพระพุทธบาทสระบุรียังจ๊ะ...


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 02-05-2006, 08:23
เจอโคลงไพเราะบางบทจาก โคลงหริภุญไชย

เอามาฝากท่านปุถุชน ลุงแคนและเพื่อนๆชาวเสรีไทย


(http://www.geocities.com/spirit15th/sunsetcart.jpg)

         อัสดงคดาค่ำแล้ว..............รอนรอน
สุรส่องเกวียนซอนซอน................คลาดคล้อย
ปักษีส่งเสียงวอน.......................วอนเจต รักเฮย
โอ้อิ่นดูชูสร้อย...........................มิได้สุดาดล

         ราตรีเทียนทีปแจ้ง.............เจาะงาม
มัวม่วนนนตรีตาม........................ติ่งทร้อ
อุดสากั่นโลงนาม........................ชักชอบชื่นแฮ
บุญพี่บ่อเปืองป้อ........................เปล่าซ้ำเซาทรวง

         "ดวงตะวันกำลังจะตกไปรอนๆ แสงแดดที่ส่องลงมาต้องเกวียนนั้นก็ลับไป
ได้ยินเสียงนกร้อง พาให้ใจนึกไปถึงความรัก
นึกใคร่เห็นคนที่รัก นางก็มิได้มาให้พบเห็น
         ในเวลากลางคืนเช่นนี้ มีดวงประทีปสว่างไสว
ยินเสียงดนตรีบรรเลงรับกัน  ได้ฟังเสียงขับเป็นที่ชอบชื่นใจ
แต่บุญของพี่ไม่มี จึงต้องจำจากน้องมาเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย.."

          วรรณกรรมเรื่องนี้เดิมเรียกกันว่า "โคลงหริภุญไชย"
เป็นแบบโคลนิราศชั้นเก่าที่สุด ต่อมาเรียกกันว่า "โคลงนิราศหริภุญไชย"
เป็นวรรณกรรมชิ้นสำคัญ แต่ว่าเรารู้เรื่องน้อยที่สุด อ่านโคลงเข้าใจน้อยที่สุด

           โคลงหริภุญไชยนี้ กวีภาคพายัพ(เหนือ) เป็นผู้แต่ง จึงเป็นภาษาเหนือ
ต่อมามีผู้พยายามแปลให้เป็นภาษากลาง  แต่ก็ยังคงภาพายัพไว้มาก
จนเรามิอาจตีความให้กระจ่างได้

(ข้อมูลจาก"จินตวรรณคดีไทย" โดย อ.เปลื้อง ณ นคร)






หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-05-2006, 13:39
คำพรรณาของโคลง ตรงกับภาพถ่ายที่นำมาให้ชม
หรือบอกอีกหาภาพประกอบบทโคลงได้เหมาะสม


อัสดงคดาค่ำแล้ว..............รอนรอน
สุรส่องเกวียนซอนซอน................คลาดคล้อย

ขอบคุณครับ


ผมจะค้นหาภาพถ่ายด้วยฝีมือของผม
ขอคุณเสลา กรุณาบรรยายให้ฟังด้วยนะครับ





หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 02-05-2006, 14:35


ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณปุถุชน

เป็นโอกาสงามที่จะได้ชมภาพถ่ายฝีมือคุณปุฯ ด้วย[/color :)



(http://www.thaicritic.com/projectB/visart/jp/j01.gif)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:20
กล้วยไม้ในบ้าน ถ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ชื่อของไม้ดอกนี้ คงต้องถามเจ้าของอีกทีหนึ่ง..

...โอ้ว่าวันเก่าเก่าของเราเอ๋ย
เมื่อล่วงเลยแล้วก็ลับไม่กลับเหมือน
ยิ่งนานเนิ่นเหินห่างยิ่งร้างเลือน
ความเป็นเพื่อนก็คงถูกหลงลืม....

โดย..นิภา บางยี่ขัน


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:27
ภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนมีนา 2548
ภายในบ้านเหมือนกัน...

...เราไม่ควรพบกันเลยวันนี้
พบเพื่อมีมารยาทเพียงผาดเห็น
ต่างทักทายธรรมดาอย่างชาเย็น
ไร้ประเด็นใดใดเหมือนไม่เคย...

เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์.


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:35
สะพานข้ามแม่น้ำเชื่อมสองฝั่งเมืองบูดาเปสต์ ฮังการี่
คล้ายสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมกรุงเทพและธนบุรี
เดือนตุลา 2547.....


สะพานโยงทอดยาวอยู่ข้างหน้า
น้ำตาพร่าพร่างพรายกลางสายฝน
สะพานรักเชื่อมใจไม่ทานทน
จึงกั้นคนฝั่งโน้นไว้มิให้มา....

เสลา


เย็นวันนั้นฝนโปรยปราย
หมอกลอยตัวเหนือลำน้ำ

ยืนมองคู่รักเดินคลอเคลีย
ข้ามสะพานบูดาเปสต์
ไม่หวั่นละอองฝนเย็นหนาว
มือขวาโอบเอวสาว
ผมสลวยปลิวไสวบนไหล่ชาย

คนจรแปลกถิ่นคิดถึงบ้าน
ป่านนี้จะรอกลับแล้ว
คนในคิดไปนอกถิ่นฐาน
คนนอกอยากกลับ กลับบ้าน กลับบ้าน


ปุถุชน


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:43
จิตรกรสาวในพิพิธภัณฑ์ศิลป์แห่งหนึ่งในบูดาเปสต์(?) ฮังการี่
ถ่ายเมื่อเดือนตุลา 2547...


อยากให้แก้วแววฟ้าได้กล้าหาญ
เพื่อผสานสีแสงแห่งฟ้าใส
ขับความมืดหมองหม่นบนม่านใจ
เฉกวันวัยสีทองของชีวิต..

ประยอม  ซองทอง


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:49
เพดานห้องโถงของโรงแรมที่พักในเมืองบูดาเปสต์
ถ่ายเมื่อเดือนตุลา 2547


ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา
ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง
โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา...

เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 00:54
หน้าต่างบ้านหลังหนึ่ง ริมถนนที่เดินผ่าน
เห็นแสงไฟวอมแวมจากภายในห้อง

นึกในใจว่าเจ้าของห้องกำลังทำอะไรอยู่
นั่งเอกเขนกอ่านหนังสือเล่มโปรด
หรือ กำลังทานอาหารในห้องที่อบอุ่น

ผู้หญิงหรือผู้ชายหนอ......?

ลมสะอื้นอ้อนเพลงวังเวงแผ่ว
จะหลับแล้วหรือยังมาฟังกล่อม
ฝากมาลัยมะลิร่วงพวงพยอม
แนบถนอมขวัญสนิทเมื่อนิทรา...

เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์

นำมาลงโดย คุณเสลา

อ่านบทกวีของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์แล้ว

 
เหมือนชายคนหนึ่ง
ยืนชะเง้อหาหญิงที่รัก
ริมหน้าต่างห้องของเธอ
ส่งกระแสจิตสุดคะนึง
ขอเปิดหน้าต่าง
ชะโงกหน้ามาแลบ้าง

ปุถุชน


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 01:22
ตัวเดียวเปลี่ยวเอกา
นกน้อยเกาะบนยอดช่อฟ้า(?)
พลับพลาที่ประทับของในหลวง
ในสวนสันติไชยปราการ ถนนพระอาทิตย์
ย่านบางลำพู....



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 03-05-2006, 02:25
๏ สุดเอยสุดลิ่ม
เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง
เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง
ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น
เหมือนน้ำอ้อยใกล้มดใครอดได้
พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน
ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน
ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง
ทำไมกลับลูกผัวกลัวมันไย
ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง
จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง
ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง
น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง
ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง
อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง
อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี
ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส
อุยหน่าอย่ากัดพระหัตถ์พี่
ปัดป้องว่องไวอยู่ในที
จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน
อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง
ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป
หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่
ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง
อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล ฯ ๑๖ คำ โลม

๏ เมื่อนั้น
นางประแดะหูกลวงห่วงสงสาร
ได้ร่วมรักชักเชยก็ชื่นบาน
เยาวมาลย์หมอบเมียงเคียงกาย
แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง
นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย
ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย
โฉมฉายขวั้นอ้อยคอยแก้คอ
ถูกเข้าสามจะหลิ่มยิ้มแหยะ
นางประแดะสรวลสันต์กลั้นหัวร่อ
พระโฉมยงทรงขับเพลงซอ
ฉลองหอทรงธรรม์แล้วบรรทม ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

(เอาของเก่ามาฝากท่านปุครับ)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-05-2006, 11:42
ขอขอบคุณ คุณเสลาและคุณ(ลุง)ถึก สไลเดอร์ ครับ

อ่านแล้วขอสอดแทรกอารมณ์เถื่อน ภาษาเถื่อน
เพิ่มเติมเข้าไปด้วยบ้าง คงให้อภัยนะครับ


 


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 03-05-2006, 12:01
 8)
ขอร่วมแจม ด้วยภาพเก็บตก อีก สัก 1 รุป อิอิอิ

(http://img126.imageshack.us/img126/1313/y3559116275zg.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-05-2006, 00:23
ภาพนี้ถ่ายเดือนมกรา 2548
กล้วยไม้ในเรือนบ้าน.....
กำลังบานคลี่กลีบหอม
ท้าทายให้เด็ดดอม
ฤา... ถนอมไว้ทัศนา...

เสลา.



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-05-2006, 00:28
กล้วยไม้...
ในเรือนกล้วยไม้....
ต้นเดือนมกรา 2548


"เมื่อดอกไม้แย้มบาน
ยิ้มอ่อนหวานอ่อนวัย
ดวงใจไร้หมองผ่องใส
จำได้ว่าอยู่กับเธอเอย"

นิภา  บางยี่ขัน


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-05-2006, 00:36
กล้วยไม้ในเรือน
รอเพื่อนช่วยพากษ์ไทย....


...คืนและวันเพิ่มวัยให้ชีวิต
บ้างมืดมิดบางครั้งสว่างไสว
ท่ามกลางความแปรผันนิรันดร์ไป
บุปผาแห่งหฤทัยได้เบ่งบาน

ไม่เลือกวัยเลือกกาลสถานที่
ดอกผลมีคุณค่ามหาศาล
มักผลิช่อกอผลบนดวงมาน
จับกิ่งก้านหวานฉ่ำด้วยน้ำตา

รู้ทั้งรู้..ผลจะสุขและคลุกโศก
ส่ำสัตว์โลกก็ไขว่คว้าพร่ำเพรียกหา
ผลิดอกผลธรรมชาติที่ดาษดา
เพรียกบุปผาช่องามว่า"ความรัก"..

ประยอม  ซองทอง


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-05-2006, 00:41
รอพากษ์ไทย และ วิจารณ์....



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 04-05-2006, 09:13
 :shock: :shock:
ขอเข้าชม นะครับ อิอิอิ  ไม่ค่อยกล้าวิจารณ์
 :P :P
แต่ถ้ามองในรายละเอียดของภาพอีกนิด ภาพดูไม่ค่อยสดใส เท่าใดนัก
อิอิอิ..ต้องให้ตากล้อง เขาวิจารณ์ดีกว่า...ผมมองผ่านๆ
..
ขอบคุณท่านปุ ที่เอามาใช้ชมครับบบบ.....


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 04-05-2006, 11:14
ป้าเสลา หาคำบรรยายมาใส่ให้แล้ว
โดยเลือกสรรจากบทกวีที่เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่
ที่จำเป็นต้องร้อยกรองเองก็มีบ้าง

ผิดพลาด...ไม่ได้ดังใจ... โปรดอภัยด้วย...

ภาพถ่ายของท่านปุถุชน สวยงามมีชีวิตชีวา
แสดงให้เห็นว่าในความเข้มแข็งแห่งอุดมการณ์ทางการเมืองของท่าน
ได้ซ่อนความสุนทรียในอารมณ์ไว้อย่างมากมาย...


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-05-2006, 12:49
ขอบคุณ คุณเสลามากครับ....

ภาพที่นำมาเป็นภาพยุคหลัง
ยุคกล้องดิจิตอล ที่ง่ายในการเก็บและนำมาใช้

ภาพถ่ายบนกระดาษเสื่อมตามกาลเวลาไปแล้ว

มีโอกาสจะนำให้ชม
ภาพบันทึกอดีตกาลของคนแก่คนหนึ่ง


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 04-05-2006, 17:31

รอดูภาพในอดีตจากท่านปุถุชนค่ะ :D


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 04-05-2006, 18:26
ขออภัยที่เข้ามาช้า :(

ข้อมูลดี  มีประโยชน์ มากครับ บางเรื่องผมก็ไม่รู้มาก่อน

ผมจะรอภาพท่าน ปุ แล้วจะลองบรรยายบ้างครับ   



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 06-05-2006, 12:46

รอน้องทิมมี่อยุ่จ้า
ระหว่างรอภาพจากท่านปุถุชน
น้องทิมมี่ก็เขียนเล่าอะไรที่ไพเราะสวยงามและน่าสนใจ
เกี่ยวกับวรรณคดีมาเล่าให้เพื่อนๆฟังก่อนก็ได้นะ :D


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 07-05-2006, 12:48
ขอบคุณครับป้าเสลาที่เชียร์ ให้เขียน อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับวรรณคดี

ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ  ผมเขียนบทความไม่ค่อยถนัด บางทีลบบ่อย

ไม่เหมือนเขียน กลอน  มันเพลินดี

แต่ก็เข้ามาแอบอ่าน คนอื่นเรื่อยๆ  ถ้าคุณปุฯ มาลงรูปดอกไม้สวยๆ ผมจะแต่งกลอนมาร่วมบรรยายครับ


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 16:44
ขอบคุณครับป้าเสลาที่เชียร์ ให้เขียน อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับวรรณคดี

ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ  ผมเขียนบทความไม่ค่อยถนัด บางทีลบบ่อย

ไม่เหมือนเขียน กลอน  มันเพลินดี

แต่ก็เข้ามาแอบอ่าน คนอื่นเรื่อยๆ  ถ้าคุณปุฯ มาลงรูปดอกไม้สวยๆ ผมจะแต่งกลอนมาร่วมบรรยายครับ



ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ....

ดอกโกมุทบุษบามณฑาทิพย์
วิไลลิบลอยล่องของสวรรค์
ถ้าหล่นลงตรงพี่จะดีครัน
คงลือลั่นโลกาสุธาสะเทือน...

จาก..นิราศเดือน

นำมาพากย์โดย คุณเสลา



มีดอกเดียว ม่วงขาว เปรียบสาวใส
กลีบเหมือนใช้ มือกวัก ดังรักหวัง
สวยสูงค่า คราหยิบวาง อย่างระวัง
สวรรค์ช่าง  กำหนด สดสวยดี

พรรณาโดย คุณ"น้องทิมมี่"



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 16:48
ตามคำสัญญา...


พิมพ์พยอมหอมหวนถวิลหา
แก้วผกาส่งกลิ่นถวิลถึง
สวยเกสรสอดสร้อยร้อยรำพึง
ตราคะนึงตรึงเขนยทุกคราวนอน

โดย..วาณิช  จรุงกิจอนันต์

นำมาพากย์โดย คุณเสลา


----------------------------------------------

*56--
เรียงเป็นกลุ่ม สี่ดอก บอกเป็นคู่
เกาะกันอยู่ ใกล้กัน ช่างสรรหา
เปรียบดั่งคน มิตรภาพ ฉาบโรยมา
สุขอุรา หากเรา เข้าใจกัน
 
พรรณาโดย คุณ"น้องทิมมี่"


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 16:53
กล้วยไม้....


...หอมสุคนธ์เคียงกายขจายจร
โอ้ยามนอนห่างนางระคางคาย...

นิราศเมืองแกลง ของ สุนทรภู่


นำมาพากย์โดย คุณเสลา

*57

เหลือเพียงสาม นามบอก ดอกกล้วยไม้
ยิ้มสยายคล้าย จะบิน ยังถิ่นไหน
สีสลับ อยู่กับช่อ คลอกิ่งใบ
ดูอย่างไร ให้นิยม สมรอคอย......

แล้วจะมาต่ออีกครับ
พรรณาโดย
คุณ"น้องทิมมี่"


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 21:53
รอคุณเสลา คุณ"น้องทิมมี่" อยู่ครับ....

..ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลก
ยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา
ได้แนบชมสมคะเนสักเวลา
ถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย..


จากรำพันพิลาปของ สุนทรภู่


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 21:56
สเลเตสีขาว....


ฝนตกพรำ..พรำ
เก็บดอกสเลเตไปปักแจกัน
แล้วนั่งท้าวคางฝัน
ว่ามีคนเรียกฉัน"แม่ดอกสเลเต"


จาก..บันทึกของดอกไม้....ใน sanook.com


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 21:59
ดอกไม้สีม่วงนี้เคยจำชื่อได้....


..ทุกทุกสิ่งแล้วล้วนชวนถวิล
ดูด่วนสิ้นโรยราผกาเอ๋ย
ขอไว้มองอีกสักนิดไว้ชิดเชย
เมื่อยามเลยลาลับไม่กลับคืน..

นิภา  บางยี่ขัน


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-05-2006, 22:12
ดอกไม้จากสวนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น


ดอกเอย...เจ้าดอกสีม่วง
รอวันโรยร่วงมิอาลัย
คิดถึง..คนอยู่ไกล
สุขทุกข์หรือไฉน..ให้อาวรณ์

เสลา.



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 07-05-2006, 22:17
ท่านปุฯ ขอติดไว้ก่อนครับ


วันนี้โต้กลอนกับคุณประกายดาวจนมึนไปหมดครับ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=524.0


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 08-05-2006, 11:03
 :P


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 10-05-2006, 23:24
ไม่ให้กระทู้ตกหายไป


รักเอยรักเร่.......เร่รักร้าง
อ้างว้างหัวใจใครหนอ
ปลูกดอกรักแล้วร้าง.....ให้รอ
รักหนอเจ็บอย่างนี้..... สักกี่ครา

กวี นิรนาม


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 10-05-2006, 23:26
อีกภาพหนึ่ง...


โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า
เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย
เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย
สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ

หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้
สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น
แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง

สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 11-05-2006, 09:03

ภาพดอกไม้ของท่านปุถุชน งดงาม
เมื่อคุณ น้องทิมมี่ แจ้งความในใจจะมาร่วมให้คำบรรยาย
ป้าเสลาก็ให้นึกดีใจ

แต่.. รอคุณน้องทิมมี่ ก็ยังไม่มา
เห็นว่า ติดภาระกิจ

เกรงใจท่านปุฯ จะรอนาน

ป้าเสลาก็จึงต้องหาคำบรรยายมาลงให้ก่อน
เพราะดอกไม้งดงาม..จึงขอแทนคำด้วย"ความรัก"
ได้พยายามเลือกสรรถ้อยรจนาของกวีที่ดีเลิศ
เว้นแต่บางบทที่ป้าเสลาบังอาจเขียนบรรยายเองบ้าง

ผิดพลาด...ไม่ได้ดังใจ โปรดให้อภัย..



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: Ang`sumaLin ที่ 11-05-2006, 11:44
อ่านแล้วคิดไปถึง อดัม กับ อีฟ

ไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไงว่าจะผลิดอกออกผล มนุษย์คนที่ 3 กันได้ด้วยวิธีไหน


ดิฉันไม่เคยขึ้นไปเยี่ยมชมพระพุทธบาท

มีโครงการจะเอาชนะภูกระดึง ต้องการคนร่วมเดินทาง

คาดว่าจะไปพิชิตราวๆ ปลายปีนี้ ใครที่สนใจ เตรียมฟิตร่างกายให้แข็งแรง

เพราะเดี๋ยวจะไปไม่ถึงยอด(ภู)

อิอิ...ขำๆนา อย่าคิดมาก


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 11-05-2006, 13:24
 :lol:

น้องเป็นหนุ่ม ที่แย่ แก้ไม่หาย
ดูดอกไม้ ช่างงุนงง ให้สงสัย
รู้แต่สวย จับตา น่ามองไป
ดอกอะไร ตอบไม่ครบ จบสักที

ขอคิดเอา เท่าที่เห็น เป็นอารมณ์
อาจเหมาะสม หรือไม่ ให้หมองศรี
จะเขียนลง คงไว้ ในที่นี้
ป้าเหลาชี้ หลานจะตาม ไม่ถามความ.....


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 11-05-2006, 13:43
กลอน*55 คุณปุนำลงในกระทู้แล้วครับ




หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 11-05-2006, 13:51
กลอน*56


หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 11-05-2006, 14:03
*57



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-05-2006, 17:49
ขอขอบคุณ
คุณเสลา
คุณ"น้องทิมมี่"

กรุณาพากย์กาพย์กลอน
ให้ดอกไม้ที่นำมา ดูดีขึ้นครับ....



หัวข้อ: Re: อยากรู้จัง.....?
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 15-08-2006, 19:59
อ่านกระทู้นี้แล้วอย่างฮา....คงเป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันอยู่... :lol: :lol: :lol:

อยู่กันพร้อมหน้าเลยว่ะ.. :lol: :lol: :lol:

ยังไม่ทันได้กระดิกไล่ทักษิณเลย...ทักษิณก็ยังอยู่เหมือนเดิม

กระเด็นกันไปคนละทิศละทางซะและ.... :lol: :lol: :lol:



(http://www.yuwasong.com/Pictures%20news/news%20yuwasong115.jpg)