ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

  'สนธิ' ไฟเขียวนายกฯ คนนอก ปัดล็อบบี้ 'ประสงค์'
 
12 มีนาคม พ.ศ. 2550 08:00:00
 
 ประธาน คมช.ไม่ขวางข้อเสนอกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ ไม่ต้องเป็นส.ส. ปัดไม่เคยหารือประธานยกร่าง เตรียมจัดสัมมนา รธน.ในมุมมองทหาร 14-16 มี.ค.

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : จากข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยเห็นควรเปิดช่องทางให้นายกรัฐมนตรีมาจากเสียงข้างมากของ ส.ส.ซึ่งได้รับการต่อต้านจากหลายฝ่ายนั้น

 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการยกร่างฯ และสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เนื่องจากเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ คมช.ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์

“ผมไม่รู้ ไม่เคยคุยกันกับน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเลย ไม่เคยคุยกับคณะ ส.ส.ร.ด้วยซ้ำ ก็แล้วแต่ทางนั้น” พล.อ.สนธิ กล่าว

ขณะที่พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม และในฐานะหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า คมช.ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ คมช. คงยังไม่มีความเห็นอะไรเรื่องนี้ เพราะ คมช.จะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นร่างรัฐธรรมนูญก็ต่อเมื่อร่างรัฐธรรมนูญใกล้เสร็จสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง คมช.ไม่หวั่นเกิดการต่อต้านจากประชาชนเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬใช่หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯ คงพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าจะเป็นทางออกของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ล็อกกรอบไว้ให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องเป็น ส.ส.เมื่อถึงจุดอับจนที่รัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขได้เหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา แนวทางนี้น่าจะเป็นทางออกในการแก้ปัญหา และเพื่อไม่ให้เราหันไปหาช่องทางนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะเกิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่ามีพฤติกรรมเช่นไร
"ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากตัวบุคคลว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแนวทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการล็อกไม่ให้มีทางออก ทำให้รัฐธรรมนูญถึงทางตัน เรียกร้องนายกรัฐมนตรีพระราชทาน และเมื่อเข้าตาจน จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยทหารขึ้น"

ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการ คมช.จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับการเตรียมการมีรัฐธรรมนญูฉบับใหม่ของทหาร ซึ่งจะเป็นการสัมมนาเพื่อระดมสมองพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญในมุมมองของทหาร โดยจะเชิญทหารระดับสูงในกองทัพตั้งแต่ระดับกองพลขึ้นไปประมาณ 80-100 คน เข้าร่วมสัมมนาในระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ หาดจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี  เบื้องต้น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคมช. จะเดินทางไปเป็นประธานเปิดสัมมนาในวันที่ 14 มีนาคมนี้ และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช.จะเป็นประธานปิดในวันที่ 16 มีนาคม

  "เกริกเกียรติ"ดับฝันนายกฯคนนอก

 ด้านนายเกริกเกียรติ พิพัฒนเสรีธรรม กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวบรรยายในการเสวนา ว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ถือว่าเป็นฉบับหนึ่งที่ให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชนไว้มากที่สุด กว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กรรมาธิการยกร่างฯ ทุกคนมีความเห็นพ้องกันว่าต้องมีการปฏิรูประบบการศึกษา รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารงานจะต้องยึดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยจะต้องจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาธิการเป็นอันดับแรก และค่อยเจียดจ่ายไปให้กับกระทรวงอื่น ซึ่งหากไม่เพียงพอจะต้องพิจารณาจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพราะคุณภาพของคนถือว่าเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขปัญหาความยากจน 

ส่วนประเด็นที่น.ต.ประสงค์ ได้แสดงความเห็นว่า ควรจะเปิดช่องที่มาของนายกรัฐมนตรีสามารถมาจากคนนอกได้นั้น ขอยืนยันว่าประเด็นนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ความเห็นที่ออกมานั้น น่าจะเป็นการล้อเล่นของน.ต.ประสงค์ ที่ต้องการที่จะผ่อนคลายความตึงเครียดของสมาชิกในระหว่างการประชุม  เพราะจากการพูดคุยในวงนอกมีกรรมาธิการไม่น้อยกว่า 30 คน ที่มีความเห็นพ้องกันว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจาก ส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนที่มีความเห็นว่านายกฯ สามารถมาจากคนนอกได้นั้นมีเพียงส่วนน้อย ซึ่งเรื่องนี้มีสิทธิที่แสดงความคิดเห็นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่คนระดับประธานคณะกรรมาธิการออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น จะทำให้ภาพที่ออกมาสู่สังคมว่าจะมีการล็อกสเปคเอาไว้หรือไม่ นายเกริกเกรียรติ กล่าวว่า เท่าที่ดูยังไม่เห็นว่ามีพิพม์เขียว ซึ่งหากมีจริง เรื่องนี้ไม่สามารถจะมาปิดปากเขาได้ และหากเขาจะต้องออกมาปิดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมาธิการว่าจะยกร่างขึ้นไปอย่างไร เมื่อหากยกร่างขึ้นไปแล้วโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องที่จะง่ายนัก และเชื่อว่าใน ส.ร.ร.ทั้ง 100 คน กว่า 90 % ก็มีความคิดเห็นตรงกันว่าไม่ควรที่จะไปฝืนความรู้สึกของประชาชน

ประชามติล่มโยนรัฐบาลเฉี่อยเป็นเหตุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มนักวิชาการและภาคประชาชนมีความเป็นห่วงว่าร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์ นายเกริกเกียรติ กล่าวว่า เรามีหน้าที่อย่างไรก็จะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านไม่ใช่อำนาจของเรา แต่ขอยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่ดีที่สุด ซึ่งหากไม่ผ่านการทำประชามติก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องของการเนื้อหาในตัวร่าง 

“เพราะนี่ขนาดยังไม่ได้เขียนก็มีกลุ่มไอเซย์โนขึ้นมาแล้ว ซึ่งก็ยังไม่มีการถกเถียงกันเลย ก็มีเสียงบอกว่าไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว เรื่องร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านนี้ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องของเกมการเมือง ไมใช่อยู่ที่เนื้อหาว่าตัวหรือไม่ กระบวนการนี้เกิดความหน่อมแน้มของรัฐบาล และคมช.เอง ที่ไม่ยอมสั่งอายัดทรัพย์ของกลุ่มขั้วอำนาจเก่ามาตั้งแต่แรก ทำให้มีการต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มต่างๆ ได้ออกมาเคลื่อนไหวได้"
 

 http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/12/WW10_WW10_news.php?newsid=58382
 
   
'สนธิ' กำลังชี้นำ ประสานเสียงกับ 'ประสงค์' แล้ว
แต่ไม่กล้าพูดความจริงจากใจ.......... :!:

อย่าให้คนไทยที่ต่อต้านรัฐประหารคราวนี้ ทำให้คนไทยที่ยอมรับและ'เข้าใจ'การรัฐประหารคราวนี้ ลำบากใจ และ ผิดหวัง เปลี่ยนใจใหม่ ต่อต้าน คมช.และ รัฐบาลนี้เลย.....

อย่าให้คำว่า 'ตะเภาเดียว'กันเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยที่สนใจการเมืองเลย....


 "ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากตัวบุคคลว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแนวทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการล็อกไม่ให้มีทางออก ทำให้รัฐธรรมนูญถึงทางตัน เรียกร้องนายกรัฐมนตรีพระราชทาน และเมื่อเข้าตาจน จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยทหารขึ้น"  
อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงความต้องการของกลุ่มผู้มีอำนาจในขณะนี้ เลย
คนที่มีความคิดไร้เรียงสา จึงเชื่อว่า 'รักษาการนายกฯ'ในขณะนั้น จะยินยอมให้มี 'นายกฯคนนอก'ที่ไม่ใช่พวกของเขา......

สะจายยยยยยยยยยยยยยคร้า สะจาย.....ตรงที่ดันไปสมคบกับโจรในการปล้นอำนาจอธิปไตยของคนไทยไปโดยนึกว่าเป็นนักบุญมาโปรด สมน้ำหน้า!! เมื่อที่มาของอำนาจมันคือการปล้น...จะเป็นไรหากโจรมันจะปล้นอีกสักครั้งหรือหลายๆครั้ง!?!



ก็อยู่กันไปแบบไทยๆแล้วกานนนนนนนนน :slime_smile2:

ที่มาของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ก็มีสองทางเท่านั้นแหละค่ะ  แต่ไม่ว่าจะทางไหน นายกรัฐมนตรีต้องได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร

หากไทยรักไทยได้ 19 ล้านเสียงอีก แต่ทักษิณไม่ได้ลงสมัคร สส. แล้วไทยรักไทยจะไปเชิญทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เมียน้อยอาจารย์จ๊ะจะไม่ดีใจหรือคะ เนี่ยมันประโยชน์ของท่านเองแท้ๆเชียวนะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญคราวหน้า อาจจะอยู่ในช่วงราวๆแปดถึงสิบสองปี  พอเหมาะแก่เวลาที่คนไทยจะเบื่อรัฐธรรมนูญพอดี หากยังไม่สิ้นชีวิตกัน ก็คงได้เต้นกันอีกรอบ และอีกรอบ

แมวขาวหรือแมวดำ ก็จับหนูได้เหมือนกัน  นายกรัฐมนตรีจะสีอะไร ก็จับหนูได้เหมือนกันไหม    :slime_bigsmile: :slime_v:

ชัดเจนดีครับ
อย่าลืมพกไวน์ไปด้วยนะครับ ผมจะไปนั่งประท้วงข้าง ๆ ไม่ยอมห่างไปไหน :slime_smile:
คงอีกไม่นานหรอก....

คาวเลือด "นายกฯคนนอก"
 
12 มีนาคม พ.ศ. 2550 07:37:00
 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : แม้ว่าน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะพยายามลดน้ำหนักของข้อเสนอจากกรรมาธิการเสียงข้างน้อยบางคนที่ให้เพิ่มประเด็นการเปิดช่องให้มีการแต่งตั้ง "นายกรัฐมนตรี" จากบุคคลที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งได้ว่าเป็นเพียงความเห็นหนึ่งในหลายๆ ความเห็นเท่านั้น  ยังไม่มีข้อยุติในประเด็นนี้จึงขออย่าให้นักการเมืองวิตกกังวลเกินเหตุว่าจะเป็นเช่นนั้น   แต่ น.ต.ประสงค์กลับพยายามอธิบายถึงความจำเป็นในทางสถานการณ์ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะเปิดช่องให้มีการแต่งตั้ง "นายกรัฐมนตรี" โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง  เพื่อป้องกันไม่ให้บ้านเมืองถึงทางตันดังเช่นที่เกิดขึ้นมาในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540  จนเกิดการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 เพื่อยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่มีการทุจริตคอร์รัปชันจำนวนมากและยังเป็นเผด็จการพลเรือนจากการเลือกตั้ง

    เมื่อประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาพูดชัดเจนเช่นนี้  จึงทำให้น้ำหนักความเคลือบแคลงสงสัยที่มีอยู่แล้วของสาธารณชนเพิ่มมากยิ่งขึ้นว่า  คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติคงจะเข้ามาชี้นำคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจริงเพื่อให้เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่มีการลงมติไปแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขตพื้นที่   การจุดพลุประเด็นนายกรัฐมนตรีคนนอกในครั้งนี้ของน.ต.ประสงค์  จึงยากจะคิดเป็นอื่นได้ว่า คมช.กำลังจะสร้างกระบวนการสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

    ระดับความเชื่อมั่นของคนไทยจำนวนมากกำลังสั่นคลอนอย่างรุนแรงจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้และ คมช.กลายเป็นองค์กรที่มีอำนาจมากแต่กลับต้องห้ามของคนภายนอกในการรับรู้ความเป็นไป   สมาชิกคมช.บางคนกำลังอยู่ในอาการหลงระเริงกับอำนาจหลังจากเข้าไปเป็นคณะกรรมการบริหารในรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ชี้ให้เห็นว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 60 เดือนหรือ 5 ปี  ด้วยความวิตกถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์   ประเทศไทยจะออกจากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มต่างๆ ได้อย่างไร   โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจเก่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรยังต่อท่อน้ำเลี้ยงสายสัมพันธ์กับแกนนำพรรคไทยรักไทย  กลุ่มการเมืองต่างๆ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรับจ้างเพื่อสร้างเงื่อนไขในการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและ คมช.ที่มีน้อยอยู่แล้วให้ติดลบมากยิ่งขึ้น

    คมช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญควรจะศึกษาบทเรียนเหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภาคม 2535 ที่ประชาชนทุกภาคส่วนได้ชุมนุมแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.สุจินดา คราประยูรที่กลืนน้ำลายตัวเอง  อ้าง "เสียสัตย์เพื่อชาติ" รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งและยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก  จนเกิดเหตุการณ์นองเลือดทำให้พล.อ.สุจินดา คราประยูรต้องลาออกจากตำแหน่งภายในเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือน  แม้ว่าประชาชนจำนวนมากจะมอบดอกไม้และเสียงชื่นชมคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)ในเดือนกุมภาพันธ์ 2534  โดยยินยอมเว้นวรรคระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศพ้นจากรัฐบาลเผด็จการพลเรือนที่เต็มไปด้วยคอร์รัปชันเช่นเดียวกับ คมช.ในวันที่ 19 กันยายน 2549  

    คมช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรเปิดประเด็นร้อนเพื่อทดสอบกระแสสังคม "นายกรัฐมนตรีคนนอก" เลย  ควรจะจดจำบทเรียนการสืบทอดอำนาจเผด็จการจากรัฐประหารดังเช่นเคยเกิดขึ้นกับคณะ รสช.เมื่อปี 2535  หาก คมช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญยังดึงดันใช้เสียงข้างมากของสภาร่างรัฐธรรมนูญลงมติเปิดช่อง "นายกรัฐมนตรีคนนอก" ไว้  ย่อมสุ่มเสี่ยงให้ประเทศไทยกลับไปสู่สถานการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุนคัดค้านจากกลุ่มพลังทุกภาคส่วนของสังคมดังเช่นเกิดขึ้นในระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2535  จนนำไปสู่การใช้อำนาจสั่งการทหารใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนในระหว่างวันที่ 16-18 พฤษภาคม 2535  ซึ่งในที่สุดนายกฯ คนนอกพล.อ.สุจินดาต้องตัดสินใจลาออกอย่างเจ็บปวด

     อย่าลืมว่าประชาชนชาวไทยได้เรียนรู้การต่อสู้กับเผด็จการทหารมาอย่างกล้าหาญหลายครั้ง  ทุกครั้งประชาชนจะได้รับชัยชนะแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันแรงกล้าศรัทธาระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  หาใช่ความต้องการอยู่ระบอบเผด็จการทหารที่มี คมช.มีอำนาจสูงสุด   ดังเช่นเป็นอยู่ในปัจจุบันที่แม้ว่าประชาชนยินยอม "เว้นวรรค" ประชาธิปไตยเพราะรัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลทรราชมากกว่า  แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะมอบอำนาจให้ คมช.สืบทอดอำนาจอย่างไม่รู้จบดังเช่นสัญญาณ "นายกรัฐมนตรีคนนอก" ที่มีกลิ่นคาวเลือดลอยติดมาด้วยแล้ว
 

 http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/12/WW12_1237_news.php?newsid=58388




อย่าลืมว่าประชาชนชาวไทยได้เรียนรู้การต่อสู้กับเผด็จการทหารมาอย่างกล้าหาญหลายครั้ง  ทุกครั้งประชาชนจะได้รับชัยชนะแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันแรงกล้าศรัทธาระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  หาใช่ความต้องการอยู่ระบอบเผด็จการทหารที่มี คมช.มีอำนาจสูงสุด   ดังเช่นเป็นอยู่ในปัจจุบันที่...........

แม้ว่าประชาชนยินยอม "เว้นวรรค" ประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลทรราชมากกว่า  แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะมอบอำนาจให้ คมช.สืบทอดอำนาจอย่างไม่รู้จบดังเช่นสัญญาณ "นายกรัฐมนตรีคนนอก" ที่มีกลิ่นคาวเลือดลอยติดมาด้วยแล้ว

ผมว่าประเด็นนี้ อ.นรนิต เศรษฐบุตร สู้ยิบตาครับ (รวมทั้งอีกหลายคน) :slime_cool:

พวกไม่มีงานทำ เรื่องไม่เป็นเรื่อง

คิดได้แค่นี้ ก็ไปลากเอา 2521 มาใช้เลยสิ

แบบครึ่งใบน่ะ...หรือว่าอยากให้มันยุ่งเข้าไว้

ประชามติไม่ให้ผ่าน ก็ให้ คมช. เลือกเองละกัน

 :slime_worship: :slime_worship:

ทำไมต้องทำอะไรที่ขัดใจประชาชนนะ

ถ้ามีว่า นายกต้องมาจากคนนอก

แล้วจะให้ชาวบ้านโหวตเลือกรับรองรัฐธรรมนูญทำไม

เพราะอย่างงี้ก็เสียเงินเปล่าๆ ใครจะไปลงคะแนนรับล่ะ

คิดอะไรออกไป เห้อ  :slime_sleeping:

ญาติรับศพ “สุวิทย์ วัดหนู” เผยบ่นก่อนตาย “นายกฯ ต้องมาจากเลือกตั้งเท่านั้น ”
 
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2550 13:45 น.

(http://i15.tinypic.com/2hye1q1.jpg)
ภรรยา ญาติ และเพื่อนบ้านเดินทางรับศพ “สุวิทย์ วัดหนู” ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศก เพื่อนำไปบำเพ็ญศลที่วัดสามัคคีบรรพต ต.บางสะเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แพทย์ระบุเหตุกล้ามเนื้อหัวใจตาย เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล
       
       วันนี้ (12 มี.ค.) เวลา 12.00 น.ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ นางสุวรรณี วัดหนู อายุ 46 ปี ภรรยา นายสุวิทย์ วัดหนู พร้อมด้วยญาติ เพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงาน ประมาณ 30 คน เดินทางมาติดต่อขอรับศพนายสุวิทย์เพื่อไปบำเพ็ญกุศล โดยก่อนหน้าที่จะรับศพ นางสุวรรณีซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยว่า เมื่อช่วงก่อนเกิดเหตุ นายสุวิทย์ สามีไปประชุมและเดินทางกลับมาบ้านช่วงประมาณเวลา 23.00 น. จากนั้นได้รับประทานอาหาร และนั่งดูทีวี ประมาณเที่ยงคืนก็เข้านอน โดยบ่นกับตนเองว่าปวดหลัง ตนจึงนวดให้แต่ก็ไม่หาย จากนั้นขอยานอนหลับกิน และเข้าห้องน้ำ ก่อนกลับมาเข้านอนและหลับเป็นปกติ แต่ตนแปลกใจ เพราะมีเสียงกรนผิดปกติ จากนั้นเวลาประมาณตี 1 กว่า จึงเปิดไฟดูและเขย่าตัว แต่ไม่มีการโต้ตอบ จึงได้ตะโกนบอกเพื่อนบ้านเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแพทย์บอกว่า เสียชีวิตแล้ว
       
       นางสุวรรณี กล่าวอีกว่า ปกตินายสุวิทย์เป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว แต่ก็ไม่เคยไปตรวจสุขภาพ ส่วนเรื่องปวดหลังเคยเป็นมา 3 ครั้งแล้ว โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ไม่ยอมไปหาหมอ เพียงขอยานอนหลับกิน
       
       “ปกติเวลาเช้าไปส่งตนไปทำงานที่มูลนิธิครูประทีป จากนั้นก็พี่สุวิทย์ก็ไปทำงานกับชาวบ้าน ก่อนจะกลับเข้าบ้าน โดยชีวิตประจำวัน จะเป็นอย่างนี้” นางสุวรรณี กล่าว
       
       ต่อข้อถามว่า สาเหตุมาจากความเครียดเรื่องการเมืองหรือไม่ นางสุวรรณี กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ปกตินายสุวิทย์ชอบดูข่าว โดยเมื่อไม่พอใจเรื่องอะไร ก็จะนั่งบ่น  และครั้งล่าสุดได้บ่นเกี่ยวกับประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยนายสุวิทย์บอกว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
       
       อย่างไรก็ตาม นางสุวรรณี กล่าวว่า ในส่วนของพันธมิตรฯ ได้มีการโทรศัพท์มาให้กำลังใจ และบางคนเดินทางมาที่บ้าน และโรงพยาบาล ส่วนตนจะทำอะไรต่อไป ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ยังตั้งตัวไม่ได้ และคงต้องทำงานที่มูลนิธิครูประทีปต่อไป
       
       “สำหรับศพของนายสุวิทย์จะนำศพไปไว้ที่วัดสามัคคีบรรพต ต.บางสะเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ส่วนจะสวดกี่วันยังตอบไม่ได้ จะต้องปรึกษากับแม่ของคุณสุวิทย์ก่อน” นางสุวรรณี กล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงจังหวะที่นำศพมาบรรจุใส่โลง นางสุวรรณีถึงกับร่ำไห้ โดยเอามือลูบที่ศีรษะสามี และนำพวงมาลัยวางในโลง โดยบอกกับนายสุวิทย์ว่า “กลับบ้านที่บางสะเหร่นะพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะพี่” จากนั้นนางสุวรรณีเป็นลมล้มลง ทำให้ญาติต้องอุ้มไปปฐมพยาบาลด้านนอก ก่อนที่จะพาขึ้นรถตู้เพื่อไปบำเพ็ญกุศล สำหรับผลการชันสูตรศพ แพทย์ระบุว่าสาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย เสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาล
       
        โรคหัวใจล้มเหลวปิดตำนานชีวิต “สุวิทย์ วัดหนู” นักต่อสู้เพื่อ ปชต.

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000028682




    และครั้งล่าสุดได้บ่นเกี่ยวกับประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยนายสุวิทย์บอกว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น