หัวข้อ: เมฆอำลา-ฟ้ากระจ่าง หลัง"พระราชดำรัส"เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 29-04-2006, 12:43 เมฆอำลา-ฟ้ากระจ่าง หลัง"พระราชดำรัส"เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่
ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยที่มาถึง "ทางตัน" ในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง ทุกฝ่ายล้วนมีส่วนทั้งสิ้น ถ้า "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่คิดแบบ "ผู้ชนะคือผู้กำหนดเกม" ยุบสภาแล้วชิงความได้เปรียบด้วยการกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 30 วัน พรรคฝ่ายค้านคงไม่เริ่มต้นคิดเกม "บอยคอต" ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ถ้า "ทักษิณ" ยอมรับที่จะลงสัตยาบรรณเพื่อปฏิรูปการเมืองหลังการเลือกตั้ง ไม่คิด "กำหนดเกม" ด้วยการเชิญพรรคเล็กๆ มาประชุมด้วยแทนที่จะประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน การเดินหน้า "บอยคอต" ก็คงไม่เกิดขึ้น การเลือกตั้งที่ควรจะเดินหน้าไปตามปกติกลับมีปัญหา ทั้งขาดความชอบธรรมและเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายจนต้องเลือกตั้งซ่อมหลายครั้ง ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ "ผิดปกติ" และพยายามหาหนทางแก้ความผิดปกติแทนที่จะเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและจัดตั้งรัฐบาล การเมืองก็คงจะไม่ถึงทางตัน ในภาวะที่ไม่มีใครมองเห็น "ทางออก" ของการเมืองไทย เพราะไม่ว่าจะเดินหน้าไปทางใดก็ล้วนแต่เห็น "ทางตัน" รอคอยอยู่เบื้องหน้า หากไม่มีใครยอมถอยคนละก้าว เย็นวันที่ 25 เมษายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาประจำศาล ในการนี้ทรงมีพระราชดำรัสแนะนำหลักการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเมืองในขณะนี้ด้วย ทันทีที่มีการแพร่ภาพกระแสพระราชดำรัสดังกล่าว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ "วิกฤตการเมือง" ที่เกิดขึ้นต่างน้อมรับกระแสพระราชดำรัส "ตุลาการ" กลายเป็น "ความหวัง" ในการ "ผ่าทางตัน" ครั้งนี้ แม้บางฝ่ายคิดว่าจะพยายามผลักดันให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ เพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ดูเหมือนว่า "ทางออก" นี้จะเป็น "ทางออก" ที่นำไปสู่ทางที่ตันยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ความสว่างไสว แต่เป็นความมืดมน วันนี้ "ทางออก" ที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ที่ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยครั้งหนึ่งต้องเป็น "โมฆะ" "มันเป็นไปไม่ได้ในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งขึ้นพรรคเดียว เบอร์เดียว ไม่ใช่ทั่วไป อย่างมีคนที่สมัครรับเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย" นี่คือ กระแสพระราชดำรัสที่ทุกฝ่ายน้อมรับ เมื่อการเลือกตั้ง 2 เมษายน เป็น "โมฆะ" คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และพรรคฝ่ายค้านต้องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ดูเหมือนว่า "ทางออก" ที่ดีที่สุดรูปแบบนี้ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ กำลังจะ "เป็นไปได้" เมื่อมีกระแสพระราชดำรัสเป็น "เทียนชัย" ส่องนำทาง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกา นัดประชุมร่วมกันในวันศุกร์ที่ 28 เมษายนนี้ มีคำร้องมากมายขอให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน เป็น "โมฆะ" อยู่ในศาล และมีหลายฝ่ายที่เตรียมยื่นคำร้องใหม่ ส่วนพรรคฝ่ายค้านประกาศน้อมรับกระแสพระราชดำรัส ประกาศพร้อมส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่มีการพูดถึงการใช้ "มาตรา 7" และ "นายกฯ พระราชทาน" อีกต่อไป ท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ออกมาเหมือนจับกระแสได้ว่าทิศทางของการ "ผ่าทางตัน" จะออกมาในรูปแบบใด พรรคไทยรักไทยก็มีท่าทียอมรับกับการผ่าทางตันด้วยการเลือกตั้งใหม่ เพราะรู้ดีว่าถ้าหากดึงดันให้การเลือกตั้งที่แสนอัปยศครั้งนี้เดินหน้าต่อไป ก็เหมือนกับการจุด "ระเบิดเวลา" รอไว้เบื้องหน้า รอวันที่จะปะทะและระเบิดครั้งใหญ่ แต่ "ปัญหา" ใหญ่ของแนวทาง "ผ่าทางตัน" ครั้งนี้อยู่ที่ท่าทีหรือจุดยืนของ 2 คู่ขัดแย้ง ฝ่ายหนึ่ง คือ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยังยืนยันการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 2 พฤษภาคม เป็น "ท่าที" ที่แตกต่างจากแนวทาง "สมานฉันท์" ของทุกฝ่าย "แกนนำ" พันธมิตรฯ ต้องไม่ลืมว่าพลานุภาพของของกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้นอยู่กับปริมาณคนที่มาร่วมชุมนุม ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้จะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพราะวันนี้หลังมีกระแสพระราชดำรัส "เงื่อนไข" ของการชุมนุมได้เปลี่ยนไปแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นปัญหา คือ ท่าทีของ "ทักษิณ ชินวัตร" ถ้า "ทักษิณ" ถือว่าการเลือกตั้งใหม่ทำให้เงื่อนไขการเว้นวรรคของเขาหมดสิ้นไปและตัดสินใจโดดลงสนามเลือกตั้งพร้อมเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทย รับรองได้ว่าแนวทาง "ผ่าทางตัน" ครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างรุนแรง แต่ถ้า "ทักษิณ" ยอมถอย และยืนยันที่จะ "เว้นวรรค" เพื่อปฏิรูปการเมือง ความสมานฉันท์ก็บังเกิด การเลือกตั้งครั้งใหม่ แม้จะเชื่อกันว่าพรรคไทยรักไทยยังกุมความได้เปรียบในการเลือกตั้ง แต่หาก "ทักษิณ" เว้นวรรค และเสนอใครก็ตามขึ้นมาแข่งขันแข่งกับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ของพรรคประชาธิปัตย์ สถานการณ์ในสนามเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนไป เหมือนกีฬากอล์ฟที่มี "แต้มต่อ" ให้สำหรับคนที่เป็นรอง ความพลิกผันย่อมเกิดขึ้นได้ สถานการณ์การเมืองไทยในวันนี้เหมือนท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยเมฆหมอกและอึมครึมอย่างยิ่ง แต่เพียงแค่มีกระแสพระราชดำรัสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท้องฟ้าที่มืดดำก็แปรเปลี่ยนเป็นสว่างไสวในพริบตา ด้วยพระบารมี http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0406280449&srcday=2006/04/28&search=no น่าจะถูกหมดแล้วนะ :D หัวข้อ: คุณ นทร์ เจ้าขา รบกวนแก้ที่ผิด (ของ มติชน) ด้วยค่ะ เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 29-04-2006, 13:05 เมฆอำลา-ฟ้ากระจ่าง หลัง"พระราชดำรัส"เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยที่มาถึง "ทางตัน" ในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง ทุกฝ่ายล้วนมีส่วนทั้งสิ้น ถ้า "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่คิดแบบ "ผู้ชนะคือผู้กำหนดเกม" ยุบสภาแล้วชิงความได้เปรียบด้วยการกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 30 วัน พรรคฝ่ายค้านคงไม่เริ่มต้นคิดเกม "บอยคอต" ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ถ้า "ทักษิณ" ยอมรับที่จะลงสัตยาบรรณเพื่อปฏิรูปการเมืองหลังการเลือกตั้ง ไม่คิด "กำหนดเกม" ด้วยการเชิญพรรคเล็กๆ มาประชุมด้วยแทนที่จะประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน การเดินหน้า "บอยคอต" ก็คงไม่เกิดขึ้น การเลือกตั้งที่ควรจะเดินหน้าไปตามปกติกลับมีปัญหา ทั้งขาดความชอบธรรมและเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายจนต้องเลือกตั้งซ่อมหลายครั้ง ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ "ผิดปกติ" และพยายามหาหนทางแก้ความผิดปกติแทนที่จะเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและจัดตั้งรัฐบาล การเมืองก็คงจะไม่ถึงทางตัน ในภาวะที่ไม่มีใครมองเห็น "ทางออก" ของการเมืองไทย เพราะไม่ว่าจะเดินหน้าไปทางใดก็ล้วนแต่เห็น "ทางตัน" รอคอยอยู่เบื้องหน้า หากไม่มีใครยอมถอยคนละก้าว เย็นวันที่ 25 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาประจำศาล เมษายน ในการนี้ทรงมีพระราชดำรัสแนะนำหลักการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเมืองในขณะนี้ด้วย ทันทีที่มีการแพร่ภาพกระแสพระราชดำรัสดังกล่าว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ "วิกฤตการเมือง" ที่เกิดขึ้นต่างน้อมรับกระแสพระราชดำรัส "ตุลาการ" กลายเป็น "ความหวัง" ในการ "ผ่าทางตัน" ครั้งนี้ แม้บางฝ่ายคิดว่าจะพยายามผลักดันให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ เพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ดูเหมือนว่า "ทางออก" นี้จะเป็น "ทางออก" ที่นำไปสู่ทางที่ตันยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ความสว่างไสว แต่เป็นความมืดมน วันนี้ "ทางออก" ที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ที่ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยครั้งหนึ่งต้องเป็น "โมฆะ" "มันเป็นไปไม่ได้ในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งขึ้นพรรคเดียว เบอร์เดียว ไม่ใช่ทั่วไป อย่างมีคนที่สมัครรับเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย" นี่คือ กระแสพระราชดำรัสที่ทุกฝ่ายน้อมรับ เมื่อการเลือกตั้ง 21 เมษายน เป็น "โมฆะ" คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 2 ไม่ใช่ 21 http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0406280449&srcday=2006/04/28&search=no มติชน น่ามาจ้างเราไป proofread นิ :lol: รบกวน คุณ นทร์ แก้ ข้างบน แล้วเดี๋ยวลบกรอบนี้ทิ้งให้จ้ะ :P หัวข้อ: Re: เมฆอำลา-ฟ้ากระจ่าง หลัง"พระราชดำรัส"เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: โลกสวยงาม ที่ 29-04-2006, 14:01 ผิดเป็นครู ไม่ว่ากันนะคะ แต่ข้อมูลดีจัง
หัวข้อ: คุณ นทร์ เจ้าขา ยังมีอีกที่ค่ะ รบกวนอีกครั้ง เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 29-04-2006, 14:02 เย็นวันที่ 25 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาประจำศาล
เมษายน ----- ปั่นกระทู้อีกแล้ว :P เอ๋ ถ้าเกิดลบไป แต้มจะหายรึเปล่า? ก็อยากเป็น "ขาประจำ" ไวๆ จะได้ ทิ่มตำ ใจใครบางคน :lol: |