ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

---เมื่อเช้าดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ฟังข่าวเกี่ยวกับการสันนิษฐานว่า
หนึ่งในมือระเบิดที่ใน กทม ตอนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถ้าดูจากกล้องวงจรปิด น่าจะเป็นคนเดียวกันกับ มือระเบิดที่เคยวางระเบิดที่
เบตง และเคยเป็นนักศึกษาราม คณะรัฐศาสตร์
ปีที่สี่ ซึ่งกำลังตามหาตัวอยู่พอดี -----ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง
ที่ไปสันนิษฐานเช่นนั้น ล่อแหลมต่อสถานการณ์ทางภาคใต้เป็น
อย่างยิ่ง การดูจากกล้องวงจรปิด ก็รู้อยู่แล้วว่าดูไม่ชัดมาก ภาพ
มันพร่าและแตก ท่านประธาน คมช พยายามช่วยแก้ไขภาพลักษณ์
ตรงนี้ ด้วยการออกมาบ่ายเบี่ยงว่า การดูจากกล้องวงจรปิดมันดูไม่ชัด ทำไมไม่เอาหลักฐานจากการที่ตรวจสอบด้วยกล้องอื่นมาวินิจฉัย


---ก็ถูกของท่านนะ เพราะสถานการณ์ทางภาคใต้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อ่นมาก

ถ้าใครจเล่นการเมือง จะเล่นเกมการเมืองเพื่อดิสเครดิต
รัฐบาลหรือ คมช ก็ไม่ควรเอาเรื่องภาคใต้มาโยงใยเหตุการณ์ใน
กทม-----เรื่องในที่มืด มันมืดมนต์มาก แม้กระทั่งคนไหนเป็นโจรก่อการร้ายยังแยกออกจากชาวบ้านธรรมดาไม่ได้เลย ต่อให้รัฐบาลไหนๆ
ก็แก้ไขเรื่องนี้ได้ยากมาก คนที่เค้าคุ้นกับพื้นที่เหล่านี้รู้ดี   ประเทศชาติไม่ใช่เหยื่อเกมการเมืองของใคร


--ถ้าเป็นไปได้ ถ้ายังรักประเทศไทย ถ้ายังเป็นคนไทย อย่าโยง
ใยเรื่องทุกเรื่องไปเกี่ยวเนื่องกับโจรภาคใต้ ถ้าหลักฐานและสิ่งต่างๆ
ไม่ชัดเจนจริงๆ แค่ดิสเครดิต คนที่ตนเองไม่ชอบตามทัศนคติของตนเอง แต่ประเทศชาติ อาจจะพังเพราะ แรง อคติของท่าน---  คุ้มกันหรือไม่ `?.ลองคิดดู..

เอ
ทำไมผมฟังข่าวแล้ว  กลับเข้าใจว่า "ผู้ต้องสงสัย" เป็นเพียง "ผู้รับจ้างก่อการร้าย"
อันเป็นงานอาชญากรรมที่ไม่แตกต่างจากพวกมือปืนรับจ้าง
หรือพวกรับจ้างประท้วง - รับจ้างสร้างสถานการณ์ ฯลฯ ( ตัวอย่างหลังไม่ใช่อาชญากรรม )

อธิบดี DSI ก็ยังให้ข่าวอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ในตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้
ยังไม่มีการ "ฟันธง" หรือ "ระบุลักษณะอันเป็นผู้ต้องหา" เสียด้วยซ้ำไป

กรณีเหตุการณ์รุนแรงภาคใต้  ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า "ผู้ก่อการร้าย" จริงไม่ใช่ "ผู้แบ่งแยกดินแดน"
เนื่องจากพฤติกรรมและอุปสันดานของผู้ก่อการร้ายมิได้สนับสนุนทีท่าแบ่งแยกมวลชน
ไำอ้พวกนี้ "รับจ้างปฎิบัติการ" มั่วไปหมดนั่นล่ะ  ฆ่าผู้หญิง - ฆ่าครู - ฆ่าเด็กนักเรียน

ลองอ่านข่าวนี้จากผู้จัดการดูนะคะ---ว่าไปแล้ว เวบผู้จัดการทำอะไร
บางครั้งก็ขาดความรอบคอบ และขาดความเนียนต่อภาพรวมของประเทศ
เช่นกันนะ--

-----------------------------------------------------------------------------------------------

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ "สุนัย มโนมัยอุดม" ยอมรับ กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องสงสัยบึ้ม 9 จุดกทม. คนเดียวกับ "ถวัลย์ศักดิ์ แปแนะ" ผู้ต้องหาหนีหมายจับศาลเบตงคดีความมั่นคง 1 ในขบวนการพีวายเอ็นเอสเอส พร้อมชี้ คดีอยู่ในมือตำรวจ ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เชื่อหากโอนมาเป็นคดีพิเศษจะทำงานได้คล่องตัวขึ้น
       
       วันนี้ (2 ก.พ.50) นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดกทม. และปริมณฑล 9 จุด เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.49 ที่ผ่านมาว่า โดยยอมรับว่า ภาพที่ได้จากโทรทัศน์วงจรปิดจากห้างซีคอนฯ ที่พบชาย 2 คน หญิง 1 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย ถือเป็นหลักฐานสำคัญ โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่สามารถดึงภาพเข้ามาดูได้ชัดเจนมีใบหน้าคล้าย นายถวัลย์ศักดิ์ แปแนะ สมาชิกขบวนการพีวายเอ็นเอสเอส ที่รับเงินสนับสนุนจากเพื่อนบ้านก่อความไม่สงบ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ของสภ.อ.เบตง และอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับกุม อย่างไรก็ตาม หลักฐานภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดทั้งหมดนี้กำลังส่งไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งยังต่างประเทศที่มีซอฟแวร์โปรแกรมหนึ่ง ที่สามารถดูภาพจากวีดีโอวงจรปิดเพื่อให้ชัดเจนกว่านี้ นอกจากนี้ยังได้นำภาพจากสำนักทะเบียนราษฎร์มาพิจารณาประกอบ และยังได้เปรียบเทียบกับทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง หากหลักฐานชัดเจนจึงจะออกหมายจับได้
       
       "หากจะถามว่าหนักใจหรือไม่ในคดีนี้นั้น คงไม่หนักใจปัญหาทุกชนิดต้องแก้กันไป เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องทำให้ดีที่สุด หากเราทำอะไรโดยรวดเร็วและไม่รอบคอบ ผลที่ตามมาจะมีมากกว่า ดังนั้นในชั้นต้นต้องรอบคอบ และคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
       
       นายสุนัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะยังไม่ได้โอนมาเป็นคดีพิเศษ ยอมรับว่าดีเอสไอได้ทำงานคู่ขนานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวหากโอนคดีนี้มาเป็นคดีพิเศษก็เป็นการดีกว่า เพราะเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนได้คล่องตัวกว่า เพราะกฎหมายเอื้อให้คดีพิเศษสามารถนำผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมทำคดีได้ จะทำให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ร่วมเป็นทีม อย่างไรก็ตาม การที่จะโอนคดีมาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับรัฐบาล " อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว

 
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000013186

ลองมาดูอีกมุมหนึ่งบ้างนะครับ

นี่ต้องเรียกว่าวิบากกรรม คมช.และรัฐบาลเผด็จการกำลังเผชิญกับวิบากกรรม

โดยลำดับเหตุการณ์ ดังนี้

สิ้นเสียงระเบิดยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง คมช.และรัฐบาลเผด็จการออกมาฟันธงสนั่น "เป็นฝีมือของผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมือง" ไม่ใช่โจรใต้แน่นอน ฟันธง !!!!!!!!!
ทั้งกดทั้งดันทั้งบีบทั้งคั้นให้ตำรวจหาตัวผู้วางระเบิดและผู้อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ แถมมีเส้นตายต้องภายในวันนั้นวันนี้

ตำรวจบุกเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยซึ่งมีทหารรวมอยู่ด้วย คมช.ผู้ร้อนท้องกว่าเพื่อน ออกมาบอกถ้าตำรวจจับแพะเจอดีแน่  เอาอย่างนี้ดีกว่าตำรวจเชื่อถือไม่ได้ ให้ DSI เข้ามาร่วมทำคดีด้วยดีกว่า

ทั้งตำรวจและ DSI เห็นพ้องต้องกันว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญมีส่วนพัวพันและมีชื่ออยู่ในขบวนการโจรใต้ ซ้ำร้ายกว่านั้นนายคนนี้ถูกออกหมายจับคดีการวางระเบิดครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ ถึงจะพูดกล้อมแกล้มหรือแบ่งรับแบ่งสู้อย่างไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการวางระเบิดระเบิดคราวนั้นเป็นฝีมือของโจรใต้จริง ๆ

อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงเกิดขึ้นให้เห็น

ฟันธงไปเสร็จสรรพแล้วว่าระเบิดในกรุงเทพไม่เกี่ยวกับโจรใต้ โยนอุจจาระให้ทักษิณรับไปเต็ม ๆ แล้ว แล้วไหง DSI ถึงออกมาหักหน้าได้ ที่สำคัญตัวเองดันเป็นคนไปเรียกพวก DSI มาเองซะด้วย

โอ้  วาสนาหมาน้อย

ความจริงก็คือความจริง คุณบิดมันได้ไม่นานหรอก ก็พอ ๆ กับที่คุณพยายามปิดฟ้าด้วยฝ่ามือนั่นแหล่ะ โง่เง่าไร้สาระ พอกัน

ถ้าลำพังพยายามจะเอาผิดทักษิณหรือจะเอาผิดทักษิณให้ได้มันไม่ได้เสียหายอะไรเลย แต่นี่เล่นไม่ยอมรับความจริงจะโยงเข้าไปใส่ทักษิณให้ได้ทุกเรื่องแบบนี้เสียหายแน่ 

มองแต่มุมเดียว เชื่อแล้วปักใจแล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ก็จะให้มันออกมาอย่างนี้ให้ได้   ตัวเองเห็นด้านสีแดงของโคมก็สรุปว่าโคมนั้นมีสีแดง ไม่เคยหมุนไปมองมุมอื่นเลยไม่เคยรู้เลยว่าโคมมันมีหลายสีหลายเหลี่ยม

ละเหี่ยใจจริง ๆ 

การระเบิดป่วนเมืองนั้น หลักฐานกลับพัวพันจนชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง อันเชื่อมโยงกับ กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้ กลุ่มอำนาจเก่าที่ถูกยึดอำนาจ คลื่นใต้น้ำของกลุ่มอำนาจเก่าที่ว่า และสุดท้าย กุญแจปริศนาคือ รามคำแหง

การเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันที่ได้ชื่อว่ามีคนจากภาคใต้ขึ้นมาเรียนกันมากที่สุด และหัวขบวนอดีตนักศึกษา ที่เรียนไม่รู้จบและหากินกับการเมืองในทหาวิทยาลัย จนพัฒนามาหากินกับการเมืองนอกมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เริ่มเป็นตัวต่อจิ๊กซอที่ขาดหายไปให้ชัดเจนขึ้น

ความรุนแรงทางภาคใต้นั้น บัดนี้แยกได้เป็นสองส่วนแล้ว นั่นคือจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนจริงๆ และกลุ่มการเมืองที่ลงไปผสมโรง เพื่อหวังผลทางการเมือง และหวังผลระหว่างประเทศเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเมือง และอาจมองได้ถึงการรับงานจากต่างประเทศ เพื่อก่อกวนความสงบสุขของประเทศตนเอง แลกกับผผลประโยชน์บางอย่างที่มากกว่าเงิน

เป้าหมายสำคัญในตอนนี้ คือการขอลี้ภัยทางการเมืองของหัวหน้ากลุ่มนี้ เนื่องจากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ ทรัพย์สินจำนวนมากกำลังจะถูกยึด และจะมีการขอตัวผูร้ายข้ามแดน เหตุรุนแรงจะยังคงตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มจะสว่างขึ้นแล้วค่ะ ว่าฝีมือใครกันแน่

ที่อ่านๆมา
ตำรวจต่างหากที่นำภาพมาเผยแพร่ โดยที่ ดีเอสไอ ยังไม่ต้องการเปิดเผย
จริงป่าวครับ

ข่าวล่าสุด  ท่านนายก ออกมายืนยันว่าอย่างนี้นะคะ


-----------------------------------------------------------------------------------------------


ด้านพล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดในกทม. และจ.นนทบุรี พร้อมกัน 9 จุด ว่า ขณะนี้การทำงานได้ดำเนินการคู่ขนานระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ ตำรวจ ที่ดำเนินการสอบสวน 2 ทาง ซึ่งทราบว่ามีเรื่องรูปภาพต่าง ๆ ที่เป็นหลักฐานออกมาเปิดเผย และการทำงานก็มีความก้าวหน้าไปตามลำดับ เพราะเรารู้ตัวว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่อยากไปสรุปว่า มีการเกี่ยวพันกันอย่างไรบ้าง หรือโยงกับเหตุการณ์ภาคใต้อย่างไร ต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ในส่วนของกองทัพดูแลเรื่องนี้อย่างไร เพราะมีข่าวว่ามีนักศึกษารามคำแหง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว่า กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบงานในส่วนของ กอ.รมน.ในปัจจุบัน โดยรวมพื้นที่ กทม.ด้วย จึงได้จัดเจ้าหน้าที่งานด้านการข่าวไปเกาะติดในพื้นที่ ที่ผ่านมาพยายามขวานหาเป้าหมายอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีพอสมควร และปัจจุบันก็มีเพิ่มขึ้นมาอีก คิดว่างานด้านการข่าวของทหาร ตำรวจ และ ดีเอสไอ คงจะมีผลต่อเนื่อง ทำให้การคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดใน กทม. และ จ.นนทบุรี ไปในทางที่ดี

ต่อข้อถามว่า เชื่อมั่นข้อมูลของ ดีเอสไอ ที่ออกมาเปิดเผยหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบข้อมูลดังกล่าวเรารู้กันอยู่แล้ว เพียงแต่เราสอบกันทางเงียบ ๆ แต่เมื่อปรากฏออกมาอย่างนี้ ก็จะต้องว่ากันต่อไป ตนเคยพูดแล้วว่า เรามีรูปภาพอยู่ เพียงแต่มีการสอบทางลับ แต่เมื่อมาเปิดก็จะต้องว่ากันจะทำอย่างไร เพราะจริง ๆ อยากจะมีการสอบทางลับมากกว่า

เมื่อถามว่า ผลการจับการผู้ต้องสงสัยที่เป็นทหาร เป็นการจับแพะ หรือมวยล้ม พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะมีหลักฐานมาหลายประเด็นด้วยกัน หลักฐานแรกคือกล้องซีซีทีวี และมีการสอบกันในทางลับ ส่วนเรื่องที่สองคือการสอบสวนความเกี่ยวโยงจากผู้ต้องสงสัยอื่น ๆ ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการเป็นครูสอน ซึ่งถือเป็นเคสที่สอง ซึ่งเราก็เอาเคสที่สองมาดำเนินการก่อน โดยมีการเชิญตัวมาเพื่อสอบหาข้อเท็จจริง ปรากฏว่าผลการสอบสวนออกมาว่า ยังไม่มีที่เกี่ยวข้อง และไม่มีใครตกเป็นผู้ต้องหาดำเนินคดี ก็ปล่อยตัวไปก่อน ส่วนอีกเคสหนึ่งคือ เราทำขณะนี้คือเอาภาพจากกล้องซีซีทีวีมาเปรียบเทียบ และ มาพิสูจน์ทราบว่าเป็นใครอย่างไร ซึ่งต้องรอผลการสอบสวน ทั้งนี้ตนขอร้องว่าต้องใจเย็น ๆ ไม่อยากนั้นก็จะต้องรีบร้อนออกมาและไม่บังเกิดผลอะไรที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ผลการสอบสวน หรือผลการจับกุมครั้งนี้ จะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าคดีดังกล่าวอยู่ในสายตาของประชาชน ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธาน คมช. ได้สั่งการหมดแล้ว คิดว่าจะต้องระมัดระวังในการดำเนินการให้ดีที่สุด และต้องมีคำตอบ

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ผลการสอบจะไม่มีการบิดเบือน พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงบิดเบือนไม่ได้ เพราะ ประธาน คมช. สั่งแล้วว่า เรื่องนี้จะต้องไม่บิดเบือน ต้องเป็นจริงและมีหลักฐาน การทำงานตอนนี้เป็นการทำงานลักษณะเปิดแล้วจะต้องดำเนินการทันที

ถามว่า หลักฐานที่มีอยู่ในภาพ สามารถโยงไปทางไหนบ้าง พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ดีเอสไอ เปิดเผยมา ว่ามีผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ใต้เก่า ซึ่งเราก็จะต้องพิสูจน์ต่อไปว่า ใช้คนวางระเบิดจริงหรือไม่ ส่วนขั้นตอนต่อไป ถ้าเขาวางจริง หรือวางเองด้วยการรับจ้าง หรือวางด้วยสถานการณ์ทางใต้ เราก็ยังตอบไม่ได้ อย่าเพิ่งไปยืนยันว่า วถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ลุกลามเข้ามาใน กทม.


http://www.komchadluek.net/2007/02/02/a001_87696.php?news_id=87696

สรุปว่าเิปิดเผยได้โดยทุกฝ่ายยอมรับ

ถ้าเป็นผม ผมให้ความสำคัญน้อยต่อประเด็นโจรใต้ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุเพราะ

ในวันแรกที่มีข่าวว่าเกิดระเบิด มีการให้ข่าวจากตำรวจว่ากล้องวงจรปิดของตำรวจ 8 จุดเกิดขัดข้องก่อนเวลาเกิดเหตุวางระเบิดเพียง 3 ชั่วโมง

มันทำให้น่าคิดว่าทำไมบังเอิญขนาดนั้น หรือ ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องจุดและระบบของกล้องวงจรปิดของตำรวจจึงสามารถทำให้ขัดข้องได้

ซึ่งบอกตามตรงถ้า โจรใต้สามารถทำได้ขนาดนี้โดยไม่มีใครช่วยก็หนาวครับ  

แล้วอีกอย่างทำไมกล้องของเอกชนเช่น กล้องวงจรปิดของห้างซีคอน สแควร์ ไม่เป็นอะไร

ถ้าผมเป็นตำรวจกับ DSI ผมจะพยายามสืบว่าใครทำให้กล้องวงจรปิดของตำรวจ 8 จุดเกิดขัดข้องพร้อมกันด้วยครับ

นี้น่าจะเป็นตรรกะง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายยาว
 :slime_doubt: