ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: porameto009 ที่ 29-04-2006, 13:23



หัวข้อ: เมื่อไรจะรู้จักผิดชอบชั่วดี
เริ่มหัวข้อโดย: porameto009 ที่ 29-04-2006, 13:23
        ไม่น่าเชื่อว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 จะกลายเป็นเครื่องมือฟอกการเลือกตั้งที่ไม่ขาวสะอาดวันที่ 2 เมษายน 2549
       โดยมติ ครม. (ขณะนั้น) ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่...) พ.ศ.... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลอืกตั้ง (กกต.) เสนอมา และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สศก.) ตรวจพิจารณา ล่าสุด สศก.ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงยื่นเรื่องให้ ครม.ชุดต่อไปลงนามก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) พิจารณาเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาครั้งหน้า
       สาระสำคัญของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งนี้ประกอบด้วย 1. การแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งให้เป็นเพียง “ผู้เสนอแนะ” ต่อ กกต.ในการกำหนดสถานที่นับคะแนน (แก้ไขมาตรา 12 (2))
        2. เพิ่มบทบัญญัติทั่วไปที่ใช้กับการงคะแนนโดยกำหนดการเลือกตั้งเป็น 2 วิธี คือการงคะแนนด้วย “เครื่องเลือกตั้ง” และการที่ กกต.จะกำหนดให้เขตเลือกตั้งใดลงคะแนนด้วยเครื่องเลือกตั้งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เนื่องจากการลงคะแนนด้วยวิธีดังกล่าวต้องใช้งบประมาณมากจึงต้องเชื่อมโยงกับรัฐบาลในการพิจารณา (เพิ่มขึ้นมาใหม่ในมาตรา 51) กำหนดเวลาในการสิ้นสุดการเลือกตั้งเป็น 16.00 น. จากเดิม 15.00 น. (แก้ไขมาตรา 52)
         ในการแสดงตนของผู้ใช้สิทธิสามารถใช้หลักฐานอื่นที่ไม่ใช่บัตรประชาชน บัตรประชาชนหมดอายุหรือหลักฐานอื่นที่แสดงความเป็นตัวตนต่อกรรมการประจำหน่วยได้ (แก้ไขมาตรา 54)
         นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขกำหนดเวลาในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในหน่วยเลือกในหน่วยเลือกตั้งเมื่อมีเหตุต้องงดการเลือกตั้งในวันเลือกตั้งเนื่องจากเกิดจราจล อุทกภัย อัคคีภัย โดยไม่จำกัดเฉพาะเหตุสุดวิสัยเท่านั้นภายใน 15 วัน จากเดิม 30 วัน (แก้ไขมาตรา 64)

         และข้อ 3. กำหนดให้การเลือกตั้งสำหรับผู้อยู่นอกเขตสำหรับผู้อยู่นอกเขตเลือกตั้งและผู้มีถิ่นที่อยู่ราชอาณาจักรให้ใช้วิธีลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้ง เว้นแต่ กกต.เห็นสมควรให้ลงคะแนนด้วยเครื่องลงคะแนน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 79) และกรณีการีเลือกตั้งทั่วไปให้ผู้มีสิทธินอกราชอาณาจักรลงคะแนนได้เฉพาะ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 88/3)       
        น่าแปลกไหมครับ ทำไมรัฐบาลกับ กกต.ออกมาเด้งรับกันดีจัง ราวกับว่า “ทุกอย่างมีการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อสนองผู้นำหน้าเหลี่ยมโดยเฉพาะ”
       มิหนำซ้ำ กกต.ให้เหตุผลไม่ข้างๆคูๆว่า แนวคิดเรื่องเครื่องลงคะแนนการเลือกตั้งและกฎหมายที่ส่งต่อให้รัฐบาลมาจากประเทศอินเดีย และประเทศญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง และป้องกันการนับคะแนนที่ผิดพลาด
       ผมนึกไม่ถึงว่า เหตุผลบ้องตื้นแบบนี้จากผู้คุมการเลือกตั้ง ถ้าหากจะทำให้การเลือกตั้งไม่ใช่การลากตั้งเหมือนวันที่ 2 เมษายน 2549 ควรแก้ที่นักเลือกตั้ง และให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดของระบบประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของการเมืองภาคประชาชนตรวจสอบการคอรัปชั่นเชิงนโยบายของผู้นำบ้าอำนาจต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า
       หากการเลือกตั้งถูกกำหนดโปรแกรมเหมือนคอมพิวเตอร์ใช้เครื่องลงคะแนนแทนการลงปากกาจะทำให้การเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งได้อย่างไร สมควรเรียกว่า “การบังคับขืนใจเลือกตั้งตามโปรแกรมสำเร็จรูปมากกว่า”
      ที่สำคัญคือ ถ้าหากมีการใส่คะแนนพรรค ก ตุนไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกดให้ พรรค ข. คะแนนขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะกล้าเรียกได้ว่า “การเลือกตั้งครั้งนั้นจะยังหลงเหลือความยุติธรรมอยู่อีกหรือ”   
     ไม่ทราบว่า กกต.และรัฐบาลบังคับให้ประชาชนไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ทั้งๆที่รู้ว่า “ไม่ชอบธรรม” ความผิดที่เกิดขึ้นยังไม่ได้เช็คบิลเลยครับ ยังคิดจะเพิ่มข้อครหาให้ประชาชนสงสัยอีกหรือว่า “ทำไมต้องออกกฎหมายหรือกำหนดทุกอย่างตามคำสั่งของรัฐบาล” กกต.เป็นองค์กรอิสระใช่หรือไม่ แต่ทำไมกลับทำหน้าที่รับใช้รัฐบาลอย่างออกหน้าออกตาถึงเพียงนี้
      พฤติกรรมของ กกต.ครั้งนี้ผมตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำบ้าอำนาจรายนี้รับความจริงไม่ได้กับข้อความ “ท้ากสิน...ออกไป” “ท้ากสิน..หน้าด้าน” และ “ท้ากสิน...ขายชาติ” หรือไม่ ถึงคิดออกกฎหมายการเลือกตั้งใหม่เพื่อรักษาอำนาจเดิมให้คงอยู่
      บอกตามตรง ผมไม่ทราบว่ากฎหมายการเลือกตั้งฉบับใหม่นี้จะผ่านสภาหรือไม่ แต่ถ้าหากรัฐบาลชุดต่อไปยังคงเป็นรัฐบาลบ้าอำนาจชุดเดิมกฎหมายนี้คงเรียบร้อยโรงเรียนแม้ว
      แต่ถ้าหากรัฐบาลชุดเดิมได้เสียงลดลงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา เมื่อนำมารวมกับสภาสูงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสองสภา ว่าที่กฎหมายการเลือกตั้งใหม่นี้ก็จะเป็นหมันทันที
      อย่างไรก็ตาม ผมตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การเลื่อนเวลาปิดหีบเลือกตั้งไปอีก 1 ชม. รัฐบาลต้องการให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้นใช่หรือไม่ การที่จะรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันมากๆ ควรให้ความรู้กับประชาชนว่า การเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องฟอกตัวของนักเลือกตั้งลุแก่อำนาจอย่าง ผู้นำเหลี่ยมจัด แต่ควรส่งเสริมการเมืองภาคประชาชนให้มีบทบาทตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลวิธีการนี้จะยั่งยืนกว่าการประวิงเวลาปิดหีบเลือกตั้งออกไปมากกว่า
      ปัญหาเก่ายังไม่จบ รับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ทั้ง กกต.และ ทรท.ก็ยังไม่ตอบจะสร้างปัญหาเพิ่มอีกหรือ       
      มิทราบว่าท่าน กกต.ทั้ง 4 คนยังจำรัฐธรรมนูญ ม.144  บัญญัติว่า คณะกรรมการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น และผู้บิหารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ได้อยู่หรือไม่
      ถ้าหากจำไม่ได้กรุณารับผิดชอบด้วยการลาออก!!!

     
       


หัวข้อ: Re: เมื่อไรจะรู้จักผิดชอบชั่วดี
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 29-04-2006, 13:39
เจ้าของบริษัท ->เจ้าของพรรค เตรียมการสู่การเป็น

[b]"เจ้าของประเทศ[/b]"


หัวข้อ: มีแต่ต้องทำให้ออกไป !
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 29-04-2006, 13:49
ถ้าหากจำไม่ได้กรุณารับผิดชอบด้วยการลาออก!!!
----

ไม่มีอยู่แล้วค่ะ ลาออก

มีแต่ต้องทำให้ออกไป !


หัวข้อ: Re: เมื่อไรจะรู้จักผิดชอบชั่วดี
เริ่มหัวข้อโดย: โลกสวยงาม ที่ 29-04-2006, 14:18
ยากนา สายพันธุ์นี้อดทน หน้าด้าน รับคำสั่งอย่างเดียว ปิดหูปิดตาและตะแบงอย่างเดียว ต้องทำจายจ้า


หัวข้อ: สมัครเป็นแฟนคลับคุณ โลกสวยงาม
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 29-04-2006, 14:30
Aw เหมียวน้อยน่ารักจัง
อย่างงี้ต้องสมัครเป็นแฟนคลับ ติดตาม คุณ โลกสวยงาม
จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเหมียว  :P


หัวข้อ: Re: เมื่อไรจะรู้จักผิดชอบชั่วดี
เริ่มหัวข้อโดย: สาธุ ที่ 30-04-2006, 00:43
คำว่าด้านเป็นเรื่องปกติของชนกลุ่มนี้ครับ