หัวข้อ: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 09:10 :) :) :) :)------ขอชวนคุย แค่คิดเล่นๆนะคะ---ไม่ถึงขั้นจริงจังอะไรหรอกนะ------
--- ถ้าถามเด็กประถมหกว่า---ทำไมไม่สนใจเรื่องทำการบ้านล่ะ แกก็จะตอบว่า--- ก็ชอบการเล่นเกมมากกว่าการเรียนนี่นา --- ถ้าถามเด็กมัธยมปีที่หนึ่งว่า---- ทำไมสามารถแฮค เวบของโรงเรียนได้ล่ะ ---แกก็จะตอบว่า--- ก็อ่านหนังสือแฮกเกอร์ แล้วอยากลองวิชานี่นา------ --- ถ้าถามเด็กมัธยมปีที่สามว่า---- ทำไมถึงแอบมีความสัมพันธ์ถึงขั้นร่วมเพศกันในห้องเรียน ตอนหลังเลิกเรียนล่ะ -- แกก็จะตอบว่า--- ก็มีคลิบวีดีโอ มีเวบโป๊ การ์ตูนโป๊ ให้ดูเกลื่อนกลาดอยากทำตาม อยากเลียนแบบนี่นา --- ถ้าถามพ่อแม่ในยุคนี้ว่า--- ทำไมไม่อบรมสั่งสอนหรือพูดคุยเล่นกะลูกบ้างล่ะ --- เค้าก็จะตอบว่า--- ไม่มีเวลา เพราะต้องเอาเวลาไปทำมาหากิน --- ถ้าถามครูในยุคปัจจุบันนี้ว่า-- ทำไมไม่ตั้งใจอบรมสั่งสอนให้เด็กเป็นคนดีล่ะ --- ครูก็จะตอบว่า--- พ่อแม่เค้ายังไม่สนใจลูกเค้าเลย ทิศทางการศึกษาคืออะไรก็ไม่รู้ ทำผลงานดีกว่า---- --- ถ้าถามคนในสังคมในยุคปัจจุบันนี้ว่า--- ทำไมบ้านเมือง สังคมมันเสื่อมอย่างนี้ล่ะ--- เค้าก็จะตอบว่า--- ก็สื่อมันยั่วยุ นักการเมืองมันสกปรกเห็นแก่ผลประโยชน์ นี่นา--- --- ถ้าถามนักการเมืองในยุคปัจจุบันนี้ว่า--- ทำไมการเมืองสมัยนี้มันถึงสับสนวุ่นวายแบบนี้--- เค้าก็จะตอบว่า--- ก็การเลือกตั้งไม่โปร่งใสนี่นา มีการซื้อเสียง ประชาชนไม่รู้จักเลือกคนดีเข้าสภา --- ถ้าถามคุณล่ะคะว่า----- ระหว่าง ทุนนิยม กับสุขนิยม ใครล่ะที่เป็นคนทำร้ายสังคมมากกว่ากัน ---พอจะตอบได้ไหม หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 20-11-2006, 09:17 --- ถ้าถามคุณรวงข้าวล้อลมว่า--- ทำไมไม่ไปตั้งคำถามนี้ที่ห้อง
แซวนิดเถอะนะ อย่าเครียด :slime_smile: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 20-11-2006, 09:20 ไม่เกี่ยวกับ ทุน ไม่เกี่ยวกับ สังคม
คนมันเยอะ มันจะมีการแตกประเภทคนเยอะขึ้น และจะถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ ว่าแบบไหนมันจะสืบเผ่าพันธุ์ ต่อได้ในอนาคต สิ่งที่เราคิดว่าดี อาจเป็นสิ่งที่ไม่รอด :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 09:22 --- ถ้าถามคุณรวงข้าวล้อลมว่า--- ทำไมไม่ไปตั้งคำถามนี้ที่ห้อง แซวนิดเถอะนะ อย่าเครียด :slime_smile: :slime_smile: :slime_smile: ----ขอตอบแบบ ไม่เครียดเช่นกันจ๊ะ ว่าเป็นแน่นอน---- และอยากตั้งคำถามที่ห้องนี้ เพื่อให้ห้องการเมืองเป็นห้องที่ควรบูรณาการกับสังคมจ๊ะ---- ---สังคมและการเมือง ควรยืนเคียงข้างกันอย่างคนรักกันจ๊ะ ไม่งั้นแล้วมันจะหนาววววววว----จ๊ะ คุณ คนในวงการ คุณว่า จริงมั๊ยล่ะ หรือคุณคาใจเรื่องไร ถามได้นะจ๊ะ----[/color] :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 09:31 ไม่เกี่ยวกับ ทุน ไม่เกี่ยวกับ สังคม คนมันเยอะ มันจะมีการแตกประเภทคนเยอะขึ้น และจะถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ ว่าแบบไหนมันจะสืบเผ่าพันธุ์ ต่อได้ในอนาคต สิ่งที่เราคิดว่าดี อาจเป็นสิ่งที่ไม่รอด :slime_bigsmile: คนมันเยอะ มันจะมีการแตกประเภทคนเยอะขึ้น และจะถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ ว่าแบบไหนมันจะสืบเผ่าพันธุ์ ต่อได้ในอนาคต สิ่งที่เราคิดว่าดี อาจเป็นสิ่งที่ไม่รอด 33333333333333333333333333333333333 :slime_doubt: :slime_doubt: ---คาใจข้อความข้างบนนะคะ--- หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 20-11-2006, 09:55 ่กฎธรรมชาติ คือ กลุ่มที่มีลูกรอดตายมาอยู่เต็มบ้านหลานเต็มเมือง นั่นคือกลุ่มที่เป็นใหญ่ครับ
ตอนนี้คนมันเยอะ กฎอะไรก็สู้กฎธรรมชาติไม่ได้ครับ ดีร้ายอีก 50 ปี จะเหลือแต่เกย์ กับผู้หญิง หรือไม่ก็เสี่ยๆ ที่นกเขาไม่ขัน ถัดไปอีก 50 ปี มนุษย์จะเหลืออยู่จิ๊ดเดียวก็ได้ หัวข้อ: Re: ๕๕๕๕ ไหงเป็นงี้ล่ะ งงหน่ะ---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 10:26 http://forum.serithai.net/index.php?topic=10002.msg141008;topicseen#msg141008
http://forum.serithai.net/index.php?topic=10001.msg140998;topicseen#msg140998 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- :slime_doubt: :slime_doubt: :slime_sentimental: :slime_sentimental: ----เกิดอะไรขึ้นคะ-----กลางวันแสกๆๆๆๆๆ ----หัวกระทู้เหมือนกันแต่เนื้อกระทู้ต่างกัน ใครรู้ ช่วยเฉลยหน่อยจ๊ะ :slime_sentimental: :slime_v: :slime_v: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 11:52 - :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy:----เอามาให้อ่านกันเล่นๆๆค่ะ-----ประกอบกระทุ้จ๊ะ --------------------------------------------------------------------- ใต้กระแส : ชีวิตสาธารณะกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น 18 พฤศจิกายน 2549 00:00 น. อรรถจักรสัตยานุรักษ์ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา(LDI) และเครือข่ายพันธมิตรได้จัดการสัมมนาเวทีวิชาการประชาสังคมเรื่อง "ทำการเมืองภาคพลเมืองในท้องถิ่นไทย: ความท้าทายของยุคสมัย" และได้ให้โอกาสแก่ผมไปร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ผมจึงขออนุญาตนำเอาประเด็นร่วมของสิ่งที่คิดไว้นี้มาสู่สาธารณะครับ หากเราตั้งคำถามว่าอะไรคือปัญหาทางสังคมที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยมากที่สุดสิ่งที่พบเห็นได้อย่างเด่นชัด ก็คือ ปัญหาอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผู้คนจำนวนมาก แต่ผู้คนเหล่านั้นกลับนิ่งดูดาย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ หรือมีส่วนในการแก้ไขปัญหาแต่ประการใด ลองนึกถึงข่าววัยรุ่นลากเด็กนักเรียนลงจากรถเมล์เพื่อไปข่มขืนต่อหน้าต่อตาคนในรถเมล์หลายสิบคนหรือการละเมิดต่อทรัพย์สินส่วนรวมหรือส่วนตัวที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาคนทั่วไป แต่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่กล้าลุกขึ้นยืนประกาศต่อต้านการกระทำนั้นๆ ตัวอย่างในท้องถิ่นที่พบเห็นอยู่ทุกวันได้แก่การทิ้งขยะในที่สาธารณะทั่วไป การที่สังคมไทยไม่มีคนกล้าลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อแก้ไขสิ่งที่ขัดหูขัดตาทั้งๆ ที่มัน "ไม่ถูกต้อง" ไม่ใช่เพราะคนไทยขี้ขลาดหรือคนชาติอื่นกล้าหาญมากกว่าคนไทยหรอกครับ หากแต่เป็นเพราะสังคมไทยไม่มี (หรือถูกทำให้ไม่มี) "ชีวิตสาธารณะ" นั่นเอง "ชีวิตสาธารณะ" คือความสำนึกว่าเราในฐานะคนๆ หนึ่งนั้น มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่กับชุมชนหรือ "พื้นที่ส่วนรวม" หนึ่งๆจนถึงระดับที่เราจะไม่สามารถทนอยู่ได้ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร เกิดขึ้นแก่ชุมชน หรือแก่สมาชิกในชุมชน ในพื้นที่ส่วนรวมนั้นๆ ความสำนึกใน"ชีวิตสาธารณะ" เกิดขึ้นในเงื่อนไขความสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจเสมอ ในอดีตก่อนที่จะมีการขยายตัวของการผลิตเพื่อขาย คนที่ดำรงชีวิตอยู่ในชุมชนหนึ่งๆ ได้ร่วมกันถักสานความสัมพันธ์ทางสังคมขึ้นมา เพื่อดูแลชีวิตของผู้คนและสมบัติร่วมกันของชุมชน การดูแลซึ่งกันและกันและการร่วมกันดูแลสมบัติร่วมของชุมชนต่างๆอาจจะไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อห้ามที่ตายตัว แต่การดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องยาวนาน ทำให้เกิดความสำนึกร่วมกันว่า การกระทำของคนๆ หนึ่ง ย่อมมีผลกระทบไปถึงคนอื่นๆ หรือต่อส่วนรวม และตระหนักว่าการกระทำบางอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ความสำนึกร่วมเช่นนี้มีพลังเพียงพอต่อการยับยั้งการกระทำที่จะเป็นผลเสียต่อส่วนรวม การพัฒนาประเทศที่ผ่านมาได้ทำลาย "ชีวิตสาธารณะ" ไปจนเกือบจะหมดสิ้น เครือข่ายการแลกเปลี่ยนหรือเครือข่ายตลาดในระหว่างชุมชนและท้องถิ่นได้ถูกทำให้สิ้นพลัง เพราะตลาดทั้งหลายในชุมชนและท้องถิ่นได้ถูกทำให้ขึ้นตรงต่อตลาดกลางในกรุงเทพฯ พี่น้องประมงพื้นบ้านและพี่น้องชาวนาในเขตปลูกข้าวที่ครั้งหนึ่งเคยแลกเปลี่ยนสิ่งของ และมีวัฒนธรรมร่วมกันจนเกิดเป็นพื้นที่สาธารณะกว้างขวาง ครอบคลุมมิติที่หลากหลายของชีวิต กลับต้องส่งสินค้าที่ตนหาได้ในท้องถิ่นเข้าสู่ตลาด และไม่อาจจะรักษาสายสัมพันธ์ที่มีมาแต่เดิมให้ดำรงอยู่ต่อเนื่องไปได้ การ"ผูกเสี่ยว"ของพี่น้องอีสานก็ได้ถูกการเพาะปลูกพืชเงินสดทำลายจนย่อยยับ ชาวนารวยในภาคอีสานหรือภาคเหนือตกอยู่ในฐานะของ "ผู้จัดการนา" ที่ใช้เงินเป็นกุญแจหลักในการว่าจ้างคนมาทำนาเท่านั้น ส่วนชาวนาจนก็กลายเป็นลูกจ้างรายวันในท้องไร่ท้องนา ในเขตเมืองนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันเพราะประสบการณ์ความเป็นเมืองเป็นประสบการณ์ใหม่ของสังคมไทย การพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยการขยายตัวของภาคการผลิตสมัยใหม่ไปในทุกพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของการไหลเวียนของสินค้า ได้ทำให้ทุกพื้นที่ในเขตเมืองไม่เหลือความสัมพันธ์ทางสังคมใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ กิจกรรมร่วมกันของเมืองที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นบนจุดประสงค์ของการทำให้เป็นสินค้าทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมของชุมชนท้องถิ่นที่ถูกนำมาเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมของเขตเมืองหรือสินค้าประจำจังหวัด จึงไม่น่าแปลกใจที่พิธีกรรมสำคัญๆของชุมชนท้องถิ่น เช่น งานลอยกระทง งานสงกรานต์ ถูกหน่วยราชการและกลุ่มธุรกิจดึงมาจัดแบบรวมศูนย์ เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ในเขตจังหวัดของตน และโฆษณาเพื่อขายแก่ตลาดนักท่องเที่ยว โดยไม่มี "ชีวิตสาธารณะ" ของคนในชุมชนหรือท้องถิ่นเหลืออยู่ในพิธีกรรมเหล่านั้นอีกต่อไป จนท้ายที่สุดแล้วงานลอยกระทงก็กลายเป็นการลอยกระทงและโคมลอยส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับชุมชนและท้องถิ่น และเริ่มกลายเป็นงานสงครามประทัดและดอกไม้ไฟ ส่วนงานสงกรานต์ก็เป็นเพียงการทำสงครามน้ำกันเพื่อความสะใจส่วนตัวเท่านั้นมิพักต้องพูดถึงงานผีตาโขน งานดอกฝ้ายบาน ฯลฯ ที่มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าสังคมไทยควรจะท้อถอย เพราะทุกอย่างก็พังพินาศไปหมดสิ้นแล้ว เราย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า คนทุกกลุ่มทุกสังคมย่อมต้องการพลังจาก "ชีวิตสาธารณะ" และต้องการ "อัตลักษณ์ท้องถิ่น" อยู่ ไม่มีสังคมใดที่จะมั่นคงได้โดยมีแต่หน่วยปัจเจกชนดำรงอยู่โดยปราศจากสายสัมพันธ์ทางสังคม เพียงแต่มีความจำเป็นที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนความหมายของ "ชีวิตสาธารณะ" และ "อัตลักษณ์ท้องถิ่น" ให้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์และถักทอสายสัมพันธ์ทางสังคมขึ้นมาใหม่ อันจะทำให้เราทั้งหลายมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายในโลกปัจจุบัน และสามารถที่จะใช้พลังที่เกิดขึ้นนี้ ในการแก้ปัญหาของสังคมที่ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น การเลือกใช้"ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น" เป็นสายใยร้อยรัดผู้คนให้มีโอกาสหวนกลับมานั่งนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของตนเอง ตลอดจนโคตรเหง้าเหล่ากอที่เป็นบรรพบุรุษของตนเอง ว่าเคยดำรงชีวิตอยู่อย่างสัมพันธ์กับ "ชีวิตสาธารณะ" อย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง การรื้อฟื้น"ชีวิตสาธารณะ" และสร้างอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่นทำได้ด้วยการรื้อฟื้นความทรงจำร่วมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อบอกแก่คนทุกคนในชุมชนท้องถิ่นว่า ทุกคนมีอดีตร่วมกัน ซึ่งหมายถึงมีปัจจุบันและอนาคตร่วมกันด้วย และด้วยพลังของคนทุกคนเท่านั้นที่จะสร้าง "ความทรงจำร่วม" เกี่ยวกับอดีต และสร้างปัจจุบันกับอนาคตที่ดีกว่าร่วมกันได้ ด้วยสำนึกผูกพันกับท้องถิ่นหรือ "ชีวิตสาธารณะ" เช่นนี้ ก็จะไม่มีใครอีกแล้ว ที่นิ่งเฉยต่อสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทุกคนจะแสดงตนออกมาปฏิเสธ "ความไม่ถูกต้อง" ที่จะเกิดแก่บ้านของตน และนับวันกระบวนการสร้างความซับซ้อนของชีวิตสาธารณะก็จะดำเนินไปอย่างเข้มข้นขึ้น http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_124616.jsp หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 16:19 การที่สังคมไทยไม่มีคนกล้าลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อแก้ไขสิ่งที่ขัดหูขัดตาทั้งๆ ที่มัน "ไม่ถูกต้อง" ไม่ใช่เพราะคนไทยขี้ขลาดหรือคนชาติอื่นกล้าหาญมากกว่าคนไทยหรอกครับ หากแต่เป็นเพราะสังคมไทยไม่มี (หรือถูกทำให้ไม่มี) "ชีวิตสาธารณะ" นั่นเอง
"ชีวิตสาธารณะ" คือความสำนึกว่าเราในฐานะคนๆ หนึ่งนั้น มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่กับชุมชนหรือ "พื้นที่ส่วนรวม" หนึ่งๆจนถึงระดับที่เราจะไม่สามารถทนอยู่ได้ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร เกิดขึ้นแก่ชุมชน หรือแก่สมาชิกในชุมชน ในพื้นที่ส่วนรวมนั้นๆ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จริงไม๊------- :slime_doubt: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 20-11-2006, 17:29 ประเทศนี้มันห่วยแตกครับ
"ตัวใครตัวมัน ไม่ใช่เรื่องของฉัน" นี้แหละสุดยอดแล้ว หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: No_Tuky ที่ 20-11-2006, 17:44 เรื่องที่ว่ามาไม่ต้องเป็นห่วงให้มากนัก สรรพสิ่งใดๆล้วนไม่จีรัง เปลี่ยนสภาวะไปตามกาลเวลา มีอยู่ที่แน่นอนเพียงสิ่งคือ การเิกิดและตายของมนุษย์
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อนักวิทยาศาสตร์ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของคว๊ากได้อย่างละเอียด เมื่อนั้นเทคโนโลยีอีก 1 ใน 2 สิ่งที่โลกเราที่ยังขาด คือ การเปลี่ยนพลังงานให้เป็นวัตถุและเปลี่ยนวัตถุกลับไปเป็นพลังงาน ก็จะพัฒนาได้สำเร็จ เมื่อวันนั้นมาถึง ระบบเงินตราจะหมดไป ความยากจนการแบ่งแยกของชาวโลกจะหมดไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง จะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของทั้งโลกครั้งใหญ่ ลักษณะการดำรงชีพอยู่อาศัยจะแปรเปลี่ยนไปหมด .... คุณจะอยู่ไดุ้ึถึงวันนั้นหรือไม่ โปรดติดตาม :slime_cool: :slime_cool: :slime_cool: หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 20-11-2006, 17:55 ประเทศนี้มันห่วยแตกครับ "ตัวใครตัวมัน ไม่ใช่เรื่องของฉัน" นี้แหละสุดยอดแล้ว ----- :slime_sentimental: :slime_sentimental: คิดว่า ที่ห่วย---ไม่ใช่ตัวประเทศหรอกค่ะ--- หัวข้อ: Re: ถามว่า----เรื่องนี้--ใครล่ะทีผิด---- เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 20-11-2006, 18:13 --- ถ้าถามคุณล่ะคะว่า----- ระหว่าง ทุนนิยม กับสุขนิยม ใครล่ะที่เป็นคนทำร้ายสังคมมากกว่ากัน ---พอจะตอบได้ไหม ขอตอบว่า ปัญหาข้างบนไม่ได้เกี่ยวกับ ทุนนิยม กับสุขนิยม ซักหน่อย แล้วสังคมก็ไม่ได้โดนทำร้ายด้วย สังคมไม่ใช่คนอ่อนแอนะ :slime_sentimental: |