ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

25 มกราคม 2550 18:36 น.
สุวรรณภูมิซ่อมรันเวย์-แท็กซี่เวย์ ส่งผลเที่ยวบินล่าช้าในช่วงเย็นวันนี้ เนื่องจากปริมาณเครื่องบินขึ้นลงหนาแน่น การบินไทยต้องขอลงจอดอู่ตะเภา หลังบินวนจนน้ำมันไม่พอ 'ธีระ-สพรั่ง'ตรวจพบแทกซี่เวย์กระทบหลุมจอดเครื่องบิน 11 หลุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเย็นวันนี้ (25 ม.ค.) ได้เกิดปัญหาเที่ยวบินจำนวนมากลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องล่าช้ากว่าตารางบินที่แจ้งไว้กับผู้โดยสาร และต้องบินวนเพื่อรออนุญาตให้ลงจอดนั้น จากการตรวจสอบสาเหตุพบว่าเกิดจากกรณีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปิดซ่อมลู่วิ่งและทางขับ หรือรันเวย์ และแท็กซี่เวย์ ทางด้านทิศตะวันตกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิบางจุด ส่งผลให้ต้องมีการร่นระยะรันเวย์ให้สั้นลง ทำให้เครื่องบินขนาดเล็กเท่านั้นที่สามารถลงจอดในรันเวย์ด้านทิศตะวันตกได้ และต้องนำเครื่องบินขนาดใหญ่ทั้งหมดไปลงจอดทางรันเวย์ด้านทิศตะวันออก ส่งผลทำให้เกิดเที่ยวบินกระจุกตัว ไม่สามารถลงจอดได้พร้อมกัน

รายงานจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เที่ยวบินของการบินไทย 2 เที่ยวบิน ซึ่งออกเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ และจากฮ่องกง ต้องบินวนเพื่อรออนุญาตให้ลงจอด และทำให้ปริมาณน้ำมันเหลือไม่เพียงพอต้องนำเครื่องบินไปลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภาก่อนบินกลับมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้ง ซึ่งปัญหาเครื่องบินลงจอดได้ไม่สะดวกนี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปิดซ่อมแท็กซี่เวย์และรันเวย์ในช่วงเย็นที่มีปริมาณจราจรทางอากาศสูง

ด้านพล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และคณะลงตรวจพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากมีรอยร้าวทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์) โดยพบว่าแท็กซี่เวย์ เกิดการยุบตัว กีดขวางทางเลี้ยวไปหลุมจอด 11 หลุม จึงปิดการใช้งาน และยังมีสะพานเทียบเครื่องบินเสียหายอีก 1 งวง ซึ่งกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร เพราะสายการบินต้องอ้อมไปจอดไกล และทำให้มีสะพานเทียบเครื่องบินใช้งานได้เพียง 40 แห่ง จากทั้งหมด 51 แห่งภายหลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสาเหตุภายใน 2 สัปดาห์ โดยจะขุดเจาะลึกถึงพื้นทราย เพื่อหาสาเหตุโดยเร็ว

"ยอมรับว่ามีบางสายการบินกังวลด้านความปลอดภัย ไม่กล้าเข้ามาใช้หลุมจอดที่มีการยุบตัว แม้บางหลุมจะมีการซ่อมและสามารถใช้งานได้ชั่วคราวประมาณ 1 เดือน แต่คงไม่ต้องย้ายกลับไปใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง"พล.ร.อ.ธีระ กล่าว ในการเข้าตรวจพื้นที่อาคารผู้โดยสาร พบว่า ตู้ควบคุมไฟฟ้าและแสงสว่างภายในอาคาร 12 จุด ติดตั้งไม่เหมาะสม โดยออกแบบให้ตั้งอยู่บนหลังคา ซึ่งมีความร้อนสูง ทั้งที่ทนความร้อนได้เพียง 40 องศา แต่ปัจจุบันอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส แล้วจึงค่อนข้างอันตราย ขณะเดียวกันมีปัญหาเข้า-ออก เพื่อเข้าไปซ่อมแซมอุปกรณ์ดังกล่าว เพราะไม่มีการเปิดช่องทางที่สะดวกไว้สำหรับซ่อม แนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า ต้องทำทางเข้าด้วยการเปิดหลังคาอาคารผู้โดยสาร เพราะที่ผ่านมาอุปกรณ์ควบคุมไฟค่อนข้างเสียบ่อย ขณะเดียวกันต้องทำระบบปรับอากาศระบายความร้อน และยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เคยต่อรองที่จะเปลี่ยนจุดตั้งอุปกรณ์แล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะได้มีการออกแบบสมบูรณ์แล้ว


http://www.bangkokbiznews.com/viewNews.jsp?newsid=150695
***********
 :slime_hmm:  :slime_worship:  :slime_hmm:

วันนี้ฟังรายการ คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย กับคุณวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา เห็นบอกว่า เฉพาะค่าซ่อมพื้นผิวชำรุดเหล่านี้ ประเมินว่า 1,500,000,000 บาท

เดาแบบไม่รู้เรื่อง ถ้ามัวมาซ่อมกะจุ๊กกะจิ๊ก ซ่อมทุกเดือน ซ่อมไปเรื่อยๆ ไปๆมาๆ จะเป็นเงินเท่าไร

เปิดใช้สี่เดือนสภาพผิวรันเวย์แท็กซี่เวย์แย่กว่าสนามบินอายุหลายสิบปีที่คาบุลอีกครับ
ประเทศอย่างอัฟกานิสถาน เงินจะซ่อมบำรุงก็ไม่มี เครื่องบินยังไม่ต้องวิ่งหลบแอ่งหลบรอยร้าวแบบนี้เลย


เชื่อว่าจะมีความเสียหายตามมาอีกมากครับ ในความเห็นส่วนตัวของผมคือคุณภาพของรันเวย์กับแท็กซี่เวย์ไม่ได้ตามสเป็ค แต่จะเกิดจากความผิดพลาดในการออกแบบหรือก่อสร้าง ก็ต้องไปตามล่าหาความจริงกันเอาเอง ตอนนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ซ้อมโยนขี้กันไปมาเล่นๆไปก่อนแล้วกัน   :mrgreen: :lol: :mrgreen:

มีรายงานข่าวการสำรวจความเสียหายส่วนหนึ่ง น่าสนใจในความเป็นมา จึงนำมาเล่าให้ฟังไว้ที่ตรงนี้

การชำรุดเสียหายอขงพื้นผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์นั้น มีสาเหตุมาได้จากหลายอย่าง ส่วนหนึ่งคาดกันว่ามาจากการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเริ่มมาจากขั้นตอนการ ออกแบบ ถมทราย ไปจนถึงจัดสร้าง ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วนั้น แต่มีข้อสังเกตุอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งวิศวกรที่ทำการสำรวจ ให้ความสงสัยเอาไว้

การดูแลรักษาสนามบินนั้น มีงานที่ต้องทำประจำอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือการรักษาระดับน้ำใต้ดิน มิให้สูงจนเกินกำหนด สนามบินสุวรรณภูมินั้น มีระบบดูแลในเรื่องนี้ มีบ่อสำหรับเป็นที่ทางให้น้ำใต้ดินไหลมารวมกัน และทำการสูบออก มีคลองหรือพื้นที่ลุ่มรอบสนาม เพื่อควบคุมมิให้ระดับน้ำในดิน เอ่อจนดันขึ้นมาถึงชั้นต่างๆของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ เพื่อเป็นการรักษาความชื้นในดินให้ถูกต้องตามการออกแบบ

แต่การปรากฎชัดว่า เคยมีการปล่อยให้ระดับน้ำในระบบป้องกันนี้ สูงเกินกำหนดเป็นระยะเวลานาน  หากเกิดภาวะการณ์เช่นนี้ ถึงสนามบินจะจัดสร้างถูกต้องในทุกขั้นตอน มันก็วิบัติได้ เช่นเดียวกับถนนที่ถูกน้ำท่วม เมื่อน้ำซึมเข้าไปในชั้นแอสฟัสต์ ก็จะเกิดปฎิกริยาทางไฟฟ้าสถิตย์และเคมี ทำให้แอสฟัสต์หลุดร่อนเสียหาย

คำถามก็คือ ทำไมถึงมีการปล่อยให้ระดับน้ำที่ว่า สูงเกินพิกัดความปลอดภัย ใครเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ และเลินเล่อหรือว่าจงใจในการกระทำเช่นนั้น

อีกไม่นาน คำตอบของความวิบัติแห่งสนามบินนี้จะปรากฎ หากมันชี้ออกไปในทิศทางที่ว่า มีความจงใจจะทำให้สนามบินนี้พินาศ ก็จะยิ่งน่าตกใจเสียยิ่งกว่าเกิดจากการคอรัปชั่น หรือเป็นทั้งสองกรณีนี้ผสมกัน ก่อการร้ายให้สนามบินที่โกงกินไว้พัวพินาศ เพื่อผลหลายอย่างทั้งทางการเมืองและกลบเกลือนความผิด ทำลายหลักฐายความผิดของตน

ใครกันหนอ ที่อยากให้สุวรรณภูมิพังพินาศจนใช้การไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น ผลประโยชน์จะตกอยู่กับใคร

 :slime_doubt: