ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: สมาชิกพรรคสุขนิยม ที่ 07-02-2007, 22:23



หัวข้อ: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: สมาชิกพรรคสุขนิยม ที่ 07-02-2007, 22:23
เจบิกดอกเบี้ยต่ำสุดแล้ว

ข่าวจาก NHK สมาคมธนาคารสากลแห่งญี่ปุ่นหรือเจบิก ตัดสินใจจะไม่ให้รัฐบาลไทยกู้เงินมาสร้างรถไฟฟ้าตามที่ ก.คมนาคมเสนอ เหตุเพราะขัดกับด้านนโยบายการกู้ยืมในระดับรัฐ แต่ก็พร้อมจะหาทางออกโดยการหาแหล่งเงินทุนจากธนาคารอื่นให้ (ถ้าต้องการ) ด้าน รมต.คมนาคม กร้าวหากต่างชาติไม่ให้กู้ก็พร้อมใช้แผนสำรองโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญเผย ถ้าไม่ได้เงินกู้จากเจบิกก็อาจต้องล้มโครงการไปก่อนแล้วรอรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เรื่องออกพันธบัตรนั้นคงเป็นไปได้ยากที่จะสามารถระดมทุนจำนวนมหาศาลภายในเวลาไม่กี่เดือน อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า ขณะนี้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาไปทั่วประเทศและคนไทยส่วนใหญ่หันมาถือเงินสดแทนการถือหุ้นหรือพันธบัตร
ดังนั้น กระแสข่าวที่ ก.คมนาคมจะเปิดประมูลในกลางปีนี้และเริ่มสร้างตอนปลายปีก็น่าจะเป็นแค่การปล่อยข่าวกระตุ้นตลาดหุ้น+ตลาดทุนที่กำลังทรุดอย่างหนักในเวลานี้
เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ตลาดหุ้นไทยถือว่า น่าเป็นห่วงที่สุด ด้วยดัชนี้ที่กว่างตัวแคบๆและยอดซื้อขายในปริมาณน้อยในแต่ละวัน ได้ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศโดยตรง
แม้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลและ คมช. จะประสานเสียงออกมาอย่างสม่ำเสมอว่า เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง แต่ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างดูหยุดนิ่งและไม่มีแรงกระตุ้นใดๆที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ววันนี้


หัวข้อ: Re: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 07-02-2007, 22:26
(http://img466.imageshack.us/img466/9206/juntitledbmp1gu6.png) (http://imageshack.us)


 :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: somwang ที่ 07-02-2007, 22:33
เจบิกดอกเบี้ยต่ำสุดแล้ว

ข่าวจาก NHK สมาคมธนาคารสากลแห่งญี่ปุ่นหรือเจบิก ตัดสินใจจะไม่ให้รัฐบาลไทยกู้เงินมาสร้างรถไฟฟ้าตามที่ ก.คมนาคมเสนอ เหตุเพราะขัดกับด้านนโยบายการกู้ยืมในระดับรัฐ แต่ก็พร้อมจะหาทางออกโดยการหาแหล่งเงินทุนจากธนาคารอื่นให้ (ถ้าต้องการ) ด้าน รมต.คมนาคม กร้าวหากต่างชาติไม่ให้กู้ก็พร้อมใช้แผนสำรองโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญเผย ถ้าไม่ได้เงินกู้จากเจบิกก็อาจต้องล้มโครงการไปก่อนแล้วรอรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เรื่องออกพันธบัตรนั้นคงเป็นไปได้ยากที่จะสามารถระดมทุนจำนวนมหาศาลภายในเวลาไม่กี่เดือน อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า ขณะนี้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาไปทั่วประเทศและคนไทยส่วนใหญ่หันมาถือเงินสดแทนการถือหุ้นหรือพันธบัตร
ดังนั้น กระแสข่าวที่ ก.คมนาคมจะเปิดประมูลในกลางปีนี้และเริ่มสร้างตอนปลายปีก็น่าจะเป็นแค่การปล่อยข่าวกระตุ้นตลาดหุ้น+ตลาดทุนที่กำลังทรุดอย่างหนักในเวลานี้
เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ตลาดหุ้นไทยถือว่า น่าเป็นห่วงที่สุด ด้วยดัชนี้ที่กว่างตัวแคบๆและยอดซื้อขายในปริมาณน้อยในแต่ละวัน ได้ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศโดยตรง
แม้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลและ คมช. จะประสานเสียงออกมาอย่างสม่ำเสมอว่า เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง แต่ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างดูหยุดนิ่งและไม่มีแรงกระตุ้นใดๆที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ววันนี้

แหล่งข่าวจากบาหลีกล่าว... อิอิ :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 07-02-2007, 22:35
ไม่ให้กู้ระดมทุนในประเทศก็ได้ ออกพันธบัตรหรือจัดตั้งในรูปแบบเป็นบริษัทมหาชน

ระบบขนส่งมวลชนจะขาดทุนก็ให้มันรู้ไปถ้าบริหารกันอย่างโปร่งใส ไม่มีนอกมีใน

แบบที่เจ๊งๆกัน เช่น ขสมก. การรถไฟ การบินไทย แบบวัดค่อนกรรมการครึ่ง

คนไทยยังมีเงินอีกตั้งเยอะแยะไง


หัวข้อ: Re: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TheBluECaT ที่ 07-02-2007, 23:20
ไม่ให้กู้ก็ไม่เป็นไรครับ...
ไว้ยึดเงินจากไอ้แม้ว & พวกพ้องสัก 73,000 ล้าน+

มาสร้างก่อนก็ได้หนิครับ   :slime_bigsmile:


อ่ะ.... ลืมไปในนี้มีเงินค่าจ้าง จขกท.อยู่ด้วยหนิ !!


หัวข้อ: Re: คมช.กระอักเลือด...เจบิกไม่บอมให้กู้ทำรถไฟฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-02-2007, 23:26
สปน.บี้ไอทีวีจ่ายแสนล้านมีนาคม

“สปน.” ยืนกราน “ไอทีวี” ต้องทำตามสัญญา ขีดเส้นต้องจ่ายทั้งค่าสัมปทานและค่าปรับรวมกว่าแสนล้านบาทภายในเดือนมีนาคม ลั่นไม่มีขยายเวลาอีกแล้ว
วันนี้ (6 ก.พ.) นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กล่าวถึงกรณีไอทีวีขอแยกชำระหนี้ค่าสัมปทานค้างจ่ายกับค่าปรับว่า การดำเนินการของ สปน. ยึดสัญญาเป็นหลัก เพราะสัญญาระบุชัดเจนว่าถ้าต้องชำระทั้ง 2 ยอด ซึ่งจะต้องหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือภายในสัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากครบกำหนด 30 วันแล้วไอทีวียังไม่ชำระจะมีการขยายเวลาอีกหรือไม่ นายจุลยุทธ ปฏิเสธว่า จะไม่มีการขยายเวลาอีกแล้ว ไอทีวี จะต้องชำระเงินตามยอดที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทำหนังสือทวงไป

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะยกสัญญา หากไอทีวีไม่ชำระเงินตามกำหนด นายจุลยุทธ กล่าวว่า เรามีสิทธิยกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ทราบวิธีการว่าจะทำอย่างไร เรื่องนี้คงต้องหารือกันกับกรรมการก่อน ส่วนกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่าให้ไอทีวีชำระค่าสัมปทานค้างจ่ายจำนวน 2,210 ล้านบาทก่อนนั้น ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องหารือกันอีกครั้ง ที่ผ่านมาเราก็ดำเนินการตามสัญญาทุกอย่าง แต่ในส่วนของนโยบายคงต้องหารือกันอีกครั้ง

ทั้งนี้ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไอทีวีต้องจ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายจำนวนกว่า 2.2 พันล้านบาท ส่วนค่าปรับหลังจากไอทีวีปรับเปลี่ยนผังรายการนั้น ทาง สปน.ได้คำนวณออกมาเป็นตัวเลขทั้งหมดกว่า 9.7 หมื่นล้านบาท และได้ทำหนังสือทวงถามไปแล้ว แต่ทางไอทีวียังบ่ายเบี่ยง

ขณะที่ฝ่าย บมจ.ไอทีวี ยังไม่มีความเคลื่อนไหวต่อกรณีดังกล่าวในขณะนี้ โดยก่อนหน้านี้ไอทีวีได้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งหนังสือดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้

1.บริษัทฯ ขอให้การชำระหนี้ครั้งนี้จำกัดอยู่เพียงค่าตอบแทนส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว

2.ในส่วนของดอกเบี้ยและค่าปรับจำนวนประมาณหนึ่งแสนล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่สัญญา มีความเห็นแตกต่างกันอย่างมีสาระสำคัญในการตีความข้อสัญญาและเป็นข้อพิพาทอยู่ในกระบวนพิจารณา วินิจฉัยชี้ขาดโดยคณะอนุญาโตตุลาการ บริษัทฯ จึงขอให้การชำระดอกเบี้ยและค่าปรับดังกล่าว (ถ้ามี) เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของกระบวนการยุติธรรม

และ 3.การที่ สปน.ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทฯ ชำระหนี้ค่าตอบแทน ดอกเบี้ย และค่าปรับ เป็นจำนวน รวมกันทั้งสิ้นกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับหนังสือของ สปน. นั้น มีผลกระทบต่อการหาแหล่งเงินกู้และหรือแหล่งเงินทุนของบริษัทฯ อย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถหาเงินได้ บริษัทฯ จึงได้ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนกำหนดวันชำระหนี้ค่าตอบแทน ส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท เป็นชำระภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติข้อเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมดังกล่าวแล้ว

โดยไอทีวี อยู่ระหว่างการรอความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรี หลังจากยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมว่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาไอทีวีหรือไม่ ถึงขณะนี้ไอทีวียังไม่มีความสามารถหาเงินทั้ง 2 ก้อน กว่าแสนล้านบาทมาชำระได้ภายระยะเวลาที่กำหนด หากไม่มีคำตอบจากนายกฯ และถึงกำหนดเวลาชำระเงิน ไอทีวีได้เสนอแนวทาง ให้ สปน.ไปพิจารณาแล้วเช่นกัน รวมถึงการให้ยกเลิกสัญญา


http://www.bangkokbiznews.com/2007/02/07/news_22739665.php?news_id=22739665



คุณอะไรจ๊ะ ห่วงไปทำไม......... :!:
เดี๋ยว'หม่อมอุ๋ย'จะนำค่าปรับ 100000 ล้านบาท ไปลงทุนก่อสร้างรถไฟ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า