หัวข้อ: กมธ.คลอดกรอบรัฐธรรมนูญใหม่ ปลดแอกส.ส.พ้นพรรคการเมือง เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 30-01-2007, 09:38 กมธ.คลอดกรอบรัฐธรรมนูญใหม่
ปลดแอกส.ส.พ้นพรรคการเมือง เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 มกราคม ที่ห้องประชุมงบประมาณ อาคารรัฐสภา 3 มีการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณากรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย น.ต.ประสงค์ กล่าวก่อนเข้าสู่วาระการประชุมว่า ขอให้กรรมาธิการทุกคนช่วยกันยกร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ เพราะถ้าไม่ทันจะเกิดความเสียหาย และขออย่าหวั่นไหวกับเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ให้ถือเป็นเพียงความเห็นหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่จะมาชี้นำหรือบังคับให้ต้องทำตาม จากนั้นที่ประชุมจึงพิจารณาและมีมติตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมา 3 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมาธิการสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน และการกระจายอำนาจ มี นายชูชัย ศุภวงศ์ เป็นประธาน มีกรอบในการพิจารณายกร่างครอบคลุมประเด็นเรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หน้าที่ของปวงชนชาวไทย แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและการกระจายอำนาจ 2.คณะอนุกรรมาธิการด้านสถาบันการเมือง มี นายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดกรอบการพิจารณายกร่างในประเด็นเกี่ยวกับรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการกับนักการเมือง และคุณธรรมจริยธรรมของข้าราชการกับนักการเมือง 3.คณะอนุกรรมาธิการด้านองค์กรตรวจสอบอิสระและศาล มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับศาล การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ในระหว่างการประชุม นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการ กมธ. ยังได้นำเสนอ แนวทางหลักในการร่างทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 10 ประเด็น คือ 1.ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ 2.ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทรงเป็นจอมทัพไทย 3.พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใดมิได้ 4.ประเทศไทยปกครองด้วยระบบนิติรัฐ 5.ประเทศไทยปกครองด้วยระบบรัฐสภา 6.อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้นผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล 7.รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ 8.เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครอง 9.ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเสมอภาค การมีส่วนร่วมของประชาชนและอำนาจของชุมชน ย่อมได้รับการรับรองและคุ้มครอง และ 10.ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีทั้งหลาย พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้รับรองแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละด้าน เพื่อให้คณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ใช้เป็นกรอบในการยกร่างฯ ประกอบด้วย ด้านสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วม การกระจายอำนาจ 1.ควรขยายสิทธิและเสรีภาพให้มากกว่าเดิม 2.ให้ประชาชนใช้สิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 3.ควรบัญญัติเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านต่างๆไว้ในรัฐธรรมนูญ 4.ส่งเสริมการกระจายอำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านสถาบันการเมือง 1.ควรเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งทั้งส.ส.และส.ว. 2.ส.ส.ควรเป็นอิสระจากพรรคการเมืองในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ 3.ควรมี 2 สภา 4.นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส. 5.ให้ฝ่ายบริหารถูกตรวจสอบง่ายขึ้น 6.มีบทบัญญัติว่าด้วยคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองและข้าราชการรวมทั้งบทกำหนดโทษ 7.กำหนดความสัมพันธ์ที่เหมาะสมระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการ ด้านองค์กรตรวจสอบอิสระและศาล 1.ควรคงองค์กรตรวจสอบและศาลไว้ทั้งหมด โดยปรับปรุงอำนาจหน้าที่ให้เหมาะสมขึ้น 2.ปรับปรุงระบบการสรรหาองค์กรอิสระให้มีความอิสระและเป็นกลางอย่างแท้จริงไม่ควรให้วุฒิสภาเป็นองค์กรทำหน้าที่แต่งตั้งองค์กรอิสระเพียงองค์กรเดียว 3.ควรมีระบบตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องอื่นๆประกอบด้วย 1.ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขได้ และ 2.บทเฉพาะกาลให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่จนครบวาระ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้ข้อสรุปเป็น 10 แนวทางหลักได้มีการถกเถียงและแก้ไขกันในหลายประเด็น อาทิ ฝ่ายเลขานุการได้เสนอให้ส่วนราชการเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วยราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น แต่ปรากฏได้รับเสียงคัดค้านจากกมธ.ภาคสังคม โดยเฉพาะ นายวิทยา งานทวี เสนอให้ ให้ตัดราชการส่วนภูมิภาคทิ้งไปแล้วควรให้อำนาจกับท้องถิ่นมากขึ้น เนื่องจากการปกครองรูปแบบเก่าทำให้เกิดปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรจากชาวบ้าน และช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน จนในที่สุด นายจรัญ ภักดีธนากุล รองประธาน กมธ.ได้เสนอว่า ควรกำหนดเรื่องนี้ไว้ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแทน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดการโต้เถียงวุ่นวายระหว่างคน 2 กลุ่ม ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่ง นายสมคิด ยอมรับที่จะตัดออก ขณะที่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ กมธ. ได้เสนอให้เพิ่มอำนาจขององค์กรอิสระ ให้เป็นอำนาจอธิปไตยที่ 4 จากที่เคยมี 3 ทางคืออำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพราะบทบาทขององค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ศาลปกครอง มีอำนาจหักล้างมติของหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ เช่น การตัดสินการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ยกเลิกการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) อำนาจองค์กรอิสระจึงต้องเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย "แม้การเขียนรัฐธรรมนูญจะต้องคำนึงถึงมรดกที่ตกทอดมา แต่ก็ต้องรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาด้วย เรื่องอำนาจอธิปไตย 3 ทาง ถูกเสนอมา 200 กว่าปีแล้ว วันนี้เมื่อสภาไว้ใจไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มอำนาจองค์กรอิสระ ให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของการเมืองการปกครองโลก"นายนครินทร์ กล่าว ทั้งนี้ในตอนท้ายของการประชุม น.ต.ประสงค์ จึงกำชับให้คณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ แยกย้ายกันนำแนวทางหลักที่ได้ข้อสรุปร่วมกันไปพิจารณา แล้วนำกลับมาเสนอต่อที่ กมธ.ชุดใหญ่ในการประชุมครั้งต่อไปในวันพุธที่ 31 มกราคม เวลา 09.30 น. "ขอฝากเอาไว้ว่า อย่าให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยุ่งกว่าเก่า เพราะของเก่าก็ยุ่งอยู่แล้ว และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือเขียนแล้วชาวบ้านอ่านไม่เข้าใจ อยากให้ครั้งนี้เขียนให้เข้าใจง่าย" น.ต.ประสงค์ กล่าว ขณะที่ นายวิชา มหาคุณ รองประธาน กมธ. เผยว่า อยากให้ยกเลิกข้อบังคับให้ ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่บังคับเรื่องดังกล่าว ส่วนที่มาของ ส.ว.นั้น ขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่ต้องการให้ ส.ว.ทำ แต่ไม่ควรให้อำนาจมากในการถอดถอนตรวจสอบรัฐบาล และคัดเลือกองค์กรอิสระ โดยให้เป็นอำนาจของ ส.ส.หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองแทน http://www.naewna.com/news.asp?ID=45900 ดูกรอบเคร่าๆแล้ว รธน 2550 น่าจะดี หัวข้อ: Re: กมธ.คลอดกรอบรัฐธรรมนูญใหม่ ปลดแอกส.ส.พ้นพรรคการเมือง เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 31-01-2007, 15:12 :slime_smile: :slime_smile:---เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน และน่าชื่นชมนะคะ--สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันพระปกเกล้า เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ส่งแบบสำรวจไปสู่ประชาชนและอดีตผู้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองย้อนหลัง 5 ปี จำนวน 30,000 ชุด พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.lawamendment.go.th เพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และส่งมอบให้สภาร่างรัฐธรรมนูญภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ไอซีทีเปิดเว็บ www.lawamendment.go.th รับความเห็นร่าง รธน. โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 มกราคม 2550 15:01 น. สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันพระปกเกล้า เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ส่งแบบสำรวจไปสู่ประชาชนและอดีตผู้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองย้อนหลัง 5 ปี จำนวน 30,000 ชุด พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.lawamendment.go.th เพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และส่งมอบให้สภาร่างรัฐธรรมนูญภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวหลังเป็นประธานการลงนาม ว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความสำคัญกับช่องทางดังกล่าว เพราะถือเป็นความเห็นของประชาชนโดยแท้จริง ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติยังมีบทบาทเป็น 1 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและการทำประชามติของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น พร้อมทั้งเชิญชวนคนไทยเข้ามาแสดงความเห็นและความต้องการที่มีต่อรัฐธรรมนูญผ่านเว็บไซต์ที่เปิดขึ้น |