หัวข้อ: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-03-2007, 01:17 "เมติ"ขนเอสเอ็มอีญี่ปุ่นร่วมเอกชนไทย
"เมติญี่ปุ่น" นำทัพเอสเอ็มอีชั้นนำญี่ปุ่น 30 ราย ร่วมมือกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและเอกชนไทย ผุดยุทธศาสตร์พัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กำหนดแผนพัฒนาด้านเทคโนโลยี การตลาด และเป็นพันธมิตรร่วมทุน หวังเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการรองรับโครงการลงทุน หลังเปิดเสรีเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ในวันที่ 7 มีนาคมนี้ กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น (เมติ) จะนำนักลงทุนชั้นนำ 30 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น มาร่วมจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนระหว่างสองประเทศ โดยจะร่วมกับผู้ประกอบการไทยประมาณ 30-40 บริษัท เพื่อเตรียมความพร้อมสร้างความแข็งแกร่ง ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสนับสนุนของทั้งสองประเทศ รองรับการย้ายฐานการลงทุนของญี่ปุ่นที่จะมีมากขึ้น หลังจากไทยเซ็นสัญญาเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้ ทางด้านยุทธศาสตร์ที่จัดทำร่วมกันครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยี การตลาด และความร่วมมือด้านการผลิตในรูปแบบใหม่ ตลอดจนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ของเอกชนทั้งสองประเทศ เนื่องจากเมื่อมีการเปิดเอฟทีเอแล้ว จะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสนับสนุนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทรายใหญ่ได้ย้ายฐานลงทุนเข้ามาเกือบหมดแล้ว แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการไทย มีโอกาสจะได้รับประโยชน์อย่างมาก จากพันธมิตรร่วมทุนที่มีศักยภาพ และได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่จะเพิ่มขีดแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต นอกจากนี้ กสอ. ยังลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับโรงเรียนแสงทองเทคโนโลยี เพื่อจัดทำโครงการนำร่องเสริมสร้างช่างไทยเป็นมืออาชีพ โดยเปิดฝึกอบรมยกระดับทักษะบุคลากร ภาคอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ซ่อมและประกอบคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่าย โดยเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากร ในภาคอุตสาหกรรมให้มีความรู้ด้านไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยเสริมให้ภาคอุตสาหกรรม เกิดความแข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถพัฒนาต่อยอดไปในด้านอื่น สำหรับผู้เข้ารับการอบรมปีแรกจะรับจำนวน 150 คน เพราะมีงบประมาณจำกัด เพียง 7 แสนบาท อย่างไรก็ตาม กรอ. ตั้งเป้าในอีก 5 ปี จะสามารถพัฒนาฝีมือบุคลากรได้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 7,000 คน ซึ่งครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตั้งไว้ คือ อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และการยกเครื่องจักรกล อย่างไรก็ตาม การพัฒนาฝีมือแรงงานในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม สามารถนำไปประกอบอาชีพเป็นช่างอิสระได้ด้วย "การเพิ่มทักษะทางช่างในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับฝีมือของบุคลากรในโรงงาน สามารถปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร เครื่องยนต์ในโรงงานได้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ามีเครื่องจักรกลที่เสียและไม่ได้ใช้ประโยชน์กว่า 8 หมื่นเครื่อง และเป็นเครื่องจักรที่มีราคาแพง หากสามารถนำมาซ่อมและมาใช้ใหม่ได้เพียงแค่ 4 หมื่นเครื่อง ก็จะเกิดความคุ้มทุนอย่างมาก" นายปราโมทย์ย้ำ อย่างไรก็ตาม ปีแรกการอบรมจำนวน 150 คนจะอบรมฟรี โดยผู้เข้ารับการอบรมจะเป็นบุคคลที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่แล้ว เพราะถ้าเปิดอบรมให้กับคนทั่วไป และไม่ได้นำไปใช้ จะสูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมยังขาดแคลนแรงงานทักษะ ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังขาดแคลนแรงงานระดับช่างเทคนิคและวิศวกร จำนวน 2,184 คน http://www.bangkokbiznews.com/2007/03/02/news_22939540.php?news_id=22939540 ในความมืด เริ่มมีประกายแสงเรืองรองบ้างแล้ว แม้ว่าจะต้องอยู่ในเงื่อนไขการทำสัญญา'เอฟทีเอ ไทย-ญี่ปุ่น' ก็ตาม.... หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ไทมุง ที่ 03-03-2007, 01:19 อาจารย์ปุ คิดว่ารัฐบาลจะดันให้เซ็นต์ JTEPA ไหวมั๊ย เพราะ พล.ต.จำลอง กับ อ.สุริชัย หวันแก้ว ยื่นหนังสือท้วงแล้ว เรื่องขยะอันตราย กับสิทธิบัตรจุลชีพ หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: (ก้อนหิน) ละเมอ ที่ 03-03-2007, 01:26 เศรษญกิจเน่า...
หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-03-2007, 03:37 อาจารย์ปุ คิดว่ารัฐบาลจะดันให้เซ็นต์ JTEPA ไหวมั๊ย เพราะ พล.ต.จำลอง กับ อ.สุริชัย หวันแก้ว ยื่นหนังสือท้วงแล้ว เรื่องขยะอันตราย กับสิทธิบัตรจุลชีพ เดาใจไม่ถูกครับ..... ถ้าจะทำสัญญา ก็ควรจะเปิดเผยข้อความของสัญญา และทบทวนการทักท้วงของนักวิชาการและผู้รู้ด้วย...... หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-03-2007, 03:39 เศรษญกิจเน่า... หลังสงกรานต์นี้ ค่อยพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่า การท่องเที่ยวจะช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านได้มากน้อยเพียงใด.... หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 03-03-2007, 03:44 เศรษญกิจเน่า... หลังสงกรานต์นี้ ค่อยพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่า การท่องเที่ยวจะช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านได้มากน้อยเพียงใด.... สงสัยจะแห้วสิคะ.....มีเรื่องจะก่อวินาศกรรมแถมจนป่านนี้ยังจับมือใครมาดมไม่ได้เลย แล้วการท่องเที่ยวมันจะดีได้ไง แค่จะเดินห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆยังต้องมองซ้ายมองขวาอยู่เลย ยิ่งพูดยิ่งห่อเหี่ยว ปล.ยกเว้นเดินห้างขนาดย่อมลงมาหน่อยค่ะ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 03-03-2007, 08:58 ผมว่ามีเพียง 2 ประเทศ ที่เราพอยอมเสียเปรียบได้บ้าง คือ จีน กับ ญี่ปุ่น นี่แหละครับ.....เพราะมีความจริงใจในการคบค้ามากที่สุด ไม่ค่อยทำลายประเทศพันธมิตร มีความจริงใจมากกว่า อเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ....อย่างไรก็ตามการเซ็นต์ FTEPA ญี่ปุ่น ก็น่าจะมีการเปิดเผยกันให้ชัดก่อนมีการลงนาม .......เมื่อวานนี้เห็นข่าว ว่า มีข้อเสนอ จาก บริษัท ฯ ร่วม จีน ญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่องรถไฟฟ้า...........
หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-03-2007, 12:45 เศรษญกิจเน่า... หลังสงกรานต์นี้ ค่อยพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่า การท่องเที่ยวจะช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านได้มากน้อยเพียงใด.... สงสัยจะแห้วสิคะ.....มีเรื่องจะก่อวินาศกรรมแถมจนป่านนี้ยังจับมือใครมาดมไม่ได้เลย แล้วการท่องเที่ยวมันจะดีได้ไง แค่จะเดินห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆยังต้องมองซ้ายมองขวาอยู่เลย ยิ่งพูดยิ่งห่อเหี่ยว ปล.ยกเว้นเดินห้างขนาดย่อมลงมาหน่อยค่ะ :slime_bigsmile: เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายฉบับได้สอบถามนักท่องเที่ยวต่างชาติบริเวณสถานท่องเที่ยว เช่น วัดพระแก้ว วัดเบญจะ มาบุญครอง และที่ตั้งรถถัง เป็นต้น นักท่องเที่ยวฯ ทั้งในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ต ตามข่าวฯ ไม่รู้สึก ไม่หวาดกลัวการรัฐประหารคราวนี้ และแสดงเจตนาจะมาท่องเที่ยวอีก แม้แต่นักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่าน ก็ให้ความเห็นว่ากลัว 'เล็กน้อย'เท่านั้นเอง แต่จะมาอีก.... จึงเชื่อว่าสงกรานต์นี้ นักท่องเที่ยวจะมาฉลอง เล่นสงกรานต์กับคนไทยมากยิ่งขึ้น .... ถ้าไม่มีการ'วางยา' ออกข่าวเกี่ยวการจำกัด ข้อห้าม ต่าง ๆ ในการไปร่วมสงกรานต์ เช่น งดจัดสงกรานต์บางแห่ง การตรวจค้น การกำหนดการแต่งกายเข้มงวดกว่าเดิม ฯลฯ.... ธุรกิจท่องเที่ยว สามารถกระจายรายได้ไปทั่วประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น ทดแทนความเสียหายที่ผ่านมา..... หัวข้อ: Re: "มือที่สอง" จะต้องไม่พอใจข่าวนี้แน่ ๆ.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-03-2007, 17:18 ปธ.คมช.ประกาศผ่านสื่อต่างชาติ เอาผิด "ทักษิณ" ได้แน่
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2550 11:22 น. นิตยสารไทมส์ตีพิมพ์บทให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. โดยประธาน คมช.มั่นใจว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ดำเนินการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีคอร์รัปชั่น ท้ายที่สุดจะเอาผิดได้ เหตุที่ใช้เวลาดำเนินการนานนั้นเพราะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. เป็นองค์กรขนาดเล็ก เพราะเจตนาให้มีคนทำงานไม่มากเนื่องจากให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลข่าวสารจะถูกจำกัดในกลุ่มเล็กๆ เพราะรัฐบาลชุดก่อนมีคนมากมายฝังตัวในหน่วยงานต่างๆ จึงต้องระมัดระวัง ขณะที่ชี้แจงอีกว่า รัฐบาลชุดก่อนไม่สุภาพต่อพระราชวงศ์และพระมหากษัตริย์ จึงต้องปฏิวัติ นอกจากนี้ยังระบุว่า เป็นหน้าที่ของ คมช. และรัฐบาลที่ต้องสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติที่กังวลต่อเสถียรภาพและความมั่นคง ก่อนจะตัดสินใจลงทุน หลังรัฐบาลออกมาตรการควบคุมค่าเงินบาท และเสนอให้การแก้ไขการเป็นเจ้าของธุรกิจของชาวต่างชาติ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000025487 ปธ.คมช.ประกาศผ่านสื่อต่างชาติ เอาผิด "ทักษิณ" ได้แน่ ขอให้เป็นความจริงเถอะครับ..... ถ้าสามารถนำทักษิณ มาลงโทษตามขบวนการยุติธรรมได้... คนไทยที่หลงงมงายส่วนหนึ่งจะ'ตาสว่าง'เข้าใจ'ทุนสามานย์'ของทักษิณ หลังจากนั้น'ความสมานฉันท์'ของชาติจะมีขึ้นเองครับ...... |