ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากทราบความคิดและความเห็นเรื่อง
การใช้เงินในการหาเสียงและสร้างเครดิตทางเมือง ตลอดจนความอยู่รอดของนักการเมืองไทย
ในภาพรวม ว่า พวกเขาเหล่านั้นจะประสพความสำเร็จในหน้าที่อาสานั้นได้อย่างไร?
สังคมมีคำแนะนำให้พวกเขาอย่างไร?
                                                               :slime_doubt:

การเมืองไทย ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลในการสร้างเครดิต

และความนิยมตั้งแต่ระดับ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ โดยผ่านการแจกจ่ายให้กับระบบราชการ

ในการปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ อบต. ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ และอื่นๆอีกมากมาย

จนทำให้ระบบการเมืองและการปกครองของประเทศต้องง่อยเปลี้ยเหมือนคนพิกลพิการ

ให้เห็นในทุกวันนี้ไงคะ

สวัสดีครับ

ขอบคุณที่ร่วมโหวตนะครับ  :slime_smile:

ไม่เป็นไรเลยค่ะ กระทู้ไหนที่น่าสนใจก็แค่อยากแสดงความคิดเห็นบ้าง ก็เท่านั้นค่ะ

เรียนเชิญ ทุกท่าน

ช่วยกันโหวตและเสนอแนะด้วยครับ  
                                                      :slime_fighto:

เชื่อ แต่เป็นไปไม่ได้
หากเพราะระบบอุปถัมภ์ ทำให้คนไทยแยกแยะคนดีในทางการเมืองไม่ออก
 :slime_v:

เชื่อแต่เป็นไปไม่ได้ เพราะนักการเมืองของไทยเป็นอาชีพหนึ่ง

ต้องลงทุนสูง ความเสี่ยงสูง จึงต้องรีบกอบโกยให้เร็วที่สุด

นอกเสียจากว่าภาคประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบ เห็นอะไรไม่เข้าท่าก็ส่งเสียงดังๆ

คุณ Q หายไปนานเลยนะ ดีใจที่กลับมา เพราะชอบฟังเพลงใน 'My' ตอนนี้กำลังฟัง Crying in the rain อยู่  :slime_smile:

ตอนนี้ Love is All Around เพราะจัง  :slime_sentimental:

สวัสดีครับ

ขออนุญาต แบ่งปันเพลงที่คาดว่า คุณไทมุงจะชอบเหมือนผม อย่างน้อยก็เพลงนี้แหละ  :slime_shy:

http://www.esnips.com/doc/3b2310eb-9bf2-4c35-b41e-9dbd453f72f2/Youre-my-everything

...จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าไม่ต้องใช้เงิน
ในเมื่อ  ยังมีคนอีกเป็นหลายร้อยล้านที่เป้นชนชั้นรากหญ้า
ไม่รู้หนังสือ  อ่านไม่ออก  เขียนไม่ได้  สติปัญญาด้านคุณ
งามความดีในการดำเนินชีวิตประจำวันเค้าทำได้ดีมาก
เพราะโลกของเค้า  ชนบท  ชายทุ่งชายไร่ปลายนา
ขาดมายาคติ  เค้าจะรักใคร่กลมเกลียว  สามัคคี
ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท  ของเค้าอย่างสงบสุข

** แต่เป็นที่น่าเสียดาย  เค้าไม่รู้จักคำว่า  ประชาธิปไตย
 และการเลือกตั้ง  อย่างถูกต้อง และแท้จริง  เพราะ
ภูมิหลังของเค้าถูกนักการเมืองขายชาติ ย้อมเค้าเสียจน
เค้าเบลอแล้ว  พร้อมกับเอาเงินไปลงทุน  ไปเน้นความ
สำคัญเรื่องเงินกะเค้า  เสียจนเค้าเคยชิน....เสียแล้ว


** แล้ว มาวันนี้  จะมาบอกว่าไม่ใช้เงิน  เค้ากลับหันหลังทันมั๊ย
ลองคิดดู !!!!

 ..ทีนี้ในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย  มีอำเภอนอกๆ...
ที่เป็นชาวรากหญ้ากี่คนลองคำนวณดู  ส่วนคนที่พอจะแยก
แยะอะไรออก ....พอรู้ว่าจะเลือกใครอย่างมีจุดยืนที่ถูกต้อง
จะได้คะแนนเสียงสักกี่คน  จำนวนจะสู้ชาวรากหญ้าไหวมั๊ย
และอีกอย่างเค้าก็เริ่มเบื่อการเมืองแล้ว  ...เค้าจะไปเลือก
สักกี่คน ...เอาแค่นี้ล่ะ ...จะแก้ไขตรงไหน  จะเริ่มแก้ไข
ตรงไหน ...ลองถาม รมต ศึกษาดู ...

http://www.esnips.com/doc/79e697fd-891f-4459-a0df-fcacd44e12d1/0120---Windows---How-do-you-do-(Dt.-Version)

http://www.esnips.com/doc/93fb0a88-4a93-4eae-8ca5-6c8dfa57af57/Tell-Laura-I-love-her

http://www.esnips.com/doc/2f5e045c-aac6-4481-9633-e955374cdd47/Dont-play-that-song-(You-lied)
                                                                                                                                 :slime_shy:

อ๊าส์ส์ส์ ชอบมาก....สมมุติว่าเป็นตัวเอง  :slime_inlove:

 :slime_hmm: :slime_doubt:

ไม่เชื่อ และคิดว่าเป็นไปไม่ได้
แค่ระบบการแนะนำตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ใช้เงินมากโขแล้ว
ไหนจะความเคยชินของชาวบ้านที่อะไรๆก็เรียกเอากับสส.
คนที่จะเป็นสส.อย่างน้อยก็ต้องจัดว่ามีฐานะในสังคม
แม้การเมืองท้องถิ่น จะก็มีการแข่งขันกันอย่างสูงมากๆ
ผลประโยชน์มันมีจำนวนมหาศาลเลยนะครับ

ตราบใดที่ยังแยกผลประโยชน์ออกจากการเมืองไม่ได้
ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีจิตสำนึกสูงพอ
การเมืองที่ไม่ต้องใช้เงินก็เป็นไปไม่ได้หรอก


ป.ล.ตอนนี้ Love is All Around เพราะจัง .....
ดูหนังเรื่อง Love Actually ยังครับ

ส่วนเพลงนี้มอบให้ ครม.ฤาษีเลี้ยงเต่า แล้วกันครับ เป็นอีกเพลงที่ชอบมากครับ  :slime_shy: :slime_cool:

http://www.esnips.com/doc/e7fce2b6-9529-4920-8593-c85af55b7570/Queen---Dont-Stop-Me-Now

ดูแล้วครับ มีวีซีดี อยู่ด้วย เดี๋ยวหาโอกาสดูอีกครั้งดีกว่า... :slime_shy:

Time In A Bottle

มอบเพลงนี้ให้ชาวเสรีไทย http://www.esnips.com/doc/d918a24a-d435-4fd0-adbc-01781f002379/Time-In-A-Bottle

 :slime_bigsmile: :slime_sentimental:

มีคนกล่าวว่า เราใช้เงิน อย่าให้เงินใช้เรา อืมม

หากคำกล่าวนี้เป็นจริง ก็มีโอกาสครับ ที่การเมืองไทยจะไม่ใช้เงินมาก

สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ทำไมคนต้องการเงิน?

นักการเมืองคนหนึ่งๆควรมีรายจ่ายต่อเดือนประมาณเท่าไร?

และทำอย่างไรจะมีเงินพอเพียงอยู่เสมอ?

เท่าที่ผมสอบถามมา ระดับสส.กรุงเทพและต่างจังหวัด มีรายจ่ายต่อเดือน ประมาณ3แสนบาทขึ้นไป

ซึ่งความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า น่าจะหาวิธีร่วมกันให้พวกเขาเหล่านั้น

สามารถลดรายจ่ายลงได้สักครึ่ง ก็ยังดีครับ และหากต้องการให้ได้คนดีๆมีโอกาสเข้ามาทำงานมากขึ้น

ควรจะต้องมีเงินจากภาษี แบบหัก ณ ที่จ่าย บางส่วนเพื่อ สนับสนุนการเมืองและนักการเมืองโดยตรง
                                                                                                                                 :slime_fighto:

เมื่อก่อนมีพรรคพลังธรรมครับที่หาเสียงแบบที่แทบไม่ต้องใช้เงิน แต่ก็ต้องใช้อยู่ดีนะครับ

แต่ครั้งหลังนี่ผมว่าไม่มีทางสำเร็จ คนไทยเคยชินและชอบเรื่องเงิน สินบน อามิตสินจ้างเสียแล้ว

เพราะพรรคการเมืองบางพรรคชอบทำคอรัปชั่นเชิงนโยบาย สัญญาจะให้มากมาย ทำโครงการที่ดึงความโลภของชาวบ้านให้สำแดงออกมาทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่ารัฐบาลมาแจกเงิน เอาเงินมาให้กู้

ถ้าพูดถึงการเมืองไทย ในระบบเลือกตั้ง สส. โดยยึดหลัก สส.ต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ จำเป็นต้องใช้เงินค่ะ ใช้มากกว่าที่ได้รับจากเงินตอบแทนซึ่งรัฐจ่ายให้อีก ดังนั้น สส.หากไม่มีทุนเดิมและจิตใจที่เสียสละ ก็จำต้องโกงกินเพื่อเอาเงินมารักษาฐานเสียงค่ะ

หาก สส.ทุกคนพร้อมใจกันไม่จ่าย และไม่มีใครจ่ายเลยเพื่อหาเสียง ก็จะเป้นมิติใหม่ของการเมืองไทย แต่มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่เงื่อนไขมาจากประชาชนด้วย  แต่มาจากการแย่งชิงเก้าอี้เพื่อจะเข้ามาโกงกินของ สส.เหล่านั้นเอง โทษประชาชนฝ่ายเดียวไม่ได้ ของอย่างนี้มันสมยอมกัน

หากระบบยังเป็นเช่นนี้ การใช้เงินจำนวนมากในการเลือกตั้ง ก็จะยังคงอยู่ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

เงินมาผ้าหลุด เงินมากาให้  มันก็ขายตัวเหมือนๆกันค่ะ :slime_v:

อาทิตย์สวัสดิ์ค่ะ ทุกท่าน(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/flowergif.gif)
อิอิ.. วันนี้ไม่รู้เป็นไงค่ะ อยากมองโลกในแง่ดี  :slime_sentimental:
จึงอยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้ (..เป็นแค่ความหวังที่ไม่มีเหตุผลรองรับอะ)  :slime_shy:
แม้จะใช้เวลานานหน่อยกว่านักเลือกตั้งฝูงปัจจุบันจะสูญพันธุ์หมด  :slime_hmm:

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

ประชาชน ขายเสียงให้ ส.ส.

ส.ส. ขายตัวให้หัวหน้าพรรคและนายทุน

แล้วนายทุนก็หากินเอาเปรียบกับประเทศทุกวิถีทาง เช่น ไอ้แม้ว และ CP

เมืองไทยคงจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหลายสิบปีถึงร้อยปี จนกว่าประชาชนจะ

เข้าใจความหมายของ "สิทธิและหน้าที่"่


(http://img148.imageshack.us/img148/8894/p39406386mq1.jpg)


...

เมืองไทยมันขายทุกอย่างจนชินครับ

โดยเฉพาะไอ้นักการเมืองขายตัว นักประสาอะไรมันจะไม่มีคนซื้อเมื่อมีคนขายครับ 

ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไรประชาชนจะเข้าใจสักทีว่า นักการเมืองชั่วไม่ต้องไปเลือกมัน เท่านั้นแระครับ มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่า เมื่อไร  :slime_worship: :slime_worship:

ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไรประชาชนจะเข้าใจสักทีว่า นักการเมืองชั่วไม่ต้องไปเลือกมัน เท่านั้นแระครับ มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่า เมื่อไร   
 
 

* ไม่เชื่อ ......... 
 
   และไม่เคยมีความคิดในสมองเลยว่า ...  นักการเมืองบ้านเราจะไม่ใช่ เงิน  หว่าน

   ไอ้ที่มันแหกปาก ดิ้นทุรนทุราย .. ทำทุกวิถีทางที่จะเป็นนักการเมืองกัน  ตัวสั่น

   มีสักกี่คน .. ที่จะทำด้วยใจจริง

   เส้นทางนักการเมือง ... มันปูไปถึงคำว่า  อำนาจ + บารมี

   ซึ่งพวกเป็น ..   ห ม า   ( แต่อยากเป็นเสือ )  หิว  มันกระหายกันนักหนา

   มีอำนาจอยู่กระเป๋าข้างขวา .. บารมีอยู่กระเป๋าข้างซ้าย

  ทำมาหากินง่าย ....  แดรก  สะดวก

  เพราะงั้น .........................  เงินจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างฐานค่ะ

สวัสดี และขอบคุณ ทุกท่านครับ

ผมมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การแข่งขันทุกชนิด รวมทั้งในทางการเมืองด้วย

จำเป็นจะต้องมีความยุติธรรม และช่องทางให้ต่อสู่ในวิถีที่ดีงาม

หากเป็นไปได้ หลายๆอย่างที่ดูว่ายากก็จะง่ายมากกว่าที่คิดครับ

รัฐบาลและผู้มีบทบาททางการเมืองในปัจจุบัน นับว่ามีโอกาสอันดีที่จะพลิกภาพการเมืองไทยสู่หน้าประวัติศาสตร์ยุคใหม่ได้

หากจะเล็งเห็นปัญหาและทุ่มเทสร้างสรรค์ จัดระเบียบอย่างจริงจังและพอเพียงแก่ปัญหาที่หมักหมมกันมาครับ

ความเห็นแต่ละท่านในกระทู้นี้ล้วนสะท้อนถึงปัญหาในแง่มุมต่างๆ ที่สามารถนำไปใคร่ครวญ หาวิธีแก้ไขจนสำเร็จได้..  

เอาใจช่วยเต็มที่เลยครับ
                               :slime_smile: :slime_v:

หัวข้อนี้น่าสนใจมาก
การเมืองไทย ส่วนใหญ่ (เกือบหมด) ใช้เงินมาก
แต่ก็มีบางกรณีบางคนที่ใช้เงินน้อย
แปลกแต่มีคนแบบนั้นจริง

พอดีอัดที่คุณชวน ไปพูดเมื่อวันศุกร์ เกี่ยวกับเรื่อง จริยธรรมทางการเมือง
 Download : 20070316-chun.mp3 (http://001.uploadblaster.com/?file=0bc355f86cf910c555c99b05e098f8dc)

คุณอานันท์ ไปพูดงานเดียวกันกับคุณชวน ผมอัดช่วงแรกๆไม่ทันแต่ก็ได้พอสมควร
 Download : 20070316-arnan.mp3 (http://001.uploadblaster.com/?file=ef79a2045380c971007a01a23a199d5f)

*
ฝากเพลงให้ฟัง   :)
 Download : Yourebeautiful.mp3 (http://001.uploadblaster.com/?file=c3fe28d3bf63a36e13586d8ff3f63d3c)

ครับ ขอบคุณครับ คุณนทร์

ผมคลิก เข้าไปฟังในประเด็น คุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมืองและข้าราชการ

จากทั้งสองท่าน คือ ท่านอดีตนายกฯ ชวน และอดีตนายกฯอานันท์

ได้หลักที่ปฏิบัติได้ อาทิ เรื่อง กฎ กติกามารยาท หรือจรรยา การส่งเสริมคนดีมาทำงาน ป้องกันคนเลวมีอำนาจ

การฝึกฝนนักการเมืองหน้าใหม่ การถ่ายทอดส่งต่อหลักและวิธีปฏิบัติ ตลอดจนความยากลำบากในการต่อสู้กับการซื้อเสียง พิษภัยร้ายแรงของระบบซื้อเสียงต่อการเมืองไทย  ฯลฯ

หลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ การแก้ไขและป้องกันในขณะเดียวกัน ไม่มีผลประขัดแย้งในในเชิงตัวบุคคลและนโยบาย ไม่เป็นสังคมศรีนญชัย ยึดหลักนิติธรรม ฯลฯ


ไว้จะหาโอกาสเสนอความเห็น ประมวล สรุป และเรียบเรียง แนวทางต่างๆจากหัวข้อกระทู้อีกครั้งครับ


(หมายเหตุ เพลงก็ได้ฟังแล้วเช่นกันครับ  :slime_smile:)

ปัญหาอยู่ตรงที่จุดเริ่มต้นครับ คือพรรคการเมือง ทุกพรรคเลยครับ เนื่องจากระบอบประชาธิปไตย ต้องกวาดคะแนนเสียงให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้เข้าไปเป็นรัฐบาล พรรคการเมืองจำเป็นที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ทีนี้ในเขตใหนที่พรรคโชคดีได้ผู้สมัครที่เสียงดี เขตนั้นก็ใช้เงินน้อยหน่อย แต่เกินหนึ่งล้านที่กฏหมายกำหนดแน่นอน (ถ้าคิดจะชนะชัวร์ ๆ นะ ถ้าแค่หวังฟลุกก็ไม่ถึงสี่ห้าแสนอย่างมาก) แต่ผู้สมัครเสียงดีแต่ละเขตนั้นส่วนใหญ่มีแค่คนเดียวหรือสองคน เป็นไปไม่ได้ที่พรรคใหนพรรคหนึ่งจะได้คนแบบนี้ไว้หมด ดังนั้นทุกพรรคจะเจอปัญหาเดียวกันคือ ไม่มีตัวลง

เมื่อไม่มีตัวลง ก็ต้องหา พรรคก็จะมองคนที่มีศักยภาพสูงสุดที่พอจะแข่งขันกับผู้สมัครเสียงดีของพรรคอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้น ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น หรือพ่อค้าคหบดี หรือข้าราชการระดับสูงในเขตนั้น จากนั้นก็จะไปชักชวนให้มาลงสมัคร แล้วคิดเหรอครับว่า คนเหล่านี้ จะมาลงสมัครเพื่อประชาชน เค้ามาลงก็เพื่อหวังที่จะมีอำนาจ และเอาอำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์ต่อทั้งนั้น คนเหล่านี้พร้อมที่จะลงสนามด้วยต้นทุนของตัวเอง (ใช้เงินพรรคด้วย ลงขันเองด้วย) รวมไปจนถึงใช้กลไกที่มีอยู่ในมือในการแข่งขัน คนใหนมีแวว พรรคก็จะทุ่มให้อีกต่างหาก เป็นการตัดคะแนนพรรคคู่แข่งหากเอาชนะผู้สมัครเสียงดีได้

จากนั้นก็เป็นเรื่องของเงินสู้เงิน เสียงดีก็ต้องใช้เงิน เพราะพรรคอื่นใช้ เพียงแต่การใช้เงินนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นการซื้อเสียงเสมอไป เช่น พรรค ก. ซื้อเสียงแน่นอน พรรค ข. แจก อบต. และกลุ่มแม่บ้าน พรรค ค. ซึ่งเสียงดีสุด ก็จำเป็นต้องลงเงินเพิ่ม อาจจะโดยการเพิ่มรถแห่ เปิดจุดปราศัยเพิ่ม ซึ่งใช้เงินทั้งนั้น เขตใหนดุ ๆ อาจต้องจ่ายให้หัวคะแนน แต่ไม่ซื้อเสียง คือซื้อตัวหัวคะแนนไม่ให้ไปเดินให้กับพรรคอื่น ฯลฯ เทคติกในแต่ละเขตไม่เหมือนกัน

จากนั้น สส. คนใหนที่ใช้เงินพรรคมาก ใช้แรงพรรค ก็เสียงค่อย สส. คนใหนที่ลงเงินลงแรงตัวเองเยอะ ก็เสียงดังหน่อย สส. คนใหนนอกจากจะลงทุนลงแรงเองเยอะแล้ว ยังลงทุนให้กับ สส. เขตอื่นด้วย คนนั้นก็เสียงดังคับพรรค ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ได้เป็นรัฐมนตรี ก็งาบได้เยอะ ไม่เซ็นต์ซะอย่างใครก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นแค่ สส. ก็งาบงบพัฒนาจังหวัดไป บางคนก็หากินทางชงเรื่องเข้ากระทรวงหางบมาลงเพิ่มให้จังหวัดกินหัวคิว ฯลฯ สส. เสียงดี ก็ได้ตำแหน่งเทกระโถนในรัฐบาลไป ไม่ก็เอาตำแหน่งดาวสภาไปครอง ถ้าได้เป็นฝ่ายค้าน ส่วนตำแหน่งสำคัญอย่าหวัง เพราะนั่นมีไว้สำหรับนายทุนพรรค และแกนนำตัวเด่น ๆ ของพรรค

แล้วพรรคเอาเงินมาจากใหน ไปลงทุนให้พวก สส. เสียงดี น้ำดี แต่เสือกจนและไม่รู้จักหาเงินเอง ง่าย ๆ ส่วนหนึ่ง ก็มาจากนายทุนพรรค แต่ไม่ทั้งหมดครับ พรรคการเมืองทุกพรรค จะมีคนที่หาเงินเก่งอยู่ พวกนี้ยอมเปื้อน ยอมสกปรก เค้าไม่ได้หาเงินโดยการไปขอรับบริจาคเข้าพรรคหรอก พวกนี้ชงเรื่องเก่ง ปั้นโครงการเก่ง บางคนได้เป็น รมต. ด้วย บางคนไม่มีแม้ตำแหน่งทางการเมือง แต่มีอิทธิพลสูงมากในพรรค เงินจะถูกสูบเข้าพรรคโดยใช้มติ ครม. หรือ ถ้าเป็นฝ่ายค้านก็หาได้จากการผลักดันกฏหมาย หรือขัดขวางกฏหมาย แต่เงินจะน้อยกว่าตอนที่ได้เป็นรัฐบาลเยอะ ไม่งั้นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง คงไม่หลุดปากออกมาว่าอดอยากปากแห้งมานาน หรอก แน่นอนครับ เงินส่วนหนึ่งเข้าพรรค และอีกส่วนหนึ่งก็เข้ากระเป๋า กินนิ่ง ๆ ตอนนี้พัฒนาไปอีกระดับ มือหาเงินพรรคใหญ่พรรคหนึ่งเนื่องจากเงินดี ถึงกับลงทุนออกเงินให้พรรคก่อน โดยการบริจาค แล้วค่อยตบทรัพย์คืนหลังจากชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น จนกลายเป็นที่มีของการชัก 30% จากทุกโครงการ

ต่อคำถามของ จขกท. เป็นไปได้หรือไม่? ผมโหวตข้อสุดท้าย เพราะเราจะหาพรรคพลังธรรมในยุคแรกได้สักกี่พรรค และกี่หนกันเชียว พรรคพลังธรรมยุคแรกที่ได้ก็ได้แค่ใน กทม. ซึ่งคนกรุงเห่อไปกับกระแส พอยุคที่สองพลังธรรมก็เดี๊ยง แพ้กลไกของพรรคอื่นที่ปรับกลยุทธมาสู้ (ก็ใช้เงินอีกนั่นแหละในการสร้างกลยุทธ) สุดท้ายพรรคก็แตก เพราะทักษิณ เอ้ย เพราะคนในพรรคอยากใช้เงิน อยากชนะ 555

สส. ที่ดี ก็มีครับ มีทุนเดิมลงทุนเองใช้เงินพรรคน้อย ใช้แรงพรรคน้อย และเสียสละไม่กอบโกยคืน แต่นับหัวได้ ทั้งสภามีถึงสิบคนหรือปล่าวก็ไม่รู้ ทางแก้ทางเดียวของปัญหาระบอบประชาธิปไตย คือการให้การศึกษากับประชาชน ให้ประชาชนรู้ถึงสิทธิและความรับผิดชอบของตนเอง เหมือนกับประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย ที่ประชาชนของเขามีความรับผิดชอบในการเลือกกาบัตร และรู้ถึงสิทธิหลังจากกาบัตรไปแล้ว ทำให้พรรคการเมืองต้องสรรหาคนที่เสียงดี มาสู้กัน การใช้เงินก็จะน้อยลงไปเองครับ

อ้อ! ไม่ได้แก้โดยการร่างรัฐธรรมนูนฉบับเลิศเลอเพอร์เฟ็ค หรือการเลือกตั้งเพื่อให้ได้นายกที่มาจาก สส. หรือการยกเลิกองคมนตรี ยกเลิก สว. แต่อย่างใดครับ ปัญหาแก้ได้ด้วยการศึกษา และต้องใช้เวลาครับ!!!

ครับ   ขอบคุณครับ

คุณคนในวงการบรรยาย   รายละเอียดภายในระบบที่ผ่านมาและเป็นอยู่ได้เป็นอย่างดี

ประกอบกับแง่มุมรายละเอียดจากอีกหลายๆท่านแล้ว ไม่ว่าจะเป็น คุณดอกฟ้า ฯ คุณพรรณชมพู คุณรวงข้าวฯ คุณสมชาย คุณไทยมุง คุณริวเซ คุณซียู คุณล็อคอิน คุณอังศนา  คุณอโลฮา007และท่านอื่นๆ

ทำให้สามารถศึกษาและหาทางป้องกันปัญหาเชิงระบบได้ครับ หากผู้เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันอย่างจริงจัง สร้างวิสัยทัศน์ใหม่ ที่จะทบทวนและเปลี่ยนแปลงระบบใช้เงินทางการเมืองที่เป็นอยู่

.............


สำหรับท่านที่ยังไม่ได้โหวต ขอเรียนเชิญอีกครั้งครับ

หรือท่านที่โหวตแล้ว ก็สามารถลบและโหวตใหม่ได้ครับ กระทู้นี้เปิดโอกาสให้โหวตใหม่ต่างจากเดิม ได้ก่อนถึงกำหนดปิดการโหวตครับ...
                                                                                                                                                                 :slime_doubt: :slime_fighto:

ก็จริงนะคะ..... ไม่ต้องใช้เงินตัวเองมาก....... :slime_hmm:

สวัสดีครับ คุณ aoporadio

ถ้าหากพวกเขาทำงานเพื่อชาติและสังคมไทยอย่างแท้จริง ผมเห็นว่า ประชาชนก็ต้องเลี้ยงดูพวกเขาด้วยเงินภาษี อย่างดี ตามสมควรครับ 
                                                                                                                                                  :slime_doubt: :slime_smile:

มาถึงตรงนี้ มีประเด็นที่ควรต้องเพ่งพิจารณา เพิ่มเติมอีกคือ บทบาทของชนกลุ่มที่เป็นนายทุนท้องถิ่น และนายทุนข้ามชาติต่อสังคมการเมืองไทย..ครับ

ประชาชนที่ไกลปืนเที่ยง เราได้ข้อคิดคือ การพัฒนาการศึกษา การให้ข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง ค่านิยมที่เป็นอยู่และความเคยชินในอดีต ต่อระบบการเมืองและนักการเมืองไทยไทย  

แถม ครับ :slime_agreed: :slime_fighto:

http://www.esnips.com/doc/fa2dbb82-b6bb-4478-a970-fb3d780b0468/Dont-Stop-Me-Now-(Special-Mix)

http://www.esnips.com/doc/1ae1580f-4c44-43b0-8b02-bae4666046af/McFly---Dont-Stop-Me-Now

เพลงเพราะๆทั้งนั้นเลย ขอบคุณมากครับคุณ ********Q********

ฮิ ฮิ คุยกันเรื่องเพลงหนุกกว่าเยอะเลย...
ขอบคุณทุกคนที่แนะนำ..เพลงเพราะๆทั้งนั้นครับ...

 :slime_smile: ต๊ะไว้ก่อน ยังไม่ได้ฟัง ขอตัวไปทำงาน

ผมไม่เชื่อแต่ผมยืนยันว่าเป็นไปได้ครับ

ในหลักทฤษฎีมันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่หลักความจริง มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้มันเป็นไปไม่ได้

เริ่มตั้งแต่นักการเมือง ประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการ ข้าราชการ หรือ ทุกๆ คนในประเทศ

ต้องช่วยกัน มันก็เป็นไปได้ไม่ยากครับ หากทุกคนช่วยกันได้ แต่สังคมอุดมคติ แบบนี้ ผมก็บอกว่าอย่างที่โหวต ว่าเป็นไปไม่ได้

แต่อย่างน้อยที่ผมคาดหวังและคิดว่าเป็นไปได้ นะ คือใช้เงิน แต่ไม่ได้ใช้ในทางทุจริต ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ถึงจะใช้มากหน่อย แต่ก็เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย และ คงใช้น้อยกว่าที่ผ่านมาแน่นอน

พวกค่าใช้จ่ายการเดินทาง หาเสียง เลี้ยงน้ำ ผู้เข้าฟัง ประมาณนี้

อย่างน้อยหากประชาชนมีความรู้การซื้อเสียงคงน้อยลงกว่าเดิมแน่นอน

เพลงและดนตรี ก็บ่งชี้ถึงจิตใจภายในได้เหมือนกัน

เราอยากให้คนพิเศษ ฟังเพลงพิเศษที่เราจัดให้  และถ้าชอบเราก็ยินดีมากเสมอๆ  เพราะอย่างน้อยเราก็บริสุทธิ์ใจที่เห็นเธอหรือเขามีความสุข มากน้อยตามแต่โอกาส..

 :slime_smile: :slime_cool:

ขอบคุณนะครับ

โหวตมาเถอะ เรียนเชิญมาเก็บภารกิจที่สำคัญนี้ไว้ ด้วยความตระหนักถึงคุณประโยชน์ของสมดุลในการแข่งขันทางการเมืองที่ยุติธรรมและใช้เงินน้อยๆ ได้ผลมากๆ

พูดไปแล้ว    หากผู้คนทั่วไป นิสัยดี ความพร้อมมี ขยัน และชอบทำประโยชน์ ก็ดี
นายทุนในระบบการเมืองอยู่ในกรอบกฎหมายที่ดี ก็ดี
ผู้มีอำนาจมีวิสัยทัศน์และถ่ายทอดออกไปอย่างมีศรัทธา ก็ดี
ผลที่ได้รับย่อมดีตามการเพาะหว่านปลูกฝ้งที่กระทำโดยตรง และเกิดผลมากเป็นที่สังเกตเห็นได้มากขึ้นเป็นลำดับต่อไป..

หลักเชื่อดี คิดดี พูดดี ทำดี ยังใช้ได้และจำเป็นในทุกระบอบการเมือง... ครับ
                                                                                           :slime_doubt:

ขอถือโอกาสปิดการโหวต ครับ :slime_cool: :slime_v:

ผมไม่ได้โหวต แต่อยากออกเสียงได้มั๊ย อิ อิ เพิ่งเห็นกระทู้นี้...

เอาเป็นว่าผมเสนอสวนกระแสเลยคือ...แถ่นแท้น...

ใครซื้อเสียง ติดคุก 20 ปี ไม่มีอุธรณ์...

ดูซิจะมีใครกล้าบ้าง...

ตอนนี้ถ้าเอาจริง สงสัยจะติดกันคนละเป็นพันปีนะสิครับ   :slime_bigsmile:

ไม่แน่นะครับ ทำรัฐธรรมนูญเสร็จ สนช.กับสภาร่าง ต้องทำกฎหมายเลือกตั้งใหม่นะครับ

เห็นกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวด้วย

ผมว่าเราศึกษากฎหมายเลือกตั้งกับพรบ.พรรคการเมืองควบ ๆ กันไปด้วยก็ไม่เลวนะครับ

กกต.น่าจะออกโรงบ้างแล้ว

เท่าที่มองตอนนี้ยังไม่เห็นฝั่งเลยค่ะ ว่าจะแจวจะพายกันไปทางไหน เฮ้อ.... :slime_dizzy: :slime_doubt:

 ข้อความโดย: CanCan
ใส่การอ้างถึงคำพูด
ผมไม่ได้โหวต แต่อยากออกเสียงได้มั๊ย อิ อิ เพิ่งเห็นกระทู้นี้...

เอาเป็นว่าผมเสนอสวนกระแสเลยคือ...แถ่นแท้น...

ใครซื้อเสียง ติดคุก 20 ปี ไม่มีอุธรณ์...

ดูซิจะมีใครกล้าบ้าง...
เพิ่งรู้นะู้ว่า CanCan นิยมเผด็จการจริงๆ

เที่ยวนี้ ถ้าหากนักการเมืองและข้าราชการไม่ระวังตัวให้ดี คงจะได้ติดคุกสมใจ  

ก็ฝากเตือนๆกันไว้ล่วงหน้าครับ คนรักใคร่นับถือกันก็มีมาก ฝากเรียนขอให้ช่วยรักษาการแข่งขันการทำงานให้อยู่ในกรอบเจตนารมณ์ของกฎหมายด้วยครับ
                                                                                                                                                                                               :slime_fighto: :slime_smile:

เออ...ให้กฎหมายเข้มแข็ง ปกป้องประชาธิปไตยจริง ๆ ก็ต้องกล้าลงอาญา พวกซื้อสิทธิ์ขายเสียง

ประเทศด้อยพัฒนาก็ต้องเล่นกฎหมายแรง ๆ ปกติอยู่แล้ว

ไม่งั้นหน้าเหลี่ยมไม่สั่งเก็บพวกขายยาบ้า ว่ามั๊ยล่ะ

ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง มันเท่ากับทำลายประชาธิปไตยทางตรงเลยนะ

ไม่มีคนซื้อ ใครจะไปขายล่ะ...ให้เงินมาเค้าก็เอาทั้งนั้น

ถ้าซื้อเสียงติดคุกหนัก ๆ นี่เป็นนิยมเผด็จการ ก็ว่ากันไป

ที พรก.ฉุกเฉิน ของหน้าเหลี่ยม ไม่เห็นบอกว่า กฎหมายนั้นให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการมั่งล่ะ

อ้อ...เค้าเสนอให้มีศาลเลือกตั้ง ทำหน้าที่แทน กกต. ก็เหมือนให้มีศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง

นั่นก็ศาลเดียว โป้งเดียวจอด...แบบนั้นเรียกศาลเผด็จการมั๊ยละครับ

การเมืองไทยเปลี่ยนรูปทรงได้เหมือนน้ำที่ใส่ในภาชนะเปลี่ยนแปลงได้ทุกรูปแบบที่อยู่ในความนิยมชั่วครั้งคราว

และมีความไม่แน่นอนเสมอๆ